ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
ณ ปลายฟ้า...คือเธอ (Love@Horizon) 15.. "ช่อคราม"








บทที่ 15

ความรักแม้ว่าจะเกิดขึ้น ณ ความรู้สึกใด
มันก็ยังคงเป็นความรักอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
มีเพียงแค่การแสดงออกเท่านั้นที่ทำให้มันเปลี่ยนไป


ชายหนุ่มเดินเข้าซอยกลับบ้านอย่างรู้สึกล้าเต็มที ความจริงเขาควรเรียกแท็กซี่กลับมาเสียมากกว่า แต่เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไม บางครั้งการทอดอารมณ์เดินสบาย ๆ ก็เหมือนจะทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ช่วยลดความเหนื่อยให้หมดไปได้ก็ตาม

ลมเย็นบาง ๆ ก่อนช่วงเวลาที่พระอาทิตย์จะตกลงพัดผ่านเข้ามา แสงสีส้มบาง ๆ ทอดเป็นลำยาว เขาตอบตัวเองไม่ได้ว่าอะไรในสมองที่เป็นสาเหตุทำให้เขารู้สึกอ่อนล้ามากมายอย่างนี้

สิ่งหนึ่งที่เป็นคำตอบได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่งานที่เพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้นทุกวัน ไม่ใช่วัยที่เพิ่มมากขึ้นด้วย หรือไม่ใช่แม้แต่คำซุบซิบนินทาของเลขาสาว ๆ เมื่อวันก่อน...

แต่น่าจะเป็นเพราะหน้าใส ๆ ของผู้หญิงแปลกหน้าที่จู่ ๆ เข้ามาในชีวิตของเขา พร้อมด้วยเรื่องราวมากมาย ในเวลาไม่นาน หากแค่เป็นเพื่อนร่วมงานเขาคงรู้สึกสบายใจ แม้บางความรู้สึกเบาบางที่เกิดขึ้นในอารมณ์ ค่อนข้างยากที่จะปฏิเสธ

แต่เรื่องราวใหม่ ๆ ที่เขาได้รับรู้ กลับทำให้เขารู้สึกยากที่จะผลักเธอออกไปจากความรู้สึกได้โดยง่าย จนทำให้เขารู้สึกวุ่นวายใจอยู่ไม่น้อย อีกทั้งปัญหาน่าสงสาร เรื่องแฟนหนุ่มที่ตัวเขาเข้าใจผิด กลายกลับเป็นรักหลายเส้า ที่เธอเหมือนถูกผลักลงไปในท่ามกลางสงครามแห่งความรัก ทั้งหมดมันทำให้เขาไม่รู้ว่าจะจัดให้เธออยู่ในส่วนไหนของความรู้สึกของเขาดี

ธันวารู้ดีว่าเขาพยายามเลี่ยงพบหน้าเธอโดยตรง ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเขายังไม่อยากสรุปตีความไปว่าเป็นความรู้สึกใดกันแน่ มันเป็นเพียงแค่ความสงสาร ความเอ็นดู เป็นห่วงเป็นใย ความใกล้ชิดของเพื่อนร่วมงาน ความชอบพอ หรือการตกหลุมรัก เจ้าหล่อนกันแน่แล้วจริง ๆ

แต่จะเป็นความรู้สึกไหน เธอก็เริ่มมีอิทธิพลมากมายกับเขา ทั้งทางตรง และทางอ้อม

ลำพังแค่เพียงอารมณ์นี้อารมณ์เดียวเขาก็รู้สึกรับมือได้แย่อยู่แล้ว ที่ต้องทำงานที่เดียวกัน อยู่บ้านเดียวกัน ยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอกับน้องชายของเขา มีความใกล้ชิด ผูกพันรักใคร่กันมาก่อนแล้ว มันยิ่งทำให้เขาเผชิญหน้าได้ยากเข้าไปอีก

เขาน่าจะสะดุดใจเร็วกว่านี้ ผู้หญิงเก่ง ๆ ที่เป็นถึงทนายความในประเทศใหญ่ ไม่น่าจะหาเหตุขอย้ายมาทำงานในเมืองไทย แค่เพียงได้โอกาสมายังแผ่นดินแม่ก็ตาม ตระกูลร่ำรวยอย่างเธอนั้นจะบินมาเมืองไทยกี่ครั้งกี่หน บินไปบินกลับก็ยังได้สบาย ๆ ไม่เห็นต้องเหนื่อยวุ่นวายต้องมาทำงานที่นี่ให้นานหลายปี…

“ถ้าคุณรักใครสักคน แล้วคนที่คุณรักก็มีผู้ชายให้เลือกหลายคน เป็นคุณ... คุณจะทำอย่างไรคะ”

“ฉันก็คงอาจเป็นแค่หนึ่งในผู้หญิงทั้งหมดของเขาเท่านั้น บางทีอาจจะยังไม่ได้เป็นแฟน หรือเป็นใครคนที่สำคัญกับเขามากที่สุด”


นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่โรงแรม กับคำถามแปลก ๆ ของเธอ เขาแทบไม่เชื่อว่าแฟนของเธอที่เธอเพ้อพล่ามบ่นถึงเรื่องความรักมากมาย จะเป็นน้องชายของเขาเอง คิดมาแค่นี้เขาก็รู้สึกเซ็งขึ้นมาในทันที

หรือทั้งหมดเธอรู้ตัวดี...ว่าน้องชายเขาเป็นอย่างไร....

ให้ตายเถอะ!! เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมานานมากแล้ว แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแม้มันจะยังไม่แน่ชัด กลับกลายเป็นว่าน้องชายของเขากลับเป็นเจ้าของหัวใจของเภตราเสียอีก…

นึก ๆ ไปแล้วก็ตลก เมษากับเขาคงเป็นคู่กรรมคู่เวรอยู่ไม่น้อย นี่น้องชายจะได้ทุกอย่างที่เขาไม่เคยได้ ไม่เคยมีหรืออย่างไร....

และนี่คงเป็นกรรมต่อเนื่องมาจากผู้หญิงคนนี้อีกด้วย

ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคนอื่นไปเสีย เขาคงไม่ต้องรู้สึกหนักใจมากมายเช่นนี้

นี่ละมั้ง! ที่เป็นคำตอบของความรู้สึกเหนื่อยล้า ที่คาราคาซังอยู่ในหัวใจของเขาอยู่ ณ เวลานี้.....




ธันวาถอนหายใจ ก่อนเปิดประตูรั้ว สีสัน หวานสดใสของดอกไม้ในกระถางที่วางอยู่บนบันไดเข้าบ้าน เตะตาเรียกร้องความสนใจในทันที

เมื่อเช้าออกไปทำงาน มันยังไม่มีนี่นา...

ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่บันไดหน้าบ้าน แต่ในบ้านชั้นล่าง เรื่อยไปจนถึงเคาน์เตอร์ในครัว บนโต๊ะอาหาร ก็เต็มไปด้วยแจกันดอกไม้ ไม้กระถาง สวนถาด ไม้แขวน ทั้งสีเขียวและสีสัน ธันวาเผลอจับลูบใบ และกลีบดอก เพื่อความแน่ใจว่ามันเป็นต้นไม้จริง ๆ

หรือว่านายเมษไปเหมาจตุจักรมาให้เป็นของกำนัลเภตราอีก ช่างเป็นความรักที่ลงทุนมากมายเสียจริง ๆ และเต็มไปด้วยธรรมชาติเสียเหลือเกิน นี่คงเป็นสีสันของความรัก ที่ดูไม่ได้มากไปหรือน้อยไป อย่างน้อยมันก็ดูลงตัวมากกว่า จัดอยู่ในที่ทางที่เหมาะสม ไม่เหมือนช่อดอกไม้มากมายที่ทำงาน

บางความรู้สึกทำให้เขารู้สึกสดชื่น และบ้านหลังนี้ก็เป็นเสมือนบ้านจริง ๆ สักที ไม่แล้ง ๆ แห้ง ๆ เหมือนอย่างที่มันเคยเป็นแต่ก่อน…

นอกจากดอกไม้ ต้นไม้แปลกตาแล้ว เหมือนว่าเขายังได้กลิ่นอาหารหอม ๆ มาจากในครัว

“ไม่ว่านะคะ ที่แอบขโมยแต่งบ้านแบบนี้” เสียงใส ๆ ดังมาจากบันไดด้านบน เล่นเอาธันวาที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หน้ากระถางต้นไม้มุมห้องรีบหันกลับมาทันที

“ครับ สวยดี ว่าไปก็ต้องขอบคุณ ดูบ้านมีสีสัน แปลกตา สดชื่นขึ้นเยอะเลย” ชายหนุ่มยิ้มตาม เมื่อเห็นดวงหน้าสดใสเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข

“ถึงว่า วันนี้คุณหนีงานมาตั้งแต่กลางวัน…นายเมษขนมาให้หรือครับ?” ปากหนอ หรือว่าอดไม่ได้ที่จะต้องพูดไปแบบนั้น

“ค่ะ แอบหนีมา... แต่ไปซื้อเองนะคะ ไม่ใช่เมษาซื้อมาให้ คุณต้นเคยบอกที่ซื้อไว้ให้ค่ะ….นี่กะว่าจะทำสวนเล็ก ๆ ที่ระเบียงด้านหลังด้วย แต่ต้องมาขออนุญาตก่อน กลัวเจ้าของบ้านเกิดไม่พอใจขึ้นมา แย่เลย”

“อึมม์! ก็ดีนะ...คงใช้เงินอยู่ไม่น้อย ยังไงคุณเอาบิลมาเก็บที่ผมแล้วกัน...แล้วนี่หมดเงินไปเท่าไรกันนี่?”

