1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
บทที่ 8. "เจ้าหญิง" องก์สุดท้าย...ให้เพลงนี้บอกรักชั่วนิรันดร์ "ช่อคราม"
ทุกวันอาทิตย์ - อังคาร และ วันเสาร์ พบกับนิยายโรแมนติกหวาน ๆ ขม ๆ ของช่อคราม เจ้าหญิง...องก์สุดท้าย ให้เพลงนี้บอกรักชั่วนิรันดร์ และ ทุกวัน พุธ ศุกร์ พบกันนิยายตื่นเต้น ระทึก ๆ ของ... ริมหาด เงาเพลิง ********************************* เรื่องยาวจบบริบูรณ์...ของ "ช่อคราม" ณ ปลายฟ้า...คือเธอ ********************************* เรื่องสั้น...ของ "ช่อคราม (นักเขียนรับเชิญ บล็อกลายปากกา)" ถนนพระจันทร์...ทางเดินแห่งหัวใจ ********************************* "เจ้าหญิง" องก์สุดท้าย... ให้เพลงนี้บอกรักชั่วนิรันดร์ (Last Act of Princess...Love songs forever) "ช่อคราม" บทที่ 8 ท้องฟ้าหน้าร้อน แม้จะเพิ่งตีห้าเศษ ๆ แต่ฟ้าก็สว่างใส พระอาทิตย์ทำงานอย่างแข็งขัน ท้องถนนยังเงียบ มีเพียงรถประจำทาง และรถรับจ้าง อากาศสบาย ๆ แบบนี้ อธิศน่าจะสดชื่น แต่กลับเป็นว่าเขาสลัดเสียงเพลงจากเกมที่เล่น และตัวอักษรของเด็กสาวออกไปจากห้วงคิดไม่ได้อยู่ดี... ตามปกติเมื่อจัดรายการเสร็จ อธิศมักจะงีบเล็กน้อยที่สตูดิโอ แล้วตื่นราว 7 โมงครึ่ง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ เพื่อไปทำงานต่อตอน 8 โมงกว่า ๆ หรือไม่เขาก็จะตรงไปที่ทำงาน ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่น แต่ดูจะไม่เหมือนครั้งนี้ บางความรู้สึกกวนใจเขาให้ตาค้างจนไม่อยากนั่งงีบหลับ... เขาตัดสินใจขับรถกลับบ้าน อยากนอนให้เป็นเรื่องเป็นราว มันอาจช่วยผ่อนคลายความรู้สึกที่หงุดหงิด วุ่นวายอยู่ภายในใจ แต่อย่างน้อยอารมณ์นี้มันก็ทำให้เขากล้าที่จะกลับเข้าบ้าน นอนสบาย ๆ หลับให้สนิทซักสองสามชั่วโมง บางทีอารมณ์วุ่นวายพลุ่งพล่านของเขาอาจจะสงบลงได้บ้าง... เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เขากลับบ้านตอนเช้า และในเวลาอย่างนี้ คนที่เขาไม่ค่อยอยากจะเจอกต้องเจอหน้ากันอย่างแน่นอน... ไงวันนี้กลับบ้านล่ะ คำพูดสั้น ๆ คำถามธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้แฝงอารมณ์อย่างอื่นใดทักทายมาจากโต๊ะอาหารทันทีที่อธิศเดินเข้ามาในตัวบ้าน เสียงนั้นแม้จะเต็มไปด้วยอำนาจ แต่ก็เจือไว้ด้วยความเอ็นดูรักใคร่ เอ่อ...ปวดหัวนิดหน่อยครับ อธิศฃะงักเท้าหยุดหันไปมอง ก่อนตอบสั้น ๆ เลี่ยงความจริงไปบ้าง แต่ก็นั่นแหละมันปวดหัวอีกแบบหนึ่ง มากกว่าปวดหัวแบบตัวร้อนเป็นไข้ งั้นมาทานข้าว แล้วกินยาก่อนไปนอนดีมั้ย เสียงของชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยยังดังข้ามฟากมาจากโต๊ะอาหารกว้างใหญ่นั้น ไม่เป็นไรครับ ไม่ค่อยคุ้นกับทานอะไรเช้า ๆ เดี๋ยวทานยาแล้วนอนเลย
งานช่วงเช้าไม่มีอะไร ผมอาจเข้าสายหน่อย ไม่ต้องซีเรียสหรอก... เฮ้ออ ไม่รู้จะทรมานตัวเองไปทำไม เดี๋ยวก็ไม่ได้สบาย...