ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
ณ ปลายฟ้า...คือเธอ (Love@Horizon) 23.. "ช่อคราม"










บทที่ 23

ในบางเกม....ในบางการแข่งขัน
คนชนะกับคนแพ้ก็แทบไม่มีอะไรต่างกัน
โดยเฉพาะเกมที่ไม่มีรางวัลอยู่จริง


คราวนี้ออกจะผิดคาด ธันวาคิดว่าเขาจะต้องรอน้องชายเป็นเวลานาน แต่
เมษามาไล่หลังเขาไม่นานนัก ยังไม่ทันที่เขาจะเลือกหามุมนั่งในล็อบบี้เสียด้วยซ้ำ

“ผมเพิ่งลงจากเครื่องนะเฮีย” น้ำเสียงและสีหน้าของเมษาดูซีเรียส อย่างที่ธันวาไม่ค่อยจะเคยเห็นบ่อยนัก

“มีเรื่องอะไรด่วน แล้วนี่นายกลับมาถึงเมื่อไหร่ ยังไม่ถึงกำหนดกลับไม่ใช่เหรอ แล้วนี่กินไรมาหรือยัง”

“เรื่องยาวเฮีย... กินมาจากบนเครื่องแล้ว ...” เมษาส่ายหน้า ถอนหายใจ

“งั้นไปนั่งคุยกันข้างใน ฉันจะได้หาอะไรกินด้วย ยังไม่ได้กินเลย ประชุมมาทั้งวัน” ทั้งคู่เดินเลยไปห้องอาหารแบบแม็กซิกันของโรงแรม

ธันวาเลือกที่นั่งให้ห่างจากเวทีดนตรี เพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนจนเกินไป

เขาไม่เคยมาที่นี่ แต่ก็รู้สึกดีที่เห็นเคาน์เตอร์เบียร์สดอยู่ถัดออกไป ท่าทางคืนนี้จะยาวนาน

“ผมรักเภตราจริง ๆ นะเฮีย” เมษาเปิดฉากระบายความในใจ หลังจากที่พนักงานเอาเบียร์ และไวน์มาเสิร์ฟ ธันวาแทบจะสำลักเบียร์ในทันที

การเผชิญหน้ากับน้องชายเขาก็รู้สึกลำบากใจอยู่ไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าเรื่องด่วนที่น้องชายมาหาจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเภตรา

“รักมากด้วย รักจริง ๆ อย่างที่ไม่เคยรักใคร” น้ำเสียงนั้นยืนยันหนักแน่น จนธันวารู้สึกปวดหนึบในหัวใจ เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องมารักผู้หญิงคนเดียวกับน้องชายตัวเอง

ความรู้สึกผิดครอบงำชั่วขณะ เมื่ออารมณ์ไถลไปถึงริมฝีปากบางเบา และดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น แม้มันจะเกลื่อนให้รู้สึกเบาขึ้น แต่มันก็ถ่วงหนักขึ้นพร้อม ๆ กัน เมื่อนั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้ชายที่เป็นน้องชายของเขา และยังเป็นผู้ชายคนที่นั่งครองอยู่ในใจของเภตรา

“แต่นายก็ยังทำตัวแบบนี้ ฉันเห็นนายก็รักผู้หญิงทุกคน” ธันวาอดไม่ได้ เขาอยากปกป้องความรู้สึกของเภตรามากกว่าจะแก้ต่างให้กับความรู้สึกของตัวเอง

“มันไม่เหมือนกันนะเฮีย เภตราทำให้ผมเข้าใจตัวเองมากขึ้น เธอทำให้ผมรู้สึกชีวิตอีกด้านหนึ่งที่ผมเคยไม่รู้จัก ผมอาจรักคนอื่นก็จริง แต่ไม่มีใครให้ความรักกับผมเหมือนอย่างที่เภตราให้” เมษาถอนหายใจยาว ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม

ธันวาได้แต่ฟังเงียบ ๆ เข้าใจความรู้สึกน้องชายตัวเอง ทุกอิริยาบถ ทุกความรู้สึกของเภตรายังเต้นเร่าอยู่ในห่วงความคิดของเขา มันยิ่งทำให้รู้สึกยากมากขึ้นที่จะพูดสิ่งใด ๆ ออกไป ทั้งเทวดา และซาตานยังคงนั่งแกว่งเท้าเล่นอยู่บนบ่าทั้งสองข้างของเขา

“ผมไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วเฮีย ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี”

“นายเลิกกับทุกคนเพื่อเภตราได้มั้ยล่ะ” เหมือนเจ้าเทวดากำลังทิ้งไพ่ใบสุดท้ายกับความรู้สึกของเขา

“ผมอยากทำแบบนั้น อยากทำแบบนั้นจริง ๆ แต่ผมก็ทำไม่ได้ เฮียก็รู้ นี่ผมก็ทะเลาะกับบุษ บินกลับมาทั้งที่งานไม่เสร็จ กระเป๋าก็ไม่ได้เอากลับมา ผมไม่คิดว่าลุงจะทำอะไรมากมายรวดเร็วแบบนี้”

“คุณลุงทำอะไร” แปลกใจเหมือนกัน ตามปกติเมษาจะทำตามทุกสิ่งที่ลุงของเขาต้องการ

“คุณลุงกับพ่อยายบุษ เขาแจกการ์ดแต่งงานแล้ว ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด” เสียงเมษาสั่นพร่าด้วยความโกรธ ไม่เคยเห็นน้องชายตัวเองอยู่ในสภาพนี้มาก่อน

ธันวาได้แต่ถอนหายใจ ยกเบียร์ขึ้นดื่ม เจ้าซาตานเหมือนจะเต้นระบำเริงร่าอยู่บนบ่าของเขาอย่างหนักอึ้ง แต่ความรู้สึกกลับเหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยง แล้วฝนก็ตกลงมาโครมใหญ่

เขามองเห็นใบหน้าของผู้หญิงในหัวใจของเขากำลังร่ำไห้ขึ้นมาทันที

“เท่าที่ผมรู้ อีกแค่สองอาทิตย์เอง ผมต้องแต่งงานกับบายบุษ”

“รวดเร็วขนาดนี้เชียว แต่นายก็เลือกไม่แต่งได้นี่นา นายเลือกทางชีวิต
ได้เอง” ธันวาเอ่ยเสียงเรียบ ๆ ความคิดในหัวใจ กับความคิดในสมองตีกันวุ่นวาย แต่เมษากลับหัวเราะร่าราวกับประชดประชันตัวเองอย่างเต็มที่

“ผมอยากเป็นอย่างเฮียนะ ที่เลือกเป็นได้อย่างที่เป็น เฮียก็รู้ผมทำไม่ได้ ผมทำไม่ได้จริง ๆ “

“ถึงคุณลุงจะมีบุญคุณกับพวกเรา กับครอบครัวเรา แต่ไม่ได้หมายความเขาจะมาบงการตัดสินใจทุกสิ่งทุกอย่าง ขีดเส้นทางเดินให้เรา หากนายจะบอกคุณลุงยืนยันในสิ่งที่นายอยากทำ ก็ไม่ได้ความว่านายจะอกตัญญู” คนเป็นพี่ชายพูดไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้องชายตัวเองไม่ได้คิดมุมนี้เลยแม้แต่น้อย

“แต่ผมจะมีชีวิตอยู่อย่างไรล่ะเฮีย เฮียก็รู้ลุงพิศาลไม่มีใคร เขาหวังกับผมมากแค่ไหน เขาทำให้ผมกลายเป็นหมาตัวหนึ่งที่ไม่มีอะไรเหลือติดตัวเลยก็ได้ ไหนจะคนทางบ้านยายบุษอีก พ่อ พี่ชาย ญาติเขาคงเอาผมตาย” เมษาพูดอย่างจริงจัง

ธันวาเข้าใจมุมมองของน้องชาย เมษาจากต่างเขามากมาย เมษาถูกสร้าง ถูกหล่อหลอม ถูกให้เป็นอย่างที่ลุงพิศาลตั้งใจมาตั้งแต่เกิด และดูเหมือนว่าเมษาก็พึงพอใจกับเส้นทางชีวิตแสนสุขสบายแบบนั้น

ทุกสิ่งที่น้องชายเขาเลือกทำมาโดยตลอด มันบอกถึงตัวตนของเมษามาช้านาน

“ฉันไม่อยากพูดอะไรมาก อยากให้นายรู้ว่าตัวเองมีความรู้ มีความสามารถ นายสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องง้อ หรือแคร์ใคร ๆ “

“เฮียพูดง่าย…เพราะเฮียไม่ใช่ตัวผม” เมษาเริ่มออกอาการเหมือนนิสัยที่คุ้นชิน เวลาไม่ได้อะไรดังใจตัวเอง หรือมีใครเห็นต่างออกไป ธันวาถอนหายใจเสไปสนใจเสต็กตรงหน้าที่บริกรมาเสิร์ฟ

เนื้อย่างชิ้นโตในจานใบใหญ่ส่งกลิ่นหอม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ธันวารู้สึกเพลิน มีความสุขเลยแม้แต่น้อย และแม้อาหารตรงหน้าจะอร่อยเพียงไหน แต่เขาก็กลืนลงคอได้อย่างยากเย็น

“ถ้าผมกับเภตราหนีไปไหนที่ไกล ๆ ได้ ผมคงมีความสุข”

