ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
บทที่ 2. "เจ้าหญิง" องก์สุดท้าย...ให้เพลงนี้บอกรักชั่วนิรันดร์ "ช่อคราม"









"เจ้าหญิง" องก์สุดท้าย... ให้เพลงนี้บอกรักชั่วนิรันดร์
(Last Act of Princess...Love songs forever)
"ช่อคราม"



บทที่ 2.



“ฉันก็ไม่รู้นะว่าทำไมพ่อหล่อนถึงตั้งชื่อลูกเรียกเป็นฝรั่ง เห็นจะเพราะอยู่เมืองนอกเมืองนาจนเคยตัว แม่หล่อนก็ไม่ยอมจะกลับเมืองไทย จนได้ตายกันที่โน้นสมใจ... นี่ก็ยังดีนะ ที่ชื่อเรียงเสียงจริงเป็นไทย ฟังแล้วค่อยรื่นหูหน่อย”

วัศนิทำหน้าเมื่อย ๆ พอ ๆ กับขยับตัวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้นมาร่วมชั่วโมง คุณหญิงย่าผู้งามสง่าของเธอยังย้อนระลึกเรื่องเก่า สลับกับเรื่องตารางงานอยู่บนตั่งนั่งประจำตัวในห้องนั่งเล่น

กี่ปี ๆ คุณย่าของเธอก็ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น...

วัศนิอยากให้คุณหญิงย่าของเธอพักผ่อนสบาย ๆ เหมือนคุณย่าวัยเจ็ดสิบกว่าอย่างคนอื่น ๆ เธอคงสบายใจมากกว่านี้


“พรุ่งนี้นายวงศ์คทา เขาจะเปิดโรงแรมใหม่ที่โคราช เขาเชิญมากับฉันโดยตรง คราวหน้าฉันให้เบอร์เครื่องหล่อนไว้แล้ว หล่อนก็รับเรื่องแทนไปเลย เขาจะได้ไม่ต้องโทรสายตรงมาหาฉันอีก”

วัศนิได้แต่เงียบ ๆ จดโน้ตลงสมุด ก้มหน้าเขียนลากเส้นวาดเป็นรูปโน้นรูปนี้

“ได้ยินแม่น้อมเขาว่า ใครมาส่งเสื้อที่บ้านเมื่อเช้า ฉันให้ไปตัดชุดใหม่ที่ร้านคุณอรอุษาไม่ใช่หรือ แม่น้อมเขาว่าเป็นเสื้อฝรั่ง ฉันอยากให้ตัดใส่ชุดไทยไปมากกว่านะ”

“เอ่อ!..คือว่า...” หญิงสาวตั้งท่าจะตอบ แต่คุณหญิงรัชนี กลับเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นต่อเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“แล้วเรื่องราวคดีความของหล่อนก็คงจบสิ้นสักทีนะ โทรศัพท์ดังไม่เว้นวัน ไม่ต้องไปตอบให้ข่าวใครเขาเสียความมากเรื่อง ฉันน่ะเสียดายที่ดินตรงนั้นเสียจริง ๆ ไหนจะหนี้โน้นนี่อีก เบ็ดเสร็จมันกี่พันล้านแล้วนี่...

เฮ้อ...อะไร ๆ ที่จะให้หล่อน ฉันก็ต้องเอาคืนหมด ไม่งั้นเถ้ากระดูกพ่อของหล่อนคงสะดุ้ง เลือดแม่หล่อนมันแรง ดื้อดึงดีนัก... แล้วยังมีค่าเซ็นชื่อหย่ามาเรียกร้องขอเงินไปตั้งตัว คนอาไร้... ไปอยู่กันง่าย ๆ ทำเป็นไม่เห็นหัวฉัน

ฉันบอกแล้วก็ไม่เคยจำใส่สมองนายนั่นกับตระกูลก็ไม่ได้น่าเชื่อถือ มีหรือจะให้เกียรติ มาสู่ขอแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว เจอหน้าฉันก็ไม่เคยยำเกรง เลือดใหม่กับเลือดเก่า ต่างกันแบบนี้จริง ๆ ฉันละช้ำใจนัก... มีลูกมีหลานไม่เคยได้ดังใจ“ คุณหญิงรัชนีถอนหายใจต่อท้ายประโยคอันยืดยาว