อ้อ! ถ้าไปไหวก็ไปนะ เข้าซักบ่ายสองก็ได้ เพราะช่วงบ่ายสามวันนี้คุณหญิงรัชนีจะแวะมาคุย เรื่องสปอนเซอร์งานการกุศลอะไรนี่ล่ะ อยากให้เข้ามาคุยด้วยนะ เหมือนคำพูดลอย ๆ ทั้ง ๆ ที่คนพูดยังคงสนใจอยู่กับอาหารบนโต๊ะมากกว่ามองหน้าอธิศอยางจริงจัง หรือเรียกให้เข้ามาใกล้ ๆ ครับ อธิศตอบรับสั้น ๆ ไม่ได้มองคนที่โต๊ะอาหารเช่นกัน อาจเพราะคำพูดห่วงใย หรือเบื่อ ประโยคนั้นทำให้เขารู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย แต่มันก็เป็นปกติอย่างนี้สำหรับเขา และคุณคำรณ การทักทายอย่างห่างเหินเป็นกิจวัตรสามัญของครอบครัวนี้อยู่แล้ว... อีกอย่างหนึ่งอารมณ์ของเขาก็ยังมีแต่เรื่องของเด็กสาวคนนั้น มากกว่าจนไม่ค่อยอยากใส่ใจกับการทักทายของคนเป็นพ่อเลี้ยงต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ราวกับบานประตูกำแพงหนาหนักปิดลง อธิศผ่อนลมหายใจ ก่อนเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเอง พยายามไม่เอาความรู้สึกเก่า ๆ มารบกวนจิตใจเพิ่มมากขึ้น เขาคร้านที่จะอาบน้ำ หรือเปลี่ยนเสื้อผ้า วางเป้ลงบนโต๊ะทำงานเหมือนเคย ๆ ก่อนขึ้นเตียงนอน พยายามข่มตาให้หลับอย่างยากเย็น... แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่อธิศคิดไว้เลย อาจจะเพราะความเคยชิน เขาหลับไปได้เพียงชั่วโมงกว่าก็ต้องตื่น อาบน้ำ ออกมาทำงานตรงตามเวลา ไม่ได้สายแต่อย่างใด... และไม่ได้สดชื่น หัวยังคงหนักด้วยเสียงเพลงและตัวอักษรเหมือนเดิม ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงเป็นไปได้ขนาดนี้ ความสนุกเมื่อหลังเที่ยงคืนของวันนี้ พยายามไหลเข้ามาครอบคลุมความกังวลใจที่เขาประหวั่นไปล่วงหน้า ความรู้สึกบางเบาที่เข้ามาแทรก ปน ๆ กับความหงุดหงิดตัวเอง...แต่...มันก็ทำให้เขาสบายใจ... คุณอธิศคะ ท่านประธานมีนัดวันนี้ที่ห้องประชุมเอ็มดีตอนบ่ายสามนะคะ เรื่องสปอนเซอร์งานการกุศลของสมาคมภริยาทหาร คุณสาวิตรีเพิ่งแจ้งมา บอกว่าเพิ่งทราบเหมือนกัน
และก็งานวันนี้แฟ้มอยู่บนโต๊ะค่ะ ขอบคุณครับ อธิศกล่าวตอบมัณฑนาเลขาหน้าห้องของเขาสั้น ๆ เหมือนเดิม เหมือนเคย... งานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ของเดลีน่าจิเวลลี่ ก็ไม่ได้มีอะไรวุ่นวายมากมายนัก หรือในตำแหน่งรองประธานทายาทเจ้าของกิจการก็ตาม งานโดยส่วนใหญ่มีพ่อเลี้ยงของเขาบริหารมาตั้งแต่แรก ๆ ตั้งแต่แม่ของเขาผู้ก่อตั้งอยู่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร และคุณคำรณก็บริหารทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม... อธิศเหลือบไปมองภาพในกรอบของมารดารบนตู้ข้างหน้าต่าง บางความคิดที่แวบมาอยู่เป็นประจำ หากแม่ของเขาไม่ป่วย ต้องเช้าโรงพยาบาลอย่างปัจจุบันทันด่วน ไม่กังวลใจหวงทรัพย์สมบัติมากเกินไปนัก เขาคงอาจได้เรียนต่อดนตรีอย่างที่ตั้งใจวางแผนไว้ และคงไม่ต้องกลับมาเมืองไทยอีกเลย... อธิศยังจำได้ดี... เขาเป็นไม้เบื่อไม้เบาทะเลาะกับคุณคำรณอยู่ตลอด ตั้งแต่แม่เขาแต่งงานใหม่ ซึ่งตัวเขาเองยังไม่ถึงห้าขวบเสียด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเขาจะพอเข้าใจว่าทำไมแม่จะต้องแต่งงานใหม่หลังจากที่เป็นม่ายสามีตายมากกว่าสี่ปีก็ตาม เขาเข้าใจ ไม่ได้เกลียดชังอะไรคุณคำรณ เพียงแต่ไม่สามารถยอมรับผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิต ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็แทบจะจำความรู้สึกระหว่างพ่อแท้ ๆ ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเล็ก ๆ ไม่ได้แม้แต่น้อย... แม่ของเขาตัดสินใจแก้ปัญหาครอบครัวก่อนที่มันจะลุกลามเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ด้วยการส่งเขาไปเรียนต่อที่อเมริกากับคุณลุงและคุณป้า