ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ณ ปลายฟ้า...คือเธอ (Love@Horizon) 19.. "ช่อคราม"










บทที่ 19


การจากลา...
ไม่ใช่การร่ำลาของการสิ้นสุด แต่เป็นการร่ำลาจาก
เพื่อเริ่มต้นรอคอยกับการพบกันครั้งใหม่
สักวัน...ที่จะมาถึงในอนาคต




“เมื่อวานไม่น่าพูดถึงพ่อกับแม่มากไปเลย” เภตราถอนหายใจทำหน้ามุ่ย ทันทีที่วางหูโทรศัพท์ลง

“ภูเก็ต... แม่คุณมาเมืองไทยหรือเภตรา” ธันวาเอ่ยปากถามอย่างงง ๆ คาดเดาเท่าที่ได้ยินจากพัชรี

“ค่ะ... พรุ่งนี้ฉันต้องไปรับพวกท่านที่สนามบิน.. แต่เช้าอีกต่างหาก”

“อ้าว คุณน่าจะดีใจ ทำไมทำหน้าจืดสนิทแบบนั้น” ธันวาอดถามอีกไม่ได้นั่นแหละ เขายังจำได้ว่าเมื่อคืนบนระเบียงห้องใต้หลังคา เธอยังเล่าเรื่องที่บ้าน สมัยเด็กด้วยความคิดถึงอย่างมีความสุข มันทำให้เขารู้สึกอิจฉาชีวิตในวัยเด็กของเธอเสียด้วยซ้ำ

“ไม่รู้สิคะ ถ้าพ่อกับแม่มาอย่างปกติ ฉันก็คงรู้สึกดีล่ะ เกือบจะปีแล้วที่ฉันไม่ได้เจอตัวพวกท่าน ได้อย่างมากก็แค่คุยโทรศัพท์แค่นาทีสองนาที แต่นี่...เดี๋ยวนะคะ ขอเคลียร์บัญชีก่อน” เภตรายกนิ้วเป็นเชิงขอเวลานอก เธอหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา เป็นโอกาสดีที่เธอจะได้โวยสเตฟาน แม้จะโวยเรื่องอันย่า หรือถามให้หายสงสัยไม่ได้ก็ตาม แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเธอกับสเตฟานอย่างเดียว

แต่ดูเหมือนวันนี้โทรศัพท์เครื่องของเธอจะติดต่อสื่อสารกับใครเขาไม่ได้เอาเสียเลย ราวกับว่าเพราะที่เธอปิดเครื่องโทรศัพท์ไม่ยอมใช้งานนานเกินไป

เภตราฝากข้อความไว้ ว่าจะติดต่อไปใหม่ เธอมองโทรศัพท์ตัวเองอยู่แว่บหนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจปิดเครื่องเหมือนเดิม พ่อกับแม่คงไม่นึกครึ้มเปลี่ยนเที่ยวบินตั้งแต่ตอนนี้หรอก...

แว่บหนึ่งของความรู้สึกลิ่วไปหาเมษา แต่คิดไปเมษาเวลาอยู่กับบุษมาส เขาก็คงไม่มีเวลาโทรมาหาเธออยู่แล้ว

น่าแปลกที่ความคิดถึงเมษาเปลี่ยนไปจากเดิม ๆ มากมาย ไม่รู้ว่าสเตฟานไปเล่าอะไรไว้บ้าง แม่ของเธอถึงพูดแบบนั้น สเตฟานนะสเตฟานช่างทำเธอได้ แล้วแบบนี้เธอจะไปลากเมษากลับมาได้อย่างไร ต่อให้ไม่มีเรื่องที่ยังค้างคาใจอยู่แบบนี้ เธอก็คงโทรไปบอกให้เมษากลับมาจากทำงานอีกไม่ได้เช่นกัน

เอาเถอะ บอกไปตรง ๆ ว่าเมษาไม่อยู่ ไปทำงานเมืองนอก คงพอดึงเวลาไปได้บ้าง ในระหว่างที่เธอยังไม่รู้จะเอาอย่างไรกับเมษา พ่อกับแม่ก็คงไม่อยู่ที่ไหนนาน ๆ อยู่แล้ว คงไม่อยู่รอจนเจอหน้าเมษาหรอก คิดเสียอย่างนี้คงสบายใจไปได้บ้าง

แต่ก็นั่นแหละ พ่อกับแม่เธอทำอะไร วางแผนอย่างไร เธอไม่เคยรู้เรื่องมาแต่ไหนแล้ว และหากถ้าพ่อกับแม่อยากอยู่ดันทุรังรอเจอกับเมษาอีก ก็อาจเป็นไปได้อีกเช่นกัน...

“ดูคุณเป็นกังวล จะติดต่อหาที่พักหรือครับ” ธันวาคาดเดาไม่ถูก แต่สีหน้าของหญิงสาวคราวนี้เหมือนเต็มไปด้วยความอึดอัดไม่สบายใจ

“เรื่องโรงแรมท่านติดต่อไว้เรียบร้อย ฉันกังวลเรื่องอื่น...เรื่องรถ...เอ่อ เรื่องที่ท่านตั้งใจอยากมาเจอ...เอ่อ...” เภตราไม่รู้จะบอกอย่างไรดี เธอถอนหายใจ กัดริมฝีปากนิ่ง

“เจอเมษาหรือ” ธันวาคาดเดา เภตราคงตั้งใจ ตั้งความหวังไว้มากมาย ถึงขนาดบอกกับครอบครัวขนาดนี้เชียวหรือ

“ค่ะ...แต่ไม่ใช่ฉันบอกพ่อกับแม่หรอกนะ... สเตฟานน่ะ ไม่รู้ว่าไปเล่าอะไรให้ท่านฟังบ้าง แต่แม่พูดเหมือนว่าตั้งใจเปลี่ยนเส้นทางมากรุงเทพฯ เพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะ” หญิงสาวพูดจบ หน้าก็ยิ่งหม่นลง ธันวาเริ่มเข้าใจความอีดอัด ไม่สบายใจที่เธอรู้สึก

“เอางี้เดี๋ยวหากโรงแรมเรียบร้อยแล้ว เรื่องรถคุณไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมไปเอารถที่น้องสาวให้เอง... ส่วนเรื่องเมษาคุณก็บอกว่าเขาไปทำงาน...ก็แค่นั้นไม่ต้องไปบอกรายละเอียดอื่น” จนได้อีกนั่นแหละ เขาก็ไม่พ้นแส่ตามเคย พูดไปฟังแล้วก็น่าปวดหัวจริง ๆ พฤติกรรมของนายเมษาน้องชายเขา หากใครรู้ก็คงไม่มีครอบครัวไหนอยากให้แต่งงาน หรือแค่อยู่ใกล้ ๆ ลูกสาว ตัวเองเป็นแน่

“ไม่เอาละทำไมต้องไปกวนคุณกันยาด้วย เดี๋ยวไว้เรียกแท็กซี่ หรือรถเช่าพร้อมคนขับก็ได้ค่ะ ไปกวนรถคุณกันยา ฉันรู้จักถนนหนทางที่นี่เสียที่ไหนเล่า”

“ยายกันย์ไม่มีปัญหาหรอก ผมจำเป็นต้องใช้ก็ไปเอาได้ทุกเมื่อ เมื่อก่อนก็เป็นรถของผมเอง….ให้คุณเรียกรถไปเอง เดี๋ยวได้โดนแท็กซี่พาไปอ้อมรอบกรุงเทพฯ เสียดายตังค์”

“ลำบากคุณเปล่า ๆ “

“ไม่หรอกบังเอิญโชคดีพรุ่งนี้ผมไม่มีประชุม ไม่มีนัดงานอะไร ยินดีบริการเต็มที่...ยังไงเสียคิดว่า... หากเมษาไม่อยู่ เขาอาจขอให้ผมทำแบบนี้ก็ได้...” ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะพูดประโยคนั้นออกไป เขารีบหลบตาของเภตราเสมองแจกันกุหลาบบนโต๊ะ เขาไม่อยากให้เธอเห็นความรู้สึกนี้...

ความรู้สึกที่แท้จริง …

“ยังไงเราก็เป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมบ้านกันอยู่แล้ว จะให้ผมไม่ช่วยได้ยังไง...” ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งเจ็บ ธันวาพยายามเก็บกดความรู้สึกที่กำลังรู้สึกอยู่นี้...

ขอแค่สักคน...คนที่เขาพร้อมจะให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่เขาสามารถ คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา คนที่เขาเต็มใจทำให้ทุกอย่างก่อนที่จะร้องขอ ให้เป็นคนพิเศษ เป็นคนสำคัญ เป็นคนแรก ที่ไม่ใช่คนสุดท้ายเมื่อเวลาหาใครช่วยไม่ได้แล้ว หรือไม่ต้องการความช่วยเหลือพึ่งพาจากเขาอีกเลย...

“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ คุณช่างดีกับฉันจริง ๆ ” เภตรายื่นมือออกไปวางซ้อนบนมือที่กำลังแตะอยู่แจกันแก้วบนโต๊ะ เธอบีบมือนั้นเบา ๆ ก่อนส่งยิ้มขอบคุณให้อย่างเต็มใจ

แค่เพียงรอยยิ้ม และดวงตาคู่นั้นไม่หมองเศร้า รอยยิ้มจากหัวใจที่เปิดโลกของเขาให้สว่างสดใส.. ที่สามารถเกลื่อนความรู้สึกเศร้า เสียใจ เจ็บปวดทั้งมวลให้หายไป

บางทีอาจได้แค่เพียงเท่านั้น...จริง ๆ แต่มันช่างเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่เขาอยากได้มาตลอดทั้งชีวิต และอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป...