“ที่ไหนล่ะนอกโลก... ดาวเสาร์ ยูเรนัส เนปจูนหรือไง” ธันวาพยายามมองให้เป็นเรื่องขำ เมษายังคงพูดแบบเด็ก ๆ ในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้

“เภตราเขาคงไปกับนายหรอก แล้วคราวนี้ไม่กลัวหรือว่าลุงพิศาลจะตามไป แล้วนายคิดว่าจะไปปลูกถั่วปลูกมันกินบนดวงดาวหรือไง....ทำไมทีอย่างนี้ยังคิดเฟื่องไปได้”

“เฮ้อ...เฮียช่วยคุยกับลุงให้หน่อยได้มั้ย” น้ำเสียงของเมษาเริ่มเข้าสู่โหมดเอาใจตามปกตินิสัย ธันวาหัวเราะลั่น แทบจะสำลักเนื้อชิ้นในปาก

“ให้ฉันนี่นะ นายก็รู้ว่า ลุงพิศาลเกลียดฉันอย่างกะอะไรดี เขาเคยมอง เคยเห็นตัวฉัน เคยฟังฉันที่ไหน แล้วจะให้ฉันไปบอกว่านายรักผู้หญิงคนอื่น ไม่อยากแต่งกับคนที่ลุงเลือกให้ เขาคงไล่ฉันออกมาเหมือนสมัยเด็กหรอก”

ธันวายังจำภาพที่ลุงไล่เขาออกจากบ้าน ทั้ง ๆ ที่เขาเลือกจะเป็นคนออกจากบ้านไปเอง

บางห้วงของความรู้สึก เขาเคยคิดอยู่เหมือนกันว่าหากเขายอมใช้ชีวิตแบบอย่างที่ลุงพิศาลเสนอ เขาอาจมีสภาพไม่ต่างจากเมษาทุกวันนี้

ทุกอย่างในชีวิตคือวัตถุ ที่จะต้องได้มาไว้เพื่อครอบครอง เพื่อความสุขสบายมั่นคงของชีวิต

น่าเสียดายที่เมษาไม่เคยได้เรียนรู้สิ่งที่พ่อสอน ชีวิตเรียบง่ายสมถะของพ่อ ความทระนง ศักดิ์ศรี คุณธรรม ช่างต่างกับสิ่งที่ลุงพิศาลสอนคนละขั้วกันทีเดียว


“หรือผมควรจะไปขอให้แม่คุยกับลุงดี”

“เมษานายไม่ควรทำให้แม่หนักใจ อยากเห็นลุงพิศาลทะเลาะกับแม่ให้บ้านแตกหรือไง” ธันวาพูดเสียงแข็ง เริ่มรู้สึกขัดใจขึ้นมาทันที

ทุกวันนี้เขารู้ดีว่าแม่ไม่เคยมีความสุขที่ต้องมีสภาพอยู่แบบนี้ แม่อาจจะสบาย ลูก ๆ ทุกคนสบาย แต่แม่ก็ไม่เคยมีความสุขที่ต้องกลับมาใช้ชีวิตอยุ่แบบนี้ แล้วทำไมจะต้องไปเพิ่มความทุกข์ให้กับแม่อีก

เมษาทำหน้าเสีย เหมือนคนหมดหวังสิ้นท่า ธันวาถอนหายใจ ทานอาหารไปอย่างเริ่มไร้ความสุข

“นายถามตัวเอง จะเลือกมีชีวิตแบบไหน” เขาพยายามตัดบทสรุปให้จบ เหมือนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเสียเวลา เขาไม่อยากทะเลาะกับเมษา


“หากผมสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่เหลือสมบัติติดตัวสักชิ้น เภตราเขาจะยินดีมาอยู่กับผมหรือ บ้านเขาออกจะมหาเศรษฐี เขาจะยินดีต้อนรับผมเหรอ”

“นายนี่ยังไม่รู้จักคนอย่างเภตรา ทำไมนายตีค่าคนอื่น ๆ ด้วยทรัพย์สมบัติเงินทองแบบนี้...เฮ้ออ เพราะนายเป็นแบบนี้” ธันวานิ่งเงียบ เริ่มรู้สึกอารมณ์เสียมากขึ้น เมษาเองก็นั่งนิ่งเงียบไปเช่นกัน

“แล้วนี่ผมจะทำยังไง ผมควรทำยังไง เฮียช่วยผมคิดที” เมษาออดอ้อนราวกับเด็กที่ไม่ได้ดังใจ ทำอะไรไม่ถูก

เขาดื่มไวน์แก้วแล้วแก้วเล่า พนักงานที่ยืนห่างออกไปก็เหมือนจะรู้ใจคอยเติมอยู่ไม่ให้พร่อง

“ดื่มมัน ไม่ใช่กรอกเข้าตัว” ธันวาส่ายหน้า นี่เขาจะแนะนำอย่างไรดี กับสถานการณ์แบบนี้ กับสิ่งที่น้องชายเขาเป็น กับสิ่งที่เกิดรอบตัวของเขา

“ผมไม่รู้จริง ๆ นะเฮีย”

“กลับบ้านไปนอนคิด มันอยู่ที่นายตัดสินใจเลือกเอง นายไม่ใช่เด็ก ๆ อีกแล้ว ถ้าเลือกลุงพิศาลก็ควรเลิกทำตัวเองเหมือนเดิม เป็นสามีที่ดีของ
บุษมาส ทำงานกอดสมบัติของนายไปอย่างมีความสุข แต่ถ้าจะเลือกเภตรา ก็ต้องยืนด้วยลำแข็งของตัวเอง ต้องแก้ปัญหารอบตัวทุกอย่างด้วยตัวเอง” ธันวาพูดอย่างยาว ก่อนอิ่มอาหาร และสั่งเบียร์แก้วใหม่

บางทีก็เหมือนเขาเสียเวลาเปล่า เขาค่อนข้างมั่นใจว่าน้องชายของเขาจะตัดสินใจแบบใด แต่อย่างน้อยคิดในมุมดี ๆ เขาก็ได้ทานอาหารจานอร่อย เบียร์สด แม้จะดื่มไม่ค่อยสนุกก็ตาม

เส้นทางชีวิตแบบเขา เหนื่อยใจ หนักใจเป็นบางเรื่อง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง พอเป็นรสชาติของชีวิต

แม้บางมุมของความรู้สึก เจ้าซาตานน้อยจะเต้นรำ ให้เขาดีใจที่เภตราจะหลุดพ้นจากเมษา โดยที่เขาไม่ต้องขึ้นชื่อว่าแย่งผู้หญิงของน้องชายมาก็ตาม

“ผมจะยืนกรานไม่แต่งงาน ผมจะใช้ชีวิตแบบนี้ล่ะ เหมือนเดิม ไม่ต้องมีใครเป็นตัวเป็นตนแบบลุงพิศาลไง”

“ลองลุงบัญชามาแบบนั้น คิดหรือว่านายจะทำแบบนี้ไปได้ตลอดชีวิต” ธันวายังส่ายหน้ากับความคิดของน้องชาย

“ถ้างั้นก็เลือกแบบนี้เลย... ไหน ๆ เขาก็แจกการ์ดกันเรียบร้อย ก็แต่งงานไปกับยายบุษตามหน้าที่ ทุกคนได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ...” เมษาเงียบไปชั่วอึดใจ แต่ยังไม่ทันที่ธันวาจะพูด หรือคิดอะไรทัน ดวงตาของน้องชายก็วาวโรจน์ เมษาพูดต่อในทันทีราวกับผู้ชนะ

“แต่ผมจะไปอยู่กับเภตรา...วินวิน” เมษาพูดอย่างหนักแน่น กระหยิ่มใจในสิ่งที่ตัวเองเลือกตัดสินใจ

ธันวาสำลักเบียร์ รู้สึกปวดหัว ปวดใจขึ้นมาในทันที....

พยายามจ้องมองให้ลึกเข้าไปในตัวตนของน้องชาย ที่ยากเกินเยียวยา เสียเวลานั่งคุย อยากจะถามออกไปให้หายคาใจ แล้วนี่จะบินกลับมาเมืองไทยทำบ้าอะไร

“เภตรารักผม เธอต้องเข้าใจ และรับได้ในทุกสิ่งที่ผมทำ”





เภตรายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของคืนนี้ ใกล้สองยามอีกไม่กี่นาที ผู้หญิงตรงหน้ายังไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ ปักหลักไม่เคลื่อนย้ายไปไหนทั้งสิ้น

วรรณิศายังคงน้ำตากลบหน้า ฟูมฟาย ฮืดฮัด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้แสดงกริยาเสียจริตจนน่ารังเกียจให้คนทั้งโรงแรมมอง

“ดื่มไม่เก่งหรอกค่ะ แต่อยากดื่ม... คุณเภตราดื่มเป็นเพื่อนฉลองความพ่ายแพ้ของเราสองคนนะคะ”

ตอนแรกแองจี้ช่างแต่งหน้าสาวสวยช่วยนั่งคุยปลอบโยนเป็นเพื่อน พร้อมกับสาละวนเช็คข่าวให้เมื่อตอนหัวค่ำ

ดูเหมือนข่าวจะกระจายไปอย่างรวดเร็ว และเหมือนว่าหลาย ๆ สื่อจะได้การ์ดเชิญที่ระบุวันงานแต่งงาน กับวันเปิดตัวสินค้าในวันเดียวกัน... งานเดียวกัน