“เรื่องเงิน ช่างมันเถอะค่ะ... ถือว่าเป็นของขวัญจากฉันก็ได้ อย่างน้อยมันคงช่วยลดความเครียดจากการทำงานได้บ้าง....จะได้ไม่ต้องบ่นมาก เดี๋ยวจะแก่เร็วไป” เภตราอมยิ้ม หัวเราะล้อเบา ๆ ก่อนเดินผ่านเขาเข้าไปในครัว

“เดี๋ยวทานข้าวด้วยกันนะคะ เมษาจะมาทานข้าวเย็นที่นี่” เสียงใส ๆ ยังพูดต่อ ธันวาถอนใจเบา ๆ พยายามแยกจัดความรู้สึกของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง

“เอ่อ!... ขอบคุณครับที่ชวน.. แต่เผอิญผมมีงานเลี้ยงต้องไปคืนนี้…นี่ก็แค่กลับมาเปลี่ยนเสื้อแค่นั้นล่ะ น่าเสียดาย... คุณเข้าครัวเองแบบนี้ต้องเป็นวันพิเศษ... นายเมษช่างโชคดีจริง ๆ “

“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกค่ะ อาหารง่าย ๆ น่ะ จริง ๆ ก็ทำไม่ค่อยเก่งหรอก เพียงแต่ ไม่อยากไปทานข้างนอกแค่นั้นน่ะค่ะ…ว้า! เสียดาย ฉันทำเผื่อคุณไว้ด้วยนะนี่” เภตรายังคงง่วนอยู่ในครัว กว่าเธอจะหันกลับมา ธันวาก็เดินขึ้นข้างบนไปเรียบร้อย



ชายหนุ่มปล่อยตัวนอนราบไปบนเตียง เพ่งมองดูเพดานอย่างเลื่อนลอย เขาเริ่มไม่เข้าใจตัวเอง สมอง ใจ และปาก เริ่มทำงานเหมือนไม่ใช่ทีมเดียวกัน …

ตามความตั้งใจเขาไม่คิดจะไปงานคืนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ทันทีที่รับรู้ถึงชื่อน้องชาย เขาก็เปลี่ยนใจในทันที มันน่าตลกต่อให้มีงานเลี้ยงตอนเย็นที่ไหน งานเล็กงานใหญ่ สำคัญมากน้อยแค่ไหน เขาก็มักจะเตรียมตัวก่อนไว้แล้วล่วงหน้า ไม่เคยย้อนกลับมาบ้านสักนิด

ยิ่งงานเลี้ยงหาทุนสารพัดของมหาวิทยาลัยแบบนี้ แทบไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเสียด้วยซ้ำว่าจะไปร่วมงานแต่ไหนแต่ไรมา แม้จะมีการ์ดเชิญมาทั้งส่วนตัว หรือส่วนของที่ทำงานก็ตาม

แต่กลับเป็นตัวเลือกเพียงตัวเดียว ที่ความไวของสมองจะคิดได้ อย่างน้อยการไปเจอหน้าพวกเพื่อนเก่า ๆ หรือคนในวงการทนาย ที่แสนน่าเบื่อ ก็ยังดีกว่าให้ต้องนั่งทานอาหารร่วมเป็นตัวซีตัวโต ๆ ให้กับคู่รัก แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าของบ้าน พี่ชาย หรือเพื่อนร่วมงานก็ตาม...

อารมณ์ถ่วงหนัก ๆ เริ่มกลายเป็นความเหนื่อยล้าในใจที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกที..

ช่างเป็นกรรมเวรของเขาที่ต่อเนื่องมาอย่างแน่แท้จริง ไม่ต้องสงสัยอย่างแน่นอน...



กลิ่นขนมปังหอม ๆ กับกลิ่นไส้กรอก ยั่วท้องให้ร้องได้ในทันทีที่ออกพ้นจากประตูห้อง ความจริงถ้าไม่เรื่องเยอะ เก๊กฟอร์ม ท่ามาก การเป็นตัวประกอบ แล้วได้ทานของหอม ๆ น่าอร่อยแบบนี้ น่าจะดีกว่าต้องออกจากบ้านเหนื่อยเดินทาง ใส่หน้ากากพบปะผู้คนที่ไม่ได้ทำให้ตัวเอก เด่นเป็นพระเอกขึ้นมาสักเท่าไร

“ทานก่อนค่ะ...ฉันจัดแบ่งไว้ให้แล้ว รองท้องไปสักหน่อย ในงานอาจไม่มีโอกาสได้ทานอะไรมากนะคะ...ทานหน่อยน้า...แป๊บเดียวเอง” ราวกับว่าหญิงสาวดักรอเขาอยู่ตรงหน้าบันได ทันทีที่ธันวาลงมาชั้นล่าง เภตราก็เข้ามาจู่โจมคว้าแขนเขา และออกแรงพยายามลากไปที่โต๊ะอาหาร

บางความรู้สึกอยากเล่นตัวอยู่แบบนี้ อยากทอดเวลาให้เนิ่นนานออกไป...
เมื่อหน้านวลใส เต็มไปด้วยประกายตาอ้อน ๆ ราวกับเด็กอยู่ตรงหน้า
กระแสความรู้สึกดี ๆ พัดผ่านเข้ามาในอารมณ์...มันช่างสวยงาม


ก่อนที่กลิ่นหอม ๆ ของอาหารจะมายั่วยวนกระเพาะเขาอีกครั้ง....

หญิงสาวหน้าง้ำ อย่างขัดใจ ก่อนเปลี่ยนมุมใหม่ หันกลับมาดันตัวเขาให้เคลื่อนไปที่โต๊ะแทน ธันวาเลิกฝืนตัว อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนที่เธอจะพาทั้งเขาและเธอล้มคว่ำคะมำหงาย

“ลองทานดูนะคะ? ไม่ได้ทำมานานแล้วนะ สูตรเก่าแก่ของคุณย่าเลยนะนี่” ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเจ้าของบ่งบอกภูมิใจอย่างมากมาย ธันวามองสปาเก็ตตี้เนื้อจานโตตรงหน้า ที่ส่งกลิ่นหอมควันฉุยรออยู่แล้ว ข้าง ๆ มีขนมปังและไส้กรอกสีอ่อนเป็นเครื่องเคียง

ธันวารู้สึกขำตัวเอง ไม่เคยมีใครมาจ้องหน้าอยู่ใกล้ ๆ รอคำตอบอยู่แบบนี้ ดวงตาใสสีอัลมอนด์เข้มเป็นประกายตื่นเต้นทันที ที่เขาเริ่มตักใส่ปาก

“อร่อยมั้ยคะ?”

“อึมม์!! อร่อยครับ...แต่..” แต่ยังไม่ทันที่ธันวาจะพูดจบ หญิงสาวก็หมุนตัวเข้าไปในส่วนของครัว

“มันน่าจะอร่อยกว่านี้ ถ้ามีอะไรเย็น ๆ ทานคู่กับไส้กรอก มันยังขาด...” และทันทีก่อนที่เสียงจริงจังนั้นจะพูดจบ แก้วเบียร์ใบใสก็ถูกเลื่อนมาข้าง ๆ ความเย็นในแก้วรู้สึกได้แค่มองด้วยสายตา ไอเย็นที่จับอยู่รอบแก้ว วุ้นขาว ๆ ในแก้วราวกับหิมะ ..

ธันวาบอกไม่ถูกกับอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ ไม่ใช่อาหารอร่อย ๆ หรือเบียร์เย็น ๆ ตรงหน้านี้แน่ ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจพองฟูคับอก...

เหมือนความเหนื่อย เมื่อยล้าหายไปหมดทั้งร่างกาย และจริงใจ...


ชายหนุ่มอยากละเมียดกับอาหาร กับเบียร์ จนอยากเปลี่ยนกำหนดการ ไม่ไปงาน อิ่มท้อง เพลินเบียร์ แล้วกลับไปอยู่กับความรู้สึกดี ๆ ของตัวเองเงียบ ๆ บนห้องแทน...

“ขอบคุณครับดีจัง...ได้อานิสงส์ความโชคดี อาหารอร่อย เบียร์เย็น ๆ เป็นพิเศษด้วย ” บางครั้งธันวาก็อดคิดว่าถ้าตัวเองไม่พูดเสียบ้าง มันน่าจะดีกว่านี้ ถึงมันจะแก้เขินได้แย่ ๆ ก็ตาม

“ปกติก็แช่ไว้ให้ทั้งขวดอยู่แล้วแหละค่ะ แต่คุณไม่ได้สังเกตเอง….นี่เห็นว่าจะไปงานเลยแบ่งใส่แก้วแช่ให้ใหม่” ดวงตาที่เป็นประกายใสมีแววกระเง้ากระงอน ทำหน้าง้ำอย่างเห็นได้ชัด จนเขานึกอยากจะหยิกจมูกรั้น ๆ ขึ้นมาทันควัน

แล้วความรู้สึกดี ๆ ในอารมณ์ดูเหมือนจะพัดผ่านไปอย่างรวดเร็วในทันที เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น หญิงสาวเดินเลี่ยงไปรับสายในครัวด้านใน

ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเสียดายบรรยากาศที่สวยงาม ราวกับเวทมนตร์จะจางหายไปพร้อมกับเสียงโทรศัพท์นั้น

เภตราเดินกลับมาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับธันวา ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจทั้งมวลหมดไปอีกครั้ง มันครั้งที่เท่าไรแล้วนะ..

เหมือนวันก่อน เหมือนเมื่อวาน เมษาก็ไม่ได้มาตามนัด ทั้ง ๆ ที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แม้เธอจะทำงานนั่งคอยล่วงเลยจนดึก หรือแม้แต่วันนี้เธอเองพยายามเปลี่ยนแปลงความรู้สึก พยายามทำใจให้รู้สึกดี ๆ การไปซื้อดอกไม้ ต้นไม้ การเตรียมอาหารตั้งแต่บ่าย บรรยากาศใหม่ ๆ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย...

“ผมอาจไปช้าหน่อยนะ แต่ไม่ดึกมาก และคราวนี้ไม่ผิดนัดเหมือนวันก่อน ๆ แน่ครับ…” แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับสู่บรรยากาศเดิม ๆ อารมณ์เดิม ๆ

เภตราพยายามฝืนอารมณ์ตัวเองอย่างเต็มกำลัง เมื่อเมษาโทรมาหาก่อนหน้าที่ธันวากลับมาหน่อยเดียว และเมื่อผ่านไปอีกไม่ถึงชั่วโมง...