แล้วเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น เปลี่ยนบรรยากาศห้องให้กลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

“พอดีพี่ก้อยไม่อยู่ที่โต๊ะ เอเลยโทรมาเอง คุณเภตราว่างมั้ยคะ คุณภัทราอยากเชิญปรึกษาเรื่องลูกความ ช่วยดูเอกสารที่ห้องตอนนี้หน่อยค่ะ” เอ เลขาของทนายฝ่ายดูแลเรื่องการเข้าเมืองแจ้งความประสงค์

“ว่างค่ะ เดี๋ยวขออีกห้านาทีดิฉันไปนะคะ” เภตราตอบรับ และหันไปยิ้มให้กับธันวาอีกครั้ง ก่อนหยิบสมุดโน้ตเตรียมลุกออกไปนอกห้อง

“ถ้าไม่มีงานอะไร จะนั่งรอที่นี่ก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันกลับมา ยังมีเรื่องกวน ปรึกษาคุณอีกเยอะเลย”

“ไปทำงานเถอะ ผมจะไปเก็บของที่ห้องไว้เลย เดี๋ยวจะโทรบอกน้องสาวผมด้วย ว่าเย็นนี้เราจะแวะไป” ธันวายิ้มตอบ ก่อนมองร่างหญิงสาวจนลับตา เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ หันกลับมามองเครื่องโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะ แต่ก่อนจะทันได้โทรหากันยา เสียงเรียกจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เมษาไม่เคยถูกจังหวะเลยจริง ๆ …

“เฮีย...ขอคุยกับเภตราหน่อยสิ”

“ไหนว่าจะโทรแต่เช้า แล้วแกหายหัวไปไหนมา โทรมาป่านนี้”

“เอ่อ..ก็ งานมันติดพัน...เฮ้อออ! บุษก็อยู่ คนของลุงก็อยู่ ผมเลือกเวลาอยู่ลำพังได้ที่ไหน”

“ถ้าแกตั้งใจจะทำ แกจะโทรต่อหน้าใคร ๆ ก็ได้ หรือมันแย่สุดขนาดแกไม่ได้เข้าห้องน้ำทั้งวัน”

“เอาน่าเฮีย ผมโทรมาแล้ว ถึงช้าไปหน่อยก็เถอะ ไม่ได้หายไปไหนอยู่ดี เฮียจะบ่นจะว่าก็เต็มที่เลย แต่ช่วยให้เธอพูดกับผมหน่อยนะเฮีย...ว่าแต่เฮียอยากได้อะไรสาว ๆ เกอิชาหน้าขาว ข้าวกล่องรสเยี่ยม ขนมหวาน ชาเขียว อ่อ ต้องสาเกสินะ...เดี๋ยวผมแบกขวดยักษ์ไปให้ลังหนึ่งเลย”

“ช้าไปเยอะจนไม่ทันน่ะสิ...แกก็คิดแต่อย่างนี้ เฮ้ออ...ตั้งนานแกก็ไม่โทรมา เภตราว่างมาตลอด เพิ่งจะไปคุยงานเมื่อกี้ ไม่รู้จะยาวหรือเปล่า จะให้ฉันถือโทรศัพท์แกไปเข้าห้องประชุมด้วยคงพิลึก” ธันวาถอนใจ กับความคิดของน้องชาย และเวลาของสองคนนี้มันไม่ตรงกันเสียเลย เขาก็สุดปัญญาจะช่วยจริง ๆ

เสียงทางเมษาเงียบไปชั่วอึดใจ จนเขาต้องถอนใจอีกรอบ

“เอางี้... พอเธอกลับมาฉันจะโทรไปหาแกเองดีมั้ย” ความจริงลึก ๆ เขาไม่อยากทำแบบนี้เลย เขาไม่อยากเห็นเภตราต้องคอย แล้วก็หม่นเศร้าอีก ทุกครั้งทีเขาเห็นผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ และเจ็บปวด มันก็ทำให้เขาเจ็บปวดไปด้วยอย่างอัตโนมัติ

แต่กับน้องชาย น้องชายร่วมสายเลือดที่กำลังขอความช่วยเหลือ แม้มันจะเป็นการช่วยเหลือที่ไม่ค่อยจะถูกเรื่องถูกราวเสียเท่าไร และช่วยไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น...

แต่เมษาก็ยังคงเป็นน้องชายของเขาอยู่ดี...

“ว่าไง...?” ธันวาถามกลับไปอีกครั้ง หรือว่าสัญญาโทรศัพท์ขาดหายไป

“เฮียลองโทรมา ยังไงช่วยผมหน่อยแล้วกัน เแล้วผมจะแบกสาเกไปเป็นของกำนัลนะ”

“ถ้ามัน...” ยังไม่ทันที่ธันวาจะพูดจบ เมษาก็ตัดสายไปเสียแล้ว ธันวาส่ายหน้า ก่อนกดโทรศัพท์ไปบอกน้องสาวตัวเองเรื่องรถ




ยังไม่ทันที่ธันวาและเภตราจะออกพ้นสำนักงาน เสียงแจ้ว ๆ ของคนเมื่อกลางวันก็โผล่มาให้ได้ยินอีกที

“ว้ายยย! มาทันพอดี ทำไมกลับกันเร็วล่ะค่ะ ศารีบบึ่งมาให้ทันก่อนเลิกงานเลยนะคะ ดีนะคะที่อยู่ใกล้แค่นี้...สวัสดีค่ะพี่ธันว์”

ธันวารับไหว้อยากประหลาดใจ วรรณิศากับเภตรามีธุระอะไรกันอีก แถมคราวนี้ไม่ได้มาคนเดียวเสียด้วย

“คุณวรรณิศาลืมอะไรหรือเปล่าคะ ความจริงโทรมาก่อนก็ได้” เภตราถาม พยายามทวนความจำว่ามีอะไรค้างคากันเมื่อกลางวัน วรรณิศาแต่งหน้าจัด ผมเกล้าสวย ต่างจากเมื่อกลางวัน ราวกับว่าเธอลงจากเวทีเดินแบบแล้วก็ย้อนกลับมาในทันที

“คืองี้ค่ะ...เอ่อ พอดีมีเรื่องด่วนเลยต้องรีบมา ไม่ทันโทร...นี่คุณแป๋ม นักข่าวฝ่ายแฟชั่นกองบอกอนิตยสาร ไฮไลฟ์ เอ่อ นี่คุณเภตรา คุณธันวานะคะ”...วรรณิศาแนะนำตัวอย่างเร่งรีบ ก่อนถือวิสาสะดึงข้อมือเภตรา เลี่ยงไปอีกมุมหนึ่ง

“พอดีบังเอิญเจอคุณแป๋มในงานเดินแบบเมื่อกี้ค่ะ เลยมีไอเดีย ไอเดียมันดีมากเล้ยยยย เอ่อ มันด่วนมาก เอ่อคือ...เธอเสนอให้ศาไปถ่ายแบบที่ญี่ปุ่น พอดีศาว่าปิ้งเลย ...เอ่อนะ...ถ้าให้คุณเภตราไปถ่ายแบบด้วย สัมภาษณ์ด้วย...เลยให้เขามาคุยตกลงรายละเอียดกับคุณเภตรา”

“อะไรกันคะคุณวรรณิศา ดิฉันไม่ใช่นางแบบนะคะ” เภตราร้องเสียงสูง จนทุกคนที่อยู่บริเวณหน้าต้อนรับต้องหันมาดูอย่างสนใจ

“โอ๊ย...ไม่สำคัญหรอกค่ะ ก็แค่โพสต์ท่าถ่ายรูป ถ่ายในเล่มสองสามชุด ไม่ได้ขึ้นปก เซเลป ไฮโซ สาวนักธุรกิจถ่ายได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นนางแบบหรอก เอ่อ... ศาคุยตกลงไว้ให้เรียบร้อย ไปญี่ปุ่นแค่สามวันเอง”

“เดี๋ยวค่ะ คุณวรรณิศาใจเย็นก่อน คุณตกลงอะไรกับเขา โดยฉันไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไงกันคะ” เภตราเริ่มเสียงแข็ง เธอเริ่มไม่ชอบการกระทำแบบนี้ วรรณิศาช่างวุ่นวายเสียจริง

“เอ่อ.. ก็ เอ่อ... ก็แค่ตกลงไอเดียคร่าว ๆ ...เอ่อ ก็นี่ล่ะค่ะเดี๋ยวเราไปหาที่กินข้าว นั่งคุยรายละเอียดกัน...”

“ดิฉันคงไม่สะดวกล่ะค่ะ เดี๋ยวมีธุระต้องไปกับคุณธันวาด้วย อีกอย่างเรื่องถ่ายแบบ เรื่องสัมภาษณ์ดิฉันไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญจนต้องเป็นข่าว หรือจะประชาสัมพันธ์ตัวเองด้วย”

“แต่ได้ไปญี่ปุ่นนะคะ เมืองเดียวกัน จะได้ไปดูงานของเมษากับบุษมาสด้วยไงคะ” วรรณิศาพูดความจริง ของจุดประสงค์หลัก หลังจากที่หาเหตุอ้อมโลกให้มาลงที่เดียวกันจนได้

เภตราเริ่มเข้าใจ เธออยากหัวเราะให้ความตั้งใจให้บังเอิญอย่างที่วรรณิศาว่าไว้ เธอเหลือบตาเลยไปมองนักข่าวสาวที่กำลังยืนคุยอยู่กับธันวา ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเป็นราวเดียวกันหรือไม่

อย่างวรรณิศาเธอช่างวางแผน และทำงานได้อย่างรวดเร็วจนน่าจะเป็นนักประสานงาน หรือทำลายงานได้ดีมากกว่าเป็นนางแบบเป็นไหน ๆ

“ดิฉันคงไม่ว่างพอขนาดนั้น ขอบคุณคุณวรรณิศาที่ช่วยจัดการ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าฉันอยากไปหาเมษา ดิฉันคงบินไปเองได้...คงต้องขอตัวแล้วรีบค่ะ” เภตราพยายามควบคุมน้ำเสียงและอารมณ์ เรื่องของเมษาเธอไม่
สามารถแดิ้นรนได้เท่าวรรณิศาจริง ๆ

เภตราเดินกลับมาหาธันวาและนักข่าวที่ดูเหมือนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน เธอเห็นธันวากำลังเคาะนามบัตรและหัวเราะอย่างสบอารมณ์ ท่าทางอยากจะเป็นนายแบบกระมังนี่

“มีโอกาสคงได้สัมภาษณ์คุณธันวาบ้างนะคะ”

“ถ้าเป็นนิตยสารธุรกิจมาขอข่าว ขอความเห็นวิเคราะห์ก็พอว่าครับ แต่สัมภาษณ์อะไรแบบนี้ คงไม่ใช่ผม เปลืองหน้ากระดาษแพง ๆ ไปเปล่า ๆ “

“จะเป็นนายแบบด้วยหรือคะคุณธันวา” เภตราอดแทรกกระเซ้าเพื่อตัดบทไม่ได้ ก่อนหันหน้ายิ้มหวานไปทางนักข่าวสาวที่กำลังยิ้มหวานให้กับธันวาด้วยเช่นกัน ขณะที่วรรณิศาเดินตามมาด้วยหน้าที่ขัดใจเสียอารมณ์อยู่ไม่น้อย

“ขอบคุณที่ให้เกียรติดิฉันนะคะที่มาเชิญด้วยตัวเอง คุณวรรณิศาเล่าให้ฟังแล้ว แต่คงต้องขอโทษ ขอปฏิเสธนะคะ ดิฉันไม่ใช่เซเลปคนดัง ไม่ได้มีข่าวที่มีความสำคัญใด ๆ “

“อะไรกันคะ คุณเภตราออกสวยขนาดนี้ ความสามารถก็น่าทึ่ง แป๋มว่าขึ้นปกได้เลยนะคะ หลายนิตยสารอยากได้คุณมาร่วมงานด้วยทั้งนั้นแหละค่ะ…”

“ขึ้นปกเก็บไว้ให้คุณวรรณิศาเถอะค่ะ เธอเหมาะสมกว่ามากมาย ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะไม่ได้นัดหมายมา พอดีมีธุระต้องรีบไป”

“เข้าใจค่ะ พอดีมันกระชั้นมาก ไอเดียปุ๊บปั๊บ แต่ไม่เป็นไร...จริง ๆ ร้านเสื้อก็จัดเสื้อได้ทันนะคะ ลองคิดดูอีกทีมั้ยคะ พรุ่งนี้ค่อยคอนเฟิร์มก็ได้ เรากะว่าจะบินตอนกลางคืนอยู่แล้ว” นักข่าวสาวดูจะไม่ลดละความพยายาม