วัศนิถอนหายใจตอบเบา ๆ เธอพยายามข่มความรู้สึกน้อยใจอยู่ภายใน การกลับเข้ามาอยู่บ้านนี้ก็ไม่ต่างอะไรกลับมาในคุกอีกครั้ง

หากคุณย่าของเธอจะเข้าใจเธอมากกว่านี้สักนิด คุณย่าคงไม่ตอกย้ำด้วยเรื่องราวในอดีตอย่างนี้อีก

และการแต่งงานกับนายนั่นที่คุณย่าว่า หากคุณย่าจะเข้าใจ ก็แค่เป็นเกราะป้องกันให้เธอออกจากบ้านนี้ไปอย่างให้รอดพ้นจากคุณย่าของเธอเองต่างหาก

วัศนิย้อนระลึกถึงความหลังบ้าง หากพ่อกับแม่เธอไม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตั้งแต่เธอเรียนจบชั้นมัธยม บางทีเธอคงไม่ต้องกลับมาเมืองไทย กลับเข้ามาอยู่ในความปกครองของคุณย่า

เธอรู้ดีว่า คุณย่าเกลียดแม่ของเธอจับใจแค่ไหน ที่พ่อของเธอแต่งงานกับแม่ของเธอ โดยไม่บอกกล่าวไม่ปรึกษาหารือ

ดังนั้นความเกลียดจึงถูกส่งผ่านมาถึงเธอ รวมถึงการไม่ได้ดังใจของคุณพ่อ คุณย่าจึงเข้ามาบงการครอบงำชีวิตของเธอ ไปงานโน้น ออกงานนี้ จนเธอต้องหาข้ออ้างย้ายไปอยู่หอพักในมหาวิทยาลัย แต่คุณย่าก็ยังตามเป็นเงาอยู่ไม่เคยห่าง ตามเธอกลับมาอยู่บ้านอีกจนได้นั่นแหละ

สุดท้ายเธอต้องตัดสินใจเลือกแผนการเพื่อออกจากบ้านหลังนี้ กับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เธอคิดว่าเขาดีที่สุดแล้ว หนีจากชีวิตเจ้าหญิงหุ่นกระบอกทันทีที่เธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัย

“แผนการนี้แค่ฟังมันก็ไม่เข้าท่าแล้ว ถามตัวเองดี ๆ นะ แต่งงานแต่งการถึงจะแค่จดทะเบียนมันก็เอาชีวิตไปผูกเขาทั้งชีวิต ดีไม่ดีตกนรกหมกไหม้ เธอเองก็ไม่ได้รักนายกฤษณ์ แล้วอีตากฤษณ์ก็ดูไม่ได้รักเธอมากมายสักเท่าไร”

“โน้ตชอบที่เขาวางแผนชีวิตไว้น่ะค่ะ โน้ตอยากบริหารโรงแรม แต่งงาน ทำงาน คุณย่าจะได้ไม่มายุ่งกับโน้ต โน้ตอยากให้ฝันพี่เขาเป็นจริง”

“พี่ละกลัวใจ ถ้าชีวิตแต่งงาน ทำงานมันไปไม่รอด คุณย่าคงเอาเธอถึงตายแน่”

วัศนิไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร เธอรู้แต่เพียงว่า หากทำให้พ้นไปจากบ้านหลังนี้ ห่างไกลจากคุณย่าไปได้ ชีวิตเธอคงก้าวไปได้อีกไกล

แต่เรื่องราวกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น การใช้ชีวิตคู่ที่ขาดด้วยวัยวุฒิ และปราศจากความรัก ทำให้เธอกับพี่กฤษณ์ต่างกับคู่ชีวิตอื่นมากมาย

เธอมีชีวิตของเธอ เขามีชีวิตของเขา...

และเมื่อเธอตัดสินใจย้ายไปอยู่กับพี่กฤษณ์ จดทะเบียนเฉย ๆ โดยไม่มีงานแต่งงาน คุณหญิงรัชนีก็เม้งมาทางโทรศัพท์สามวันสามคืนไม่เลิก

“อับอายขายขี้หน้า ในเมื่อทำตัวเหมือนไม่มีญาติพี่น้อง ฉันกับหล่อนก็ตัดขาดกันไปเลยชั่วชีวิต”

ไม่เอาตาย แต่ตัดเป็นตัดตายแทน อย่างน้อยก็ถือว่าเธอทำสำเร็จ เพราะเธอไม่ได้ยินเสียงของคุณหญิงรัชนีไปอีกหลายปี

แต่เมื่อถึงที่สุดวิกฤติชีวิตระหว่างเธอกับพี่กฤษณ์คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็เป็นคุณย่าอยู่ดี ...

