เพียงมีวาสนา ถึงสุดขอบฟ้าก็พานพบ หากไร้วาสนา แม้ไขว่คว้าก็คลาดคลา

Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 
12 มกราคม 2551
 
All Blogs
 

เวลาเป็นของมีค่า พระนิพนธ์ของพระพี่นางฯ สอนคนไทยมีสติ-อย่าปล่อยเวลาสูญเปล่า



"หากท่านไม่ปรารถนาจะทำลายชีวิตตนเอง ก็จงหาอะไรทำการที่จะเลือกสะสมงานอดิเรก ขึ้นอยู่รสนิยมของแต่ละคน ความพอใจ สร้างความงามเฉพาะตัว ตั้งแต่วัยเด็กถึงชรา โดยไม่ต้องมีพรสวรรค์ไม่ต้องใช้จ่ายมากนัก เหมือนงานอดิเรกบางชนิด เช่น เล่นของเก่า โดยไม่ลำบากหรือสร้างความลำบากให้กับผู้อื่น แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ความรักสิ่งที่ทำ รสนิยม และความอดทน"

ความตอนหนึ่งในบทส่งท้ายของเรื่อง"เวลาเป็นของมีค่า" พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ประทับอยู่ในใจของ รศ.กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์ อาจารย์ประจำสาขาวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (มศว) ทันทีที่หยิบยกพระนิพนธ์ขึ้นมาอ่านครั้งแรก ด้วยความซาบซึ้งที่พระองค์ฉายให้เห็น "ค่าของเวลา" ผ่านการรวบรวมพระจริยวัตรของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ด้วยการทำงานอดิเรก ประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ไม่ได้ใช้ไปกับการสะสมของที่มีราคาแพง

ซึ่งรศ.กุลวรา เห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับคนไทยสมัยนี้ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ไปเที่ยวเตร่ ไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีเพศสัมพันธ์ แล้วกลับบอกว่า "ไม่มีเวลา" พระนิพนธ์เรื่องนี้ทรงอธิบายความหมายของหน้าปกไว้ว่า "ถ้าท่านพิจดูรูปหน้าปกท่านจะเห็นได้ว่า แม่มองดอกไม้ ที่ถืออยู่อย่างลึกซึ้ง กว่ามองความงามภายนอกเท่านั้น ในสายตาจะมีคำถามว่า จะทำอย่างไรจึงจะรักษาความสวย ความงาม และธรรมชาติอของดอกไม้นี้ไว้ได้ นี่แหละเป็นที่เกิดของงานประดิษฐ์ต่างๆ ของแม่"

พระนิพนธ์ทรงเน้นที่งานอดิเรกของสมเด็จย่าที่มีทั้งงานปั้น วาด ปักผ้า และนำดอกไม้แห้งมาทำเป็นที่คั่นหนังสือ และพระราชทานแก่บุคคลต่างๆ เป็นของขวัญที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ทำให้ผู้รับมีความสุขขณะที่คนทำก็มีความสุขด้วย อย่างเช่น ทูลเกล้าฯ ถวายผ้าปักลายกระต่ายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นต้น นอกจากนี้ "นิทานสำหรับเด็ก" เป็นอีกเรื่องที่ รศ.กุลวรา ประทับใจเพราะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ เป็นหนังสือที่สามารถตอบสนองความต้องการของเด็กๆ ที่ชอบตั้งคำถามว่า "ทำไม" กับสิ่งต่างๆอยู่เสมอ หากผู้ปกครองได้อ่านแล้วนำมาเล่าให้ลูกหลานฟังตามสไตล์ตนเอง จะช่วยพ่อแม่ในการหาคำตอบต่อคำถามของเด็กได้มาก

อีกทั้ง สร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวด้วย เช่น "เรื่อง ช้างมีจมูกยาว" เมื่ออ่านพระนิพนธ์จะได้คำตอบว่าทำไมช้างถึงมีงวงยาวๆ เป็นต้น จากความประทับใจส่วนตัวนี้เอง รศ.กุลวรา ได้นำพระนิพนธ์ทั้ง 2 เรื่องมาใช้ในการสอนนักศึกษาและเล่าให้เด็กๆ ฟังเมื่อมีโอกาสไปเป็นวิทยากรในงานต่างๆ และได้รับความชื่นชอบเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านี้พระนิพนธ์เรื่องอื่นๆ อาทิ แม่เล่าให้ฟัง และเจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์ ก็ล้วนแต่เคยนำมาใช้ทั้งสิ้น กลายเป็นผลงานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