“ไปเถอะค่ะคุณเภตรา นะคิดสะว่าไปเป็นเพื่อนกัน” วรรณิศาเองก็เช่นกัน เธอทำเสียงอ้อนอย่างหวาน เหมือนที่เภตราเคยเห็นเวลาเธอพูดกับเมษา

“ยิ่งไม่ได้เลยค่ะ พรุ่งนี้คุณพ่อคุณแม่ดิฉันจะมาหา คงไปไหนไม่ได้หลายวัน” เภตราเสียงเข้มขึ้นอีก ธันวาดูสถานการณ์ของสาว ๆ ตรงหน้าแล้ว อดลุ้นไม่ได้ว่าเภตราจะฝ่าด่านออกไปอย่างไร

แถมให้คิดต่อไปอีกว่าจะมีนิตยสารอื่น ๆ ที่สนใจเรื่องความรักหลายเส้านี้อีกหรือไม่...ข่าวนี้คงทำให้นิตยสารซุบซิบคนดังขายดี

“น่าเสียดายเรื่องไปญี่ปุ่นจัง แต่ยังไงแป๋มอยากจะมาขอนัดสัมภาษณ์อีกที” หญิงสาวส่งนามบัตรให้เภตรา

“ต้องขอโทษนะคะ ที่ให้ยืนคุย แต่คงต้องรีบไปแล้วค่ะ คุณธันวามีนัดต้องรีบไป” เภตราตั้งใจตัดบท เธอเริ่มหมดความอดทน ที่ปั้นหน้าใส่หน้ากากรักษามรรยาท

“งั้น เอ่อ ศาไปส่งดีมั้ยคะ จะไปทางไหนกัน คุยกันอีกทีบนรถ เผื่อคุณเภตราจะเปลี่ยนใจ”

“ไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ ทั้งเรื่องถ่ายแบบ และสัมภาษณ์ ไม่ดีกว่า อีกอย่างนัดกับพี่กันย์ค่ะ คุณวรรณิศาคงไม่อยากไป” คราวนี้ชื่อนี้ได้ผลชะงัด
วรรณิศาเบ้ปาก ครุ่นคิด

“ก็แค่ไปส่ง”

“อย่าเลยครับ เมื่อกี้เห็นคุณแป๋มบอกว่ามารถคุณวรรณิศา ต้องย้อนกลับไปงานที่สยามกันอีก คนละทางกันเลย ช่วงนี้รถติดเปล่า ๆ “

“นั่นสิคุณศา คุณศายังมีเดินแบบช่วงค่ำอีกนะคะ แล้วไหนต้องไปเลือกชุดที่ร้านคุณเพียงขวัญอีก เดี๋ยวเตรียมงานไม่ทัน”

“อ้าว! ยายศา คุณเภตรา พี่ธันวา” อรัญทักทายยกมือสวัสดีธันวามาแต่ไกล ขณะเปิดประตูสำนักงานเข้ามา ตัวช่วยตัวใหม่ ที่ธันวาไม่นึกว่าจะมา เภตราขมวดคิ้ว วันนี้ทำไมดูมันช่างวุ่นวายอย่างนี้...

“ทำไมมาตอนนี้” ธันวาเอ่ยทัก รับไหว้อย่างแปลกใจ

“ผ่านมาครับ จะไปไหนกันหรือ หรือประชุม ยายศาจะลงทุนอะไรอีก”

“เปล่า...งั้นศากลับเลยดีกว่า… ไปค่ะคุณแป๋ม” วรรณิศาดึงแขนนักข่าวสาวออกจากวงไปอย่างรวดเร็ว

“อ้าว!” อรัญมองอย่างงง ๆ เอ่ยปากถามอีกครั้ง เมื่อเห็นวรรณิศาพ้นประตูสำนักงานไปแล้ว

“วรรณิศามาวุ่นวาย รุ่มร่ามอะไรอีกครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เธอมาชวนไปถ่ายแบบ...ที่ญี่ปุ่น” เภตราสะบัดนามบัตรในมือเล่น เน้นเสียงคำว่าญี่ปุ่นอย่างตั้งใจ

“ญี่ปุ่นเอ๋....อ่อ! ยายบ้าเอ้ยยย ช่างลงทุนสะจริง” อรัญส่ายหน้า กว่าจะเข้าใจในความหมาย

“แล้วนี่รีบกลับ? มีธุระ ประชุมที่ไหนหรือเปล่าครับ ว่าจะแวะมาชวนคุณเภตรา...กับพี่ธันว์ทานข้าวเย็น”

“จริง ๆ ก็ไม่ใช่ธุระอะไร...ว่าจะไปหายายกันย์น่ะ”

“ดีเลยงั้นไปรถผม ไม่ได้เจอหน้าพี่กันย์หลายวันแหละ เผื่อกินข้าวเย็นด้วยกันเลย...นะครับ” อรัญยิ้มให้เภตราอย่างตั้งใจ ธันวาขมุ่นคิ้วมอง ทำไมน้องชายของเขาไม่เป็นแบบนี้บ้างนะ...




แม้เครื่องบินจะมาตรงเวลา แต่ก็ทำเอาเภตราหาวอยู่หลายรอบ เมื่อยังไม่เห็นใครออกมา อดมองคนข้าง ๆ ไม่ได้ มีเพียงกาแฟ และแซนด์วิชที่เธอเตรียมไว้ให้รองท้องก่อนออกมา ไม่รู้จะหิวแค่ไหน ความจริงเธอไม่น่ารับความช่วยเหลือให้เขามาด้วยเลย ทำให้ต้องหยุดงาน เสียเวลา แถมสถานการณ์ อารมณ์พ่อของเธอจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้...

“เปลี่ยนใจยังทันนะคะ” เภตราหยั่งเชิงถาม

“แล้วทิ้งคุณไว้ที่นี่คนเดียวน่ะหรือ.. ไม่ล่ะ ไม่รู้หรือผมชอบอยู่นอกสำนักงานมากกว่า ยิ่งได้โอกาสแบบนี้” ธันวาหลิ่วตาอมยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะแก้ง่วงให้เธอได้เป็นอย่างดี

และทันทีที่เห็นร่างคุ้นตา เภตราก็วิ่งโร่เข้าไปหามารดา

นานเหลือเกินที่ไม่ได้สัมผัสกับอ้อมกอดนี้…

“เป็นอย่างไรบ้าง เกือบปีแล้วสินะ ตั้งแต่คริสต์มาสที่แล้ว...ดูหน้าตาสดใสเชียวนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักอย่างมีความสุข เภตราขยับไปโอบทักทายบิดาที่เดินตามมาข้าง ๆ

“พ่อกับแม่ดูแข็งแรงดีนะคะ แม่จะอยู่กี่วันคะนี่”

“วันเดียวแหละ ค้างคืนนี้ พรุ่งนี้ก็คงกลับ ตั้งใจแค่แวะมาเยี่ยมแป๊บเดียว”

“อ้าว...หนูนึกว่าจะอยู่หลายวัน” เภตราทำหน้าม่อย ๆ แต่เธอก็คุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาเป็นอย่างดีตั้งแต่เด็กจนโต

“จะหลายวันได้ยังไง แม่เขาต้องไปร่วมงานสัมมนาที่ฟินแลนด์โน้น ต้องอ้อมกลับไปอีกไกลเลย” แฮร์เดรสเนอร์เอ่ยปากขึ้นเป็นครั้งแรก พร้อมกับมองเลยไปยังธันวาที่เพิ่งเดินตามมาสมทบ

ธันวายกมือไหว้คนทั้งสอง ทันทีที่เภตรารู้สึกว่าพ่อของเธอกำลังสนใจธันวาอย่างจริงจัง จนแม่ของเธอพึมพำทักขึ้นเบา ๆ

“คุณเมษาหรือคะ” น้ำเสียงภาษาไทยฟังชัดเจน อ่อนหวาน

“อ๋อ ลืมแนะนำเลย... ไม่ใช่ค่ะ นี่คุณธันวา เป็นพาร์ตเนอร์ที่สำนักงาน
กรุงเทพฯ เพื่อนร่วมงานของหนูค่ะ”

มารดาของเภตรารับไหว้ยิ้มอย่างเป็นมิตรเต็มที่ ผิดกับผู้เป็นสามีกลับจับมือธันวาที่ยื่นมาทักทายอย่างเต็มแรงด้วยมาดขรึมที่ปราศจากรอยยิ้ม หรือเคราหนวดดกหนาสีน้ำตาลเข้มนั้นจะบดบังรอยยิ้มบาง ๆ ไว้เสียหมด

“เป็นทนายเหมือนกัน ยินดีที่รู้จักค่ะ เรียกดิฉันดาราก็ได้นะคะ” เฟราเดรสเนอร์พยายามผ่อนคลายบรรยากาศ เภตรารีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียดแน่นหนักไปมากกว่านี้

“ครับ” ธันวาได้แต่ตอบเบา ๆ เคยเจอชาวต่างชาติ ลูกความมามากมาย ก็ยังไม่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนในท้องได้เท่ากับครั้งนี้

“คุณธันวากรุณามาขับรถให้ค่ะ พ่อกับแม่จะเข้าโรงแรมเลยมั้ยคะ ตั้งใจจะไปไหนกันหรือเปล่า วันนี้หนูจะบริการให้เต็มที่”

“เพิ่งออกจากโรงแรมมาสนามบิน...ห่าง ๆ โรงแรมก่อนดีกว่า” ผู้เป็นแม่โบกไม้โบกมือ ทำหน้าเบื่อคำว่าโรงแรม ก่อนจะรีบพูดต่อ

“จริง ๆ ว่าจะหาลีมูฯ ไปอยุธยา แม่อยากไปไหว้พระสักหน่อย ไหน ๆ ก็มาถึงเมืองไทยแล้ว” เฟราเดรสเนอร์เอ่ยปากขึ้น

เภตราเม้มริมฝีปากแน่น เริ่มเครียดขึ้นมาทันที เหมือนคุ้น ๆ กว่าอยุธยาคือเมืองหลวงเก่า แต่ไม่มั่นใจว่าอยู่ตรงส่วนไหนของเมืองไทย แต่คงไม่ใช่ในกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน

แล้วธันวาจะว่าอย่างไร เธอไม่คิดว่าจะเดินทางไปไหนไกล โดยลืมไปว่ามารดาของตัวเองไม่ใช่คนชอบชอปปิ้ง ซื้อข้าวของอะไรมากมาย

“หนูไปมาหรือยัง”

“เอ่อยังค่ะ...หนูได้ไปแต่หัวหิน แต่ก็เรื่องงาน มาเมืองไทยยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวไหนเลย”

“ยังบ้าทำงานเหมือนเดิม” ผู้เป็นแม่ต่อว่าเบา ๆ

“เลือดเดรสเนอร์เป็นแบบนี้ทุกคน” แฮร์เดรสเนอร์หัวเราะเป็นครั้งแรก แต่เป็นหัวเราะเสียงดังอย่างภูมิใจ เล่นเอาธันวากระตุกผวาอยู่ไม่น้อย