เพื่อนของแม่ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เขาใช้ชีวิตอยู่คนห่างไกลครอบครัวเกือบยี่สิบกว่าปี แม่บินไปหาเขาเป็นระยะ ๆ ตามลำพัง แต่ก็ไม่บ่อยนัก จวบจนที่แม่ของเขาป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายเมื่อสองปีที่ผ่านมา เขากลับมาเมืองไทยรับปากกับมารดาก่อนลมหายใจสุดท้ายว่าจะกลับมาทำงานและช่วยดูแลกิจการต่อ... แม่เป็นผู้หญิงรอบคอบ แต่บางทีก็รอบคอบเกินไป แม้ว่าคุณคำรณจะไม่เคยมีชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงอื่นก็ตาม แต่แม่ก็คงอยากให้เขาเป็นทายาทของกิจการที่แม่ของเขาเป็นผู้ลงแรงสร้างมาพร้อมกับพ่อแท้ ๆ ของเขาเองมากกว่าที่มันอาจจะแปรสภาพไปของคนอื่น หากคุณคำรณจะต้องแต่งงานใหม่ในอนาคต เขารู้ดีว่าคุณคำรณดีกับแม่ กับตัวเขามาแสนนาน และตลอดเวลาสองปีผู้ชายคนที่เป็นพ่อเลี้ยงของเขาก็ไม่เคยแสดงบารมีอำนาจทางธุรกิจมาสร้างปัญหาให้เขาวุ่นวายใจ หรือแม้แต่เรื่องที่แม่ของเขาจะกังวล... คุณคำรณไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหนให้เขาต้องไม่สบายใจ... หรือกังวลใจตามแม่ของเขาไปเลย แต่ก็นั่นแหละใช่ว่าตัวเขาเองจะต้องการอะไรจากทรัพย์สมบัติตรงนี้ เขาเพียงแต่ไม่สามารถทำลายกำแพงหนาหนักที่เขามีต่อคุณคำรณมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ว่าแม่จะรักผู้ชายคนดีมากแค่ไหนก็ตาม... คงเพราะมันมีเรื่องราวปลีกย่อยอีกมากมาย... เรื่องหนึ่งที่แน่ ๆ มันไม่ง่ายที่จะให้เขามารับผู้ชายอีกคนหนึ่งแทนที่ผู้เป็นพ่อได้อย่างรวดเร็ว หรือจะนับเนื่องเป็นญาติอีกคนก็ตามสำหรับเขาคำรณก็ยังคงเป็นเสมือนแค่เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งของแม่อยู่ดี... ก็แค่นั้น...ระหว่างความสัมพันธ์ของเขา พ่อเลี้ยง และลูกเลี้ยง... เรื่องที่สองเขาไม่ชอบงานโรงงานเพชร พลอยเครื่องประดับเหล่านี้มาแต่ไหน ๆ คงเพราะเขารู้สึกอย่างผู้ชาย อีกทั้งต่างจากผู้เป็นแม่มากมาย ไม่ชอบความหรูหรา ไม่ชอบอยู่บนความร่ำรวย ไม่ชอบเข้าสังคม หน้ากากการจอมปลอม ธุรกิจที่ต้องหากำไรให้ได้มากที่สุด เพื่อเงินทอง ความร่ำรวย... การเลี้ยงอบรมจากลุง ป้า เพื่อนสนิทที่เหมือนญาติห่าง ๆ การเติบโตมาอีกสังคมหนึ่ง หลอมให้เขามีชีวิตอย่างง่าย ๆ สามัญ อย่างคนธรรมดา ไม่ใช่ลูกเศรษฐีนีมีเงินร่ำรวยที่ไหน... และข้อสำคัญ ทั้งหมดเพราะเขาฝังใจเสมอ ๆ ว่า คำรณเข้ามาแทนที่ทุก ๆ อย่างที่เขาเคยมี... มันอาจคล้ายความคิดของแม่ที่กลัว เพียงแต่มันต่างกันอย่างนามธรรม รูปธรรม... เขาอยากได้เวลาของแม่ เวลาที่แม่ทุ่มเทไปให้กับเรื่องงาน บริษัท และคำรณ ผู้ชายคนนั้นแย่งเวลาของแม่ไปจากเขา และทำให้ต้องส่งเขาไปอยู่ที่อื่น ซึ่งอาจเพราะคุณคำรณก็เป็นหนึ่งในคนทำงานของบริษัท ที่แม่ไม่อาจจะบริหาร ดูแลเพียงคนเดียวได้... แม่ไม่เคยชอบสิ่งที่เขาเลือก สิ่งที่เขาฝันเลย... เมื่อแม่ผลักเขาออกไป เขาก็ตั้งใจมีชีวิตที่ต่างออกไปเช่นกัน แต่มันก็ไม่เคยได้เป็นอย่างที่ใจต้องการ ช่วงวัยรุ่นเขาต้องเปลี่ยนเรียนมาทางสายนี้ ทั้ง ๆ ที่อยากเรียนดนตรีใจแทบขาด แต่ก็ยังดีกว่าที่จะต้องเรียนบริหาร สายธุรกิจอย่างที่แม่ต้องการ เพียงเพื่อกลับมาทำงานที่บริษัท