“จัดการให้เป็นหนี้ของฉันคนเดียวยังดีกว่า ตระกูลเราไม่เคยมีใครเป็นหนี้ น่าอัปยศอดสู ฉันล่ะตายไปไม่มีวันได้กลับไปมองหน้าใคร ๆ ถ้าปล่อยให้เธอต้องไปตกระกำลำบาก หรือติดคุกติดตารางไป…ดูคนก็ดูแต่หน้า ไม่รู้จักส่องไปให้ลึก ๆ ถึงตระกูล มันถึงออกมาเป็นแบบนี้”

คุณหญิงย่าของเธอยังบ่นในเนื้อหาแบบเดิม น้ำเสียงแบบเดิม โชคดีหน่อย ที่หลังจากคุณย่าจัดการเรื่องเงินที่เป็นหนี้คาราคาซังไปจนหมดก็ไม่เคยบ่นเป็นเรื่องเป็นราวอีก แต่กลับวนเวียนมีให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ นอกเหนือจากการกำหนดทิศทางชีวิตของเธอเหมือนอย่างเดิม

บางทีมันอาจเป็นความสุขของคุณย่าคนหนึ่งที่มีเธอเป็นหลานสาวเพียงคนเดียว...

วัศนิพยายามปลอบใจตัวเอง...


“พ่ออัครเดช ลูกชายคุณสนั่น เขากำลังจะเปิดโรงแรมใหม่ที่เชียงราย รายนั้นนิสัยใจคอ เถือกเขาเหล่ากอ มีสกุล หล่อนน่าจะสนใจเขานะ เดี๋ยวเขาคงมาในงานเดือนหน้า ฉันว่าจะจัดงานเลี้ยงเสียเองท่าจะดีกว่า

พันเอกบดินทร์นั่นก็อีกราย เขาใกล้จะเรียนจบเสธแล้วนะ เดี๋ยวเขาคงจะมากินข้าวเย็นล่ะ เห็นว่ามีงานการกุศลจะให้ฉันไปช่วย ตั้งแต่เขากลับมาจากอเมริกาปีก่อนโน้น ก็ถามหาแต่หล่อน หล่อนก็ไปอาบน้ำแต่งตัวคอยไว้ล่ะ“ คุณหญิงรัชนีเริ่มร่ายยาวบทใหม่ต่อ

วัศนิแอบขมวดคิ้ว อีกแล้วหรือ.. เธอเองเพิ่งหย่ามาหมาด ๆ คุณย่าของเธอกำลังเตรียมจัดสรรชายหนุ่มให้เธอเหมือนครั้งกระโน้นอีกแล้ว

“เตรียมคิดเมนูงานน้ำชาเดือนหน้าให้ฉันด้วยนะ ฉันว่าจะจัดในสวน ขอบคุณแขกเหรื่อประจำปีที่บ้านน่าจะดี...โรงแรมหล่อนก็ไม่มีแล้วนี่... คุณหญิงรัชนีหยุดพูด มันทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ

วัศนิแทบหยุดลมหายใจ เหมือนรู้ตัวดีว่าคุณย่าของเธอจะพูดอะไรต่อ แล้วก็จริงดังคาดคุณหญิงถอนหายใจ พูดต่อด้วยน้ำเสียงชิงชังประชดประชันเต็มที่

“ก็ดีเหมือนกัน ฉันนะไม่ค่อยจะชอบโรงแรมเล็ก ๆ แบบนั้น เสียดายก็แต่ที่ดินผืนนั้นเก่าแก่มรดกมาแต่ครั้งไหน ๆ นี่ก็กำลังหาวิธี ทำยังไงจะได้คืนกลับมา สมบัติดี ๆ ของปู่ย่าตาทวดสร้างมา กลายเป็นของฝรั่งมังค่าไปเสียฉิบ”

เฮ้อ!! วัศนิถอนใจ คุณย่าของเธอไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรืออย่างไรนะ เธอเหลือบดูนาฬิกา แม่น้อมน่าจะยกอาหารว่างเข้ามาได้แล้ว คุณย่าจะได้นอน เธอจะได้ออกจากหน้าที่เลขาตรงนี้เสียที