“ถ้าอย่างนั้นไปอยุธยาเลยดีมั้ยครับ ใกล้แค่นี้เอง ไม่เกินสี่สิบห้านาทีก็ถึง จะได้ไม่ร้อนมาก กลับมาจะได้ทันเข้าเช็คอินในโรงแรม หาอะไรทานมื้อกลางวัน แล้วเผื่อจะพักผ่อน หรือไปไหนต่ออีกค่อยว่ากันอีกที” ธันวาเสนอความเห็นราวกับหัวหน้ามัคคุเทศก์พลางเอื้อมมือออกไปรับกระเป๋าเดินทางใบย่อมจากผู้เป็นบิดามาถือไว้แทน เป็นครั้งแรกที่แววตาจากร่างสูงใหญ่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

เภตราอยากเอ่ยปากถามชายหนุ่มเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง แต่สายตา รอยยิ้มที่กลับมาพร้อมกับการกระทำก็เป็นคำตอบให้เธอได้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณนะคะ” เภตรายิ้มตอบ ดวงตาใสเป็นประกาย ขอบคุณแทนพ่อกับแม่ของเธอ ก่อนคล้องแขนมารดาออกเดินตามธันวาไป



ตลอดการเดินทางคนที่คุยมากที่สุดด้วยร้อยเป็นพันเรื่องคงเป็นมารดากับเภตรา เดี๋ยวภาษาเยอรมัน ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยสลับกันไปมาแล้วแต่จังหวะของเรื่องราวที่จะให้คนฟังรับรู้ เขาค่อนข้างมั่นใจ นิสัยพูดเก่งของเภตราคงมาจากมารดานี่เอง

หญิงสาวที่ยังไม่มีเค้าของความสูงวัย สมส่วน ไม่สูงมากเหมือนสาวไทยสมัยก่อน เดินเหินแข็งแรง สมกับที่เภตราเล่าให้เขาฟังถึงความเป็นนักโบราณคดี ผิวสีน้ำผึ้งทิ่ยิ่งคล้ำเพราะคงอยู่กลางแดดตลอด ดวงหน้านวลที่เภตราถอดเค้าความงามมาเกือบทุกกระเบียดนิ้ว โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น แม้จะผสมผสานด้วยโครงหน้า โครงร่างจากผู้เป็นพ่อก็ตาม

ความจริงน่าจะสลับที่กัน ส่งเภตราที่นั่งขยุกขยิกหันกลับไปกลับมาคุยจ้ออยู่อย่างนี้ ไปนั่งข้างมารดา เสียงจะได้ลดความดังลงบ้าง แต่ผู้ชายตัวใหญ่ ๆ อย่างพ่อของเธอให้มานั่งหน้าในรถญี่ปุ่นคันไม่ใหญ่ของเขาคงไม่ถนัด เศรษฐีอย่างแฮร์เดรสเนอร์คงคุ้นกับการนั่งลีมูซีนคันยาว หรือเรือยอร์ชส่วนตัวลำโตมากกว่า

และทุกครั้งที่เขาหันไปมองกระจกหลัง สายตาของผู้เป็นพ่อไม่ได้คลาดจากเขาไปเลย เหมือนจะคอยเก็บรายละเอียด สังเกตกิริยาท่าทีของเขาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาที่เขาพูด เขายิ้มกับเภตรา แม้ว่าจะนิ่งเงียบไม่ต่างไปจากเขา ที่แม้ไม่ได้ร่วมวงเอ่ยปากสนทนาสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้งีบหลับ และยังฟังร่วมอยู่ในวงสนทนาด้วยตลอดเวลา

นี่หากเป็นนายเมษจะรับสถานการณ์นี้อย่างไร ขนาดตัวเขาเองที่ยังเป็นคนวงนอกยังอึดอัดอยู่ไม่ใช่น้อย ที่ตาดุ ๆ จะเหมือนคอยจ้องจับผิดอยู่อย่างนี้ นอกจากตาดุแล้วแฮร์เดรสเนอร์ก็คงดุ หวงลูกสาวอยู่ไม่ใช่น้อย ก็น่าหรอกลูกสาวน่ารัก สวย และมีคนเดียวแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่คนยุโรปมักเป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกหลาย ๆ คนเหมือนกับชาวเอเชีย

ธันวาเริ่มคิดไม่ตก หากผู้เป็นพ่อได้พบกับน้องชายของเขา ความเป็นไปไปได้ระหว่างเภตรากับเมษาไม่ว่าทางไหน ก็เหมือนดูจะเป็นไปได้ยากจริง ๆ แล้วคนที่ต้องมานั่งเสียใจก็คงหนีไม่พ้นเภตรา

เจ้าตัวแสบก็เหมือนโชคดีที่ไม่ต้องอยู่รับเหตุการณ์นี้ ธันวาคิดย้อนกลับไปเมื่อเย็น เขาอุตส่าห์ชั่งใจอยู่นาน อุตส่าห์วางแผนตอนทานข้าวเย็นอยู่กับกันยา และอรัญ จังหวะนั้นเป็นโอกาสดี ที่เภตราจะไม่รู้สึกว่าเขาตั้งใจช่วย
เหลือเมษา

เพียงแค่ห่างไปไม่ถึงชั่วโมง แต่เมษาก็ปิดโทรศัพท์ติดต่อกลับไปไม่ได้ แม้แต่จนหัวค่ำที่กลับมาบ้านแล้วก็ตาม

เวลาของสองคนนี่ช่างสวนทางกันราวกับเป็นเรื่องตลกเสียจริง แต่อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่ไม่ได้บอกเล่าให้เธอต้องมารอสายเก้ออย่างที่เธอไม่ชอบนั่นเอง

เขาน่าจะเข้าใจน้องชายได้ดี เมษาไม่เคยต้องการโอกาส เขาเลือกสิ่งที่เขาพอใจ ทำแค่อย่างที่ตัวเองต้องการเท่านั้น



“เข้าไปถวายผ้าห่มหลวงพ่อด้วยกันนะคุณธันวา” ดาราผู้เป็นมารดาแตะแขนของธันวาเบา ๆ ขณะที่ธันวาทำท่าจะคอยอยู่ด้านนอกบริเวณที่จอดรถหน้าวัดหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง

อีกครั้งแล้วสินะที่เขาทำบุญร่วมกันกับเภตรา ความผูกพันเหมือนยิ่งฝังรากแน่น เภตราเหมือนตื่นตา ตื่นใจกับความงามของวัด หน้าของหญิงสาวทั้งสองมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด

ครอบครัวนี้ชอบทำบุญ ไม่เว้นแม้แต่ผู้เป็นพ่อ พานผ้าสีเหลืองสองชุด หนึ่งชุดของแฮร์และเฟราดเรสเนอร์ อีกชุดของเขาและเภตรา อดไม่ได้อยากรู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้นว่าเธอจะอธิษฐานว่าอย่างไร …

หากขอให้ตัวเองสมหวัง ก็ต้องมีคนต้องเสียใจ และหากเขาขอให้เธอสมหวัง ทั้งเธอและเขาก็คงจะเสียใจอยู่ไม่น้อย และเธออาจยิ่งมากกว่าความเสียใจ มันเหมือนผลักเธอให้ลงไปในนรกเสียด้วยซ้ำ...

หากเช่นนั้นเขาคงเลือกขอให้ตัวเองประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่องทั้งหน้าที่การงาน และก็ขอให้มีผู้หญิงข้าง ๆ เขามีรอยยิ้ม มีความสุข มีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้ตลอดไป เพราะนั่นก็คงทำให้เขารู้สึกเป็นสุขไปด้วยเช่นกัน...

และเขาก็อธิษฐานไปเช่นนี้มากกว่า 9 วัดที่เดินทางอยู่ในตัวเมืองอยุธยา มื้อกลางวันเป็นอาหารไทยที่ร้านริมน้ำ

ธันวาเก้ ๆ กัง ๆ อีกครั้งเมื่อลงจากรถ เขาควรน่าจะปล่อยให้ครอบครัวนี้ใช้อยู่กันตามลำพัง น่าแปลกที่เหมือนแฮร์ดเรสเนอร์เป็นคนยืนรอเขาอยู่ ขณะที่สองแม่ลูกวิ่งหายไปข้างในร้านอย่างตื่นเต้น เขาเห็นรอยยิ้มกว้างบนหน้าดุนั้นเป็นครั้งแรก

“เข้าไปนั่งทานข้าวด้วยกันนะมิสเตอร์ธันวา คุณไม่ใช่คนขับรถที่จะต้องอยู่เฝ้ารถแบบนี้ และเรียกผมว่าฮานส์ก็ได้”




“พรุ่งนี้ผมมารับได้นะครับ ไม่ได้เสียเวลาตรงไหน”

“ไม่ต้องย้อนกลับไปกลับมา แค่นี้ วันนี้คุณก็เหนื่อยมากแล้วขับรถมาทั้งวัน เราให้ลีมูฯ ของโรงแรมไปส่งได้...มันรวมอยู่ในบริการที่พักอยู่แล้ว” แฮร์
ดเรสเนอร์ผู้หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์เบียร์ และแดดของเมืองไทยตบไหล่ธันวาเบา ๆ ดูเขาจะอารมณ์ดีมากขึ้น คุยมากขึ้น ไม่มีทีท่าของคุณพ่อหน้าดุอย่างที่เขาอึดอัดใจมาตั้งแต่พบกันครั้งแรก

“ขอบคุณมาก ที่คุณสละเวลามาขับรถให้ครอบครัวของเรา ผมมีความสุขมาก... แล้วก็สนุกมากที่ได้แลกเปลี่ยนเรื่องธุรกิจกับคุณ ได้ดื่มเบียร์กับคุณ เสียดายที่คุณต้องขับรถกลับ ไม่งั้นผมจะชวนดื่มทั้งคืน หวังว่าเราคงได้พบกันอีกบ่อย ๆ ฝากลูกสาวของผมด้วย”

ธันวาผงะรับกอดทั้งตัวจากชายหนุ่มสูงวัยตัวใหญ่แทบไม่ทัน แฮร์ดเรสเนอร์มองลูกสาวกับภรรยาที่ยังคงกอดกันกลม ก่อนคลายวงแขนออกเปลี่ยนเป็นโอบและตบบ่าของธันวาอย่างคนคุ้นเคย

“ขอบคุณมากอีกครั้งคุณธันวา ขอบคุณในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของเภตรา หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก” เฟราดเรสเนอร์โอบธันวาเพื่อร่ำลา ขณะที่เภตราพยายามเก็บความเศร้าไว้แน่นเต็มอก

“แล้วเจอกันที่บ้านตอนคริสต์มาสเหมือนเคย ไม่ว่าอากาศเดือนเมษาจะเป็นอย่างไร พ่อก็ดีใจแล้ว พอใจแล้วที่ได้พบลูกสาวเสมอในเดือนธันวา” คำพูดของผู้เป็นพ่อเหมือนตีความได้เพียงเรื่องเดียว

เภตราเม้มริมฝีปากแน่น เธอพยายามเข้มแข็งเต็มกำลัง ตลอดทางตั้งแต่เช้า ทั้งพ่อและแม่ไม่มีใครเอ่ยเรื่องเมษาให้เธออึดอัดเลย และเธอก็เลือกไม่พูดถึงผู้ชายคนนั้น...จนสุดท้ายสิ่งที่พ่อของเธอพูด เภตราได้แต่ร้องไห้ลั่นอยู่ข้างใน

“พ่อเชื่อในการตัดสินใจของลูก และภูมิใจในตัวลูกสาวของพ่อเสมอ” ผู้เป็นพ่อโอบกอดลูกสาวอย่างรักใคร่ท่วมท้น

การร่ำลาเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด หากแฮร์ดเรสเนอร์ และธันวาไม่แยกผู้หญิงทั้งสองให้ออกมา เที่ยงคืนกว่าแล้วกับการเดินทางอันยาวไกล...