“ขอโทษจริง ๆ นะที่รัก คุณลุงบังคับให้ผมไปบ้านเพื่อนกับท่าน ผมคงไปไม่ได้แล้วล่ะเย็นนี้ ..ไม่อยากให้คุณต้องคอย อย่าโกรธผมนะ สัญญาว่าคราวหน้าจะไม่เหมือนแบบนี้อีก สัญญาจริง ๆ ”

ธันวาไม่อยากตั้งคำถาม แต่เหมือนใบหน้านั้นจะให้คำตอบได้อย่างดี เธอพยายามเชิดหน้า ดวงตาปวดร้าว กระไอของความเจ็บปวดแผ่ออกมาอีกครั้ง จนชายหนุ่มรู้สึกได้ ก่อนที่เธอจะเอาสองมือปิดหน้าของตัวเอง
แล้วหันหน้าหนีไป

“เขาไม่มาแล้ว เมษาผิดนัดอีกแล้ว…บางทีฉันกับเขาคงไม่ใช่... ฉันไม่น่าเลย ไม่น่าจริง ๆ “ น้ำเสียงทั้งผิดหวัง ทั้งต่อว่าตัวเอง จนชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย

“เภตรา...ใจเย็น ๆ ... นายเมษทำงานกับคุณลุงยุ่งมาก ๆ ตลอดเวลา เขาคงติดธุระจริง ๆ “

“มันหลายครั้งแล้ว ฉันไม่ควรให้โอกาสเขาอีกเลย ไม่น่าเลย” แล้วความเข้มแข็งก็พังทลายอีกครั้ง เภตราเริ่มร้องไห้ น้ำตาร่วงพราวอาบแก้ม..

“ฉันไม่สำคัญ!! ไม่เคยมีความสำคัญสำหรับเขาเลยจริง ๆ…”

“ไม่เอาน่า คุณเข้มแข็งกว่านั้นนะเภตรา แค่ผิดนัดทานข้าว ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรที่ไหน” ธันวาพยายามปลอบโยน

“ไม่รู้ด้วยซ้ำเขาจะโกหกอีกหรือเปล่า” น้ำเสียงเริ่มพาลไปตามอารมณ์น้อยใจ

“คิดแง่ดี ๆ เขาก็โทรบอกคุณ ไม่ได้ปล่อยให้คุณคอยเก้อเสียที่ไหน”

“ก็เก้อมาสองครั้งแล้ว อีกครั้งก็คงไม่เป็นไรหรอก” เภตราเม้มริมฝีปากแน่น สวนกลับธันวาเหมือนอย่างเคย

“ไม่เอาน่า....คิดมาก ไร้สาระ เสียอารมณ์” ธันวาเงียบไปชั่วอึดใจ

“เอางี้...คุณขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว แต่งตัวให้สวย แต่งหน้าให้สวย ไปงานกับผมดีกว่า หาเรื่องอื่นทำ ช่างหัวนายเมษ ถึงเขาจะโกหก คุณต้องไม่อ่อนแอสิ จะเสียน้ำตาไปด้วยเรื่องแค่นี้ทำไม…" ธันวามองท่าทีหญิงสาว ก่อนตัดสินใจพูดออกไป

"เขาต้องแคร์คุณสิ ไม่ใช่คุณไปแคร์เขา” น้ำเสียงห้วน ดุเหมือนอย่างเคย เล่นหยุดน้ำตาที่ร่วง ๆ อยู่ได้ในทันที

“ผมจะคอย เก็บของตรงนี้ให้ คุณขึ้นไปแต่งตัวนะ”

“คุณไปเถอะ เสียเวลากว่าฉันจะอาบน้ำแต่งตัว”

“ได้ไง ผมไม่ปล่อยให้คุณนั่งร้องไห้อยู่แบบนี้ล่ะ เผื่อคิดมากผูกคอตายขึ้นมา ตามมาหลอนผมที่ไม่ห้ามคุณไว้ไม่ให้ตาย แล้วผมจะอยู่บ้านนี้ได้ไง” น้ำเสียงตอนท้ายพูดเหมือนจริงจัง แต่ออกไปทางขำ ๆ เสียมากกว่า

“ฉันไม่ตายง่าย ๆ แบบนั้นหรอก”

“นั่นสิ!..ดังนั้นไปแต่งตัว หาเรื่องอื่นทำให้สบายใจดีกว่า มา! รีบไปแต่งตัว” ชายหนุ่มพยายามฉุดลากหญิงสาวให้ลุกจากเก้าอี้ในท่าที่เธอทำกับเขาเมื่อครั้งแรก ก่อนรุนหลังเธอให้ขึ้นบันไดไป

“งานของคุณ ฉันไปได้เหรอ?” น้ำเสียงดูเบาลงในอารมณ์ แต่ก็ยังหันมาเหมือนลังเลไม่แน่ใจนัก

“งานหาทุนของมหาวิทยาลัย ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย คุณไปในนาม
โทมัสแอนด์เจมส์ หรืออยากจะไปในนามบริจาคเงินส่วนตัวก็ได้นะ อาจารย์คงดีใจ” ชายหนุ่มหัวเราะร่าอย่างถูกใจ

“แล้วนี่ต้องแต่งตัวแบบไหนละคะ?” ธันวาเริ่มรู้สึก ผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงวันยังค่ำ ไม่ว่าอารมณ์ไหน ๆ ก็ตาม และผู้หญิงที่เหมือนเด็กเล็ก ๆ อย่างเภตรา

“แต่งแบบคุณเคยแต่งนั่นแหละ แต่ไม่ต้องหรูที่สุด ขอแบบที่สวยที่สุด ที่ไม่ต้องใช้เวลานานด้วย ไม่สวยไม่ต้องลงมานะ”

ทันทีที่ร่างหญิงสาวลับตาไปจากเหลือบบันได ธันวาต้องถอนหายใจอย่างยาว อยากเอาหัวโหม่งฝา

ได้รับบทผู้ช่วยนางเอก แทนที่จะเป็นตัวเอ บี ซี กอ ขอ คอ หรือตัวประกอบธรรมดาสามัญ
ก็ยังดีที่เลื่อนขั้นมาอีกหน่อย …
มันต้องเป็นเวรกรรมได้ทำร่วมกันมาอย่างแน่นอน...





แม้จะเปลี่ยนกิจกรรม เปลี่ยนสถานที่แล้วก็ตาม เภตราก็ยังไม่สดชื่นขึ้นมาสักเท่าไร งานเลี้ยงหาทุนคณะของมหาวิทยาลัยเก่าของธันวา ไม่ใช่งานเลี้ยงหรูหราใหญ่โตอย่างที่เขาว่า เป็นงานเลี้ยงค็อกเทลธรรมดา มีพิธีการสั้น ๆ หน้าเวทีเล็ก ๆ กลางบริเวณจัดเลี้ยงที่เปิดโล่ง มีบรรดาศิษย์เก่าบริษัทกฎหมาย หรือฝ่ายกฎหมายของบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศมามอบเงิน ทางมหาวิทยาลัยกล่าวขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษา และกิจกรรมต่าง ๆ ของคณะ

งานนี้ทำให้เธอได้รู้จักกับทนายความบริษัทอื่น ๆ และเพื่อนในสมัยเรียนของธันวาหลายคน อย่างน้อยการพูดคุยวงสนทนาก็ยังเป็นเรื่องราวในแวดวงของเธอ ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกแต่อย่างใด

อีกทั้งยังเห็นคุณสุมิตราพาร์ตเนอร์แอดมิน และพาร์ตเนอร์ฝ่ายอื่นที่สำนักงานอีกสองคน ช่วยทำให้เธอรู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น

“หิวหรือเปล่า? คุณยังไม่ได้ทานอะไร ผมไปหยิบอะไรมาให้มั้ย?” ความห่วงใยของธันวา ทำให้หญิงสาวอยากร้องไห้ แม้ว่าเขาติดคุยอยู่กับใคร ก็ยังแวะเวียนเดินกลับมาพูดคุยกับเธออยู่บ่อย ๆ อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ

พี่น้องสองคน ช่างต่างกันราวฟ้ากับดินจริง ๆ

ตั้งแต่ได้เจอกับเมษา เธอยังไม่มีโอกาสได้อยู่กับเมษาตามลำพังนานเกินชั่วโมงเลยเสียด้วยซ้ำ

“ห้าม! ตาแดงทำน้ำตาร่วงอีกนะ เดี๋ยวหน้าสวย ๆ เลอะหมด หมดสวยกันพอดี” ธันวาพยายามส่งอารมณ์ขันมาปลอบเธออยู่เรื่อย ๆ คอยกระตุ้นให้เธอไม่จมดิ่งลงไปอยู่ในอารมณ์เศร้า

“คุณสวยมากเลยนะคืนนี้ เพื่อนผมฝากชม แอบขอเบอร์อยู่หลายคน แต่ผมไม่ให้ แน่จริงให้มันมาขอกับคุณเอง” น้ำเสียงเหมือนภูมิใจ และกันท่าอยู่ในที ทำให้เภตราแอบหัวเราะอยู่หลายครั้งเมื่อธันวามากระซิบเบา ๆ แต่ก็ไม่มีใครมาขอเบอร์อย่างที่เขาบอก คงไม่มีใครแน่จริงสักราย

แต่นั่นแหละ งานเลี้ยงแบบนี้ ไม่ทำให้เธอรู้สึกสนใจอยู่ได้นานนัก หญิงสาวเดินเลี่ยงเรื่อยเปื่อยออกมานอกบริเวณ แม้ความรู้สึกจะไม่เศร้ามากเท่ากับเมื่อตอนอยู่บ้านแล้วก็ตาม แต่ปัญหาก็เหมือนใช่ว่าจะหมดไป

เธอไม่รู้เหมือนกัน หากธันวาไม่อยู่ด้วย เธอจะเป็นอย่างไร อดคิดไม่ได้ว่าเธอผิดเองหรือไม่ เธอกำลังฝืนอยู่กับกงล้อโชคชะตาหรืออย่างไร

บางที ราวกับว่า พรหมลิขิต สวรรค์อาจคิดว่าเธอกับเมษาไม่ควรจะพบกัน ไม่ควรจะคบกัน

บางที เธอควรจะยอมแพ้...