สมุดโน้ตงานบนตักก็มีแต่ตัวหนังสือเฉพาะแค่หัวข้องานสำคัญ นอกนั้นเป็นลายเส้นดอกไม้ ตุ๊กตา แทนเรื่องราวที่คุณย่าขุดคุ้ยเรื่องราวแย่ ๆ ที่ผิดพลาดของเธอ รวมทั้งการจัดการขึ้นบัญชีรายชื่อชายหนุ่มอีก

หญิงสาวอยากจะบอกคุณย่าของเธอเหลือเกินว่า เธอคงทำตำแหน่งเลขาใกล้ชิดคุณย่าได้อย่างยากเย็น ไม่รู้ว่าจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน หากไม่มีชนักติดหลัง และสัญญาข้อตกลงยาวเหยียดที่คุณอมรเอามาให้เธอเซ็น เธอคงไปไหนก็ได้ โดยไม่ต้องกลับเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ อีกเลย...

ก่อนที่วัศนิจะแสดงอารมณ์ขัดใจไปมากกว่านี้ แม่น้อมแม่บ้านคนเก่าแก่ก็เข้ามาเสิร์ฟอาหารว่าง วัศนิขยับตัวลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไรมาก

“เดี๋ยวก่อนมื้อเย็นพ่อบดินทร์ก็คงจะมาถึง หล่อนแต่งเนื้อแต่งตัวให้เข้าท่าเข้าทางสะหน่อยนะ ไอ้เด็กกะโปโลแบบเดิม ๆ น่ะขอทีนะคราวนี้ ไม่ใช่เด็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว..คงจะต้องคุมกันเข้มหน่อย คราวนี้จะได้ไม่ต้องกระเทือนมาถึงฉัน ทำอะไรให้ฉันภูมิใจหน่อย มีหลานกับเขาสักคน เมื่อไหร่จะได้ดังใจสักที”

วัศนิเหลือบตาไปทางแม่น้อมที่ทำท่าสงสารเธอจับใจ วัศนิลุกขึ้น ถอนหายใจเดินออกจากห้อง ก่อนที่น้ำตาที่เก็บไว้จะร่วงลงมา




หญิงสาวขึ้นมายังห้องนอน รู้สึกเหมือนได้กลับคืนสู่โลกของตัวเองเสียที เธอเริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ กับการอยู่ในบ้านนี้แม้เพียงจะผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ก็ตาม ความรู้สึกเป็นบาร์บี้ หุ่นกระบอกเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ของคุณย่าก็หวนย้อนกลับมาอีกครั้ง

แต่เธอจะทำอะไรได้มากกว่านี้ หากหาเรื่องออกไปอยู่ข้างนอก คุณย่าก็ต้องไปตามตัวเธอกลับเหมือนสมัยเด็ก ๆ อีก อีกทั้งเงินค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เธอก็แทบไม่มีเงินเหลือติดบัญชี

การทำงานเป็นเลขาผู้ติดตามย่าของเธอ ไม่มีรายได้ มีแค่ที่อยู่ที่กิน ครั้นจะไปสมัครงานที่อื่น ความสามารถและประวัติของเธอก็คงทำให้เจ้าของงานเขาลำบากใจ

“ผมเองก็อยากรับคุณวัศนินะครับ แต่เรียนตามตรงระดับเจ้าของห้างสรรพสินค้า โรงแรมชื่อดังแบบนี้ ผมไม่กล้าจ้างหรอกครับ หึหึ แค่ค่าตัวก็คงไม่จ้างไหว อีกทั้งกลัวทำ ๆ ไป คนเก่ง ๆ อย่างคุณวัศนิอาจจะตลบหลังยึดกิจการของผมเสียก็เป็นได้นะนี่”

วัศนินึกถึงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอไปสมัครงานกับบริษัทตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าแห่งหนึ่ง เจ้าของออกมาต้อนรับฐานะเพื่อนร่วมวงการ และก็ต้องตกใจอย่างมาก ที่รู้ว่าเธอมาสมัครงาน แทบตอกกลับด้วยเหตุผลประหลาด ๆ