หลังจากกลับเข้ากรุงเทพ ฯ ตอนบ่าย ธันวาพาครอบครัวดเรสเนอร์ไปวัดพระแก้ว ขับรถชมกรุงเทพฯ จนถึงตอนเย็น ก่อนมาสิ้นสุดที่ดินเนอร์มื้อค่ำ ณ โรงแรมที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ธันวาเองก็เหมือนไม่อยากให้การเดินทางครั้งนี้สิ้นสุดลงเช่นกัน เขาอยากขับรถพาครอบครัวนี้เดินทางไปให้ทั่วเมืองไทยหากมีเวลา เขาเองก็มีความสุขไม่แพ้ทุกคน

สำหรับเขามิตรภาพ ความผูกพันช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้เขาปิติตื้นตันใจไปกับครอบครัวนี้ เหมือนอย่างที่เธอเคยเล่าเมื่อค่ำคืนก่อนหน้านั้น

ที่เขาไม่เคยจะมีโอกาสได้พบในครอบครัวของเขาเอง...

เภตรานั่งเงียบหันหน้าออกนอกหน้าต่างมาตลอดทางจนมาถึงบ้าน เขาสังเกตเห็นรอยหม่นเศร้าบนใบหน้านั้นอีกแล้ว... สายฝนนอกรถตกเป็นละออง ราวกับม่านแพรฟุ้งสีขาวบาง ๆ

เธอร่ำไห้อีกแล้ว...

“ฉันไม่อยากให้วันนี้ต้องสิ้นสุดลงเลย ได้เจอหน้า ได้อยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ทุกที เป็นแบบนี้ทุกที” เภตราพึมพำเบา ๆ เพิ่มเป็นกราดเกรี้ยวในช่วงท้าย ก่อนจะปล่อยสะอื้นมา หลังจากที่เก็บกดไว้ต่อหน้าผู้เป็นพ่อและแม่มาตลอดทั้งวัน

“ฉันอยากให้พวกเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป” หญิงสาวสะอื้น จนธันวาค่อย ๆ เกลี่ยเม็ดน้ำตาบนหน้านวล เภตราโผเข้าสะอื้นกับเขาเหมือนอย่างเคย ธันวาได้แต่กระชับเธอไว้แน่นในวงแขน ตัวเขาเองก็น้ำตาซึมอยู่ไม่น้อย …

เขาจะเกลื่อนความเจ็บปวด ลบเลือนความรู้สึกนี้ให้กับเธอได้อย่างไร...

เขาเองก็อยากสร้างครอบครัวที่เสมือนวันนี้ให้เธอ แต่เธอจะยอมรับหรือไม่ ในเมื่อเธอรอคอยอย่างไร้ความหวังจากน้องชายของเขาเอง ซึ่งเขาก็ไม่มั่นใจว่าน้องชายเขาก็จะให้กับเธอได้หรือไม่

ความอบอุ่นแบบนี้ จากหญิงสาวคนนี้เขาเองก็อยากให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป เขากระชับเธอแน่นขึ้น ไม่อยากปล่อยเธอให้ไป เขาเองก็ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเช่นกัน

แม้ครอบครัวของเขาจะได้เจอกัน แต่มันก็ต่างไปจากความสัมพันธ์ ความผูกพันของคนในครอบครัวดเรสเนอร์ทั้ง ๆ ที่เหมือนต้องจากพรากกันอยู่ตลอดเวลา...

เขาเข้าใจทุกอณูความรู้สึกเจ็บปวดของเธอ…

แล้วเขาจะปล่อยเธอให้มีชีวิตอยู่กับน้องชายของเขาได้อย่างไร สุดท้ายมันคงไม่พ้นเหมือนเคย ๆ เหมือนชีวิตที่เภตราต้องจำเจซ้ำซากมาตลอดแบบนี้ น้ำตาของเธอเปียกชื้นทั่วบ่าของเขา...

เขารักผู้หญิงนี้อย่างไม่ต้องคิดอะไรเป็นอื่นได้อีกแล้ว รักอย่างที่เขาพร้อมเสมอที่จะพูดออกไปได้ตลอดเวลา นับแต่นี้เขาพร้อมที่จะให้ เสียสละ ที่จะปกป้อง ปลอบโยน แบ่งปันความรู้สึก เผชิญทั้งทุกข์ สุข และ
มอบครอบครัวที่อบอุ่นให้เธออย่างเต็มใจ...


เพียงแต่เธอเท่านั้น เธอจะมีวันพร้อมยอมรับความรักของเขาแทนที่น้องชายเขาหรือไม่...แค่เพียงเท่านั้น

หากเขาเลือกบอกความรู้สึกในใจ บอกรักเธอเสียตั้งแต่ตอนนี้ ความรู้สีกนี้ คำ คำนี้จะปลอบเธอได้หรือไม่...ธันวาพยายามครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

แล้วสติของเขาก็ปล่อยโอกาสให้มันผ่านไป...

“ร้องออกมาเภตรา แล้วบอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย คริสต์มาสนี้คุณจะได้กลับไปหาครอบครัวคุณอีกครั้ง... นึกถึงวันข้างหน้า ผ่านเวลานี้ไป ผมเชื่อว่าสักวัน คุณจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น...เหมือนอย่างวันนี้ สักวัน...อีกไม่นาน ผมเชื่ออย่างนั้นนะ.. สักวัน” ธันวาตบหลังเธอเบา ๆ ก่อนกระชับวงแขนกอดเธอแน่นอีกครั้ง...

“คุณเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ หรือคะ” เภตราหยุดสะอื้น ถอนวงหน้าจากบ่าของธันวา กลิ่นน้ำหอมอ่อนผ่านเข้ามาในความรู้สึก แก้มของเธอสัมผัสผ่านแก้มของเขา... ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขาอย่างรอคำตอบ เนิ่นนาน... ดวงหน้าเนียนละไมจนเขาอยากย้ำบอกความจริงใจให้กับริมฝีปากคู่นั้น…

แต่คำพูดกับความรู้สึกในใจ ห่างกันไกล... ธันวาถอนหายใจกับความรู้สึก และการตัดสินใจของตัวเอง

“สักวันเภตรา...สักวันผมเชื่อว่าอีกไม่นาน” และมันคงสักวันสำหรับเขาเช่นกัน... ในใจวูบจางก่อนจะคลายวงแขนเลื่อนตัวขยับเป็นจับไหล่ทั้งสองของ บีบเบา ๆ ย้ำความเชื่อมั่นให้เธอแทน ก่อนที่อารมณ์ของเขาจะเตลิดพาตัวเองไปไกลมากกว่านี้ เภตรายิ้มเหมือนเด็กว่าง่าย เขาประคองใบหน้านั้น ค่อย ๆ กรีดนิ้วปาดน้ำตาให้สองแก้มนั้นอีกครั้ง...

“ดึกแล้ว ฝนลงปรอย ๆ เข้าบ้านเถอะ คุณเหนื่อยแล้ว...อย่าไปนอนร้องไห้ต่ออีกนะ เดี๋ยวไม่สบาย ผมเองก็จะรอคอยวันนั้นไปกับคุณ”

วันที่เขาจะไม่ปล่อยเธอไปแบบนี้อีก...ธันวาปลอบใจตัวเอง...



เวลาแห่งความสุขผ่านไปแล้ว และเขาก็ปล่อยให้ผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดฉวยโอกาสนั้นไว้ เภตราลงจากรถไปขึ้นบ้าน ขณะที่เขายังคงล็อกรถ รู้สึกเหมือนตัวเองตื้อ จนอยากร้องไห้ออกมาแทน...

บ้าน...ครอบครัว ธันวาถอนใจ รู้สึกเสียดายความรู้สึกเมื่อครู่ที่ตัวเองตัดสินใจ ปล่อยโอกาสดี ๆ ที่ไม่รู้สักวัน วันไหนที่จะมีอีกหรือไม่...

เขาเดินหงอย ๆ ขึ้นบ้าน เปิดประตู และปิดประตู...

หากกักเธอ ขังไว้ในนี้...ในบ้านของเขาหลังนี้เป็นครอบครัวของเขาเองได้คงดี คงเป็นความสุขที่เธอคงไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป..สักวัน ถ้ามันเป็นไปได้..

แต่เธอจะมีความสุขไปด้วยจริง ๆ อย่างนั้นหรือ ในเมื่อเขาก็รู้ถึงความต้องการของเธอเป็นอย่างดี...

เขาไม่มีวันจะทำร้ายจิตใจของเธอเป็นแน่ ๆ ...

ธันวาโคลงหัวตัวเองพิงเข้ากับบานประตูขณะล็อคลูกบิด และใส่กลอนราวกับคนเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ที่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง

เขาเลือกที่จะไม่บังคับฝืนใจ ฉวยโอกาส ยัดเยียดความรู้สึกให้กับเธอ มันไม่คุ้มค่าหากต้องสูญเสียเธอไปตลอดชั่วชีวิต ด้วยวิธีนี้...

มันไม่ใช่การปลอบโยน...
มันไม่ใช่โอกาสดี ๆ .... ธันวาเตือนสติบอกตัวเองอีกครั้ง



ธันวาถอนหายใจหันหลังกลับตามปกติ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเภตรากลับลงมาอีกเมื่อไหร่ หญิงสาวขยับมาใกล้ ๆ หยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเขา

“ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลย ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ขอบคุณสิ่งที่ให้กับครอบครัวของเรา ขอบคุณสิ่งที่คุณให้กับฉันเสมอมา... ขอบคุณค่ะ” เภตราพูดจบค่อย ๆ เขย่งปลายเท้าโน้มคอธันวาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว เธอหอมแก้มก่อนจุมพิตเบา ๆ บาง ๆ ที่ริมฝีปากของเขา...

“ราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดีนะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” เภตรายิ้มหวานสดใส ดวงตาเป็นประกายทั้ง ๆ ที่หน้านั้นยังเปื้อนคราบน้ำตา ก่อนวิ่งแน่บกลับขึ้นบันไดไป

ธันวายืนนิ่งงุนงงไปชั่วขณะ ตกตะลึงกับสัมผัสชั่วเสี้ยววินาทีที่ได้รับ เขาอมยิ้ม ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจหายไปจนหมดสิ้น รู้สึกหัวใจพองฟูราวกับได้รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จ …

ธันวายิ้มทั้งความรู้สึก ก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ เขินกับตัวเอง...ราวกลับเป็นเด็กหนุ่มใหม่อีกครั้ง

แม้จะเป็นรอยจุมพิตแค่เพียงการขอบคุณ หรือเป็นแค่จุมพิตราตรีสวัสดิ์ก่อนนอนของเด็ก ๆ แต่มันก็มีค่าแห่งความทรงจำมากมาย มันประทับที่ริมฝีปากนี้ หัวใจดวงนี้ และมันคงต้องมีค่า ประทับใจมากกว่าที่เขาคิดจะสัมผัสริมฝีปาก จุมพิตปลอบเธอตั้งแต่อยู่ในรถ...

แม้มันจะต่างอารมณ์ แต่สิ่งที่เขาได้รับครั้งนี้ก็มีค่าสำหรับเขามากมาย ปลอบประโลมเขาได้มากกว่า... ให้กำลังใจได้มากกว่า และมากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ...

กับการรอคอยโอกาสดี ๆ ที่แท้จริงในอนาคต สักวัน...



...โปรดติดตามตอนต่อไป...





***
"Everytime You Cry" เพลงหวาน ซาบซึ้งโดนใจประทับคนเขียนมาแสนนาน เสียงของ John FarnHam และHuman Nature กลุ่มนักร้องชาวออสเตรเลีย แห่งยุค’80

อยากเล่าว่าจริง ๆ แล้วบทนี้ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเพลงนี้ ไม่ได้นึกเพลงนี้เสียด้วยซ้ำ อยู่ ๆ ก็ไปเปิดไฟล์เก่า ๆ เพลงนี้เตรียมตั้งใจว่าจะสักตอนต้องใส่ในเรื่องนี้อยู่นานแล้ว...จนคนเขียนลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

ถึงว่าตอนแรกเขียนอืดอยู่ตั้งนาน พอเจอเพลงนี้เท่านั้น ทุกอย่างก็ไหลโครมพอ ๆ กับน้ำป่าเลยจริง ๆ

ไม่น่าเชื่อว่าสักวันได้ใช้เพลงนี้จริง ๆ ...




Create Date : 15 กันยายน 2551
Last Update : 15 กันยายน 2551 23:33:16 น. 38 comments
Counter : 447 Pageviews.

 
โอ๊ยยย พรายทรายอยากสารภาพ ไม่อยากแก้ตัวเลย แต่จำวันผิด เอิ๊กกกก

มัวแต่ไปธุระ ต่อเนื่องทางไกล จนนึกว่ากลับมาปะวันดึก ๆ วันอาทิตย์ก็ยังทัน

ก๊ากกกก ล่อกลับมาสะวันจันทร์

เฮ้อออ ขออภัย สงสารคนแก่หลงลืมวันลืมคืน...


หวังว่าความยาว และความประทับใจของลุงธันว์ในบทนี้ คงจะช่วยแก้ต่างแก้ตัวให้พรายทรายได้

pantown เกิดอะไรขึ้นใส่รูปไม่ได้ ใช้Bg หน้านี้ไปก่อน ไม่ใช่ bg ที่ตั้งใจไว้

ก่อนที่พรายทรายจะหาที่ฝากรูปใหม่ได้ แหะ แหะ



โดย: พรายทราย วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:22:09:47 น.  

 
รักเพลงนี้เหลือเกิน พอ ๆ กับรักบทนี้ ช่อครามถอดหัวใจเขียนบทนี้มากกว่าทุก ๆ ครั้ง

ขอบคุณเพลง ๆ นี้ ที่ให้ความรู้สึกกับหัวใจดวงนี้ ออกมาเป็นบท บทนี้...


Everytime you cry : John Farnham & Human Nature

Ooh oo - ooh yeah
Ooh oo - ooh

Never before have I seen you look so blue
I can't find a cure and nothing comforts you
The light at the end of the tunnel
Doesn't shine at the end of the day

Everytime you cry
Save up all your tears
I will be your rainbow
When they disappear
Wash away the pain
'Til you smile again
I will be the laughter in your eyes
Every time you cry
Every time you cry

Time has a way of wounding what has healed
What can I say? I know just how you feel
Your soul is dark and troubled
Like a river running wild

Everytime you cry
Save up all your tears
I will be your rainbow
When they disappear
Wash away the pain
'Til you smile again
I will be the one who dries your eyes
Every time you cry
Every time you cry

Well, you know that's what I'm here for
I will give you when you need more
There will be no hesitation
I will reap no reward

Everytime you cry
Save up all your tears
I will be your rainbow
When they disappear
Wash away the pain
'Til you smile again
I will be the one who dries your eyes
Every time you cry
Every time you cry

Save up all your tears
I will be your rainbow
When they disappear
Wash away the pain
'Til you smile again
I will be the one who dries your eyes
Every time you cry
Every time you cry

Every time you cry
Every time you cry

Every time you cry
Every time you cry

Wash away the pain
Wash away the pain


โดย: พรายทราย วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:22:15:15 น.  

 
ลุงธันว์จะล้านดีไปไหน = ='

แต่ท่าทางจะได้ยาขนานเอกแล้วนะเนี่ย อิอิ

ป.ล. น่าจะส่งวรรณิศาไปเรียนวิชา นางร้าย 101 ที่เกาหลี หะเอิ๊กๆๆ


โดย: waidhaya วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:23:43:23 น.  

 
มาลงชื่อไว้ก่อน อ่านไปรอบหนึ่งคร่าว ๆ แล้ว
ลุงแกก็ยังคงแสนดีเหมือนเช่นเดิม หาได้ที่ไหนนี่
เพราะที่รู้จัก มีแต่ประเภทแสนร้าย ใจน้อย ขี้บ่น ต้องคอยเอาอกเอาใจ

อยากได้คนเอาใจเราบ้าง อยู่ที่ไหนนี่ ประกาศตามหาแล้วกัน

ประกาศแล้ว ก็กลับบ้านไปเขียนของเราต่อดีกว่า
ตอนนี้ตีบตันมาก หาทางไปไม่ถูกแล้ว 55555


โดย: ปีกสีรุ้ง วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:0:02:32 น.  

 
ไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้มานานจริงๆ
อิจฉาละนะ


โดย: ชื่อชมฯชอบหาเรื่อง(ไปเขียน) IP: 202.176.114.145 วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:15:27:42 น.  

 
คุณ waidhaya

หากให้ลุงธันว์ไล่ปล้ำหนูเภตั้งแต่ในรถ ยันหน้าประตูบ้าน จนถึงเข้ามาในบ้าน
มีหวังคนอ่านแฟน ๆ จะหนีหมดแน่ ๆ เลย

เอ หรือเปล่า ...
หรือว่าชอบแบบตบจูบ ลากข่มขืนกันหมดแล้วอ่ะ
สงสัยต้องให้ช่อครามเขียนให้ลุงธันว์โหด ๆ บ้างสะแล้วแบบนี้


โห วรรณิศานี่ขนาดยังไม่ร้าย เธอโผล่มาทีไรก็แย่งซีนชาวบ้านสะทุกที
ขนาดคนเขียนยังเริ่มชอบเธอเลยนะคะ
หากให้ร้ายกว่านี้มีหวังยายหนูเภต้องยับเยินเป็นนางเอกละครไทยแน่ ๆ เลย


โดย: พรายทราย วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:18:51:45 น.  

 
คุณปีกสีรุ้ง

อย่างลุงธันว์หาได้เยอะนะคะ พรายทรายเจอหลายคน
แต่ว่าไปแล้วพรายทรายว่าลุงธันว์ไม่ค่อยเห็นจะดีเยอะเลย
แค่ผู้ชายธรรมดา ๆ ที่สุภาพ เข้ากับผู้ใหญ่ เด็กได้ดี
ขี้งก ขี้บ่น เรื่องเยอะ จ้องจับผิด จุกจิก บางทีก็โวยวายน่ารำคาญนะ

ประกาศในบล็อกพรายทรายนี่ไม่ค่อยมีหนุ่ม ๆ ผ่านมาสะด้วยสิ
คงต้องให้สาว ๆ ฝากไปแล้วนะคะ เพื่อจะได้เจอคนรู้ใจ


เวลาตีบตันนี่ พรายทรายใช้ระบบระเบิดค่ะ รับรองกระจาย...ทางมีเพียบ อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:19:00:00 น.  

 
คุณ ชื่อชมฯชอบหาเรื่อง(ไปเขียน)

เอ กำลังเริ่มงง ๆ คุณชมฯ ไหนคะนี่ ชมทะเล หรือชมอื่น ๆ
แง๊ว พรายทรายมะมีอะไรให้อิจฉาเลยนะนี่

แต่หากคุณชมฯ เขียนเรื่องใหม่ (เพราะบอกไม่ได้เขียนนาน)
แล้วเดี๋ยวพรายทรายจะตามไปอิจฉา ว่าแต่ว่า จะไปถูกเปล่านี้

เอาเป็นว่า แล้วแวะมาอีกนะคะ บอกด้วยนาว่าชมฯ ไหน


โดย: พรายทราย วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:19:02:44 น.  

 
ช่วงนี้เหมือนจะเป็นเจ้าหญิงนิทราเสียจริง ๆ
ตะลอนกลับมากว่าจะฟื้นตัว เป็นยามค่ำคืนจริง ๆ
บรรยากาศมันน่านอนจริง ๆ เหอะ เหอะ

ฝนตกทุกพื้นที่ น้ำท่วมด้วย อากาศเย็น
รักษาสุขภาพร่างกาย ระวังอุบัติเหตุทุกรูปแบบด้วยนะคะ
ไม่แค่รถ คนก็ลื่นได้

คิดถึงทุก ๆ คนนะคะ




โดย: พรายทราย วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:19:08:48 น.  

 
แก้ข่าวๆๆ

ไม่ได้ว่าลุงธันว์ไม่ปล้ำหนูเภแล้วเป็นคนดี
แต่ที่ว่าดี เพราะคอยเอาแต่ตามใจเมษาจนเป็นลูกไล่ตะหาก = ='

เพราะส่วนตัวไม่ชอบพระเอกตามสแดนดาร์ดนิยายไทยเหมือนกันค่ะ

พวก หูเบา ขี้เอา เจ้าอารมณ์ ไปไกลๆ เลย


โดย: waidhaya วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:20:48:30 น.  

 
มาเยี่ยมๆมองๆ ...อ้าววว จขบ ปิดไฟนอนซะแล้ว..งั้นฝันดีแล้วกันนะคะ


โดย: เทียนสี IP: 88.106.53.48 วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:21:40:08 น.  

 
คุณ waidhaya

แก้ข่าวค่ะ แก้ข่าว...