แค่เพื่อดูแลกิจการสืบต่อไป... ซึ่งเขาไม่เคยคิดต้องการแม้แต่น้อย... เขาเองแค่อยากเป็นนักดนตรี เขารู้ดีว่าสิ่งสุดท้ายที่แม่ขอให้เขารับปากมาทำงาน เพื่อไม่ให้เขาต้องไปใช้ชีวิตอยู่อีกเส้นทางหนึ่ง... แม่ไม่มีวันรู้ มันทรมานตัวเขามากแค่ไหน ที่ไม่อาจใช้ชีวิตได้ดังฝัน และนี่คือเหตุผลที่เขาเลือกไปทำงานเป็นดีเจ เพียงแค่ให้ได้อยู่ใกล้เสียงเพลง
ซึ่งมันก็ได้แค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ ... งานในบริษัททำให้เขาตอกย้ำความทรงจำในอดีตอยู่อย่างนี้... และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็เหมือนอยู่ในเงามืดมาตลอด เขาไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่น้อย... อธิศถอนใจ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้หลับตา เมื่อห้วงความคิดย้อนอดีตกลับไป เขาพยายามเปลี่ยนความคิดกลับมาดูเอกสารบนโต๊ะ กับงานเดิม ๆ แม้จะเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมไปบ้างก็ตาม แต่ก็ไม่เคยทำให้เขามีความสุขกับการทำงานตรงนี้เลยแม้แต่น้อย ความสุข... เมื่อคิดถึงเสียงดนตรีที่เคยเป็นเพื่อนยามเหงาในวัยเด็ก เสียงเพลงที่คอยปลอบประโลมใจตลอดมา เขาเคยนึกว่าจะมีเพียงแค่นั้น... แล้วจู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทำให้ชีวิตที่หมอง ๆ ของเขา สดใสขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาแสนนาน... ความตั้งใจจะห่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มไม่เป็นผล ความวุ่นวายใจเรื่องโน้นเรื่องนี้ของเขาทำให้เขากลับมาคิดถึงเธออีกจนได้ อธิศอดไม่ได้ต้องหันไปเปิดหน้าเว็บไซด์ของรายการวิทยุทันที หลาย ๆ ข้อความของเด็กสาวยังค้างอยู่ในกล่องขอเพลง ชื่อ Saxophone ทำให้เขาเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว อธิศมองเครื่องเอ็มพีสามบนโต๊ะ... เสียงเพลงที่เขาอัดไฟล์มา ดังขึ้นอีกครั้ง ความสุข ความสบายใจ เริ่มไหลปรี่เข้ามาในความรู้สึกอย่างรวดเร็ว... ไม่น่าเชื่อแค่ตัวอักษรของเธอ เสียงเพลงที่เธอเลือกแต่ละเพลงจะช่วยปลอบประโลมให้เขาเลือนเรื่องที่ผ่านมาในอดีตได้ อยากน้อยก็ทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดมาก เหมือนทุกครั้งเวลาที่เขาย้อนนึกไปถึง... เขาเริ่มเบื่อโชคชะตาที่ชอบเล่นตลกอยู่ตลอดเวลา... ถ้าเขาแยกสองอารมณ์ตรงนี้ออกจากกันได้ ไม่ต้องย้อนอดีต ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องกังวลล่วงหน้า เธอจะเป็นใคร รู้จักเขาดีมากน้อยแค่ไหน หรือจะเป็นเพียงเด็กหญิงวัยเรียนตัวน้อยก็ตาม... โยนความรู้สึกเหล่านี้ทิ้งไป เหมือนความรู้สึก สัมพันธ์ของเขากับครอบครัว ลืม ๆ มันไป ให้เหลือเพียงความสุขสบายใจ... อธิศส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ ให้กับตัวอักษรในกล่องข้อความ เขาอ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่นาน พร้อมกับฟังเพลงเดิม ๆ อย่างไม่รู้เบื่อ... Saxophone : ค่ะ... ไปนอนล่ะ ขอบคุณสำหรับเพลงทุกเพลงที่เปิดให้ และร่วมเล่นเกมในคืนนี้ ทำงานให้สนุกนะคะ ราวกับความสุขยังโบยบินอยู่รอบ ๆ ตัว พร้อม ๆ ไปกับเสียงเพลง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาทำงานตรงหน้า ตรงนี้.. ในห้องนี้อย่างมีความสุข ... อะไรนะคะ คุณย่านัดไปไหน วัศนิสะดุ้งเฮือกจากภวังค์ สมองเหมือนยังไม่ตื่นดีนัก เมื่อได้ยินเสียงคุณย่าของเธอ ไปหาคุณคำรณ คุณหญิงรัชนีพูด ทั้ง ๆ ที่ยังมีนิตยสารอยู่ในมือ แต่คุณย่ามีนัดทานข้าวกลางวันกับคุณอาทิตยา วัศนิเริ่มเปิดสมุดนัดเวลาในมือตัวเอง ถึงเธอจะนอนน้อยแต่เธอก็ไม่เคยพลาดนัดของคุณย่า ให้โดนดุเป็นอันขาด ก็ไปทานกลางวัน แล้วค่อยไปหาคุณคำรณ คุณหญิงรัชนียังพูดเรื่อย ๆ ไม่ได้สนใจท่าทีของวัศนิที่เริ่มทำหน้าบู้ ๆ อย่างไม่สบอารมณ์ หนูไม่เห็นรู้เรื่อง คุณย่าไม่ได้บอก ไหนว่าจะให้นัดผ่านหนูไง วัศนิแก้เก้อให้เหตุผล ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ในใจเธอร้อนดังไฟ เพราะเธอตั้งใจจะหลบคุณย่าไปหารินยา เพื่อดูว่าต้นฉบับที่เธอส่งไปให้ ต้องมีอะไรแก้ไขอะไรอีกหรือไม่ คุยกัน แล้วก็อาจเลยทานข้าวเย็น...ก็ฉันบอกหล่อนอยู่นี่ แต่หนูตั้งใจไปคุยงานต่อเนื่องกับพี่รินยา เรื่องละครการกุศลนี่ล่ะ หนูไม่ไปด้วยนะคะ วัศนิเริ่มดื้อ เผลอเสียงห้วน ๆ ทำเอาย่าของเธอ หันมามองด้วยประกายตาประหลาด ๆ ก็เรื่องงานเดียวกัน ทำไมต้องไปทางรินยา ฉันนี่แหละสนิทกับคุณคำรณเขาแค่ไหน ฉันต้องให้เขามาเป็นสปอนเซอร์งานนี้
ขืนปล่อยให้หล่อนไปเอง เดี๋ยวก็ไม่ได้เรื่อง วัศนิหลิ่วตามองดูย่าของเธอ ความคิดใหม่ ๆ คงมาจากผู้พันบดินทร์ หญิงสาวถอนใจ เธอก็เป็นแค่หุ่นกระบอกหน้าโรงของคุณย่า มีหรือจะได้ทำอะไรเอง ในเมื่อคุณย่าของเธอยังเป็นคนดำเนินการอยู่เบื้องหลังแบบนี้ รู้อย่างนี้เธอไม่ต้องรีบตื่นมาเตรียมเลือกเทพนิยาย เพื่อมาคุยกับคุณอาทิตยาหรอก น่าจะปล่อยให้คุณย่าและผู้พันจ๊ะจ๋าเป็นคนทำกันเองให้หมดทุกอย่างเลย แล้วแต่งชุดผ้าไหมสีเขียวปีกแมลงทับไปนะ คุณคำรณเขาชอบสีเขียว คุณหญิงรัชนียังย้ำสำทับ เอาอีกแล้วหรือนี่ หากมีเรื่องเน้นย้ำสีเสื้อผ้ามาคงไม่พ้น ต้องมีอะไรเคลือบแฝง ทีเวลาไปงานสมาคมฯ ยังไม่ย้ำ แค่ดูความเรียบร้อย งามสง่าสมใจย่าของเธอ ก็แค่นั้น แต่นี่....โอ๊ยย นี่คุณย่ากำลังคิดอะไรอยู่นี่ ไม่นะ วัศนิพยายามเตือนสติตัวเองไม่ให้คิดไกลเลยเถิด คุณคำรณเท่าที่จำได้... แล้วคุณคำรณนี่นะแก่คราวพ่อเธอได้ละมั้ง ถึงว่าคุณย่าซีเรียสเรื่องงานเลี้ยงคุณคำรณตั้งแต่ไก่โห่ แบบนี้นี่เอง...แค่คิดวัศนิก็เริ่มเซ็งสุดกำลัง กับชีวิตภาคกลางวันของเธอเสียเหลือเกิน วัศนิค่อนข้างดีใจ ที่เธอคุยงานกับคุณอาทิตยาได้อย่างค่อนข้างราบรื่น ดูจะชอบใจเรื่องที่เธอเลือกมา คุณย่าของเธอเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรมาก ซึ่งเธอรู้ดีว่าเป้าหมายของคุณย่าวันนี้ไม่ใช่เจาะลงมาในตัวละครสักเท่าใด การทำงาน บรรยากาศร้านอาหารไทย ๆ ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นกว่าก่อนออกมาจากบ้าน และจะดีขึ้นมากกว่านี้อีก หากไม่มีคุณย่ามาคอยนั่งเป็นประธานอยู่อย่างนี้ งั้นตามนี้เลย ท่าทางคงจะสนุกนะคะ คราวหน้าค่อยมาเลือกคนแสดงกัน ซินเดอเรลล่าต้องเป็นหนูนะ ป้าไม่ให้ใครมาแสดงด้วย เอ่อ แต่หนูว่าหานักแสดง ดารามาไม่ดีกว่าหรือคะ วัศนิเริ่มไม่สบอารมณ์ แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกไว้ ก่อนที่คุณย่าของเธอจะแสดงความคิดเห็น จะไปเสียเงินให้พวกดารา ค่าตัวแพง ๆ ทำไมกันล่ะคะ งานนี้งานของสมาคมฯ ไม่มีใครเหมาะเท่าหนูอีกแล้ว...ส่วนตัวเจ้าชาย หนูลองเลือกมาแล้วกัน ตัวประกอบ ทีมงาน คนเขียนบท หนูไปจัดการทุกอย่างเองได้เลย...