"พระนิพนธ์เหมาะอย่างยิ่งที่พ่อแม่และคุณครูจะนำมาใช้ในการสอนให้คนรุ่นใหม่ ได้ตระหนัก"เวลาเป็นของมีค่า"ให้มีสติอยู่เสมอเพราะหากจะย้อนเวลาก็ไม่สามารถทำได้ รวมถึง สอนคนที่หลงในวัตถุนิยมสะสมของแพง ให้รู้จักการประดิษฐ์สิ่งของด้วยมือของตนเองจะมีคุณค่าทางใจมากกว่าของที่มีราคาแพง ส่วนนิทานสำหรับเด็กเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะนำมาใช้ในการเล่านิทานให้เด็กฟังจะส่งเสริมให้เด็กฉลาดเป็นคนดี และรักการอ่าน ด้วยทรงแปลและใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย จัดเป็นหนังสือดีที่ควรอ่าน" รศ.กุลวรากล่าว

เช่นเดียวกับนายปรีดา ปัญญาจันทร์ นักเล่านิทานและนักวาดภาพประกอบนิทาน กล่าวว่า สมเด็จย่าและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเน้นเรื่องการอ่านเป็นอย่างมาก พระนิพนธ์เรื่อง นิทานสำหรับเด็ก จึงเป็นลักษณะของการอ่านเพื่อเน้นจินตนาการของเด็ก ที่สำคัญจะได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านนิทานพื้นบ้านของแต่ละประเทศที่ทรงแปลและเรียบเรียง ขณะที่เรื่อง "เวลาเป็นของมีค่า" เป็นการสอนให้ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ต้องหาอะไรทำ ซึ่งการอ่านเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

"พระนิพนธ์เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่จะปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน ด้วยว่าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในการรักการอ่าน เมื่อมีโอกาสหยิบยกพระนิพนธ์มาถ่ายทอดให้เด็กรู้ แล้วยกตัวอย่างผลของการรักการอ่านของทั้ง 2 พระองค์ให้เห็นว่าทรงสามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติได้มากมายเพียงใด จะกระตุ้นให้เด็กมุ่งมั่นเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการรักการอ่าน"
นายปรีดากล่าว

ด้านคุณแม่ลูกหนึ่ง ศิลา แสงธรรม มีลูกชายอายุ 4 ขวบ กล่าวว่า หากพ่อแม่ ผู้ปกครอง อยากให้ลูกหลานรักการอ่าน ขอเพียงสละเวลาก่อนนอนเพียงวันละ 5-10 นาที เล่านิทาน หรืออ่านหนังสือให้พวกเขาฟัง ซึ่งเธอได้ทดลองกับลูกชายของเธอแล้วปรากฏกว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตอนนี้ลูกชายเป็นเด็กรักการอ่านช่างซัก ช่างพูด เป็นที่ยิ่งแสดงให้เห็นว่า การปลูกฝังให้เด็กๆ รักการอ่าน เป็นกระบวนการที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งในการพัฒนาสมอง พัฒนาการทั้งร่างกายและจิตใจ และสติปัญญา อันเป็นรากฐานสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อยเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพที่ดีที่สุด ถ้าผู้ปกครองท่านใดสนใจหนังสือพระนิพนธ์และไม่ต้องการให้เวลาสูญหายไปโดยไม่มีค่าก็หาซื้ออาหารสมองได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป





 

Create Date : 12 มกราคม 2551
4 comments
Last Update : 12 มกราคม 2551 8:34:21 น.
Counter : 1361 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ นู๋ฝิ่น
มา up date ข้อมูลดีๆก่อนใคร
คิดถึงน้องสาว
พี่รัตน์จะมาชวนนู๋ฝิ่นไปดูเขาจัดงานวันเด็กใน KKU.ค่ะ

 

โดย: รัตตมณี (kulratt ) 12 มกราคม 2551 10:10:52 น.  

 

มารับฟังคำบอกเล่า

และเห็นด้วยกับการที่ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์

เอ่อ...การพักผ่อนก็เป็นประโยชน์นะคะ

 

โดย: เพรางาย 12 มกราคม 2551 11:13:45 น.  

 




ดีค่าคุณฝิ่น
วันนี้วันหยุดอีกแล้วแถมเป็นวันเด็กอีกต่างหาก..
ไปเที่ยวใหนมามั่งป่าวคะ
อิอิ มาแอ๊บแบ๊วทำตัวเป็นซักวันกันดีก่าเราสองคน.. เอิ๊กๆๆๆ

 

โดย: ฉันขอมีเธอในหัวใจ 12 มกราคม 2551 18:25:04 น.  

 

คุณฝิ่นขรานกไม่ได้ไปใหนเลยอ่ะ..
อยู่บ้านซักผ้าอ่าค่ะ T_T
ดองเสื้อผ้าไว้ 2 อาทิตย์ซักหน้ามืดเลยง่ะ
คุณฝิ่น ดีจังเลยนะคะที่ทำงานมีกิจกรรมด้วย..
ได้ไปแจกขนมเด็ก มีเม้มนิโหน่ยด้วยอ่ะคนเรา อิอิ..

ฝันหวาน ๆๆๆ จ้า

 

โดย: ฉันขอมีเธอในหัวใจ 12 มกราคม 2551 22:40:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ดอกฝิ่นในสายลมหนาว
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




คนเราคบหาร่วมทางกัน มีค่าตรงที่รู้จัก
คนเราคบหาคุ้นเคยกัน มีค่าตรงที่รู้ใจ
คนเราคบหากันแล้วจากกัน
มีค่าตรงที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของกัน


บางคนผ่านมา....แล้วผ่านไป
บางคน.....ผ่านใครกำลังจะเข้ามา
บางคน.....รอเวลาแล้วอาจจะไป
บางเวลาไม่มีใคร......ที่เข้ามา
บางเวลา......มากหน้าแลลายตา
ถึงเวลา......อยากรู้ว่าจะมีไหม
ใครคนไหน ? .....คนนั้น...ที่อยู่ข้างๆกันตลอดไป



คนบางคนเกิดมาเพื่อให้เรารัก
แต่ไม่ได้เกิดมาเพื่อรักเรา
และเป็นคนของเรา



ไม่ว่าเธอจะอยู่กับใคร
ไม่ว่าเธอ....จะอยู่ที่ไหน
ไม่ว่าเธอ.....จะทำอะไร
แค่.....ฉันรู้ว่าเธอกำลังสบายใจ
ฉัน.....ก็จะสบายดีและสบายใจ
ไม่ห่วง....ไม่คาดหวังอะไร



เหยียบดินคนละผืน แต่เรายังอยู่ร่วมฟ้า
ก้าวย่างไปตามทางคนละสาย
แต่ยังคงเป็นโลกใบเดียวกัน
กายห่าง แต่ใจใกล้...
ไม่เห็นหน้า แต่เรายังอยู่ด้วยกันเสมอ...
แม้อนาคตจะมองไม่เห็น
แต่ฉันรู้ได้ด้วยหัวใจฉัน
ไม่ว่าเส้นทางจะ อยู่ห่างไกลกันแค่ไหน
เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจฉัน...เสมอไป



ในคำว่ารัก ไม่ขออะไรมากไปกว่า
ได้รับรู้ว่า คุณยังมีชีวิตอยู่
ยิ้มได้...หัวเราะได้ มีความสุขกับชีวิต
ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้ไปในที่ที่อยากไป
แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว



ดีเพียงใด ที่ได้ยืนข้างเธอ
ได้พูดได้คุยได้พบได้เจอ ได้ใกล้ชิดกัน
ดีเกินพอ กับคนอย่างฉัน
ความรักในใจคงไม่พูดมัน ไม่ให้สร้างปัญหา
ใจเธอมีเจ้าของ คงต้องโทษที่พรหมลิขิต
ให้ฉันมีสิทธิ์แค่รักเธอผิดเวลา



ขอบคุณความรักของพ่อกับแม่ที่ปกป้องหัวใจของลูก
ขอบคุณความรักของเธอที่เป็นบทเรียนเล่มหนาในชีวิต
ขอบคุณความรักในหัวใจที่ทำให้พยุงตัวเองขึ้นมาได้

<
Free Clock กำลังใจที่กำลังชมบล็อก กำลังใจที่แวะมาทักทาย Color Codes ป้ามด
New Comments
Friends' blogs
[Add ดอกฝิ่นในสายลมหนาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.