เพื่อนในวงการของทั้งแองจี้ และวรรณิศาต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าข่าวนี้เป็นความจริง เพราะตรวจสอบกลับไปมา ทั้งทางฝั่งครอบครัวของ
เมษาและบุษมาสเป็นที่เรียบร้อย

วรรณิศาเองก็กดโทรศัพท์หาเมษา และบุษมาสอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็เปล่าประโยชน์ไม่มีใครเปิดเครื่อง ยิ่งเพิ่มความโกรธให้กับวรรณิศาแทบเต้นเร่า ๆ สะบัดโทรศัพท์ทิ้งไปบนโซฟาให้แองจี้เก็บอยู่ก็หลายครั้ง

ยิ่งเมื่อมีหลายเสียงยืนยัน เธอก็เปลี่ยนจากค็อกเทลสีสวย ๆ หลายแก้วเป็นเปิดขวดวิสกี้กับน้ำแข็ง และส่งเสียงหวานชวนแองจี้กับเภตราอยู่เป็นเพื่อน

"อยู่กับศากันสักแป๊บนะคะ ศาอยากมีเพื่อน"

จนเกือบสี่ทุ่มแองจี้ชวนกลับเพราะเธอมีงานในช่วงเช้า แต่วรรณิศาก็ยังไม่ยอมไปไหน จนหนุ่มน้อยแฟนของแองจี้มารับกลับ เธอจึงต้องลาวงไป

เหลือเพียงเภตรา ซึ่งเธอก็ไม่รู้จะหาเหตุแยกไปตอนไหนดียิ่งวรรณิศามีสภาพเป็นแบบนี้

หลังจากแองจี้ไปแล้ว วรรณิศายังพร่ำระบายออกมาอีกยาว เภตราฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ใช่ว่าวรรณิศาจะเจ็บปวดคนเดียวเสียที่ไหน

ตัวเธอเองแม้จะเตรียมรับสถานการณ์มาพอสมควร แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็ว และไม่คิดว่าคนที่เมษาเลือกจะแต่งงานด้วยเป็นบุษมาส

ความรู้สึกเหมือนใบไม้ที่ยังพอมีเหลือบนต้น บัดนี้ทุกใบร่วงพราว ไม่เหลืออะไรอะไรอีกแล้ว

แต่เธอก็ยังอยากได้ยินการตัดสินใจของเมษาด้วยปากของเขาเอง มากกว่าที่จะรับรู้ผ่านข่าวสารแบบนี้

หากมันจบ เธอก็ยังอยากให้มันจบแบบสวยงาม ไม่ใช่จบลงแบบนี้

“ศารักเมษมากนะคะ ถึงเราเหมือนจะพอใจแค่เป็นเพื่อนคู่ขา คู่นอน แต่เมษก็ไม่เคยทิ้งศาไปไหน เขาไม่ควรทำแบบนี้เลย...ผู้ชายเฮงซวย สุดท้ายก็เป็นแบบนี้เลือกเงินทอง ทรัพย์สมบัติ.....ลองศามีเงินสิ เมษคงไม่มีวันแต่งงานกับยายบุษ...”

เธออยากบอกวรรณิศา เธอเองก็มีเงิน แต่เมษาก็ไม่เห็นจะเลือกเธอเลย หรือการแต่งงานครั้งนี้มันมีเหตุผลอะไรมากกว่านั้น

“คุณเภตราบางทีเมษไม่อยากแต่งงาน แต่ยายบุษต้องบังคับแน่ ๆ ค่ะ ... ต้องเป็นลุงเมษ กับบ้านยายบุษ บ้านนั่นน่ะนักเลงโต มาเฟียดี ๆ เลย“ หลายครั้งที่วรรณิศามีสติ พยายามมีเหตุผลมาปลอบตัวเอง แต่ก็ไม่พ้นลงท้ายที่กรอกเหล้าเข้าปาก และร่ำไห้เหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิม

เอาเข้าจริงมันก็เจ็บปวด มันเจ็บปวดจนหนึบชาไปทั้งหัวใจ เธอรู้สึกไม่ต่างกับวรรณิศาเท่าไรนัก แต่เภตราไม่เลือกเบียร์เข้าไปปลอบประโลมใจ เธอดื่มอย่างที่ดื่มตามปกติ...

เธอชอบดื่มอย่างมีความสุข ไม่ใช่ดื่มด้วยอารมณ์แบบนี้...

ยิ่งเห็นสภาพวรรณิศา เธอเองก็ยิ่งแย่ตามไปด้วย เธอทิ้งวรรณิศาไว้ที่โต๊ะตามลำพังอยู่หลายครั้ง ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ระบบของสมองเหมือนล้มเหลวอยู่บ่อย ๆ จนทำงานกระพร่องกระแพร่งไม่ได้เต็มที่

น้ำตาแห่งความเสียใจค่อย ๆ ไหลรินอยู่ในหัวใจ แต่มันก็ยากเกินที่จะให้น้ำตาไหลออกมา เธอพยายามเข้มแข็ง สั่งสติ กระตุ้นระบบสมองใหม่อีกครั้งให้ควบคุมตัวเองอย่างหนัก

เธอไม่อยากมีสภาพเหมือนวรรณิศา หรือผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้ว่าพอรู้ข่าวนี้แล้วจะมีสภาพเป็นอย่างไรกัน

นักข่าวที่เขียนคอลัมน์นั้น แม่นเหมือนตาเห็น...


แค่นี้สำหรับเธอก็เหมือนตัวตลก น่าเวทนา เมษาไม่เคยแคร์ความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย มันจบลงแล้ว มันไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว แม้เธอจะไม่ได้เห็น หรือได้รับการ์ด หรือข่าวนี้จากเมษาเองก็ตาม

น้ำตาในหัวใจเริ่มละลายซากฟอสซิลของเมษา ค่อย ๆ เสาะกัดออกทีละน้อย ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ละลายเศษซากนั้นเหลือเป็นเพียงมวลละเอียดที่ยังเป็นตะกอนตกค้างอยู่ในหัวใจ ทั้งหนักอึ้ง และเจ็บปวดกับแผลนี้ไปพร้อม ๆ กัน

“ยายบุษต้องท้องแน่ ๆ ค่ะคุณเภตรา เมษาถึงต้องรีบแต่งงานแบบนี้” วรรณิศาหันมาเกาะแขนเธอเหมือนเป็นที่ยึด เมื่อเภตรากลับมาที่โต๊ะ พร้อมกับบอกเหตุผลใหม่ ที่เหมือนคิดคาดเดามาอยู่นาน

"เอ หรือว่าอย่างที่เห็น ตอนอยู่ญี่ปุ่นก็มีอาการแปลก ๆ ทำอย่างกะเป็นคนแพ้ท้อง"

สายตาของวรรณิศาเต็มไปด้วยความปวดร้าวมากขึ้นกว่าเดิม

“ยายบ้าเอ้ยยย....... ยายงี่เง่า....... ใช้วิธีโง่ ๆ จับผู้ชาย” วรรณิศาสะอื้นเหมือนเด็ก ๆ ทิ้งหัวไปกับโซฟา คราวนี้เธอไม่โวยวายเสียจริตอย่างเมื่อหัวค่ำ

เภตราเห็นผู้หญิงข้าง ๆ น้ำตาไหลริน จนเภตราเริ่มน้ำตาซึม ตามความคิดนี้เหมือนทำให้สมองเธอเข้าใจในอีกมุมหนึ่ง

ไม่รู้เธอควรจะดีใจกับเมษา หรือเสียใจกับตัวเองดี ที่เมษามีผู้หญิงพร้อมที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเอาชนะ เพื่อเป็นเจ้าของ เพื่อครอบครอง เพื่อให้ได้เมษาเป็นถ้วยรางวัล…

บุษมาสกล้าลงทุนขนาดนี้เชียวหรือ หากความคิดของวรรณิศาถูกต้อง...ซึ่งเภตราเองก็คิดว่าน่ามีส่วนเป็นจริงอยู่ไม่ใช่น้อย จากหลาย ๆ สิ่งที่ประมวลมารวมกัน

อดขำไม่ได้คงเพราะแบบนี้หรือเปล่า ที่เธอกับเมษาไม่ได้มีอะไรกัน ทำให้เมษายังคงคาราคาซัง เก็บเธอไว้อยู่อย่างนี้ แต่ก็เหมือนไม่ได้แคร์อะไรเธอมากมายเหมือนผู้หญิงคนอื่น

และถ้าหากเป็นเช่นนี้เธอเองก็คงขอถอยไปด้วยเช่นกัน หากเป็นเรื่องของชีวิตอีกชีวิต ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใด ๆ ในศึกสงครามแย่งชิงในครั้งนี้เลย

ตัวเธอเองก็ไม่ได้คิดอยากจะเข้าสู่วงโคจรของสงครามครั้งนี้มาตั้งแต่แรกแม้แต่น้อย...

หากเพียงแค่เธอรู้จักเมษาให้ดีมากกว่านี้...

ผู้หญิงตรงหน้า วรรณิศา เธอกำลังยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง หญิงสาวยังคงเงียบได้แต่เทเหล้าดื่มอย่างเดียว

ทั้งวรรณิศาและเธอต่างจมดิ่งลงสู่ความเงียบงัน….