นะคะ หนูวัศนินี่เก่งจริง ๆ เลยนะคะคุณพี่ คุณอาทิตยายังทิ้งท้ายทอดไปทางคุณหญิงรัชนี ที่ยังคงอมยิ้มทานผัดไทยไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ตื่นเต้นอะไรด้วยซ้ำ ความจริงให้ผู้พันบดินทร์เป็นเจ้าชายก็คงดีนะคะ เหมาะดี...เอ นึกว่าวันนี้เขาจะมาด้วยเสียอีก คุณอาทิตยาเหมือนคิดได้อย่างว่องไว ท่าทางจะว่องไวเกินไป วัศนิเริ่มขมวดคิ้วสังหรณ์ใจ อ่อ ผู้พันก็เข้าที แต่เธอลงใต้ กว่าจะกลับคงอีกสองสามวัน คุณหญิงรัชนีรีบตอบมากกว่าเรื่องก่อนหน้านี้เสียอีก ทุกอย่างดูจะเข้าที่เข้าทาง เป็นไปตามแผนที่มีคนดำเนินการอยู่ข้างหลัง ไม่ให้เธอได้รู้อีกเหมือนเคย
หากเธอทำได้ เธอคงจะโยนกิจกรรมตรงหน้าทิ้งไปให้หมด ไม่เกี่ยวไม่ข้องเลยคงจะดี... อู้ยช์ เดี๋ยวต้องไปแล้วค่ะ คุณพี่ ดิฉันมีงานต่อ เสียดายจังที่ไม่ได้ไปหาคุณคำรณด้วย หนูวัศนิตัดสินใจอะไรแทนได้เลยนะคะช่วงนี้ ป้าต้องบินไปญี่ปุ่นน่ะ กว่าจะกลับมาก็อาทิตย์หน้าเหมือนกัน คุณอาทิตยายกมือลาคุณหญิงรัขนี แล้วออกจากห้องอาหารไปอย่างรวดเร็ว ช่างดีเหลือเกิน แม่งานทิ้งทุกอย่าง เมื่อใครบางคนเขี่ยทุกอย่างลงล็อกเรียบร้อย เธอมันก็เป็นแค่คนทำงาน แล้วนี่เธอต้องทำงานเองทุกอย่างคนเดียวหมดหรือนี่ อารมณ์เซ็ง ๆ ย้อนกลับมาอีก จนมื้อกลางวันที่เหลือแต่เธอกับคุณย่าเริ่มไม่อร่อย โชคดีที่ไม่มีผู้พันจ๊ะจ๋ามาให้เธอต้องอึดอัดผสมไปด้วย น่าแปลกที่คุณย่ารู้เรื่องของผู้พันบดินทร์ดีมากกว่าเธอ ทั้งที่ทำงานร่วมกับเขาเสียอีก วัศนิอยากขำ อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้สึกสมองโล่งขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยก็ไม่มีเสียงจ๊ะจ๋ามาให้เธอต้องรำคาญใจ... ก่อนที่จะคิดแผนหาทางเลี่ยงการไปพบคุณคำรณตามแผนคุณย่าได้อย่างไรในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ... ตกบ่ายอาหารแสนอร่อยเริ่มออกฤทธิ์ แอร์เย็น ๆ ในรถทำให้เธอเริ่มเคลิ้ม เพลงจากเครื่องเล่นของเธอ ทำให้เธออารมณืดี สบายใจ ยิ่งเมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา เธอยังกังวลใจอยู่นิด ๆ ว่าทำไมอธิศมีท่าทีจบลงดื้อ ๆ กลับไปคืนนี้เธอจะต้องหาคำตอบให้ได้ การจราจรตอนบ่ายไม่คับคั่ง ใช้เวลาไม่นานนัก ก็มาถึงบริษัทจิเวลลี่ของคุณคำรณ ก่อนเวลานัดจริงเกือบชั่วโมง... เคาน์เตอร์เครื่องเพชรพลอยที่จัดแสดงไว้หน้าโขว์รูม วัศนิไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สมองยังคงวุ่นวายหาแผนมาถ่วงเวลา หญิงสาวในเครื่องแบบกุลีกุจมาต้อนรับคุณหญิงรัชนีอย่างลูกค้าประจำ คนสำคัญ มิตรสนิทของเจ้าของบริษัท ห้องน้ำไปทางไหนคะ หญิงสาวแอบเลี่ยงขอไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่คุณหญิงรัชนีตั้งท่าไปยังออฟฟิศของคุณคำรณอย่างคนคุ้นเคย แล้วรีบมาเร็ว ๆ ล่ะ แทนที่เมื่อกี้ในร้านอาหารจะเข้าเสียให้เรียบร้อย" คุณย่ายังบ่นไล่หลัง ความจริงเธอไม่เห็นจะต้องมาคุยเรื่องสปอนเซอร์เลย เมื่อคุณย่าเธอออกโรงขนาดนี้ บางทีเธออาจจะถ่วงเวลาอยู่ในห้องน้ำให้นาน ๆ หากความคิดส่งเธอมาให้คุณคำรณดูตัวแอบซ่อนอยู่...