มิตรแท้ในวงธุรกิจแทบไม่มี หลายคนที่เคยเป็นเพื่อนกินข้าว เพื่อนเที่ยวกันมา เคยขอร้องแลกเปลี่ยนส่งลูกค้ากันมาช้านาน กลับเมินเฉย หายหน้าไปสิ้น ยามหมดเนื้อหมดตัว และพร้อมที่จะเหยียบคู่ต่อสู้อื่นให้ติดขอบ และตกเวทีไปให้จากวงการได้อย่างง่ายดาย

“หล่อนเองวัน ๆ ก็ขลุกทำงานอยู่ในโรงแรมในห้าง เคยโผล่ไปดูห้องบัญชีการเงินหรือไม่ แขกเข้าพักออกเต็มขนาดนั้น มันจะขาดทุนไปได้ยังไง ทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจ หาเงินมากี่ปี ๆ ให้ผัวตัวเองผันออกไปหมด นี่แหละคนดีวิเศษของหล่อน ฉันล่ะไม่อยากจะซ้ำเติมนัก”

วัศนิทรุดลงบนเตียง ซบหน้าลงกับหมอน น้ำตาร่วงพราว ทั้งเสียใจและแค้นใจกับเรื่องราวที่เกิด เธอจะต้องพลาดอีกกี่ครั้ง หากยังได้ยินคำพูดซ้ำเติมของคุณย่าเช่นนี้ และนี่เหมือนเป็นสัญญาณหายนะ ที่เธอคงหมดหนทางแล้วจริง ๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทนกับสภาพแบบนี้ไปได้นานอีกแค่ไหน ...





ช่วงเย็นวัศนิลงข้างล่างอีกครั้ง เมื่อแม่น้อมขึ้นมาตาม พร้อมกับบอกว่า แขกของคุณหญิงรัชนีมาแล้ว จริง ๆ แล้ว เธอไม่อยากเจอใครด้วยซ้ำ โดยเฉพาะคนที่คุณหญิงรัชนีเตรียมการไว้เช่นนี้

วัศนิยกมือไหว้นายทหารบกที่มาในเครื่องแบบ ดูคุณหญิงรัชนีจะปลื้มใจออกนอกหน้า

“เรียนเสร็จก็รีบบึ่งมาเลยครับคุณย่า ดีใจจริง ๆ ที่คุณย่าอนุญาตให้มาทานข้าวเย็นที่บ้านได้ นี่ครับเอกสารสำหรับงานการกุศลที่จะมารบกวน” พันเอกบดินทร์ส่งเอกสารให้คุณหญิงรัชนี และคุยงานต่อ ก่อนหันมาทักทายวัศนิที่นั่งฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ

“พี่ก็ดีใจที่ได้เจอน้องโน้ตอีก นานหลายปีมากเลยนะครับ”

“ค่ะ” วัศนิตอบสั้น ๆ ห้วน ๆ ก่อนนิ่งเงียบราวกับตุ๊กตา ในขณะที่นายทหารหนุ่มยังคงเอาอกเอาใจคุณย่าของเธอ ดูคุณย่าจะพึงพอใจกับว่าที่เสธคนใหม่เสียจริง

แต่สำหรับเธอแล้ว เขาก็แลเหมือนผู้ชายอื่น ๆ สามัญ ซึ่งในขณะนี้แทบไม่อยากพบปะสนทนากับผู้ชายคนใด ๆ ในโลกเสียด้วยซ้ำ

วัศนิพยายามชะเง้อไปที่หน้าประตู กับแผนการที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ เธอไม่อยากต้องอึดอัดอยู่ในวงสนทนานี้เลย อยากให้ถึงเวลากินข้าวเร็ว ๆ แล้วอีตานายทหารก็จะได้กลับ ๆ ไปซะที

“น่านะ พี่ริน คราวนี้โน้ตขอจริง ๆ มาทานข้าวเย็นที่บ้านหน่อย ช่วยบล็อกโน้ตจากอีตาผู้พันด้วย... พี่รินมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณย่าไม่บ่นหรอก ...เอางี้นะคะซื้อขนมบัวลอยเจ้าโปรดคุณย่ามาด้วยสิ ...ยังไงพี่รินก็เป็นพี่สาวแม่ทูนหัวของโน้ตแล้ว ช่วยโน้ตอีกทีนะคะ...ขอบคุณมากค่ะ โน้ตรักพี่รินที่สุดเล้ยยยย”