“ดื่มค่ะคุณเภตรา ดื่มให้กับความอิสระ ที่เราจะได้หลุดพ้นจากเมษากันเสียที” วรรณิศายกแก้วเหล้าหันมาทางเธอ เภตรายกแก้วเบียร์ขึ้นชนอย่างลืมตัว

อย่างน้อยก็มีเพื่อนดื่มเบียร์ ด้วยเหตุผลมุมใหม่ที่ไม่น่าเศร้า หรือเจ็บปวดเลยสักนิด....

“ศารักเมษนะคะ... รักจริง ๆ รักมากด้วย แต่มันก็คนละเรื่องกัน เมษไม่ได้มีค่าเกินกว่าที่ศ่าจะลงทุนชีวิตทั้งชีวิตแบบนั้น… คุณเภตราก็คงเหมือนกันนะคะ ปล่อยให้ผู้ชายเฮงซวย ไปอยู่กับผู้หญิงสิ้นคิดเถอะค่ะ”

วรรณิศาหันมายิ้ม น้ำเสียงเหมือนกลับมาเป็นหญิงสาวคนเดิม ดูเหมือนเธอจะเริ่มทำใจได้ ทั้ง ๆ ที่น้ำตาของวรรณิศาก็ยังไหลลงมาไม่ขาดสาย...

และเหมือนว่าเมื่อจบประโยคนั้นวรรณิศาก็หยุดพูด หยุดฟูมฟายถึงเมษาอีก เภตรากลืนเบียร์ลงคออย่างยากเย็น

ผู้หญิงคนนี้เป็นภาพสะท้อนให้เธอเห็นอะไรมากมาย...

วรรณิศาเป็นผู้หญิงฉลาด รู้วิธีเอาตัวรอด และที่แน่ ๆ เธอรักตัวเองมากกว่ารักเมษา




เหล้าหมดไปแล้วค่อนขวด วรรณิศาเหมือนหลับแบบฝังราก ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้หญิงตัวบาง ๆ แต่เภตราก็ขยับตัวนางแบบสาวไม่ได้เอาเสียเลย

เอาล่ะสิ ปัญหาเกิด เธอจะทำอย่างไรกับวรรณิศาดี...

ให้พนักงานพาไปขึ้นแท็กซี่ บ้านวรรณิศาอยู่ที่ไหนเธอก็ไม่รู้ แล้วเธอก็คงต้องไปด้วย กลับบ้านเองจะถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้อีกเช่นกัน

เปิดห้องโรงแรม ให้พนักงานอุ้มเธอขึ้นไป แล้วเธอแยกกลับบ้าน ความคิดนี้ดูเหมือนจะแย่ หากเกิดอะไรขึ้นกับวรรณิศาที่ไม่ได้สติอย่างนี้

หรือจะพักที่นี่ด้วยกัน เธอก็ไม่ชอบนอนโรงแรม ยิ่งพักกับคนอื่น เธอยิ่งไม่เอาใหญ่ …

แม้วรรณิศาจะทำตัวเหมือน ๆ ศัตรูของเธอ แต่บัดนี้ เธอก็ร่วมกลายเป็นพันธมิตรที่พ่ายแพ้ด้วยกันทั้งคู่ แล้วเธอควรจะทำอย่างไรดี จะให้ทิ้งนิ่งไม่ดูดาย ก็ไร้มนุษยธรรม

ไม่มีสงครามไหน ๆ ที่จะซ้ำเติมผู้พ่ายแพ้ ยับเยินหมดสภาพ ยิ่งพ่ายแพ้ด้วยกันทั้งคู่แบบนี้...

เภตราเม้มริมฝีปากครุ่นคิด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอควรขอความช่วยเหลือจากใครสักคน…

โรงแรมกำลังทำพิษ สร้างปัญหาให้เธออีกแล้ว...




ความจริงเขานึกว่าเภตราหลับไปนานแล้ว ไม่คิดว่าเธอจะโทรเข้ามา
หลังจากที่เมษาแยกกลับไปสนามบิน ยังไม่ทันที่เขาจะถึงบ้านเลยด้วยซ้ำ เสียงใส ๆ ที่อยากได้ยิน อยากเห็นทุกลมหายใจ

“รบกวนคุณธันวามาที่โรงแรมใกล้ ๆ ที่ทำงานได้มั้ยคะ ฉันกำลังมีปัญหาค่ะ” เภตราแจ้งมาสั้น ๆ เล่นเอาเขาเขาประสาทเสียทันควัน อดคิดไม่ได้ว่าอรัญทำอะไรเธอหรือเปล่า หรือเธอมีปัญหาอยู่กับใคร หรือว่าเธอรู้เรื่อง
เมษาแล้ว...

ใจรอน ๆ อย่างบอกไม่ถูก อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาแทบอยากเหาะ หรือหายตัวไปพบในทันที

รู้สึกโกรธขึ้งตัวเองที่เหมือนละเลยเธอ จนปล่อยให้เธอต้องมีปัญหา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปัญหาแบบไหน

เขาอยากโทรศัพท์กลับไปถามให้รู้เรื่อง แต่คิดว่าจะมีประโยชน์อะไร เขาควรไปถึงโรงแรมที่เธอบอกให้เร็วมากที่สุดมากกว่า

หากเธอรู้เรื่องเมษา ป่านนี้หัวใจของเธอสลายจนเหมือนไม่เป็นผู้เป็นคน และยิ่งหากเธอรู้สิ่งที่เมษาตัดสินใจ ที่เพิ่งคุยกับเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

หัวใจของเขาคงเจ็บปวด แตกสลายไม่แพ้ หรืออาจยิ่งมากกว่าหัวใจของเธอเสียอีก

ยิ่งคิดความรู้สึกในอกก็ร้อนรนเริ่มลุกเป็นไฟ รถแท็กซี่ก็เหมือนยิ่งขับช้าลง ในใจพยายามภาวนาไม่ใช่เรื่องอะไรที่ร้ายแรง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
มิฉะนั้นเขาคงจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองอีกเลยทั้งที่ชีวิต ที่เขาไม่สามารถดูแล ปกป้อง ให้ความคุ้มครองเธอได้


แต่เมื่อมาถึงโรงแรม ดวงหน้าเนียนตรงมุมห้องล็อบบี้บาร์ที่โบกมือเรียก และยิ้มส่งมา ทำให้ความคิดโง่ ๆ ก่อนหน้านี้สูญสลายไปจนหมดสิ้น

เขาอยากกอดเธอไว้แนบอก ชดเชยที่ทำให้เขาอกสั่นขวัญหาย รู้สึกเหมือนเป็นบ้ามาตลอดทาง

“เกิดอะไรขึ้น...คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ธันวาระล่ำระลักถาม ปนหายใจหอบ ๆ ที่วิ่งเข้ามาหลังจากรถจากรถ

“ไม่ค่ะ ฉันยังเข้มแข็งสบายดี คนนี้ต่างหากที่ฉันไม่รู้จะทำไงกับเธอดี บ้านก็ไม่รู้จัก จะปล่อยไว้แบบนี้ก็เหมือนแล้งน้ำใจจนเกินไป” เภตราชี้มือมาที่วรรณิศาที่กำลังหลับ ราวกับปิดสวิทช์การรับรู้ทั้งมวล

แม้แต่ยามเมา ยามหลับ ผู้หญิงคนนี้ก็ยังอยู่ในท่าที่ออกแบบมาดี ไม่เสียสภาพให้อับอายแม้แต่น้อย

วรรณิศาคงมาส่งข่าวตามเคย...ธันวาเริ่มเดาเหตุการณ์ทั้งหมด

“จะพาเธอไปบ้าน ก็อยากถามคุณก่อน เลยขอให้คุณมาช่วยจัดการเลยน่าจะดีกว่า...ยังไงเธอก็เป็นเพื่อนของน้องชายคุณ” เภตราพูดแบบกึ่งเหน็บแกมประชด

ธันวาในฐานะคนในครอบครัว เขาควรรับผิดชอบวรรณิศาแทนน้องขาย ไม่ใช่ตัวเธอสักหน่อย...