แค่คิดก็สยองแล้วจริง ๆ ความคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้วุ่นวายอยู่ในหัวสมองของหญิงสาว จนเธอไม่ทันสังเกตเห็นใครคนหนึ่งเดินผ่านเธอไป ร่างสูง ๆ ในสูทสีกรมท่า แม้จะไม่คุ้นตานักเหมือนเมื่อครั้งแรก แต่เธอก็ไม่มีวันลืม... ความรู้สึกเย็บวาบ ๆ จนเหมือนจะล้มคะมำไปทั้งที่เดิน ๆ อยู่ หัวใจโครมครามมากกว่าครั้งที่เธอเคยรู้สึกเมื่อได้ยินเสียงของเขาเป้นครั้งแรก คุณอธิศ วัศนิเผลอเรียกอย่างลืมตัว จริงสินะ เขาทำงานอยู่ที่นี่ เรื่องปวดสมองของแผนการของคุณย่าทำให้เธอลืมเรื่องนี้ไปสนิทใจ อธิศทำงานอยู่ที่บริษัทของคุณคำรณนี่นา... ความตื่นเต้นเข้ามาแทนที่จนเธอลืมเรื่องต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน นึกว่าใคร สวัสดีครับคุณ...เอ่อ...น้องคุณรินยานั่นเอง อธิศหันกลับมาอย่างประหลาดใจ เขาพยายามนึกชื่อของหญิงสาวตรงหน้า... แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอชื่ออะไร ชื่อที่เรียกแปลก ๆ ศนิ หรืออะไรนะ... ความตื่นเต้นเมื่อครู่เลือนหายไปทันควัน เขาจำเธอได้เพียงเท่านี้ เธออยากตะโกนบอกเขาว่าเธอคือ แซ็กโซโฟนผู้หญิงคนที่เขาเล่นต่อเกมเพลงเมื่อช่วงกลางคืนต่างหาก วัศนิค่ะ หญิงสาวพึมพำชื่อตัวเองอย่างแผ่วเบา... อ้อ! ครับคุณวัศนิ...มาติดต่อเรื่องสปอนเซอร์หรือครับ ดูเหมือนว่า ท่านประธานมีนัดคุยเรื่องสปอนเซอร์ตอนบ่ายสาม อธิศยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา อีกเกือบชั่วโมง ค่ะ แม้ดวงหน้านั้นจะอยู่ใกล้แค่นี้ แต่กลับลางเลือนเหมือนตัวเองเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก ความรู้สึกหงอย ๆ กระตุกหัวใจของเธอเล่น... ก็แค่รุ่นน้องเพื่อนของเขานี่นา หรือเขาสนใจพี่รินยาจริง ๆ อารมณ์ป่วน ๆ ตีขึ้นเป็นห้วง ๆ ให้ขุ่นใจ...เธอเริ่มไม่อยากรู้จักเขาในสภาพของวัศนิอย่างนี้เลย
อึมม์...จะเข้าห้องน้ำหรือเปล่าครับ เดินมาทางนี้ งั้นคุณเข้าห้องน้ำก่อน ผมจะรออยู่ตรงข้างหน้า แล้วเดี๋ยวผมพาไปชมโรงงานฆ่าเวลาก่อนเข้าพบคุณคำรณดีมั้ยครับ...คุณคงมาเป็นครั้งแรก ยังไงผมก็ต้องเข้าประชุมด้วยอยู่แล้ว อธิศเสนอไอเดีย พร้อมกับยิ้มต้อนรับอย่างจริงใจ... มีอะไรทำอย่างน้อยก็ดีกว่าต้องนั่งเบื่อ ๆ อยู่ในห้องทำงานของตัวเอง โดยไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นให้มากไปกว่านี้อีก... เขาคงเพี้ยนไปแล้ว ที่ทั้งวันแทบจะไม่ได้คิดอะไรอื่น คุณแซ็กโซโฟน A-Z เหมือนจะตามติดเขาไปแทบทุกลมหายใจ อยากให้ถึงเวลากลางคืนได้เจอเธออีก... แม้ว่าเขาจะไม่อยากให้ความสัมพันธ์มันดำเนินไปรวดเร็วก็ตาม แต่ก็ช่างข่มใจได้ยากเสียจริง ๆ ดังนั้น หากได้เปลี่ยนทำเรื่องอื่นบ้างก็คงดีไม่น้อย ไม่งั้นเขาคงอาการหนักมากกว่านี้ เป็นแน่ ช่างไร้สาระได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย.... งั้นผมรอตรงนี้นะครับ วัศนิยิ้มตอบเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า ความอบอุ่นส่งผ่านมาพร้อมกับรอยยิ้ม และเสียงที่คุ้นเคย แม้จะฟังไม่เหมือนผ่านจากวิทยุก็ตาม แต่ก็ทำให้ความน้อยใจ ขุ่นใจเมื่อครู่หายไปในทันที อย่างน้อยเธอก็ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาตัวเป็น ๆ มากกว่าเขียนตัวหนังสือเล่นเกมต่อเพลง ส่งข้อความผ่านอินเตอร์เน็ต หรือได้ยินเสียงของเขาแค่ผ่านทางวิทยุ จะมีอะไรให้ตื่นเต้น มีความสุขได้มากไปกว่านี้อีก... ...โปรดติดตามตอนต่อไป... **When I think of you เสียงร้องทุ้มนุ่ม ชวนอบอุ่นเวลาคิดถึงใครซักคน ผลงานของ Chris de Burgh นักร้องนักแต่งเพลงชาวไอริช เพลงนี้จากอัลบั้มผลงานอันดับที่ 13 Quiet Revolution เมื่อปี 1999 เพลงของเขายังมีอีกหลาย ๆ เพลงที่จะต้องอยู่ในเรื่องนี้ เพราะล้วนแล้วแต่เป็นเพลงรักอันดับหนึ่งในหัวใจ ตลอดกาล...