สายลมเย็น ๆ อ่อน ๆ พัดผ่านมา มันเป็นลมแม่น้ำ เหมือนมันช่างคุ้นเคย เธอเพิ่งรู้ว่ามหาวิทยาลัยนี้อยู่ติดริมน้ำ หญิงสาวหยุดเดิน อดคิดถึงบ้านอย่างช่วยไม่ได้

เธอดั้นด้นมาฟากฟ้านี้ เพื่อเจอกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร...


“เคยได้ยินเขาว่าแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ต่างจากแม่น้ำไรน์.... เป็นแม่น้ำสายใหญ่เหมือนกัน” เสียงเบา ๆ ของของธันวาดังอยู่ข้าง ๆ เภตราไม่คิดว่าเขาจะตามเธอออกมา นี่เธอคงจะอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา

“นี่เจ้าพระยาสินะคะ...ค่ะ เคยได้ยินแต่แม่เล่า เคยเห็นในรูป ไม่คิดว่าจะได้มายืนอยู่ตรงนี้ คล้ายกันค่ะ แต่ลมที่นี่อุ่นเย็นสบาย ไม่หนาวเย็นเหมือนแม่น้ำไรน์ เป็นแม่น้ำสายหลักเหมือนกัน “ สายลมบาง ๆ โชยมา ค่อย ๆ ทำให้ความรู้สึกหมองใจ เศร้าใจจางหายไป

“มาตรงนี้ดีกว่าครับ” ธันวาส่งมือให้เธอเกาะ สะดวกในการก้าวเท้าบนรองเท้าส้นสูง เพื่อข้ามทางเดินเลาะมายังบริเวณหน้าลานริมแม่น้ำ

“ตอนเรียนผมมานั่งที่นี่บ่อย ๆ เงียบ มีสมาธิอ่านหนังสือ เวลาเหงา ๆ ก็หายเหงา”

“อย่างคุณดูไม่น่าเหงาเลย เหงาด้วยหรือคะ?” หน้าหม่น ๆ เมื่อครู่ มีแววสดใสขึ้นมาในทันที ธันวายิ้มบาง ๆ

“บ่อย ๆ ครับ แถวนี้แหละ ที่เป็นเพื่อนได้ เวลาคิดถึงพ่อ ก็มานั่งแถวนี้ พ่อผมเคยเป็นอาจารย์ที่นี่ก่อนเสีย บ้านเราเคยมีชีวิตเงียบ ๆ สบาย ๆ ผมตามพ่อมาที่นี่บ่อย ๆ เคยฝันอยากเป็นอย่างพ่อ แต่อย่างว่าครับ เป็นอาจารย์ รายได้ไม่มากมาย เราก็เคยมีความสุขกันดี…แต่พอพ่อป่วย เสียไป เงินทองกลายเป็นเรื่องสำคัญ” น้ำเสียงทอดหายไป เหมือนเรือโยงกลางแม่น้ำตรงหน้า ที่กำลังไหลเลื่อนผ่านไป

“แม่ต้องเหนื่อยมากมายตอนท้องนายเมษ จนผมคิดว่าต้องหางานที่ดีกว่า ไม่เป็นอาจารย์อย่างพ่ออีกแล้ว สุดท้ายก็มาลงเอยเป็นทนายแบบนี้ แต่ก็ยังอยากให้แม่ น้องสุขสบาย ไม่ต้องพึ่งใบบุญ ติดหนี้ของลุง ไม่ต้องมีชีวิตอย่างที่ลุงต้องการ อย่างที่ลุงกำหนดให้เป็นเหมือนทุกวันนี้...” ธันวาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองพูดอะไรออกไปมากมายเช่นนี้

“แต่ก็ไม่มีใครต้องการอะไรจากผมอีกแล้ว...เขาเอาแม่และพี่น้องของผมไปหมด” ชายหนุ่มถอนใจ ก่อนมองเลยขึ้นไปบนท้องฟ้าสีเทา ๆ เบื้องหน้า

“บางครั้งผมอิจฉานายเมษนะ ที่เขาโชคดี ไม่ต้องลำบาก ได้สิ่งดี ๆ มาตลอดทั้งชีวิต แต่เขาไม่เคยรักษาสิ่งของต่าง ๆ ไว้ได้เลย ” ธันวาจ้องดวงหน้าคนข้างเนิ่นนาน ด้วยหลากหลายอารมณ์ เภตราเริ่มประกอบภาพชิ้นเล็ก ๆ ที่กระจัดกระจายได้อย่างพอเข้าใจ

“เขาน่าจะเข้าใจในคุณค่าสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มา” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว หันกลับมายิ้มให้เภตรา

“คืนนี้ผมไร้สาระ พูดเยอะ พูดมาก แค่ไม่อยากให้คุณต้องเสียใจกับการกระทำของนายเมษ คนเรามีช่วงเวลาที่อ่อนแอ มีช่วงเวลาที่เข้มแข็ง แต่ผมไม่อยากเห็นคุณต้องร้องไห้เพราะนายเมษอีก …มันเหมือนไม่ใช่ เภตราที่ผมรู้จัก แม้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม” น้ำเสียงที่ส่งมายังคงเต็มไปด้วยพลังใจ

“คุณเป็นคนเก่ง คุณมีความสำคัญในตัวเอง... อย่าปล่อยให้นายเมษทำคุณเหมือนเป็นสิ่งของ อย่าให้เขาทำร้ายจิตใจคุณอีก”

“คุณพูดเหมือนให้ฉันเลิกยุ่งกับเขา” เสียงเบาแผ่วถามเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ

“ผมแนะนำ หรือห้ามคุณแบบนั้นไม่ได้หรอกเภตรา คุณต่างหากที่ต้องตอบตัวเอง...จะถอยหรือจะสู้ แต่อย่าทำตัวเหมือนคนพ่ายแพ้ ผมเคยบอกไว้แล้ว คุณจะเลือกรักด้วยสมอง หรือด้วยหัวใจ…ก็แค่นั้น“ ธันวายังคงทิ้งคำถามที่เภตรายังไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้

แต่ที่แน่ ๆ เธอต้องไม่ใช่คนพ่ายแพ้ ตั้งแต่ยังไม่ได้สู้ ทั้งเธอ และเขาต่างนิ่งเงียบกันไปเนิ่นนาน ทอดสายตาต่างความคิดออกไปยังแม่น้ำเบื้องหน้า

“คุณกำลังสู้กับคนสามคน วรรณิศาอาจไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ก็เป็นผู้หญิงที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ ไม่ต่างอะไรกับบุษมาส ทั้งคู่สามารถทำอะไรเกินตัวได้ อย่างไม่ยากเสียด้วย... ส่วนผู้หญิงอื่น ๆ เท่าที่รู้ก็ไม่มีใครเป็นพิเศษ แต่คนที่คุณควรต้องทำใจไว้เลยคือ ลุงพิศาล เขาเป็นยิ่งกว่าพ่อ เป็นคนที่มีอิทธิพลกับชีวิตเมษามากมาย…เป็นเจ้าของนายเมษก็ว่าได้เลยล่ะ” ชายหนุ่มพูดไปเรื่อย ๆ แต่กลับเป็นข้อมูลใหม่ สำหรับเธอ เธอเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาพูดไว้มากมายตั้งแต่ต้น

“คุณต้องทำใจตัวเองให้แข็งแกร่ง เหมือนอย่างที่คุณทำงาน หากต้องรับมือกับคุณลุง ผมอยากเห็นคุณเป็นแบบนั้น...ผมเอาใจช่วย แต่ยังไงผมก็จะพยายามอยู่ข้างคุณเสมอ..แค่เท่าที่ผมสามารถ...” รอยยิ้มบาง ๆ เหมือนเคย เภตราสังเกตเห็นร่องรอยเจ็บปวดบาง ๆ ผ่านมาจากแววตาคู่นั้น แต่เหมือนเป็นชั่วแว่บ

แว่บหนึ่งของความอ่อนแอของผู้ชายคนตรงหน้าที่เธอรู้สึกได้ มันกลับเป็นพลังให้กับเธอได้อย่างมากมาย

น่าแปลกที่เธอรู้สึก สัมผัสได้ ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของเขา ที่ถูกเก็บกด ซ่อนเร็นไว้อย่างมิดชิด ช่างแตกต่างจากผู้ชายดุ ๆ คนที่เธอคุ้นมาตลอดหลายอาทิตย์

“จริง ๆ ฉันก็ไม่ใช่แบบนี้นะ แต่พออยู่ใกล้ ๆ คุณ ฉันก็เป็นเหมือนเด็กขี้แงได้ไงก็ไม่รู้” เสียงอ่อย ๆ ของเภตรา เธอเลือกมุขเดิม หน้าเดิม อย่างน้อยเพื่อไม่ต้องให้เขาต้องหม่นไปกับความรู้สึกในอดีต อยากให้เขาหันมาทำตาเขียว ดุ ๆ ใส่เธอมากกว่า

และดูเหมือนมันจะได้ผล

“บรรยากาศตรงนี้ดีจัง น่าเสียดาย น่าจะมีร้านอาหารริมน้ำนะ ชักหิวแล้วล่ะ ตอนนั่งรถผ่านมา ฉันเห็นมีร้านอาหารตั้งหลายที่แน่ะ มันน่าจะเดินเลาะริมน้ำไปได้นะนี่” น้ำเสียงแจ้ว ๆ เหมือนกลับเป็นเภตราคนเดิม ธันวาสำลักความรู้สึก แทบไม่เชื่อหูตัวเอง...

ไม่พ้นเรื่องกิน เรื่องเดินอีกแล้ว ...
เอาเถอะ!! แต่ก็ดีกว่าต้องทนเห็นหน้าหม่นเศร้าของเด็กขี้แงร้องไห้ขี้มูกโป่ง

เวรกรรมตรงนี้ กับผู้หญิงคนนี้ ที่เข้ามาสู่ชีวิตของเขาทั้งทางตรง และทางอ้อม ไม่ว่าเขาจะใช้สมอง หรือหัวใจให้คำตอบกับตัวเองแล้วก็ตาม

เห็นทีคงไม่มีวันจบลง หรือแม้แต่เพียงผลักไสเธอออกไปจากชีวิตของเขาได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน



...โปรดติดตามตอนต่อไป...