ชายหนุ่มอดทำตาดุใส่ไม่ได้ เขารู้ทันความคิดของเธอ ความคาดเดาก่อนหน้านี้เริ่มชัดเจน น่าแปลกที่คนอาการหนักกลับเป็นวรรณิศา

เขาพยายามเพ่งมองกลับเข้าไปในดวงตาคู่นั้น แต่เธอก็รีบหลบตาเหมือนรู้ทันความคิดเขาเช่นกัน ธันวาได้แต่อมยิ้ม ก่อนหันมาสนใจเจ้าหญิงกึ่งนิทราตรงหน้าแทน

“วรรณิศา….” ธันวาเขย่าแขน พยายามเรียกสติให้ร่างที่นั่งกึ่งนอนข้าง ๆ ให้ฟื้น

“ปล่อยศาไว้ตรงนี้แหละค่ะ ศากลับบ้านได้ ศากลับเอง...ศาอยู่คนเดียวได้” หญิงสาวโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ

“คุณเภตรากลับไปเถอะค่ะ เดี๋ยวศาขับรถกลับบ้านเอง” สติของหญิงสาวกับท่าทางดูเหมือนจะไปกันคนละทิศคนละทาง

“งั้นลุก...เดี๋ยวผมกับเภตราจะขับไปส่งที่บ้าน”

“ศาไม่อยากไปไหนกับใคร ศาอยู่ตรงนี้แหละ พอ ๆ แล้ว พอ ๆ “

“เอาไงดีคะ ฉันก็ลองเรียกแล้วหลายครั้งนะคะ แต่เธอเหมือนปักเสาเข็ม เข็นไม่ไหวจริง ๆ เธอจอดรถไว้ตรงไหนก็ไม่รู้“ เภตรายักไหล่ ทำหน้าเบ้ ๆ

ธันวามองสภาพผู้หญิงสองคน ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ กับสิ่งที่เมษาทำให้เป็นไป ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนอื่นทั่วโลกที่เขาไม่รู้จักจะมีอาการหนักมากน้อยกันแค่ไหน

“ผมเองก็ไม่รู้จักบ้านเขาเสียด้วย…ลองโทรหาอรัญหรือยัง”

“ยังค่ะ”

“ทำไมไม่ตามเขาล่ะ” ปากหนอ ทำไมเขาอดแขวะเธอไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาถามหาชื่อนั้นเองแท้ ๆ

“ก็เขาไม่ใช่เพื่อนฉันนี่นา” เภตราทำหน้าบูด ๆ เมื่อได้ยินน้ำเสียงนั้น ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดึกป่านนี้แล้ว โทรศัพท์ของอรัญไม่ได้เปิดเครื่อง หญิงสาวส่ายหน้า

“ถ้าฉันโทรหาอรัญ ฉันคงโทรไปก่อนโทรหาคุณแล้ว จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณอย่างนี้” เภตราทำหน้าบึ้งใส่ จนธันวาอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้

จริง ๆ แล้วเขาอยากให้เธอรู้ด้วยซ้ำว่าเขาดีใจแค่ไหน ทีเธอเรียกเขาไม่ใช่เรียกอรัญ...

สมองครุ่นคิดต่อว่าจะทำอย่างไรดี หากเป็นผู้ชายคงเป็นเรื่องไม่ยาก นี่เป็นผู้หญิง ไม่รู้ว่าถ้าเขาประคอง หรืออุ้มเธอไป เธอจะร้องโวยวายหรือไม่

ยังมีแขกอีกสองสามโต๊ะ ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เขาตัดสินใจเรียกพนักงานมาเช็คบิล

“ถ้ารถของเธอยังอยู่ที่นี่ เปิดห้องให้เธอพักแล้วกัน ที่นี่โรงแรมใหญ่คงไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวผมคุยกับผู้จัดการและแคชเชียร์เอง” ธันวาจ่ายเงินให้กับพนักงาน ก่อนหันมามองผู้หญิงที่นั่งถัดไป อดบ่นไม่ได้ตามนิสัย

“นึกสนุก ฉลองอะไรกันขนาดนี้นี่…” เขาลองโยนหินถามทางไปเล่น ๆ อีกครั้ง อยากเห็นให้แน่ใจกับอาการของผู้หญิงอีกคน

เภตรานิ่งเงียบไม่ตอบ ธันวาเห็นสายตานั้น แม้มันจะถูกซ่อนอยู่อย่างดีก็ตาม

“เรื่องเมษากับบุษมาส...รู้กันแล้วหรือ… ไวจริง ๆ “ เขากลับเป็นคนตอบเสียเอง

“หนังสือพิมพ์ลงค่ะ” เภตราตอบเรียบ ๆ ได้พูดออกไปก็รู้สึกดี

น้ำตาที่ท่วมอยู่ในอกดูจะค่อย ๆ ซึมหาย ลดลง เมื่อเห็นสภาพอาการของวรรณิศา และเมื่อเห็นธันวาเข้ามา

“คุณก็รู้...รู้มานานแล้วหรือคะ” ดวงหน้านั้นย้อนถามกลับทันควัน
ธันวาสูดลมหายใจแรง ๆ เขาเลือกตอบสั้น ๆ แทน

“ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อหัวค่ำ....” เขาเลือกไม่บอกที่มาที่ไป เขาไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดไปมากกว่านี้ หากรู้ว่าเมษาพูดว่าอย่างไรก่อนกลับไปญี่ปุ่น

“ผมดีใจที่เห็นคุณเข้มแข็ง ขอบคุณนะครับ...ที่ไม่ร้องไห้” ธันวาพูดยิ้ม ๆ ใจจริงอยากล้อเธอมากกว่านี้ แต่รู้ดีว่าเธอคงยังเจ็บปวดอยู่ไม่ใช่น้อย

เขาเลือกขอบคุณเธอแทนการให้กำลังใจ อย่างน้อยเธอก็ทำอย่างที่เขาแนะนำเมื่อครั้งก่อน

“อย่างน้อยคำแนะนำของผมก็มีประโยชน์เป็นผลสำเร็จ”

“ฉันไม่อยากหมดสภาพแบบวรรณิศา... ฉันไม่ใด้ลงเล่นเกมกับพวกเขา ฉันไม่ใช่คนที่แพ้สักหน่อย”

“ใช่แล้ว คุณไม่ใช่ผู้แพ้เลยเภตรา วรรณิศาก็ไม่ใช่... เมษานั่นแหละที่จะแพ้พ่ายตัวเอง” ธันวาบีบมือเภตราเบา ๆ เพื่อปลอบโยน และให้กำลังใจ

เขาอยากปลอบมากกว่านี้ แต่รู้ดีว่ากำลังใจของเธอยังดีอยู่ และเขาก็ไม่ใช่คนฉวยโอกาสอยู่ดี

ธันวาลุกขึ้นไปจัดการเรื่องห้องพักให้วรรณิศา เภตรามองตามร่างสูงไปตลอด รู้สึกชื่นชมในความมีน้ำใจของเขา

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดประโยคสุดท้ายนัก แต่เธอรู้ตัวดีว่าเธอไม่ใช่ผู้แพ้อย่างที่เธอพูดไว้แน่นอน...

และความอบอุ่นจากผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นไปในสถานะใดก็ตาม เขาก็ยิ่งทำให้เธอเข้มแข็งมากขึ้นทุกที ๆ



...โปรดติดตามตอนต่อไป...





***
“The winner Take it All” ผลงานของ ABBA อีกครั้ง คงไม่มีอะไรต้องกล่าวถึงผลงานของนักร้อง นักดนตรีสวีดิช ป๊อปกรุ๊ปวงนี้ ให้ฟังทุกเพลงซ้ำอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อจริง ๆ

เพลงนี้ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้ม Super Trouper ตั้งแต่ปี 1978 ขึ้นถึงอันดับ 1 ในฝั่งอังกฤษ และยุโรป และขึ้นถึงอันดับ 8 Billboard Hot 100 ในฝั่งอเมริกา

ตอนแรกจะเลือกเสียงของ เมอริล สตรีพ จากภาพยนตร์เรื่อง Mamma Mia!. แต่ฟังแล้วก็ต่างอารมณ์กับที่จะใช้ เลือกเสียง ABBA ดีที่สุด

บทนี้ปิดเกมสงครามของสาว ๆ เมษาแม้จะอย่างไม่เป็นทางการเลือกเพลงนี้คงเหมาะที่สุด ชอบความหมายในเนื้อเพลง ไม่เศร้าจนโศกสลด และให้รับกับเพลง “What the Name of the Game” ของบทที่ 12

แถมข้อสำคัญเพราะได้อารมณ์สะใจแทนวรรณิศาดี


Create Date : 12 ตุลาคม 2551
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 22:33:12 น. 41 comments
Counter : 384 Pageviews.

 
ชอบเพลงนี้จริง ๆ ยิ่งฟัง ยิ่งน้ำตาซึม...
บางครั้งก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก
คนชนะได้กินรวบหมดทุกอย่างจริง ๆ หรือเปล่า

The Winner Takes it all : ABBA

I don't wanna talk
About the things
we've gone through
Though it's hurting me
Now it's history
I've played all my cards
And that's what you've done too
Nothing more to say
No more ace to play

The winner takes it all
The loser standing small
Beside the victory
That's her destiny

I was in your arms
Thinking I belonged there
I figured it made sense
Building me a fence
Building me a home
Thinking I'd be strong there
But I was a fool
Playing by the rules

The gods may throw a dice
Their minds as cold as ice
And someone way down here

Loses someone dear
The winner takes it all
The loser has to fall
It's simple and it's plain
Why should I complain.

But tell me does she kiss
Like I used to kiss you?
Does it feel the same
When she calls your name?
Somewhere deep inside
You must know I miss you
But what can I say
Rules must be obeyed

The judges will decide
The likes of me abide
Spectators of the show
Always staying low
The game is on again
A lover or a friend
A big thing or a small
The winner takes it all

I don't wanna talk
If it makes you feel sad
And I understand
You've come to shake my hand
I apologize
If it makes you feel bad
Seeing me so tense
No self-confidence
But you see
The winner takes it all
The winner takes it all...



โดย: พรายทราย วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:20:34:34 น.  

 
วันอาทิตย์ผ่านไปเร็วนะคะ
วันจันทร์มาใหม่อีกแล้ว

อ่านอย่างมีความสุข ๆ ทุก ๆ ท่านนะคะ

พรายทรายตั้งโหมดต้อนรับอัตโนมัติ

สดใสสดชื่น มีความสุขกับวันจันทร์กลางเดือนตุลาคมนะคะ



โดย: พรายทราย วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:1:36:25 น.  

