จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 

ความสุขแห่งชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง

อุมา รุจีระเรืองไล


ฉันเป็นคนสุโขทัย พ่อเป็นคนจีนมาเมืองไทยแบบเสื่อผืนหมอนใบอย่างเขาพูดกัน แม่ของฉันเป็นชาวบ้านลูกพ่อขุนรามฯ จังหวัดสุโขทัยขนานแท้ แม่เป็นคนซื่อ อ่อนโยน เรียบร้อย ตั้งแต่เล็กจนโตจนตายจากกันฉันไม่คยถูกแม่ดุหรือตีเลยสักครั้ง ส่วนพ่อเป็นคนดุแต่ใจดีมาก และเป็นคนเก่งมากในความรู้สึกของฉัน

พ่อเล่าว่าตอนที่อยู่เมืองจีน พ่อเป็นลูกคนจน อยากเรียนหนังสือ แต่ไม่มีเงินซื้อหนังสือ ต้องไปเก็บกระดานดำและดินสอหินที่แตก ๆ ของลูกเศรษฐีเขาทิ้ง ไปใช้เรียนกับเขา เรียน ๆ ไปครูบอกให้เลื่อนชั้นไปเรียนชั้นนั้น ชั้นโน้น ยังไม่ถึงปี ครูบอกจบแล้ว ไม่มีอะไรจะสอน และสิ่งที่ยืนยันได้คือสมุดวาดเขียนของพ่อ ได้คะแนน 95-100 เต็มร้อยตลอดเล่ม

พ่อเป็นสารพัดช่าง ช่างไม้ ช่างปูน ช่างไฟฟ้า ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างวาดเขียน แถมยังเป็นช่างทำดอกไม้ประดิษฐ์อีกด้วย ฉันได้จากท่านมาอย่างเดียวคือช่างตัดเย็บ ความสามารถทั้งหมดนี้ท่านพยายามเรียนรู้ประเภทครูพักลักจำ เรียนรู้ด้วยตัวเอง พูดภาษาไทยได้ดีมาก นอกจากนี้พ่อเป็นผู้ชายที่น่าชื่นชมที่สุด จะหาผู้ชายสมัยนี้เสมอเหมือนนั้นหายากเต็มทน เพราะพ่อรักลูกรักเมียมาก แม่ฉันเป็นหญิงไทยแท้ที่ถูกเลี้ยงมาในกรอบและเป็นผู้ตามที่ดี

เพราะฉะนั้นแม่ฉันจึงไม่เคยเก็บเงินเลย ไม่เคยซื้อหรือใช้จ่ายอะไรตามใจตัวเองเลย ส่วนพ่อก็เป็นผู้นำขนานแท้ เก็บเงินเองใช้จ่ายเองทุกอย่าง แม้เงินจะอยู่ในมือพ่อ แต่พ่อก็ไม่เคยเอาเงินไปใช้ในเรื่องเหลวไหลอย่างที่ผู้ชายคนอื่น ๆ เขาทำกัน ถ้าอยากจะกินอะไรพ่อก็ไม่เคยไปนั่งกินคนเดียว พ่อต้องหอบหิ้วมากินกับเมียและลูกทุกครั้ง

ฉันเป็นคนมีความรู้น้อย ถ้าเทียบกับเด็กปัจจุบันนี้ คงจะประมาณ ป.6 เพราะบ้านฉันอยู่ในตำบล ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 ก.ม. จะเข้าตัวเมืองทีก็ต้องพึ่งรถสองแถว สมัยนั้นรถก็ไม่ค่อยมี มีเช้าไปเย็นกลับเท่านั้น เมื่อฉันเรียนจบ ป.4 ประชาบาลที่บ้าน พ่อให้ไปเรียนต่อในเมือง ไปพักอยู่ที่บ้านอาซึ่งมีลูกถึง 11 คน อาฉันเป็นคนใจดีมาก รักฉันเหมือนลูกของตัวเอง แต่ความที่มีเด็กมากถึง 12 คน ฉันจึงรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน อยากกลับไปอยู่บ้าน เพราะอยู่ที่บ้าน ฉันเป็นหนึ่งเสมอ เพราะพ่อแม่มีฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น