***
“Kingston Town" เร็กเก้หวาน ๆ จาก UB 40 Cover จากงานเจ้าพ่อสกา อย่าง Loard Creater ผู้ร้องและประพันธ์เพลงสไตล์จาไมก้านี้

https://www.youtube.com/watch?v=3x2e09XXDzg

เอา Link มาฝากด้วยเผื่อใครสนใจอยากฟัง หรือดูวิดีโอ

UB 40 เป็นวงตนตรีฝั่งอังกฤษตั้งแต่ยุค ’80
ที่มีเพลงบัลลาดเร็กเก้เพราะ ๆ อยู่หลาย ๆ เพลง
ส่วนเพลงนี้ขึ้นถึงอันดับ 4 UK Chart เมื่อปี ’95
จากอัลบั้ม The Best Of UB40 - Volume Two


55555 ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงกลายมาเป็นเร็กเก้ อีกแล้ว
จริง ๆ มีเพลงสำหรับบทนี้อยู่แล้ว แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนหมด เพลงเปลี่ยน อารมณ์เปลี่ยน ฉากเปลี่ยน สงสารตัวละครยิ่งนัก วิ่งเปลี่ยนฉากกันแบบสุดมุมเมือง เหอะ เหอะ

แต่ที่แน่ ๆ อย่างแปลกประหลาด มหัศจรรย์ แม้แต่คนเขียนยังสงสัย ฉากหวาน ๆ ของลุงธันว์กับยายหนูเภตรา ทำไมต้องเป็นเร็กเก้ทุกที อารมณ์มันช่างชิลสบาย ๆ แบบนี้ อุ่น ๆ เย็น ๆ แบบนี้ น่าอิจฉาสะจริง ๆ

กรี้ดดดด อยากมีคนดูแลแบบนี้จัง หงือ หงือ



Create Date : 17 สิงหาคม 2551
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 21:43:39 น. 40 comments
Counter : 478 Pageviews.

 
กว่าจะเรียบร้อย แหะ แหะ สองทุ่มกว่าจนได้
ขอแว่บไปทานมื้อเย็น ทานยาก่อนนะคะ

อ่านอย่างมีความสุขไปพลาง ๆ ก่อน
เดี๋ยวมาปะเนื้อเพลงให้


โดย: พรายทราย วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:20:21:37 น.  

 
ไม่น่าเชื่อว่าจะหลงรักเพลงนี้ได้ขนาดนี้ ...
ฟังได้ไม่รู้เบื่อจริง ๆ

Kingston Town : Ub40

The night seems to fade,
But the moonlight lingers on
There are wonders for everyone
The stars shine so bright,
But they`re fading after dawn
There is magic in kingston town


Oh kingston town,
The place I long to be
If i had the whole world
I would give it away
Just to see, the girls at play
Ooh, ooh, ooh

And when I am king,
Surely i would need a queen
And a palace and everything, yeah
And now I am king,
And my queen will come at dawn
She`ll be waiting in kingston town


And when I am king,
Surely I would need a queen
And a palace and everything, yeah
And now I am king,
And my queen will come at dawn
She`ll be waiting in kingston town


โดย: พรายทราย วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:21:56:01 น.  

 
แก้ไขคำผิด

ขอบคุณสะอีก = ขอบคุณเสียอีก

ถือสะว่าเป็นของขวัญจากฉันก็ได้ = ถือเสียว่าเป็นของขวัญจากฉันก็ได้





แอบไม่เข้าใจเภตราว่าอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ได้ยังไง = ='


แต่ก็เอาเหอะ ยังไงก็มีธันวาเป็นแบ็คอัพให้อยู่แล้วนิ

แอบสงสารตาธันว์


โดย: waidhaya วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:23:43:03 น.  

 
คุณ waidhaya

สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านเป็นคนแรกเลย
ขอบคุณที่ช่วยแก้คำผิดให้นะคะ
แหะ แหะ พยายามจะไม่ค่อยใช้คำพวกนี้
แต่พออยู่ในบทสนทนา บางทีก็เผลอปล่อย ๆ มันไปเหมือนกัน

อิอิคุณ waidhaya ไม่ต้องแอบก็ได้ค่ะ
ดีใจจังมีคนสางสารลุงธันว์เพิ่มอีกคนล่ะ
นี่ขนาดบ่น ๆ เรื่องเวรเรื่องกรรมประสาคนแก่
คงจะปลงไปได้เยอะ แล้วว่าหนีไม่พ้นแน่

ส่วนหนูเภเธอไม่เปลี่ยนไปหรอกค่ะ
อยู่กับลุงธันว์แล้วเธอมักจะอ่อนแอได้เต็มที่ แถมชอบเป็นแมงง๊องแง๊งอยู่เรื่อย
อีกอย่างปล่อยให้หนูเภร้อง ๆ สะบ้างก็ดีค่ะ
เก็บกดโดนกระหน่ำมาหลายตอน หลายรูปแบบ
ระบบประมวลผลของเธอคงสับสน error ไปบ้าง

คนเราบางทีเวลาเจอหนัก ๆ หลายเรื่องสับสนเข้า ก็ท้อได้เหมือนกัน
ยิ่งอารมณ์ฝันบินมาหารักแท้อย่างเธอ
บางทีเหมือนถูกบีบให้ยอมแพ้ เหมือนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกมาไว้เพื่อล่อลวง พิสูจน์ความแกร่ง

แต่สบายใจได้ค่ะ มีลุงธันว์เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล
เป็นโค้ชให้แบบนี้ (หลายตำแหน่งแหะ แต่ไม่เป็นตาฤาษีแน่นอน)
เธอคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ละ ให้เธอตื่นจากฝัน สติสตางค์มาครบก่อนเนอะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:2:13:11 น.  

 
พรายทรายเผลอหลับไปเฉยเลย ตื่นมาก็ไม่เต็มตา แหะ แหะ

คืนนี้ปิดสตูฯ ดึกหน่อย เดี๋ยวกลับไปนอนฝันหาลุงธันว์
เรียกสตางค์มาใส่กระปุกต่อดีกว่า

มีความสุขกับวันจันทร์กลางเดือนสิงหา อย่างสดชื่น สดใสทุก ๆ คนนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:3:50:46 น.  

 
มาแอบมองคนดีอยู่ห่างๆ
เธออ้างว้างเงียบเหงาเศร้าบ้างไหม
อยากบอกเธอให้รู้เสมอไป
ว่ามีคนอยู่ไกลห่วงใยเธอ


โดย: teansri IP: 88.106.31.122 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:4:12:50 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเทียนสี
มาแอบฝากความห่วงใยเป็นคำกลอนด้วยล่ะ
สดชื่นดีจัง ป่านนี้ลุงธันว์จะหายเหงาหรือยังหนอ

ฝากความคิดถึงห่วงใย
ฝากกลับคนไกลด้วยค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:10:24:56 น.  

 
เป็นวันจันทร์ที่สายแล้ว
แหะ แหะ ตื่นสายจนได้ แต่ก็ยังง่วง ๆ อยู่เลยอ่ะ
อากาศมันเย็นแปลก ๆ เมื่อตอนปิดเครื่องนึกว่าไม่สบายอีกแล้ว
ที่ไหนได้ลมเย็นยะเยือกโกรก แบบพัดลมไม่ต้องใช้เลย

ยังไงก็รักษาสุขภาพกันให้ดีนะคะ
ทั้งเมืองไทยและเมืองนอก
ขอให้มีความสุข สดชื่น แจ่มใส รับอาทิตย์ใหม่ทุก ๆ คนค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:10:28:21 น.  

 
Gutten Morgen ka.. อรุณสวัสดิ์ไส้กรอกกกก โอ้วววว

... หิวเลยพี่พรายจ๋า ตื่นมาเจอไส้กรอก frankfurt งืมมม
ของโปรดที่สุดในหัวใจของใยบัวเลยนะนี่
รักสุดใจ อร่อยสุดลิ้น ยิ่งกว่าไส้กรอก vienna อีก อิอิอิ

ลุงธันว์ทำงอนจะไม่กิน อ๊ะ หนูเภไม่ต้องกังวล
ส่งมา ส่งมา หนูบัวกินเองงงง


บทนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ได้เห็นลุงธันว์ได้มีโอกาสเเอบหวาน
ใกล้ชิดกะนางเอกของเรา หวานเย็นพอได้ เเม้ใจจริง
จะอยากให้หวานเยอะๆๆๆๆ เเต่ตอนนี้ลุงธันว์ของใยบัว
ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น อิอิอิ ร้องเพลงรอไปเรื่อยๆก่อนละกัน

มีเเอบเสียน้ำตาให้หนูเภไปเล็กน้อย
ฐานที่เจอคนลวงโลกอย่างนายเมษด้วย กรี๊ดดด
พูดเว่อร์ไปป่าวไม่รุ เหะเหะ เเบบว่าอิน
นายเมษอย่าได้โผล่มาใกล้นะ หนูบัวโดดเตะตาย เเง่งๆๆ


เอ... ลุงธันว์ของหนูเป็นศิษย์เก่าสถาบันไหนหนอ
รุ่นเดียวกะใยบัวหรือเปล่าเนี่ย กร๊ากกกก

นึกถึงอาหารริมน้ำเลย ท่าพระจันทร์ ท่าพระจันทร์
สวรรค์ของนักกินนนน อาหารอร่อยสุดยอด
ราคาถูกใจสุดสุดอีกตะหาก เเต่หากจะเอาเเบบลงโป๊ะ
ภตตาคารลอยน้ำสารพัดยี่ห้อริมเจ้าพระยานั่น
โอ้ ต้องจ่ายเเพงขึ้นมาอีกหน่อย เเต่อร่อยสุดใจเช่นกัน


งือ งือ คิดถึง คิดถึงอาหาร หิววววววว.... หนูขอสลายตัว
ไปที่ครัวก่อนนะคร้าบบบบบ


โดย: ใยบัว.. วันหยุด เย้ เย้ IP: 203.132.66.19 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:10:56:47 น.  