รินยาเป็นเพื่อน เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย เป็นเพื่อนคนเดียวที่ดีแสนดีสำหรับเธอมาตลอด อีกทั้งครอบครัวของรินยาก็คุ้นเคยสนิทสนมกับคุณย่ามาแต่ไหนแต่ไร นี่หากถ้าเธอไม่มีรินยา ชีวิตเธอคงหม่นหมองอับเฉายิ่งกว่านี้เป็นแน่



“พี่ว่าน้องโน้ตแลผอมไปนะครับ เดี๋ยวทานข้าวให้เยอะ ๆ นะ” น้ำเสียงของผู้พันกองทัพบกเรียกสติเธอกลับมาอีกครั้ง แต่เธอก็ยังแสดงสีหน้าเรียบ ๆ ยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไป

“คุณท่านคะ อาหารตั้งพร้อมแล้วค่ะ” แม่น้อมมาได้จังหวะ หลีกบทสนทนาให้เธอได้

วัศนิยิ้มแบบเนือย ๆ ก่อนเดินตามคุณย่าออกจากห้องรับแขกไปที่ห้องอาหาร แต่ก่อนจะไปพ้นห้อง เสียงใส ๆ เจื้อยแจ้วของรินยาก็โผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี

“กราบคุณย่าค่ะ...รินยาซื้อขนมบัวลอยเจ้าโปรดคุณย่ามาฝากค่ะ “

“อ้าว! แม่ริน มาพอดี กินข้าวด้วยกันเลย โหยยย ลำบากไปซื้อมานะนี่ อ๊าวว! แม่น้อม เอาบัวลอยไป เพิ่มอาหารให้หนูรินยาอีกที่นะ...นี่พันเอกบดินทร์ เคยเจอกันแล้วสินะ”

“เจอบ่อยแล้วค่าาาา ดาวดังดวงใหม่แห่งกองทัพบก ว่าที่เสธคนดัง เนื้อหอมด้อกเตอร์จากอเมริกา ลงข่าวซุบซิบไม่ได้ขาดเลยจริง ๆ สาว ๆ รุมกันทั่วเมือง”

รินยาเกาะแขนประจบคุณย่า พร้อมกับกัดจิกสายตาส่งให้นายทหารหนุ่ม
วัศนิเกือบเผลอหัวเราะออกไปดัง ๆ แต่เมื่อเห็นหน้าคุณย่า เลยได้แต่เพียงทำตาโต ๆ อมยิ้มน้อย ๆ แทน

“คนหนุ่มนี่นะ นายทหารอนาคตไกล ก็ต้องดังเป็นธรรมดา” คุณหญิงรัชนีเอ่ยอย่างอารมณ์ดี และดูเหมือนจะพึงพอใจมากกว่าที่เป็นคำประชดประชัน

“แหมม ผมคนเดียวซะทีไหนครับคุณย่า เพื่อนในรุ่นดัง ๆ อีกหลายคน”

“งั้นรินว่า ผู้พันคงดังที่สุดแหละค่ะ มีจดหมายเข้ามาขอให้ไปสัมภาษณ์หลายทีน้าาา “ รินยาส่งเสียงหลิ่วตาล้อเลียน


ในโต๊ะอาหารนายทหารหนุ่มยังคงช่างพูดฉอเลาะเอาอกเอาใจคุณหญิงรัชนี และคุณหญิงเองก็ดูจะปลาบปลื้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ วัศนิได้แต่สบตาบุ้ยใบ้กับรินยาที่นั่งข้าง ๆ

เธอไม่ค่อยอยากจะร่วมสนทนา อารมณ์เบื่อและเซ็งยังมีอยู่เยอะกับสิ่งที่คุณหญิงรัชนีตั้งใจทำ และทีท่าของผู้พันที่ปฏิบัติกับเธอ ถึงแม้ว่าจะรินยาจะมาช่วยขัดตาทัพ ตามที่เธอโทรไปขอร้องเมื่อบ่ายก็ตาม แต่มันก็ไม่ค่อยได้ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นสักเท่าไร

“นานแล้วนะครับ ตั้งแต่ผมกลับจากอเมริกา ได้เจอคุณย่าแต่ก็ตามงาน เพิ่งจะได้มีโอกาสมาลิ้มรสอาหารเหมือนสมัยเด็ก ๆ อีกครั้ง ยังอร่อยมาก ๆ เหมือนเคย” พอจบประโยค นายทหารบกกลับส่งสายตามองกลับมาที่วัศนิแทนที่จะเป็นคุณหญิงรัชนี รินยาเลยถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องทันควัน