ด้วยความคิดถึงบ้าน ฉันเลยไม่กลับไปเรียนต่อ พ่อถามว่าไม่เรียนแล้วหรือ ถ้าไม่เรียนอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ได้ จะต้องทำงาน ฉันก็รับปากพ่อ

นับแต่นั้นมา ฉันก็เริ่มหัดทำงานบ้านทุกอย่างที่แม่ทำ ถูบ้าน ซักรีดเสื้อผ้า หุงข้าว ตอนนั้นฉันอายุ 11 ปี พอฉันทำทุกอย่างเป็นและถูกใจแม่แล้ว ฉันก็รับผิดชอบงานทั้งหมด แม่ไม่ต้องทำงานบ้านอีกเลย

ต่อมาเมื่อฉันอายุ 14 ปี ฉันเย็บจักรได้คล่องแล้ว ก็ขออนุญาตไปเรียนตัดเย็บตามหลักสูตร แต่ต้องสัญญากับพ่อว่าเรียนมาแล้วต้องเปิดร้านหาเงินได้ สามเดือนต่อมา ฉันก็เรียนจบหลักสูตร กลับบ้านเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าตั้งแต่อายุ 14 ปีเต็ม หลังจากนั้นพออายุ 20 ปี พ่อก็มอบหมายธุรกิจค้าขายให้ฉัน ที่ร้านของฉันมีตั้งแต่ของกิน ของใช้ในครัวเรือน เสื้อผ้า เครื่องสำองค์ สินค้าเกี่ยวกับการเกษตร ก่อสร้าง จิปาถะ เรียกว่าเข้าไปแล้วถามหาอะไรมีหมดแทบทุกอย่าง ส่วนพ่อคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ และให้คำปรึกษาแนะนำ สอนฉันให้รู้จักทำการค้าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ฉันทำงานมีตารางเวลาเหมือนเรียนหนังสือที่ต้องมีตารางสอนทุกวัน ตื่นนอน 4.00 น. ลุกมาซักผ้า ถูบ้าน หุงข้าว 6.00 น. เปิดร้าน ชาวบ้านที่ออกไปทำไร่จะผ่านมาซื้อของทุกเช้าเย็น 9.00 น. คนเริ่มซาลงฉันก็เริ่มเย็บเสื้อผ้าต่อ 11.00 น. เข้าไปตั้งข้าวต้มให้พ่อกินมื้อกลางวัน ขณะเดียวกันก็ไปตักน้ำที่บ่อหลังบ้าน ข้าวสุกน้ำเต็มตุ่มพอดี อาบน้ำเสร็จก็มาเย็บผ้าต่อ 16.00 น. ชาวบ้านกลับจากไร่ ก็จะมาแวะซื้อของกลับบ้านกัน ช่วงเวลานั้น ที่ร้านจะขายดีมาก กว่าจะได้ปิดร้านก็ทุ่มสองทุ่ม ตอนนี้แหละที่เราจะได้กินข้าวแบบสบาย ๆ ด้วยกัน อาบน้ำเสร็จก็มาตัดเสื้อผ้าต่อ เตรียมไว้เย็บในเช้าวันพรุ่ง หลังจากนั้นก็เอาผ้าที่เย็บเสร็จเมื่อตอนกลางวันมาสอยติดกระดุม เรียบร้อยแล้วจึงจะได้พัก ที่บ้านตอนนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้แสงสว่างจากตะเกียงดวงเล็ก ๆ

เมื่อฉันอายุ 35 ปี แม่ป่วยหนักมาก พ่อก็ป่วยกระเสาะกระแสะ แต่พ่ออดทนน่าดู ตอนนั้นฉันมีทุกข์มาก แม่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันต้องกลับมาเอาของที่บ้าน ต้องฝากแม่กับพยาบาลซึ่งอยู่ห้องข้าง ๆ รีบไปรีบกลับ ลงรถสองแถวปากซอยก็แวะซื้ออาหารเตรียมไว้ให้พ่อ จัดของเสร็จก็ต้องวิ่งไปบอกเพื่อนบ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนช่วยดูแลพ่อ ชีวิตช่วงนั้นทุกข์กังวลแสนสาหัส