 
หนูใยบัว

Gutten Morgen เช่นกันค่ะ วันหยุดพักผ่อนให้เต็มที่นะคะ
55555 ช่วงเปื่อย ๆ นี่จะเห็นของกินเพียบ
จริง ๆ ตามปกติเรื่องที่พี่อ้อ ไม่เห็นมีเรื่องไหนจะหนีเรื่องของกินได้เลย
นี่ขนาดยังไม่ได้เขียนเฉพาะไปทางอาหารสักเท่าไรนะนี่

ส่วนตัวเห็นด้วยค่ะแฟรงก์เฟิร์ตจะอร่อยกว่า เวียนนา
มันหอม ๆ ยิ่งพอร้อน ๆ ไม่ว่าจะย่าง อบ หรือนึ่ง แค่เข้าเวฟเฉย ๆ
หอมอร่อย กัดไปกร๊วบ ๆ นี่ กรี้ดดดดด ของโปรดจริง ๆ

เห็นหนูใยบัวทานได้เยอะ ๆ ยกให้หมดเลยค่ะ ทานเยอะ ๆ นะคะจะได้แข็งแรง
แต่เยอะมากไปเดี๋ยวอ้วน หมอก็พยายามให้ลดพวกไส้กรอก ขนมปัง รำไร ๆ
แต่ก็อดไม่ค่อยได้เหมือนกัน เลยทานบ่อย ๆ แต่ไม่เยอะแทน คริ คริ
ตะก่อนทานบ่อย ๆ และก็เยอะ ๆ ทุกที

ค่อยสบายใจหน่อยเห็นหนูใยบัวทักแบบนี้
ลุงธันว์กับหนูเภยังไปไม่ถึงขั้นนั้นจริง ๆ
ตามโครงเดิม บทนี้ลุงธันว์ต้องเล่นเปียโนแอบบอกรักทางอ้อมให้หนูเภฟัง (สปอยล์สะงั้น)
แต่อย่างที่หนูใยบัวอ่าน ยิ่งรู้จักลุงธันว์มากขึ้น ช่วงนี้ยิ่งไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ ๆ
แค่ขนาดต้องยอมรับกับตัวเองว่ารักเธอไปแล้วเต็ม ๆ นี่ ยังเลี่ยง ๆ อ้อม ๆ
ประนีประนอมกับตัวเองฐานะทนายแก้ต่างให้ตัวเองสะงั้น

นี่คือเหตุผลเพลงประจำบทต้องเปลี่ยน ฉากเปลี่ยน บทนี้เลยเปลี่ยนเกือบจะหมด
แต่ก็ทำให้คนเขียน happy มากขึ้น ที่ไม่บังคับขืนใจตัวละคร คริ คริ
เดี๋ยวคงต้องตามดู หนุ่มเก็บกดอย่างลุงธันว์ จะเก็บกด เก็บความลับ ความผูกพัน
ถักทอสายใยรักโอบหนูเภไว้ได้นานแค่ไหน ตามสไตล์สละหวานเย็นนะคะ
เขาว่าผู้สละมักจะเป็นผู้ได้เนอะ อิอิ

ว่าเขียนเรื่องไหน ๆ ไม่เสียน้ำตามากมายเท่านี้
บทนี้คนเขียนก็ใช้น้ำตาเขียน ฉากรับโทรศัพท์กลับมา แล้วเห็นลุงธันว์ทานอย่างอเร็ดอร่อย
น้ำตาก็ร่วงพราวมาจริง ๆ ร่วงตั้งแต่คิดก่อนพิมพ์เลยนะ
แบบนี้ถือว่าไม่เว่อแน่นอนค่ะ 5555เพราะคนเขียนเว่อมากมาย คริ คริ
ถึงกลัวใจมันยิ่งจะเป็นดราม่า ม่า เข้าไปทุกที ๆ

โอ้ เริ่มสงสารนายเมษเสียแล้ว คนเขียนก็เริ่มเบื่อขี้หน้า
ตั้งแต่มี
จะโดนหนูบัวโดดเตะสะแล้ว นี่ยังไม่เท่าไรนะคะ
อีกสองสามบทมีหวังคงยิ่งเกลียดนายเมษเข้าใส่ พลางเลิกอ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:12:25:40 น.  

 
หนูใยบัว...(ต่อ)


5555555 อิอิ ไม่แน่ใจค่ะว่าลุงธันว์เป็นเพื่อนผองรุ่นเดียวกับหนูใยบัวหรือเปล่า อะเจื้อยยยย
แต่น่าจะห่างกันเยอะนะคะ เพราะเทียบ ๆ จากอายุแล้ว ลุงธันว์นะเริ่มแก่แย้วววว คริ คริ

ว่าไปแล้วไม่ได้เดินแถวท่าพระจันทร์นานนักหนา ทั้งท่าช้าง เลียบเลาะไปจนถึงท่าเตียน วนกลับ
มาท่าพระอาทิตย์ ป้อมพระสุเมรุ บางลำพู เทเวศร์ ....5555 ชักเริ่มเมื่อย
โอ๊ยยยยย ก๊ากกกกก ของกินเริ่มลอยมาเป็นลำดับ ๆ ๆ ๆ ๆ

กระเพาะปลา เนื้อทอด ขิงดอง ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวแกง ก๋วยเตี๋ยวหมู ขนมปังกรอบ เนื้อตุ๋น มะตะบะ ข้าวหมก โรตี ทอดมันปลา ไส้กรอกปลาแนม เมี่ยงลาว สุกี้ ก๋วยเตี๋ยวคั่ว ก๋วยเตี๋ยวแห้งลูกชิ้นปลา ทับทิมกรอบ
ข้าวซอย ข้าวหมูกรอบ เอแคลร์ ชิฟฟ่อน ปั้นสิบ
ส้มโอ ผัดซีอิ้วหมุกระเทียม เย็นตาโฟ ต้มยำ ผัดไทย ไหลบัว เสต็กปลา ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ


555555 ยายหนูเภเอาส่วนนี้คนเขียนไปจริง ๆ เรื่องเดินกินนี่ คริ คริ

ย้อนกลับมาอ่านอีกที นึกออกมาได้ยังไงนั่น เหอะ เหอะ แบบว่า มันยังไม่หมดเลยนะนี่ คริ คริ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:12:28:10 น.  

 
เหอะ เหอะ อ่านแล้วขำตัวเอง...
ตอนย้อนอดีตนี่ไม่ได้หิวข้าวเลยสักนิดนะนี่ เฮ้อออ ถ้าหิวแล้วจะเป็นยังไง กรรม กรรม...


ฟัง Kingston Town หลาย ๆ รอบ แล้ว ตอนอาบน้ำเมื่อเช้าก็หาคำตอบได้สักที
ว่าทำไมฉากเวลาลุงธันว์กับหนูเภอยู่ด้วยกันนี่ ต้องบังเอิญถูกโฉลกอารมณ์เป็นเพลงเร็กเก้ทุกที

เพราะ ต้นเรื่องที่มาของเรื่องนี้ คือเพลง ปลายฟ้า ของมะลิลาบาซิลเลี่ยนนั่นเอง

เสียดายมาก ๆ ที่กฏเหล็กส่วนตัวเลิกใส่เพลงไทยไปแล้ว


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:12:34:32 น.  

 

มารอลุ้นเอาใจช่วยนางเอกกับผู้ช่วยนางเอก
ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่แสนน่ารักและอบอุ่น

คุณช่อครามทิ้งปมไว้ให้สะดุดใจคนอ่านอีกแล้วค่ะ
กับ key word "กรรมเวรที่ต่อเนื่อง" จากความคิดรำพึง
ของลุงธันว์นั่นเอง .. ต้องตามเก็บข้อมูลมาปะติดปะต่อ
จิ๊กซอว์ตัวใหม่อีกแล้ว

และสุดท้ายตอนนี้ก็คงจะต้องไปหาเพลงปลายฟ้า ของ
มะลิลาบาซิลเลี่ยนมาฟังอีกเพลงหนึ่งด้วย


ปล. บทนี้ค่อนข้างยาว ถูกใจแฟนหนูเภฯ กับลุงธันว์
จริงๆ ค่ะ


โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:19:08:35 น.  

 
ธุ ธุค่ะป้าติ๋ว

กรี้ดดดดดด ป้าติ๋วชมลุงธันว์แบบนี้ “แสนน่ารักและอบอุ่น”
แค่บทที่ 15 เอง เดี๋ยวพอองก์หลัง ๆ ป้าติ๋วจะขึ้นค่าตัวให้เป็น“ล้านน่ารักและอบอุ่น” มั้ยคะ อิอิ << ทำตาอ้อน ๆ >>

โอ้! ป้าติ๋วเริ่มเป็นแฟนคลับช่อครามเต็มตัวแล้ว
เก็บกุญแจหัวใจได้แบบนี้ เดี๋ยวต้องมีของขวัญพิเศษให้แน่ ๆ เลย ค่ะ ตอนจบเรื่องแล้วนะคะ
เดี๋ยวพรายทรายช่วยบันทึกความจำไว้ให้ช่อคราม
(เหมือนชอบทิ้งโน้นทิ้งนี่ หาเรื่องแกล้งคนอ่านอยู่เรื่อย ไง ๆ ก็ไม่รู้)


เพลงปลายฟ้าเพราะหวานมากนะคะ ทั้งเวอร์ชั่นมะลิลาฯ หรือเวอร์ชั่นอื่น ๆ
ดนตรีดี เนื้อดี ใคร ๆ ร้องก็เพราะ แม้แต่พรายทรายผู้ร้องเพลงไม่เป็นเพลงด้วย อิอิ แหะ แหะ


เรื่องนี้ก็เกือบชื่อปลายฟ้า แต่มีนิยายชื่อปลายฟ้าหลายเรื่อง แล้วชื่อเรื่องสั้น ๆ นี่ไม่ใช่เอกลักษณ์ของช่อครามแน่ ๆ เลยอดไป


พยายามเพิ่มจากโควต้าปกติ 5 หน้าต่อ 1 บท เป็นประมาณ 7- 8 หน้า
10 หน้านี่ขอนาน ๆ ทีนะคะ ขืนเป็น 10 หน้า บ่อย ๆ มีหวังโดนมองหน้าแน่ ๆ ค่ะ
แค่นี้ก็เสร็จช้ามากมายแย้ว หงือ หงือ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:21:01:44 น.  