 
สวัสดีค่ะ แอบติดตามมานาน ลุ้นแล้วลุ้นอีก

ดีใจที่เมษาแพ้ภัยตัวเองซักที อยากให้เภตราตัดใจได้ขาดเร็วๆจังเลยค่ะ เชียร์ธันว่าสุดตัวเลย

จะดีใจมากๆเลยค่ะ ถ้าวรรณิสาคิดได้จริงๆ เกลียดคนแบบเมษามากกกก

ปล. พลูโตไม่ใช่ดาวเคราะห์ดวงสุดท้ายแล้วนะคะ


โดย: มด IP: 81.111.61.49 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:1:36:43 น.  

 

ชื่นชมความเป็นหญิงเก่งและแกร่งของหนูเภฯ ค่ะ
เพราะแม้จะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยกับความรัก
แต่ก็มีสติเข้มแข็ง ไม่ฟูมฟาย ..

ผู้หญิงอะไรไม่รู้ .. สวย เก่ง แสนดีไม่มีที่ติจริงๆ


เช้านี้มาส่งกาแฟไว้ที่หนึ่งก่อนนะคะ
ขอให้คุณพรายทรายทำงานอย่างมีความสุข
ตลอดทั้งวันค่ะ








โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:8:48:26 น.  

 
คุณมด

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน
ร่วมลุ้น และเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ตัวละครของ ณ ปลายฟ้านะคะ

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณสำหรับเรื่อง พลูโต นะคะ
ความจำรวน ๆ จริง ๆ
ตอนนี้แก้ไขในเนื้อเรื่อง และไฟล์ในขมองอิ่มเรียบร้อยแล้วนะคะ

ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งค่ะ

ยืนยันค่ะ วรรณิศาคิดได้จริง ๆ ไว้รอดูบทต่อ ๆ ไปนะคะ
ส่วนยายหนูเภตอนนี้ก็เหลือตะกอนที่ยังคั่งค้างอยู่
เมษายิ่งทำตัวเองชัดเจนมากเท่าไร เธอก็จะยิ่งระบายตะกอนออกเร็ว

คงต้องให้ลุงธันว์ช่วยปลูกต้นรักในหัวใจเธอเยอะ ๆ ล้างมลพิษเนอะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:8:57:33 น.  

 

ธุป้าติ๋วค่ะ

ขอบคุณสำหรับกาแฟ หอมฟุ้งเลยค่ะ อิอิ พรายทรายกำลังหิวอยู่พอดี

รวมทั้งคำชมยายหนูเภด้วย
กว่าจะมาถึงตรงนี้เธอก็แกว่งอยู่ไม่น้อยนะคะ
เรื่องอยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอมีภาพชัดเจนไม่อ่อนแออยู่แล้วค่ะ

อีกอย่างวรรณิศาเป็นตัวแทนสะท้อนให้เธอเห็นมากขึ้น
ขืนฟูมฟาย เมาทั้งคู่นี่คนเขียนเขียนไม่ออกเหมือนกันค่ะ

ตอนนี้เริ่มเห็นเมษาชัดขึ้น สติสตางค์เธอเลยเข้าสู่โหมดเกือบปกติแล้ว
แต่ว่าไปไม่มีลุงธันว์ เธอก็คงเสียศูนย์เยอะเหมือนกันนะคะ
นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง

ขอบคุณสำหรับความสุขค่ะ
พรายทรายรับไว้เต็มเปี่ยม คืนกลับป้าติ๋วอีกร้อยเท่า
และแบ่งให้คนอื่น ๆ ด้วยนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:9:13:37 น.  

 
พรายทรายไปหม่ำข้าวก่อน แล้วกลับทำงานต่อดีกว่า

วันนี้มีความสุขเต็มหน้าตักจากป้าติ๋ว ก็ขอแบ่งแจกจ่ายต่อ
ให้ทุกคนมีความสุขกับวันจันทร์วันนี้นะคะ
ไม่ว่าจะทำงาน หรือพักผ่อนวันหยุด่ค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:9:51:06 น.  

 
maysa is very selfish he thought that the world goes around him and he can bend it whatever he want.

so awful man, I hate him from his attitude.

Uncle Thanwa su su ^ ^


โดย: waidhaya IP: 202.62.106.31 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:18:40:10 น.  

 
คุณ waidhaya

ดีใจจังที่คุณไวแวะมา...
คงยังเดินทางอยู่แน่ ๆ เลย มาเป็นภาษาปะกิต
แหะ แหะ พรายทรายขอตอบเป็นภาษาไทยนะคะ


ความรักของเภตราคงไม่ช่วยให้เมษาดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลง
ว่าไปคนอย่างเมษามีเยอะนะคะ พรายทรายก็ไม่ชอบเหมือนกัน
เหอะ เหอะ เมษาเลยรับเละไป เอิ๊กกกก
เรามารอดูชะตากรรมผู้ชายคนนี้กันต่ออีกหน่อยนะคะ

คุณไวเชียร์แบบนี้ลุงธันว์สู้ขาดใจค่ะ

หวังว่าคุณไวทำงานอย่างราบรื่น และเดินทางกลับบ้านดี ๆ นะคะ
มีอะไรน่าสนใจ อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:19:37:34 น.  

 
กระโดดออกมาจากโลกของตาเทียชั่วคราว
หลังจากตรวจๆเเก้ๆบทที่ 2 เป็นรอบที่ 5 หุๆๆ
เลยว่าจะเเวะมาทักลุงธันว์ซักหน่อย ก่อนที่จะโดดกลับ
เข้าไปต่อบทที่ 3 ตอนนี้ก็ให้ตาเทียทำท่ากระจองอเเง
ไปพลางๆก่อนระหว่างรอผู้กำกับที่โดดออกมาพักตา อิๆๆ


นี่หากเอาลุงธันว์ของพี่ช่อฯ นายโต๊ะของพีทคุง กะตาเทีย
ของยัยโซฯ มายำใหญ่ให้เป็นเรื่องใหม่ สงสัยจะได้
เเฟนตาซีซีเควลฉบับคอมิดีกันคราวนี้เลยเนาะคะ
พี่พรายจ๋า ^_^


อย่างน้อยบทนี้ลุงธันว์ผู้เเสนดีของหนูก็ได้มีโอกาส
เยี่ยมหน้าออกมาสักหน่อยก่อนจะจบบท
หลังจากที่ยัยหนูนางเเบบครองซีนนี้ไปซะเกือบหมดเวลา
กร๊ากๆๆ


เเต่อย่างว่านะ เธอกำลังจะได้ขึ้นเเท่นเป็นนางเอก
เรื่องต่อไปของพี่ช่อฯ ก็ต้องให้โอกาสเธอได้โชว์
ความสามารถในการเเสดงสักหน่อยพอเป็นน้ำจิ้ม อิๆๆ


เอาว่าหนูรอดูตอนต่อไปของตาเมษาก็เเล้วกันค่ะ
อยากรู้เหมือนกันว่าจุดจบของผู้ชายเลวๆ (จริงๆเธออาจจะ
ไม่ได้เลวอะไรซะขนาดนั้นก็ได้ เพียงเเต่หนูอิน อิๆๆ)
จะเป็นอย่างไรเนาะ ^^


โดย: ใยบัว.. มึนๆกะตาเทีย IP: 122.110.51.233 วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:17:56:13 น.  

 
ตอนแรกก็แค่รำคาญๆ กับนายเมษาครับ มาเจอทางออก "วิน-วิน" เข้า โอ้... ควันออกหู ความสงสารที่เคยมีมา ถอดเก็บหมด เอาคืนม้าาาาาา ฮึ่ม

คราวนี้ดูเหมือนเมษากำลังจะแพ้ตัวเองไปแบบหมดรูป ขอสมน้ำหน้าทีนึงแล้วกันนะ ยังจะมาบอกผมรักเภตราจริงๆ เอ้อ ให้มันได้แบบนั้น ช่างกล้า

ตกลงวรรณิศา เตรียมตัวถางทางสู่บทนางเอกแล้วใช่มั้ยครับ คราวนี้ถอยให้ลุงธันว์เล่นได้มั่งแล้วนะ คนอ่านคิดถึง อิๆๆ

ป.ล. ตาเทียของยัยโซฯ อยู่ตรงไหนครับคุณใยบัว จะได้ย่องไปดูมั่ง อิๆ


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:44:08 น.  

 
คุณใยบัว

โอ้ อย่าหักโหมจนมึนกับตาเทียนะคะ
ค่อย ๆ ประคบประหงมหน่อย
เอาใจช่วยนะคะ สู้ ๆ ๆ

โห...เอามารวมเล่ม ลุงธันว์คงบ่นแย่แน่เลย
หลงทางกลับไม่ถูก อิอิ


อิอิ เห็นหน้ากันบ่อย ๆ เดี๋ยวยายหนูเภเลยเลี่ยนลุงธันว์ไปอีกคน


ส่วนวรรณิศาบทนี้เป็นบทของเธอค่ะ ออกน้อยไปนะนี่
อยากให้ออกเยอะกว่านี้ เอาไว้รอบทต่อไปอีกหน่อย

แหะ แหะ ขอแก้ข่าวหน่อย ช่อครามยังเหลืออีกสองเรื่องอ่ะ
กว่าจะถึงคิวของวรรณิศา ให้เธอไปพักผ่อนยุโรปแก้ร้อนได้พักใหญ่เลยนะนี่ อิอิ


อิอิ บทต่อ ๆ ไปคงได้ฝังนายเมษาไปพร้อม ๆ กัน
ท่าทางจะมีหลายคนอยู่นะนี่...
ผู้ชายแบบนี้ไม่สมควรเก็บไว้เลยเนอะ
คนอะไร ชีวิตคิดง่ายแบบนี้ เหอะ เหอะ


โดย: พรายทราย วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:48:39 น.  