ในที่สุด แม่ฉันก็เสียชีวิต ตอนนั้นหัวใจฉันเหมือนล่มสลาย ตลอดเวลากลางวันฉันทำงานเหมือนผู้ชาย แต่พอกลางคืนหลังจากเสร็จจากการงานแล้ว ฉันก็กลายเป็นลูกแหง่ของแม่ ฉันนอนหนุนตักแม่ กอดกัน เล่นกันทุกวันจนตายจากกัน แม่เป็นทุกอย่างของฉัน เป็นแม่ที่แสนดี เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นความอบอุ่นของฉัน พอไม่มีแม่ มันถึงที่สุดจริง ๆ ความอยากได้ อยากมี มันหมดไปเลย

ความรู้สึกตอนนั้น เงินทองไม่มีความหมายอะไรเลย มีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่อาจซื้อชีวิตของแม่ได้ ต่อมา พ่อฉันก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ ต้องนอนในโรงพยาบาลบ่อยขึ้น ฉันต้องปิดร้านบ่อย ๆ เลยตัดสินใจหยุดกิจการทั้งหมดเพื่ออยู่ดูแลพ่อ

ฉันพอมีความรู้เกี่ยวกับการตัดเย็บอยู่แล้ว เวลาว่างก็รับเย็บผ้าม่านบ้าง พ่อถามว่า ไหนว่าจะหยุดไม่ทำแล้ว กลับหางานมาทำอีก ฉันก็บอกว่าอยู่เฉย ๆ ไม่เป็น เพราะพ่อไม่เคยสอนให้รักสบาย ตลอดเวลาพ่อสอนแต่ให้ทำงานจนหายใจเข้าออกเป็นงาน ฉันจึงถามพ่อว่า ไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงฉันแบบตามใจแบบไข่ในหินเหมือนคนอื่นที่เขามีลูกสาวคนเดียว พ่อสอนให้ลำบากมาตลอดเพราะอะไร

พ่อบอกว่า เป็นเพราะพ่อมีฉันคนเดียว จึงต้องสอนให้เข้มแข็งอดทนอย่างนี้ พี่น้องไม่มี ให้แต่งงานก็ไม่แต่ง ถ้าไม่มีพ่อแม่แล้ว ก็ต้องช่วยตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องเก่ง ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ฉันเป็นลูกสาวพ่อ ต้องเข้มแข็งอดทน ต่อสู้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นทุกอย่างด้วยตัวเอง อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ พ่อสอนเสมอว่า ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร ต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ต้องเป็นคนรักษาสัจจะ ต้องตรงต่อเวลา ข้อสำคัญคือ ต้องมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณทุกคน และเพราะคำสั่งสอนของพ่อนี่เอง ทำให้ฉันมีชีวิตยืนหยัดมาได้จนทุกวันนี้ แม้ธุรกิจของฉันจะล้มมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ฉันก็ลุกขึ้นสู้และไม่เคยท้อแท้ต่ออุปสรรคเลย

วันนี้ ฉันรู้สึกโชคดีที่ยังมีเรี่ยวแรงและกำลังใจในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการขายเครื่องประดับเพชรพลอย เครื่องประดับทองของสุโขทัย เครื่องประดับเงิน ผ้าไหม เสื้อผ้าสิ่งทอพื้นเมือง ซึ่งฉันนำไปเสนอขายให้ลูกค้าถึงที่ หรือไม่ก็เปิดบู๊ธออกร้านตามงานต่าง ๆ อีกทั้งยังมีกิจการรับตัดเย็บติดตั้งผ้าม่าน คงเป็นเพราะฉันถือปฏิบัติตามคำสอนของพ่อโดยแท้ ฉันจึงได้รับความเมตตาจากลูกค้าหลากหลายวัย หลากหลายอาชีพ ได้รับน้ำใจและความช่วยเหลือจากทุก ๆ คน

แม้จะต้องทำงานหนักมาชั่วชีวิต แต่ฉันกลับรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงานและยังทำงานได้อย่างเป็นสุขในทุกวันนี้.
……………………………..




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2548
1 comments
Last Update : 4 ตุลาคม 2548 11:02:52 น.
Counter : 652 Pageviews.

 

มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

โดย: ลูกตาลโตนดน้อย 11 กรกฎาคม 2551 11:52:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.