 
ป้าติ๋ว ต่อค่ะ

เอา Link มาฝากป้าติ๋ว และแฟน ๆ ท่านอื่นที่อยากฟังนะคะ

เวอร์ชั่นต้นตำรับ มะลิลาบลาซิเลี่ยน (ฟังแล้วจริงใจ ง่าย ๆ เบาสบายดี)

//www.ijigg.com/songs/V2AC4AD7PAD

เวอร์ชั่น Be My Guest กอล์ฟ กับ จุ๋ม
(ชอบดนตรี แน่นดีค่ะ เป็นแจ๊สเบาสบาย เสียงตากอล์ฟนุ่มดีด้วย เสียงนรีกระจ่างก็หวานเจี๊ยบเลย)

//www.ijigg.com/songs/V2BFC47PAD

ฟังเพลิน ๆ จะได้หลับฝันดีนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:22:49:39 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณพรายทราย มาอ่านต่อค่ะ ชอบผู้ชายอย่างหนุ่ม(เกือบแก่)ธันว์ค่ะ อบอุ่นและพึ่งพาได้ เวลาร้องไห้ก็อยากซบอกหนุ่มแบบนี้ปหละค่ะ แต่ว่าหนูเภ จุฬาภินันท์รู้สึกว่าหนูแกจะค่อนข้างสับสนกับอารมณ์ตัวเองนะคะ คนระดับนี้น่าจะแยกออกว่าคนอย่างนายเมษเป็นประมาณไหน ก็ถูกค่ะว่าหนูเภค่อนข้างหลง จุฬาภินันท์ว่าเป้นหลงนะคะ เพราะรู้จักกันไม่นานนัก คนมั่นใจอย่างหนูเภก้ตัดสินใจมาเมืองไทย ไม่แปลกค่ะ แต่จมอยู่กับความรู้สึกไม่แน่ใจนานๆไปนิด รู้สึกเหมือนอ่อนแอยังไงไม่รู้ คือ...สรุปว่าจุฬาภินันท์สงสารนายธันว์น่ะค่ะ อยากให้หนูเภแกรู้สึกกับหนุ่มแสนดีซักที ยังไงก็ตามอ่านต่อค่ะ


โดย: Chulapinan วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:16:41:37 น.  

 
บทนี้ ปลื้มมมมมมม ลุงธันว์มากๆ เลยครับ สงสารนะเนี่ย ขนาดยังจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่เสร็จ ยังพร้อมลุกขึ้นมาเป็น "ผู้ช่วยนางเอก" สู้สุดใจจริงๆ ทำไมช่างอบอุ่นอย่างเงี้ยยยยย (หนับหนุนป้าติ๋วเต็มที่เลยครับ)

และก็ปลอบได้อย่างมีอารมณ์ขัน น่ารักน่าหยิกอีกต่างหาก เป็นไงล่ะ หนูเภเลยฟื้นเร็ว เล่นกลับซ้า งงไปเลยนะลุง โฮ่ๆๆ

ชอบฉากตรงที่หนูเภลาก (อ้อน) ลุงไปหม่ำปากะตี้มากๆ ครับ หวานนะนั่น หวานจนน้ำตาซึม มัน... ห่วงหาอาทร และพอนึกถึงหัวอกลุง โอ้... โอ... ใจมันรอนๆ ครับ

นายเมษนะนายเมษ เอาอีกแล้ว โอ้... ผิดนัดสาวซ้ำซากแบบนี้ สงสัยจะต้องปล่อยไปตามบุญตามกรรมซะล่ะมั้งเนี่ย กร๊าก


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:20:16:48 น.  

 
แหะ แหะ พรายทรายมารายงานตัว
สวัสดีคุณจุฬาฯ และคุณพีทคร่าว ๆ ก่อนค่ะ

วันนี้ค่อนข้างยุ่ง ๆ ชุลมุนวุ่นวาย
ขอแอบปะโป้งบล็อกตัวเอง
พรุ่งนี้เช้าขอค่อยเข้ามาคุยใหม่นะคะ

คืนนี้ขอสวัสดีและราตรีสวัสดิ์ทีเดียวพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
(อิอิ วันนี้ขอเยอะจริง ๆ แหะ แหะ)

ฝนตกเย็นสบายหลับฝันดีทุก ๆ คนนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:23:07:21 น.  

 
คุณ Chulapinan

สวัสดีค่ะคุณจุฬาภินันท์
น่าอิจฉาดีใจแทนลุงธันว์มีแต่คนสงสาร แหะ แหะ พรายทรายก็อยากได้ลุงธันว์แบบนี้สักคนค่ะ มาไว้เป็นส่วนตั้ว ส่วนตัวเหมือนกัน

แหะ แหะ จริง ๆ ยายหนูเภเป็นเด็กมีปัญหาน่ะค่ะ เอิ๊กกกก เก่งแต่ทำงาน เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราว พวกชอบเอางานมาบังหน้า อิอิ
อีกอย่างข้างในจิตใจเธอก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรค่ะ อายุก็แค่ 25 แต่เหมือนยังไม่โตสักที

จะว่าหลงทีเดียวก็ไม่เชิงนะค่ะ เพียงแต่เธอรู้สึกรักไวไปหน่อย ว่าไปแล้วมีเหตุผลร้อยแปดนะคะ เมื่อคนเราคิดจะรัก 5555 บางทีเวลาความรักเข้ามาก็ไม่มีเหตุผลเลยด้วยซ้ำ...

แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะรู้จักใครสักคนต้องใช้เวลาศึกษา เธอก็เลยมาเมืองไทยเพื่อหาเหตุผล ได้รู้จักเพิ่มเติม
จังหวะโอกาสมันอำนวยให้เป็นเรื่องด้วยน่ะค่ะ แหะ แหะ ไม่งั้นมันก็ไม่เป็นเรื่องเนอะ ให้รออยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ คงไม่ใช่เธออ่ะ

เมื่อไหร่เขี่ยนายเมษออกจากลูกตายายหนูเภได้สำเร็จ คงจะมองเห็นความรู้สึกดี ๆ จากลุงธันว์สักที 5555 ไม่งั้นเดี๋ยวก็เอาตัวลุงธันว์มาประมูลให้แฟนคลับ คนอ่านแถว ๆ นี้แทนเลยเนอะ เนอะ


โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:14:23:31 น.  

 
คุณพีทคุง

เนอะ อิจฉายยายหนูเภจริง ๆ เมื่อไหร่จะหูตาส่ว่างสะที หากไม่พอใจลุงธันว์ จะได้ส่งลุงธันว์มาให้คนอ่านทางนี้ ปลอบขวัญแทน อิอิ

ลุงธันว์นี่เห็นเลยว่านิสัยชอบแบกหาม แบบ big brother พี่ใหญ่จริง ๆ เรื่องตัวเองเก็บไว้ทีหลังก็ได้
เรื่องปลอบ ประเลาะเด็กนี่คงเพราะอยู่กับหลานมาก ๆ เลยรู้วิธีล่อหลอก ปราบเด็ก ยายหนูเภก็กะโปโลคลับในสายตาของเขาอยู่แล้วอ่ะ

ฉากนั้นหากเป็นหนังคงถ่ายให้เห็นแค่สีหน้า แววตา อารมณ์ความรู้สึก ไม่อยากบรรยายให้เสียอารมณ์ กลัวใจจะเขียนบรรยายมากกลายเป็นดราม่ารันทด กลืนสปาฯ ไม่ลงเปล่า ๆ หือ หือ ลุงธันว์
ว่าไปจะเห็นเลยนะยายหนูเภ ก็อ้อนไม่ต่างจากนายบอล นายบาสล่ะ มีจิกขโมยมุขเด็กด้วย เหอะ เหอะ

5555 เรื่องนายเมษ ขอ นุญาต พาดพิงข้ามบ้าน แบบต้องยืมคำพูดของคุณพีทที่พูดถึงนายกล้า
ว่า “ช่างมัน มันทำตัวมันเอง”
5555 หรือส่งไปให้คุณพีทปราบสักทีดีละนี่ จะได้นิสัยดีขึ้นมาหน่อย อิอิ

แต่ว่าไปก็จริงยายหนูเภรู้สึกนะ หากเป็นคนสำคัญ เป็นคนพิเศษจริง ๆ คงต้องตาหลีตาเหลือกมา เหมือนตอนกลัวจะเสียเธอไปอะเนอะ คนอย่างนี้ก็เป็นแบบนี้จริง ๆ

แต่ก็ดีอย่างที่บอกให้รู้ตัวล่วงหน้า ไม่ต้องให้มาเสียเวลานั่งรอ แล้วต้องเขวี้ยงของกินอร่อย ๆ ทิ้งลงถังขยะ หือ หือ เสียดายของ


โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:14:28:51 น.  

 
วันนี้ Sunshine Day จริง ๆ ร้อนเปรี้ยง ๆ ขาดใจอีกแล้ว
ลมไม่ค่อยมีเอาสะเลย

แต่ท้องฟ้าสีฟ้าใส ใสกิ้ง แถมเมฆขาวจับตัวกันเป็นภาพสวยเชียวค่ะ

แต่ช่วงนี้เผื่อใจไว้หน่อย 5555 บอกฟ้าใสสวย อีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง เมฆดำปี๋โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แหะ แหะ

วันพุธแล้ว ช่างรวดเร็วจริง ๆ ทำงานกันอย่างมีความสุขนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:14:32:32 น.  

 
เป็นกำลังใจให้มีบทใหม่มาลงอย่างไม่ขาดตอนนะคะ หุหุหุ

glitter-graphics.com


โดย: อสิตา (อสิตา ) วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:17:12:35 น.  

 
คุณอสิตา

ขอบคุณค่ะ สำหรับกำลังใจ และดอกกุหลาบสวย ๆ ทำให้ห้องนี้เป็นสีชมพูมีประกายขึ้นมาเลย


โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:17:55:41 น.  