 
คุณพีท

วิธีแก้ปัญหาแต่ละเรื่องของนายเมษา ไม่แปลกใจที่ชีวิตไปเรื่อย ๆ แบบนั้น
แบบจะได้ไม่ต้องมีความผิด เพราะไม่ได้ทำอะไร คนอื่นทำหมด เหอะ เหอะ

สงสาร เวทนาก็ได้ค่ะคุณพีท ตาเมษารักหนูเภจริง ๆ (จริง ๆ กว่าทุกคนที่เคยคบมา)
แต่มันก็สายไปสะแล้ว และความรักแบบเมษา ก็ใช้งานใช้การไม่ได้อยู่ดี
ต้องฝังลูกเดียวเนอะ ผู้ชายแบบนี้

จ๊ากกก จะให้ลุงธันว์กับหนูเภเต็มบทอีกหรือคะ เดี๋ยวเลี่ยนแย่เลยนะนี่
มุขหวีด ๆ ใหม่ ๆ นี่คิดยากจริง ๆ นะ หงือ หงือ


โดย: พรายทราย วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:21:02:02 น.  

 
คืนนี้พรายทรายร้อนระอุ ทั้งง่วง ทั้งเพลีย ทั้งเหนื่อย
แหะ แหะ บ่นไม่ถูกเลย

งั้นขอเปิดโหมดต้อนรับอัตโนมัติ และเครื่องแจกจ่ายความสุขอัตโนมัติด้วยเช่นกัน

ฝันดีราตรีสวัสดิ์ สดชื่น สดใสรับวันพุธกลางสัปดาห์นะคะ
แป๊บ ๆ กลางอาทิตย์เฉยเลย

หงือ หงือ งานการดูจะเยอะแยะไปหมด อิอิ โหมดบ่นโผล่มาได้ไงนี่

อิอิ ขอชาร์จแบตก่อนนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:22:39:49 น.  

 
แวะเอากาแฟมาเสิร์ฟครับ


โดย: coffeetalk วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:9:11:54 น.  

 
นิยายสนุก เสียงเพลงก็ไพเราะ ทำให้ไม่รู้สึกเหงาเลยค่ะวันนี้


โดย: นิยายฝันหวาน วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:13:07:30 น.  

 
คุณ coffeetalk

ขอบคุณสำหรับกาแฟถ้วยนี้นะคะ อิอิ
มีบริการส่งถึงที่ ว๊าวว ดีจัง

ขอบคุณนะคะที่แวะมา


โดย: พรายทราย วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:17:54:33 น.  

 
คุณ นิยายฝันหวาน

ดีใจค่ะที่ไม่เหงา ขอให้มีความสุขเยอะ ๆ นะคะ
ขอบคุณที่แวะมา อ่านนิยาย และฟังเพลง
แล้วแวะมาอีกนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:17:56:10 น.  

 
อดใจไม่ไหว กระโดดข้ามมาอ่านตอนล่าสุดซะงั้น ชอบตอนที่จั่วหัวไว้
สุดยอดจริงๆ...กับเกมที่ไม่มีรางวัลอยู่จริง คนแพ้และชนะก็ไม่ต่างกัน
เฮ้อ...ถ้ารู้แล้วจะอยากแข่งอยู่หรือเปล่าเน้อ...

วันนี้กลับมาญี่ปุ่นหลังจากไปบาหลีมา ถึงตอนเช้าก็มึนเลยค่ะ คลานขึ้นเตียงแบบเหี่ยวๆ เพราะป่วยพอดี แต่พรุ่งนี้กลับบ้านแล้วค่ะ

คิดถึงนะคะ มีเรื่องอยากเล่ามากมาย ฮ่าๆๆ



โดย: นางฟ้าหน้าหมวย (บินปร๋อ ) วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:19:11:39 น.  

 
เข้ามากราบสวัสดีพี่อ้อ ยามเย็นครับ

ช่วงนี้เริ่มหนาวแล้ว รู้สึกว่าจะมาเร็วกว่าปกติ (หรือเปล่า) พี่อ้อรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ยังไงก่อนนอนก็อย่าลืมหลับตานะครับ เป็นห่วง


โดย: วรบรรณ วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:19:22:04 น.  

 
คุณนางฟ้าหน้าหมวย

เนอะ คนเราหลาย ๆ คนชอบแข่งกันไม่เข้าเรื่อง
ไม่รู้จะแข่งขัย แย่งชิง เอาชนะกันไปทำไม
อึมม์ (ไม่ได้พาดพิงเลี้ยวไปไหนเลยเนอะ)

เดินทางตะลอนแบบนี้ต้องรักษาสุขภาพ พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ
ไม่สบาย เป็นไข้ทานยาหรือยัง ต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ
เอาใจช่วยค่ะ หายเร็ว ๆ เน้อ

คิดถึงมากมายเช่นกันค่ะ อยากเล่า อยากฟังเหมือนกัน
คงมีเรื่องสนุก ๆ เยอะแยะเลย


โดย: พรายทราย วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:19:44:45 น.  

 
คุณวรบรรณ


ขอบคุณที่แวะมาสวัสดีรายงานตัวค่ะ

น่าอิจฉาคนอยู่ป่า อากาศคงเริ่มเย็นแล้วนะคะ
ทางนี้ยังร้อนระอุ
แต่ได้อ่านหลินฮุ่ย ช่วงช่วง ต้มเหล้าเถื่อนควันโขมงแล้ว
อ่านแล้วมีความสุขดี เรื่องจดหมาย อิอิ

เหอะ เหอะ ปกติพี่อ้อนอนลืมตาตลอดเลย อิอิ
หลับตาแล้วเดี๋ยวไม่เห็นความฝันสิ หกล้มตกท่อพอดี อิอิ

ดูแลสุขภาพ มีความสุขเยอะ ๆ ค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:19:47:45 น.  

 
วันนี้ Mick จบแล้ว หือ หือ ใจหวิว ๆ วูบ ๆ ชอบกล
เฮ้อออ...

ต้องเปิดระบบต้อนรับอัตโนมัติล่ะค่ะ ขอเตรียมนอน เตรียมตื่นมาเขียนงาน

พรุ่งนี้เดินสายแต่สาย กลับมาคงเย็นย่ำ
ฝากความสุขสำหรับวันพฤหัสให้กับทุก ๆ คนด้วยนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:20:56:02 น.  

 
แอ๊ดด้วย...

งึมๆๆๆ

แง่มๆๆ

(มึนๆ มาแอ๊ดบล๊อก... ไปนอนดีกั่ว)


โดย: BestChild วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:21:04:50 น.  

 



พ ฤ หั ส สุ ข สั น ต์ จ๊ ะ

เข้าบ้านพรายทรายแล้วสบายตา สบายใจจริงๆ
BG ไล่สีสวยเย็น ตัวอักษรอ่านง่าย
และมีเรื่องชวนอ่านรออยู่

รักษาสุขภาพ และมีความสุขกับวันดีๆทุกทุกวันนะจ๊ะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:17:09:59 น.  

 
คุณBestChild

คุณเบสต์เลยนอนเร็วเลยเนอะ ดีแล้วค่ะ พักผ่อนเยอะ ๆ

อิอิ พรายทรายแอบแอด เพราะจะได้ไปง่าย ไม่งั้นต้องไปลายปากกาก่อนทุกที อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:19:41:16 น.  

 
ธุป้ากุ๊กค่ะ

ขอบคุณสำหรับภาพสายรุ้งสวย ๆ ค่ะ
ป้ากุ๊กชมสะเริ่มลอยแล้วล่ะค่ะ

ป้ากุ๊กก็พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ ได้ยินว่าภารกิจเยอะเนอะ
รักษาสุขภาพเช่นกันนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:19:43:28 น.  

 
ช่วงนี้พรายทรายร้อนระอุ หน้าแล้งนี่มันทรมาน
ขนาดเมื่อคืนฝนตกตลอดจนเช้า ยังไม่สาใจเลย
อยากให้หน้าหนาว ลมเย็น ๆ มาเยอะ ๆ จัง

งานเริ่มรุมเร้า ช่วงนี้อาจคุยไม่ได้เยอะนะคะ
กลับมาเพลียบอกไม่ถูกเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลยนะนี่
แหะ แหะ สงสัยแก่เยอะแระ เดินสายแบบนี้สงสัยต้องเพลา ๆ ตัวเอง

แต่ก็ยังมีความสุขแจกจ่ายเหมือนเดิม
ขอเปิดโหมดอัตโนมัติเร็วขึ้นล่ะ
พรายทรายแว่บไปนอนก่อนนะคะ งานเต็มเพียบเลย

มีความสุขกับค่ำคืนวันพฤหัส และวันศุกร์ทุก ๆ คนนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:19:47:13 น.  

 
พี่อ้อ....