Create Date : 18 มกราคม 2552
37 comments
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2560 23:11:24 น.
Counter : 605 Pageviews.
โดย: พรายทราย 18 มกราคม 2552 22:19:53 น.
โดย: blueRose IP: 76.106.40.5 19 มกราคม 2552 9:37:49 น.
โดย: ป้ามด 20 มกราคม 2552 11:09:02 น.
โดย: teansri 20 มกราคม 2552 17:59:28 น.
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 20 มกราคม 2552 19:50:28 น.
โดย: prncess 22 มกราคม 2552 11:30:45 น.
โดย: ปณาลี 22 มกราคม 2552 18:06:20 น.
โดย: นางฟ้าหน้าหมวย (บินปร๋อ ) 23 มกราคม 2552 7:03:07 น.
โดย: พรายทราย 23 มกราคม 2552 20:37:24 น.
โดย: อมิธีสท์ 24 มกราคม 2552 18:30:41 น.
โดย: พรายทราย 25 มกราคม 2552 22:19:11 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา... ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ... **สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ** คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ... ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้ แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว.. ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร... **และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย ****************************** Friends' Blogs นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก
There is something on my mind,
and I'm losing concentration
And I feel it everytime,
that you are near me.
I could tell you all about,
your picture at my bedside,
I should call you sometime,
and talk it over.
'Cos I get a kick inside,
and I feel a tingle too,
It just comes from time to time,
And it only happens,
When I think of You,
sleeping,
when I'm dreaming, when I wake up, when I think of you,
walking,
when I'm talking,
when I look up,
when I think of You,
take me away to a land of mass confusion,
And I don't know what to say,
when I am near you,
I could stand here all day long,
just staring at your window,
But I have so much to do,
that's so important,
Then I get a kick inside, and I feel a tingle too,
It just comes from time to time,
And it only happens,
When I think of You,
sleeping,
when I'm dreaming, when I wake up,
When I think of you,
walking,
when I'm talking, when I look up,
when I think of You
may get the feeling that I'm dancing on the ceiling,
When I get a kick inside, and my head is spinning too,
It just comes from time to time,
And it only happens
When I think of You,
sleeping,
when I'm dreaming, when I wake up,
When I think of you,
when I whisper to your picture, when I kiss it, when I think of you...........
When I think of you, when I'm dreaming we're together, on my sofa,
When I think of you, when I'm wishing that we're kissing, when we're dancing,
When I think of you.