ตอนแรกนึกว่าคุณ waidhaya ชอบพระเอกแบบละครทีวีเสียอีก...ขออภัยนะคะ

นั่นสิเนอะคะ พระเอกนิยายละครยอดฮิตยุคนี้ส่วนใหญ่ต้องมีคาแร็คเตอร์แบบนี้ หูเบา ขี้เอา เจ้าอารมณ์จริง ๆ
ไม่รู้นางเอกทนไปได้ไง น่าเหนื่อยใจแทนจริง ๆ

ลุงธันว์นี่พระเอกยุคน้าบัติ เอ๋ หรือต้องปู่สมบัติ แหะ แหะ
รักน้องน่ะค่ะ และปมของเธอก็คือการอยากเป็นเสาหลักแทนพ่อ ให้แม่ ให้น้องได้พึ่งพิง
เลยไม่อยากขัดใจน้อง เท่าที่ทำได้คงเฉย ๆ เป็นตาฤาษีแทน แต่ไม่รู้จะได้นานหรือเปล่าหนอ

แต่หลังจากได้กู้ดไนท์คิส แท็งค์คิสแบบนี้ น่าจะไม่ยอมตามใจน้องละนะ
อิอิ นายเมษไม่ใส่ใจเอง...ลุงธันว์ชอบสาเกที่ไหนกันเนอะ


โดย: พรายทราย วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:22:14:18 น.  

 
คุณเทียนสี

ช่วงนี้อากาศน่านอนค่ะ พรายทรายนอนเล่น นอนจริง จนเพลินไปเหมือนกัน

แต่รอบนี้จะนอนจริงแล้วค่ะ ช่วงนี้เดินสายแทบทุกวัน

ขอบคุณที่แวะมาทักทาย คิดถึงนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:22:16:48 น.  

 
งั้นราตรีสวัสดิ์ ไปนอนจริงก่อนนะคะ
ช่วงนี้เดินสายอีกแล้ว หากมาทักทาย หรือรับรองช้าไป
ขออภัยไว้ล่วงหน้า

แต่ยังไงสตูฯ ก็เปิดตลอด ฟังเพลง อ่านนิยาย เอกเขนกกันอย่างมีความสุขทุก ๆ ท่านนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:22:19:01 น.  

 
รออยู่ตั้งหลายวัน พอพี่อ้อแปะ กลับไม่ได้เข้ามาอ่านซะงั้น วันนี้ดึกซะแล้ว เดี๋ยวกลับมาใหม่นะครับ จะไปหาลุงธันว์ต้องไปหาตอนมีสติดีๆ (เดี๋ยวลุงธันว์โดนเอาเปรียบ ยิ่งอ่านเม้นต์ข้างล่างแล้วยิ่งสงสัยอยู่ด้วย มีปล้ำๆ ด้วยเหรอ เหอๆๆ)


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:22:19:37 น.  

 
คุณพีท

นึกสงสัยอยู่ว่าจะอุ่นไม่พอหรือเปล่า
เพราะหน้าต่างของนายโต๊ะนั้นร้อนฉ่า
ที่แท้ยังไม่ว่างนี่เอง ว่างแล้วค่อยอ่านก็ได้ค่ะ

โถ ไม่ต้องมีสติซีเรียสกับลุงธันว์เยอะก็ได้ค่ะ คลื้ม ๆ ฝัน ๆ ก็ได้
สงสัยพี่อ้อพาคนอ่านซีเรียสไปกันหมดแล้ว แหะ แหะ

แต่ก็ยังหวังเล็ก ๆ ว่าคงอุ่นขนาดพอจิบกาแฟร้อน ๆ ท่ามกลางฝนปรอย ๆ นะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:11:15:25 น.  

 
ฝนยังพรำ ๆ อยู่เลย นั่งมองฟ้ามองฝน แวะเข้าบล็อก
แล้วก็นั่งมองนาฬิกา ชักไม่ค่อยอยากออกไปข้างนอกแล้ว

ยิ่งมีกาแฟอุ่น ๆ ฟังเสียงอุ่น ๆ ของ John Farnham แล้วแม้จะหึกเฮิมก็เถอะ แต่มันน่าจะซุกตัวใต้ผ้าห่มเสียจริง ๆ

พอฟังรอบนี้ก็นึกได้ว่าเขียนถึง John FarnHam น้อยมากจริง ๆ เดี๋ยวเติมข้อมูลอีกหน่อยก่อนไปดีกว่า

มีความสุขกับวันพุธนะคะ (เริ่มท่องไว้ก่อนพลาดเรื่องวันอีกแหะ แหะ)


โดย: พรายทราย วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:11:20:12 น.  

 
กรรม...
จู่ ๆ บล็อกมีตัวกรองคำสะงั้น นั่งหาเป็นนานก็ยังไม่เจอ หงือ หงือ ลองใส่ตรงนี้แล้วกัน

John Farnham เริ่มมีผลงานมาตั้งแต่ปี 1967 ก่อนร่วมงานกับ Little River Band ตั้งแต่ปี 1981 – 1984 แล้วกลับมาเป็นศิลปินเดี่ยวอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน นอกจากผลงานเดี่ยวของตัวเองแล้วยังผลงานร้องคู่กับศิลปินชื่อดังอีกหลายราย แถมคอนเสิร์ตทัวร์ทั่วโลกก็มีแฟน ๆ ติดตามชมกันอย่างเพียบ (นับอายุแล้วอึ้งในพลัง เสียงไม่ตกจริง ๆ)

Human Nature ร็อคกรุ๊ปที่ร่วมวงกันตั้งแต่สมัยเรียนปี 1989 พี่น้อง Andrew และ Michael Tierney Toby Allen และ Phil Burton นอกจากประสบความสำเร็จในผลงานของตัวเองแล้ว ยังทำงานร่วม back upทัวร์คอนเสิร์ต ให้กับ Michael Jackson Céline Dion ในหลายประเทศอีกด้วย


ยังจำภาพและเสียงแห่งมิตรภาพและความอบอุ่น เมื่อปี 2000 ในพิธีเปิดโอลิมปิคที่ซิดนีย์ John Farnham ออกมาร้องเพลง Dare to Dream คู่กับ Olivia Newton John ผู้ชายเสียงอุ่น ๆ แหบนิด ๆ ที่เต็มไปด้วยพลังกังวาน ฟังกี่ครั้งก็น้ำตาซึม เต็มไปด้วยพลังฮึกเหิมจริง ๆ

ส่วน Human Nature นั้นขึ้นเวทีร้องเพลงชาติออสเตรเลีย ร่วมกับ Julie Anthony นักร้องชื่อดังของออสเตรเลียในพิธีเปิดโอลิมปิคฯ เช่นกัน

ออสเตรเลียนี่ช่างมีนักร้องที่เต็มไปด้วยคุณภาพจริง ๆ ...


โดย: พรายทราย วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:13:02:42 น.  

 
แปลก ประหลาด แก้ในเนื้อหาไม่ได้ เพราะติดระบบป้องกัน แก้ตัดต่อ หาเท่าไรก็หาไม่เจอ งง อย่างแรง

แต่พอมาใส่ตรงช่องคอมเมนต์ได้สะอย่างนั้น

จ๊ากกก บ่ายโมงจนได้ ต้องเดินทางแล้ว...

มีความสุขกับบ่ายวันพุธนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:13:21:43 น.  

 
อ่านแล้วซึ้ง... ซึมเลยครับ

พี่อ้อว่าลุงธันว์ไม่ได้ดีเป็นพิเศษเหรอครับ แต่ผมอ่านตอนที่ลุงธันว์คิดถึงความสุขของหนูเภ แล้วปล่อยให้ "โอกาส" นั้นผ่านไปแล้ว... ซึ้งง่ะ ถึงจะขี้โวยวาย ขี้รำคาญบ้าง (โอ้ จำได้ว่าบทแรก แทบจะเขม่นหนูเภ เอ๊ะ จะฟาดด้วยเก้าอี้รึเปล่านะ เอ๊ย ไม่ใช่ จะมัดกับเ้ก้าอี้แ้ล้วฟาด อิๆ) แต่ข้างในใจช่างละมุนละไม อ่อนโยน อบอุ่น อ๊ากกกกก

สมควรไปสร้างครอบครัวเป็นที่สุด

แถมยังชนะใจคุณพ่อคุณแม่ขาดลอย ขนาดคุณพ่อเพ่งสายตาซะแทบจะบาดเลือดซิบขนาดนั้น ฮ่าๆๆ

เหลือหนูเภนี่ล่ะ เมื่อไหร่จะก้าวข้ามตรงนี้ไปได้เสียที

หนูศาวันนี้ก็ร้ายแบบขำๆ ดีนะครับ โถ อุตส่าห์คิดหาวิธีทำแต้ม (กับใครเนี่ย กับเมษา หรือว่ากะจะหักหน้าหนูบุษ) ช่างคิดเหลือเกินจริงๆ เชียว

ตาอรัญก็แอบออกมาน่ารักนิดนึงนะเนี่ย


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:20:18:09 น.  

 
คุณพีท

โอ้ ยังดีที่คุณพีทจำได้ไม่เพี้ยนเป็นจับเก้าอี้ฟาด นึกถึงเก้าอี้ไม้ที่บ้านลายปากกาของคุณพีทแทนสะงั้น
คราวนี้ลุงธันว์โหดได้ใจ

ดีใจที่คุณพีทซึ้ง พี่อ้อเองก็เขียนไปนั่งร้องไห้ไป ซึมไปอยู่นานเหมือนกัน
กว่าจะลากตัวเองกลับออกมาได้ แหะ แหะ


ว่าไปบทนี้ตัวละครกับคนเขียนไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลยยยย
คนเขียนอยากให้บอกรัก อยากให้จุ๊บ ๆ มากกว่านี้ตั้งแต่อยู่ในรถ
จริง ๆ ว่าไปตั้งแต่อยู่ที่งานมหาวิทยาลัย ที่ถูกเปลี่ยนฉากไปแล้ว

หรือแม้แต่ฉากหนูเภย่องลงมาอีกรอบนี่ หนูเภนอกบทเลย
เหอะ เหอะ


แต่พอเขียนเสร็จก็ดีใจที่ตัวละครไม่ตามใจคนเขียน แหะ แหะ
ทำให้เรื่องดูดีขึ้นเยอะ แถมมีประเด็นชัดขึ้นอีก...

บทนี้ต้องขอบคุณตัวละคร จริง ๆ ...


แม้แต่ยายวรรณิศาอุตส่าห์กลับมาอีก พยายามมาก
ขมายซีนจริง ๆ แต่ก็โอเคนะคะ เธอมาบอกเล่าเรื่องล่วงหน้าให้ทุกที อิอิ (แม้แต่คนเขียน)

ยิ่งเขียนก็ยิ่งชอบจริง ๆ ตัวละครตัวนี้ จอมวางแผนจริง ๆ

ว่าไปบทนี้คนที่ฉวยโอกาสจริง ๆ แล้วน่าจะเป็นวรรณิศา แต่ดันฉวยไม่ติด เอ หรือว่าติด
ดันอยากมีหลายแผน แผนแรกน่ะได้ไปญี่ปุ่นแบบเนียน ๆ ไม่ต้องเสียสตางค์ แถมได้เงิน

5555555 แต่ไอเดียให้สัมภาษณ์นี่สิ 5555 นึกภาพปกเป็นคาสโซนาว่าพร้อมด้วยสาว ๆ ในอันดับ เท่จริง ๆ

กรี้ดดดดดด แทน หุหุห (ปลื้มเองสะขนาดนี้)


น้านนนน คุณพีทเก็บตกความน่ารักจากนายอรัญอีก ว่าไปนายอรัญยังว่างนะนี่ อิอิ
เริ่มทำตัวร้อยดีพันดีอีกต่างหาก อิอิ จะมีใครสนใจบ้างมั้ยหนอ


โดย: พรายทราย วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:23:12:56 น.  