หนูตูนมาแล้ว

วันนี้อยู่ที่ทำงานไม่ได้ไปศูนย์อ่ะคะ
ไปนั่งกินข้าวที่ Retro มาแล้วค่ะ
เป็นครั้งแรกที่ไปกินข้าวที่นี้

รู้สึกไปเองหรือเปล่า...ว่าของแพงมากเลย


โดย: ปณาลี วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:18:07:02 น.  

 
คุณปณาลี

แสดงว่าได้พัก ดีใจเลย ปีนี้พี่อ้อขี้เกียจสุด ๆ งานก็กองเต็มโต๊ะ
เลยโบกมือลางานหนังสือ ไม่มีนัดที่ไหน
อิอิ ไม่ได้นัดน้องตูน แหะ แหะ

ชอบ Retro ตรงที่มันค่อนข้างเงียบ เป็นที่ฝังรากนัดพบได้ดี
ไม่วุ่นวายเหมือนในศูนย์อาหาร หรือ Black น่ะค่ะ

แต่อาหารก็โหดตามปกตินะคะ พี่อ้อไม่แน่ใจว่าปีนี้บฟ อาหารลดลงไปแค่ไหน
แต่คิดว่าเป็น Oktoberfest น่าจะมีขาหมู และไส้กรอกแห้ง ๆ หรือเปล่า
แต่ในราคาขนาดนั้น ก็ถือว่าโอนะคะ อาหารหลากหลายพอสมควร
ถือมาตรฐานในราคาขนาดนั้นกินเยอะ ๆ ได้ก็ถือว่าคุ้ม
แหะ แหะ
แต่ถ้าทำงานแล้วต้องกินแบบนั้นทุกวัน หาข้าวกล่อง หรือกินจากข้างนอกไปให้อิ่มดีกว่า

อาหารในศูนย์ฯ ก็แพงเกินใจเหมือนกันเนอะ แหะ แหะ

จำได้ว่ามีอยู๋ปีหนึ่ง สมาคมนักแปลฯ ไปจัดบูธ พี่อ้อต้องไปเฝ้าตลอดเทศกาล
ถือเป็นช่วงไดเอ็ท ทานมาจากบ้าน แล้วก็ลากยาวไปทั้งวัน กินแต่น้ำ น้ำหนักลดได้ใจเหมือนกัน อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:19:38:02 น.  

 
นี่ขนาดไม่ได้ไปงานหนังสือฯ พรายทรายังเดินสายเหนื่อยและเพลียจริง ๆ กับโปรเจ็คงานที่ถืออยู่


อากาศร้อน ฝนก็ตก ไม่ได้โดนฝนแต่ก็มึน ๆ เพลีย ๆ บอกไม่ถูกจริง ๆ

แค่กะพริบตาวันอาทิตย์ก็ใกล้มาถึงอย่างรวดเร็ว

แอบขอตั้งโหมดอัตโนมัติแต่หัววัน
ท่าทางจะต้องไปนอน เมื่อคืนนั่งทำงานทั้งคืนจนเช้า

มีความสุขกับค่ำคืนนี้ และสุขสันต์วันเสาร์ล่วงหน้านะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:19:42:11 น.  

 

เ ส า ร์ สุ ข สั น ต์ วั น ส บ า ย ส บ า ย จ๊ ะ

แวะมาเยี่ยมเยียนในวันหยุดจ๊ะ

รักษาสุขภาพ และมีความสุขกับวันดีๆทุกทุกวันนะจ๊ะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 18 ตุลาคม 2551 เวลา:22:17:06 น.  

 
มาเก็บตกอย่างละเลียดอีกทีนึง พอได้อ่านก็รู้สึกสมน้ำหน้าเมษาที่ตกอยู่ใน
ความวุ่นวายเพราะการกระทำตัวเองแท้ๆ ต่อให้เจอคนรักมากมาย...ก็ไม่มีวันได้รักแท้มาครอบครองอย่างหนูเภหรอกค่ะ

อิอิ...ฟอสซิลเริ่มถูกกัดกร่อนละลายไปเสียแระ ชอบการเปรียบเปรยอย่างนี้จริงๆ เบื๊อเบื่อพวกแสดงออกว่ารัก...แต่ไม่จัดการอะไร ปล่อยให้ผู้หญิงเสียใจอยู่ด๊าย !! วีาย...แอบอินเข้าเรื่องส่วนตัวรึเปล่าเนี่ย

มีความสุขกับการแต่งนิยายและเลือกเพลงโปรดนะคะพี่อ้อ จะตามเก็บหนูเภตราไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบเรื่องค่ะ ลุงธันว์ก็อย่าเต่าเป็นปู่ธันว์ละกัน วัยรุ่นใจร้อนนนนนนนน.....


โดย: นางฟ้าหน้าหมวย (บินปร๋อ ) วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:10:20:33 น.  

 
เตร็ดเตร่เข้ามา... นึกว่าเป็นวันจันทร์แล้ว...

เอ๋ ยังไม่ใช่เหรอครับ อิๆๆ งึ่มๆๆ


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:12:55:51 น.  

 
เตร็ดเตร่ตามคุณพีทเขามา

วันนี้วันอาทิตย์นะคะคุณพีท

ต้องเป็นวันอาทิตย์ที่พี่อ้อมีความสุขมากอยู่แน่ๆ เลย



โดย: ปณาลี วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:13:37:40 น.  

 
ธุค่ะป้ากุ๊ก

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนทักทาย
พรายทรายมาเลทอีกตามเคย
แต่ก็ขอให้ป้ากุ๊กมีความสุขสบายใจเช่นกันค่ะ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:23:17:48 น.  

 
คุณนางฟ้าหน้าหมวย


ขอบคุณที่แวะมานะคะ ช่วงนี้พี่อ้อคงเหงา คิดถึงวายุจังเลย

5555 คงเพราะแรงยุของน้องนางฟ้า
หรือไม่ลุงธันว์กลัวจะเป็นปู่ธันว์
เครื่องติดได้ที่แล้วชักไม่ค่อยเก็บอาการ อิอิ

ภาษาละเมียด อย่างสัญลักษณ์บางคนเขาก็ไม่ชอบนะคะ
บางคนเขาก็ว่าให้อ่านนิยายเพลิน ๆ แล้วยังมาให้ต้องตีความน่าปวดหัว

แต่ช่อครามก็เป็นแบบนี้ ไม่มีสัญลักษณ์คงไม่ใช่ช่อคราม
55555 กว่าจะหาเทียบสัญลักษณ์ได้ เล่นปวดหัวอยู่เหมือนกัน

เอาไว้มีรางวัลแจก หากใครเก็บสัญลักษณ์เรื่องนี้ได้ครบหมด อิอิ

คงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบนายเมษาเนอะคะ
ยิ่งเขียนเมษามากคนเขียนก็ยิ่งเกลียดค่ะ 55555
ไป ๆ มา ๆ เหมือนแกล้งถ่วงให้ออกช้าสะอย่างนั้น

เดี๋ยวบทที่ 25 ใกล้ถึงวันวิวาห์แล้ว ไม่รู้จะเป็นวันวินาศหรือเปล่าเนอะ
คนเขียนยังร่ำ ๆ ปวดหัวอยู่เลยนี่ จะเอาไงดี อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:23:25:54 น.  

 
คุณพีท

อะโต๋ แค่นี้คนเขียนก็ขมองรวนแล้วค่ะ
มึนตา มึนขมองอิ่ม หูอื้อไปหมดแล้ว

ทั้งคั่ว ทั้งปั่น กว่าจะรอดสามทุ่มก่า เหอะ เหอะ
ถ้าเป็นวันจันทร์อีก แย่แน่
เดี๋ยวนี้ต้องท่องวันกำกับสติไว้ตลอด

ไม่ไหว หลง ๆ ลืม ๆ บ่อย ๆ แบบนี้มีหวังต้องหาหมอเพิ่มแน่ ๆ เลย


โดย: พรายทราย วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:23:28:11 น.  

 
คุณปณาลี

มีความสุขค่ะ อากาศเย็นสบายดี นิยายปะเสร็จเรียบร้อย
นี่ยังคิดอยู่เลยนะคะ ถ้าวันนี้ร้อนมีหวังยิ่งเครียดหนัก
ขอบคุณฟ้าฝนที่ยังเมตตา...

ช่วงนี้งานการแน่นขนัด ไม่ค่อยได้เดินสายทักทายเพื่อนบล็อก
แค่ในบล็อกตัวเองยังปล่อยค้างเลย

แหะ แหะ หากพี่อ้อแวะไปที่บล็อกน้องตูนช้า อย่าเพิ่งบ่นน้อยใจเสียงดังนะคะ

เดี๋ยวหายมึนแล้วรีบไปแน่นอนค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:23:31:32 น.  

 
อยากจะสงสารเมษานะ...แต่...
สงสารไม่ลงง่ะ... หุหุหุ

สู้ต่อไปเจ๊เภฯ .... งึ่มๆๆ...

ปล.พันธมิตรอกหัก โอ๊ะ เข้ากันดีแฮะ ฮ่าๆ

+++++++++++++


โดย: รักดี (ploy666 ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:47:38 น.  

 
คุณรักดี

โถ น่าสงสารเมษาจริง ๆ

แป้ว ตามปล. อิอิ พันหลายมิตรที่ไหน ตรงนี้มีพันธุ์รัก ค่ะ
รักอย่างเดียวววววววว



โดย: พรายทราย วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:25:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.