 
พี่อ้อครับ

ขอบพระคุณที่พี่เข้าไปให้กำลังใจผมที่ลายปากกาเสมอๆ ซาบซึ้งมากๆ ครับ

นิยายของพี่คงเกินความสามารถที่ผมจะตามทันในระยะเวลาอันสั้น - -'

แต่สัญญาว่าถ้าว่างเมื่อไหร่จะใส่สะเก็ตวิ่งเร็วจี๋เลย รับรองว่าทันแน่นอนครับ

วันนี้ต้องขออนุญาตเข้ามากราบสวัสดีอย่างเดียวก่อนนะครับ ฮี่ๆๆๆๆ

สวัสดีครับ...


โดย: วรบรรณ วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:18:49:59 น.  

 
ส่งมาเลยครับ นายเมษ เดี๋ยวปราบให้เอง ว่าแต่สาวๆ ของนายเมษเขาจะยอมล่ะรื้อ ถึงมือคุณพีทเมื่อไหร่ อาจไม่ยอมส่งกลับ กร๊าก

ระหว่างนี้ก็รอลุ้นลุงอุ่นต่อปาย...


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:19:11:21 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่อ้อ

หนูแวะมาสวัสดีค่ะ

และกะจะรบกวนกินข้าวเย็นกับพี่อ้อ

มีอะไรให้กินไหมคะ

เริ่มหิวแล้ว....


โดย: ปณาลี วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:20:00:12 น.  

 



H A P P Y : : W E D N E S D A Y

แวะมาทักทายด้วยสายน้ำเย็นๆจ๊ะ
คุณพรายบอกว่าต้องทานยาหลังมื้อเย็น ไม่สบายเป็นอะไรหรือปล่าว
ขอให้หายป่วยไวไวนะจ๊ะ

รักษาสุขภาพ และมีความสุขกับวันดีๆทุกทุกวันจ๊ะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:20:49:17 น.  

 

คุณวรบรรณ

คุณวรบรรณคะ
ไม่ต้องเป็นกังวลเลยนะคะ นิยายพี่อ้ออ่านไม่ทันก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องซีเรียส
หากว่าง ๆ ก็แวะเวียนมาฟังเพลง มาคุย มาบ่นกันก็ได้ค่ะ

โหหหห ไม่ต้องใส่เสก็ตหรอกค่ะ นั่งอ่านธรรมดาก็ได้
เอ แต่ตอนนี้ว่างหรือคะ รู้สึกว่ายังยุ่ง ๆ อยู่
ยังไงก็ขอบคุณเช่นกันค่ะ ที่ขนาดไม่ว่างก็ยังแวะมาทักทาย สวัสดี

สู้ ๆ ๆ นะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:21:24:01 น.  

 
คุณพีท

5555 ยกนายเมษเป็นของเชลยให้คุณพีทแล้วกัน แหมม นายเมษยังมีคิวไม่ครบเจ็ดวันเลย คริ คริ ยกให้คุณพีทสั่งสอนสั่งหนึ่งวัน อิอิ

จ๊ากกกกกกกกก ลุงธันว์ เป็นลุงอุ่นไปสะแล้ว ดีกว่าลุงเย็นเนอะ ฟังดูแล้วน่ากลัวพิกล แหะ แหะ


โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:21:37:48 น.  

 
คุณปณาลี

โหหห ขออภัยพี่อ้อมารับเลทไปเลย ป่านนี้หิวแย่เลยล่ะ
ทานไรดีคะ สปาเก็ตตี้ก็ตั้งแต่วันอาทิตย์แล้ว อึมม์ ไม่ดี ไม่ดี
ถึงยายหนูเภจะไม่เขวี้ยงทิ้งลงถังก็เหอะ ป่านนี้วันพุธเข้าไปแล้ว
งั้นทานไส้กรอกร้อน ๆ กับขนมปังก่อนดีมั้ยคะ
หึหึ ว่าแล้วก็ชักหิวเองเหมือนกัน

แอบขอแอดคุณปณาลีเลย คราวที่แล้วลืม ๆ

แอบจิกภาพมาจากเน็ต จำไม่ได้ว่าของใคร แต่เหมือน ๆ จาก Flickr ค่ะ



โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:22:05:51 น.  

 
กรรม หิวจริง ๆ เลยนะนี่
ช่วย ๆ ทานกันหน่อยนะคะ ถึงดึกแล้วก็เหอะ
แหะ แหะ


โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:22:07:32 น.  

 
ธุ ธุ ป้ากุ๊กค่ะ

ขอบคุณนะคะสำหรับภาพสวย ๆ เย็น ๆ
พรายทรายเป็นโรคเตรียมเข้าสู่วัยชรามากมายหลายโรค
ทั้งน้ำตาลเยอะ ความดัน ไขมันสูง
ยังไม่รวมโรคดั้งเดิม สารพัดเฮ้อออออ

เขาว่าพรายทรายป่วยเพื่อหาเรื่องได้พักค่ะ
เหอะ เหอะ ไม่งั้นไม่ค่อยเจียมตัว

ป้ากุ๊กแข็งแรงนะคะ รักษาสุขภาพด้วย ฝนตกทุกวันเลย


โดย: พรายทราย วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:22:12:21 น.  

 
ง่ะ เห็นไส้กรอกแล้วตะลึง หิวแล้วครับเนี่ย รอสามีกลับบ้าน ยังมะได้ทำข้าวเย็นเลย หิวๆๆๆ (มีชอริโย่อยู่สองแท่ง พรุ่งนี้ทอดกินตอนเที่ยงดีฝ่า)

เจ้ย ให้นายเมษเป็นเชลยผมเลยเหรอครับ เดี๋ยวสาวๆ ตามมาฆาตกรรมผมแน่เลยนะนั่น (ลุงอุ่นน่ารักดีนา แหะๆๆ)

นายวอฯ ช่วงนี้ ข่าวว่างานท่วมมากถึงมากที่สุด ไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่ค่อยมีเน็ตใช้ ออนเอ็มก็ไม่ได้ ถึงขนาดต้องคุยงานทางอีเมลอะครับ เมื่อวานคงหาเวลาอิสระได้สักแวบสองแวบ รื่นเริงใหญ่เชียว กร๊าก


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:16:07:49 น.  

 
โอ้! น่าอิจฉาจริง ๆ ว่าแต่ว่าตกลงมื้อเย็นวันนี้ทานไรกันคะ (เริ่มอยากรู้) อิอิ

แหงง แต่ซอริโย่ เป็นแบบไหนคะ ไส้กรอกอิตาเลียน?
ชอบกินไส้กรอก แต่ไม่เคยดูมันเล้ยยยย ว่ามันพันธุ์ไหน
สัญชาติอะไร

เป็นไส้กรอก ยิ่งรมควันมา ยิ่งอร่อย ยิ่งแท่งใหญ่ ๆ ก็ยิ่งอร่อย

55555 เหมือนพี่อ้อจะโดนคุณกล้าดักลอบสังหารนะนี่

ลุ่งอุ่น ลุงอุ่น 55555

เข้าใจสภาพคุณวรบรรณเลย เวลาทำงานข้างนอก แล้วนาน ๆ ได้ใช้เน็ตนี่ มันลิงโลด ปิดิแค่ไหน
ฝากเอาใจช่วยค่ะ สู้ ๆ ๆ


โดย: พรายทราย วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:18:01:53 น.  

 
พี่อ้อค่ะ

มารับของกินช้าไปนิด ไม่รู้ว่าไส้กรอกจะเสียหรือยัง

แต่จากภาพน่ากินมากมายค่ะ

หนูเลือกชื่อชมรมของเราสองคนแล้วนะคะ พี่อ้อเข้าใจคิดชื่อ อ่านแล้วเห็นภาพ

ขออนุญาตแอดบล๊อกพี่อ้อ ด้วยเลยแหละกันค่ะ



โดย: ปณาลี วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:10:23:55 น.  

 
คุณปณาลี

อิอิ ช้าไม่เป็นไรค่ะ ไส้กรอกอยู่ในตู้เย็น เดี๋ยวเอามาอุ่นใหม่ได้ค่ะ

โอ้..ช่างลัลล้า ถ้าได้ย่างไส้กรอกและซีฟู้ดริมทะเล อิอิ


หรือรอบทหน้าพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรหม่ำ ๆ ในบทอีก

นิยายพี่อ้อ นี่เต็มไปด้วยของกิน หนีไม่พ้นจริง ๆ เหอะ เหอะ


โอ้ กรี้ดดดดดดดด ดีใจค่ะ คุณปณาลี (น้องตูน) แอบเรียกงี้เลยนะคะ ไหน ๆ ก็ร่วมชมรมเดียวกันแล้ว
อิอิ เดี๋ยวไปชวนคุณเทียนสีอีกคน คิ คิ

พี่อ้อแอบแอดไปแล้วเรียบร้อยค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:13:09:34 น.  

 
แวะมาทักทายยามเที่ยง วันนู้นกินไรก็ลืมๆ ไปแล้วครับ เอิ๊ก แต่เดี๋ยวจะไปกินหนมปังหน่อยง่ะ หิวแระ แล้วทำงานบ้าน ขัดเตา ล้างห้องน้ำ โย่ว...


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 24 สิงหาคม 2551 เวลา:12:01:30 น.  

 
โห โห ป่านนี้ลัลล้าทำงานบ้านเป็นนางซินเสร็จหรือยังคะ
ดีน้า วันนี้ไม่ทำสวน

อย่างนี้ต้องร้องเพลงทำความสะอาดบ้าน Happy working song เหมือนในหนัง Enchanted ด้วยนะคะ

หวังว่าชื่อเพลงคงถูกนะ ช่วงนี้ความจำมันหด ๆ สั้น ๆ ไงชอบกล เฮ้อออ

ลุงธันว์มาดึก แต่ชวนไปดูดาว คุณพีทไปหรือยังหนอ...


โดย: พรายทราย วันที่: 24 สิงหาคม 2551 เวลา:20:57:49 น.  

 
นั่นไง... บอกแล้วว่าอย่าใจอ่อน
ทำไมเจ๊เภฯมะเชื่อโผมมมมม!!!

งึ่มๆๆๆ....

++++++++++


โดย: รักดี (ploy666 ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:36:18 น.  

 
คุณรักดี

นั่นสิเนอะ เชื่อคุณรักดี ก็ได้รักดีไปแล้ว อิอิ
ไปมัวหลงเพ้อนายเมษอยู่ได้



โดย: พรายทราย วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:44:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.