 
ก๊าก ขี้เกียจแก้ คาสโนว่า เป็นงั้นไปได้ไง ช่วงนี้นิ้วพิมพ์เรื่อยเจื้อยสะจริง ๆ เฮ้ออออ สงสัยจะง่วงนอน

ยังดีที่ไม่เป็น คาสโซนี่ เหอะ เหอะ


โดย: พรายทราย วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:23:20:47 น.  

 
หนูเเวะมาเยี่ยมรอบดึกค่ะ เมื่อคืนไม่สามารถเพราะ
ถึงบ้านเเล้วกินข้าวเเละยาก็หลับเลย เป็นอีกวันเเย่ของชีวิต
วันนี้อาการไม่สบายยิ่งกำเริบ ไข้ขึ้น เเสบคอ ปวดหัว
ไอ มีเสมหะ ยกขบวนกันกลับมาดักตีหัวเเข็งๆนี่
จนต้องลงไปนอนอีกเเทบจะทันทีที่ถึงบ้าน
หน้าตาไม่ได้ล้างมันเลย ไม่ไหวจริงๆ

ไข้หวัดใหญ่นี่ น่ากลัวจริงๆเลยนะคะ หนูเป็นๆหายๆมา
3 รอบเเล้วในรอบ 2 เดือนนี่ นี่ลุกขึ้นมาได้เพราะยา
ออกฤทธิ์ให้เหงื่อออก


ขออนุญาตไม่เม้าลุงธันว์ เพราะวันก่อนเม้ากะพี่พราย
ไปเรียบร้อยเเล้ว เพียงเเต่เเวะมาบอกว่าหนูอ่านเเล้วนะคะ


อีกพักคงต้องกลับไปนอนต่อละค่ะ ช่วงนี้คนที่ร้านขาด
หนูต้องคุ้กเองด้วย พี่พรายเองก็รักษาสุขภาพนะคะ
หากช่วงนี้หนูหายๆไปก็เป็นเพราะสภาพกายนี่ล่ะค่ะ

.....คิดถึงนะคะ


โดย: ใยบัว IP: 122.110.7.18 วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:0:22:57 น.  

 
หนูใยบัว


กรรม...มัวแต่เม้าเรื่องขนมไหว้พระจันทร์ เลยไม่เห็นว่ามาเขียนว่าไม่สบายต่อ

ไม่รู้ขนมไหว้พระจันทร์ช่วยแก้ไข้ไปได้บ้างมั้ย
ไข้หวัดใหญ่เป็นแล้วเป็นนาน
คิดสะว่าเป็นหวัด ให้ไวรัสจับที่ทางเดินหายใจ
ดีกว่าให้ไปจับที่อวัยวะส่วนอื่นนะคะ

ทานเยอะ ๆ พักผ่อนเยอะ ๆ จะได้แข็งแรง
วิธีการเดียวที่รักษาหวัดได้

อิอิ เม้าผ่านเอ็ม เดี๋ยวลุงธันว์ไม่เห็น นึกว่ายังไม่ได้อ่านไปสะอีก

ทำงานให้น้อยลงหน่อยนะคะ
บอกไปก็รู้ว่าทำยากขนาดต้อง cook เองอีกต่างหาก
อิอิ รับสมัครแม่ครัวเมืองไทยมั้ยคะ
อิอิ เดี๋ยวพี่อ้อบินไปทำให้ชั่วคราว

แหะ แหะ ไม่รู้ลูกค้าจะหนีหายไปแทนหรือเปล่า

ยังไงก็ดูแลสุขภาพให้เยอะ ๆ นะคะ

คิดถึงเช่นกันค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:2:46:23 น.  

 
ว่าแล้วพรายทรายก็ลาไปนอนเสียที
ขมองอิ่มชักไม่สามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตา และนิ้วอีกแล้ว แหะ แหะ
ว่าจะทำงานโต้รุ่งสะหน่อย เหอะ เหอะ


ลาเวลานี้คงชวนนอนหลับ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ จุ๊บ ๆ แบบหนูเภ

มีความสุขในยามค่ำคืน (เมืองไทย) และทุก ๆ ช่วงเวลาของเพื่อนที่อยู่เมืองนอกนะคะ

ขอให้วันพรุ่งนี้ (วันพฤหัสสินะ) ตื่นมาสดชื่น สดใส และมีความสุขค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:2:50:12 น.  

 

อืมม .. ลุงธันว์ช่างเป็นชายหนุ่มแสนดี มีจิตใจอบอุ่น
เอื้ออาทรกับผู้คนรอบข้าง ทั้งกับน้องชาย และกับ
หญิงสาวที่ตนเองแอบมีใจให้อย่างมากมายจริงๆ
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเลือกระหว่าง
ความสุขของน้องชายกับความสุขของตนเองแล้ว
ลุงธันว์จะเลือกทางใดดีหนอ

แต่ครั้งนี้ก็น่ายินดีที่ลุงธันว์มีโอกาสได้สัมผัสและรับรู้ถึง
ความสุขและความรู้สึกดีๆ ในชีวิตบ้าง แม้จะเป็นเพียง
เสี้ยวเวลาน้อยนิดจาก thanks kiss และ goodnight kiss
จากหนูเภฯ

(จะว่าไปแล้วคุณช่อครามก็ไม่ได้โหดร้ายกับลุงธันว์
จนเกินไปนะคะ)


ปล. ช่วงนี้ที่ต้องเดินสายแทบทุกวัน ก็ขอให้คุณอ้อ
ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ


                  


โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:9:57:08 น.  

 
ธุค่ะ ป้าติ๋ว

ขอบคุณสำหรับดอกไม้งาม เหมือนได้กลิ่นหอม ๆ มาแต่ไกล
ช่วยให้สตูดิโอพรายทรายสดใสมีสีสันมากขึ้น
ขออภัยป้าติ๋วมาแต่เช้า พรายทรายมาตอนเย็น แหะ แหะ
แต่ยังได้กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งอยู่เลย
ทำให้มีกำลังใจเพียบ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ

นั่นสิคะ ใกล้ถึงเวลาที่ลุงธันว์ต้องตัดสินใจแล้ว เขาจะทำอย่างไรดีหนอ
ไม่รู้อธิษฐานมาตลอดทางจะได้ผลสมหวังหรือเปล่า
คงต้องกวนป้าติ๋วเป็นกำลังใจให้ลุงธันว์กันต่อไป

ทุกครั้งช่อครามก็น้ำตานองเหมือนกันค่ะ แหะ แหะ
ไม่กล้าใจร้ายหรอกค่ะ ตัวละครน่ารักขนาดนี้
ว่าไปอย่างที่บอกนะคะ ช่อครามเปล่าเลยนะ
ตัวละครมีความสามารถเล่นกันสุดฤทธิ์มากกว่า

ขอบคุณป้าติ๋วมากค่ะ

พยายามระวังไม่ให้เป็นหวัด
ต้องเดินทางไปคุยงานเกือบแทบทุกวันค่ะช่วงนี้
ดีหน่อยอากาศไม่ร้อนมาก แต่ก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ฝนตกทุกวัน
พยายามลุ้นให้กลับมานั่งโต๊ะเร็ว ๆ สักที

ป้าติ๋วก็เช่นกัน พักผ่อนเยอะ ๆ อย่านอนดึกนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:19:24:12 น.  

 
วันนี้เปิดโหมดออโต้รับแขกนะคะ
พรายทรายง่วงหาวหลายรอบ พรุ่งนี้ไปแต่เช้าอีก

มีความสุขกับค่ำคืนวันพฤหัส
สดใสกับเช้าวันศุกร์ สุดสัปดาห์
เวลามันช่างเดินทางเร็วจริง ๆ ...

แต่ยังไงก็มีความสุขอย่างสม่ำเสมอนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:20:49:14 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะ ขอให้สนุกกับงานเขียนนะคะ


โดย: Aisha วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:21:08:36 น.  

 
อยากกินหนมไหว้พระจันทร์อะครับ งืด...


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 19 กันยายน 2551 เวลา:15:39:53 น.  

 


มาสวัสดีค่ะ

มีคนจับหนูไปขังให้อยู่กับ "งาน" อีกแหละ



โดย: ปณาลี วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:13:38:46 น.  

 
คุณ Aisha

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม สบายดีนะคะ
ขอให้คุณ Aisha มีความสุขตลอดเวลาด้วยเช่นกันค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:18:24:08 น.  

 
คุณพีท

ปีนี้ลืมซื้อ ลืมทาน เป็นลืมโน้นลืมนี่ไปหมด อีกอย่างว่าไปแล้วก็ดีเหมือนกัน ขืนกินเข้าไปมีหวัง น้ำตาลกระฉูด หมดค้อนแปดสิบตลบแน่ ๆ เลย

หือ หือ แต่ก็ยังอยากกินเหมือนกันค่ะ ไม่รู้จะยังมีขายอยู่อีกป่าวกะไม่รู้

ค่อย ๆ เฉีอนกินวันละเสี้ยว หมออาจค้อนแค่สิบตลบแทนอิอิ

หาได้แล้วจะทานเผื่อนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:18:30:02 น.  

 
คุณปณาลี

โหมดโดนขังกับงานนี่พี่อ้อก็เพิ่งแว่บออกมาค่ะ อาศัยชอบหายตัวบ่อย ๆ แหะ แหะ

แต่ก็ยังอยู่ในโหมดโดนขังอยู่บ่อย ๆ แว่บเป็นระยะ ๆ พอให้สบายใจได้บ้าง

ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะน้องตูน ไว้จะหายตัวไปชวนแว่บไปแคชเมียร์กัน อิอิ แล้วหายตัวกลับมา

เอิ๊กกกกก โหมดกึ่งฝันหรือเปล่านี่


โดย: พรายทราย วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:18:32:46 น.  

 
แอบมารอบทที่ 20 อิๆ


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:20:28:13 น.  

 
หุหุ... ลุงธันว์ผ่านด่านคุณพ่อได้แล้วนะเนี่ยะ อิอิ...

(แล้วเจ๊เภฯล่ะ... ยังไม่ผ่านด่านตัวเองอีกเหรอ เง้อ...)

++++++++++++++++


โดย: รักดี (ploy666 ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:29:00 น.  

 
คุณพีท

แป้ว ไม่ได้แอบตอบคุณพีท มาแอบอบู่ตรงนี้ด้วยอ่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:13:19 น.  

 
คุณรักดี

ใช่แล้วค่ะ ลุงธันว์ผ่านด่านคุณพ่อ
ส่วนหนูเภ ยังมีปมคั้งค้างเยอะ นางเอกนี่เนอะ ให้เล่นแล้วรับบทน้อย ๆ ได้ยังไง


โดย: พรายทราย วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:16:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.