“อาหารบ้านคุณย่าอร่อยเสมอเลยค่ะ เนี่ยะรินว่าอยู่ที่คนจัดเมนูด้วยนะคะ อาหารไทย ๆ อร่อยก็ตรงนี้ ไม่ใช่ที่ฝีมืออย่างเดียว ต้องจัดผัด แกง ทอดให้เข้าคู่ครบกัน รินว่าคราวนี้คุณย่าต้องส่งตำรับอาหารพิเศษรับฉบับเดือน
เมษาของรินนะคะ”

“แม่รินนี่ก็ช่างพูดนัก ฉบับเดือนเมษา ก็ให้วัศนิถ่ายแบบชุดไทย ๆ ขึ้นปกก็ดีนะ แล้วข้างในเป็นอาหารไทย ๆ ... ช่างคิดนะเรา” รินยานึกขำอยู่ในใจ คุณหญิงรัชนีวางแผนได้เก่งกว่า แถมโยนลูกรับลูกส่งให้เป้าหมายได้เหมาะเหม็งพอดี

“นั่นสิครับคุณย่า ผมว่าคุณวัศนิใส่ชุดไทยขึ้นปกนิตยสารของคุณรินยา ต้องสะดุดตาเข้าท่ากว่าฉบับอื่น ๆ ที่เล่นกันแต่ชุดว่ายน้ำรับลมร้อน”

“ผู้พันก็สนใจติดตามนะคะ ทราบเสียอีกว่านิตยสารผู้หญิง เขาต้องฮิตชุดว่ายน้ำกัน นิตยสารของรินเป็นนิตยสารวัยรุ่นตอนปลายกับคนทำงานค่ะ ไม่ใช่นิตยสารขายดารา ขายแฟชั่นสักหน่อย”

วัศนิอยากขำกิ๊ก มองแต่ละคนรอบโต๊ะอาหาร ที่ส่งลูกล่อรับส่งกันอย่างเป็นทีม แต่ก็โดนรินยาสกัดโหม่งกลับไปอย่างสวยงาม เล่นเอาเจ้าตัวสะอึกน้ำแกงที่กำลังตักรับประทานอยู่ทันควัน


ตลอดอาหารเย็นมื้อนั้น แม้จนถึงเวลาคุณหญิงรัชนีขึ้นไปข้างบนแล้วก็ตาม รินยายังคงทำหน้าที่พี่สาวแสนดี คอยเบรค คอยกั้น และสนทนาแทนอยู่ตลอดเวลา จนพันเอกหนุ่มแห่งกองทัพบกต้องปิดฉากลากลับบ้านไปอย่างเจื่อน ๆ แม้จะกระหยิ่มใจว่าทำคะแนนไปได้ไม่น้อยจากคุณหญิง แต่เขาก็คงรู้ตัวดีว่า สำหรับเธอแล้ว เธอก็เห็นเขาเป็นแค่คนรู้จักธรรมดาคนหนึ่ง เป็นแค่ผู้ชายโสดทั่ว ๆ ไปนั่นเอง

“ขับรถดี ๆ นะคะผู้พัน อย่าเผลอขับออกนอกเส้นทางกลับบ้านไปแวะร้านขนมแถวซอยทองหล่อ ตามข่าวหน้าซุบซิบที่หนังสือพิมพ์เพิ่งลงไปอีกนะคะ” รินยายังทิ้งชนวนระเบิดเวลาฝากไว้ เล่นเอาผู้พันหนุ่มแห่งกองทัพบกทำหน้าเจื่อนต่อไปอีกแม้จนวินาทีสุดท้าย

พอรถคันแรกออกพ้นประตูบ้านไป วัศนิก็ระเบิดหัวเราะได้อย่างเต็มที่

“พี่รินก็แกล้งแซวเขาซะ ดีไม่แซวเรื่องนี้ต่อหน้าคุณย่า”

“ก็จริงนี่นา คราวหน้าจะตัดหนังสือพิมพ์คอลัมน์ซุบซิบ สาว ๆ ของผู้พันมาให้คุณย่าได้อ่าน .....จะได้รู้บ้างว่ารายนี้น่ะไม่ได้เจ้าชู้ก็จริง แต่สาว ๆ ตรึมเองมากกว่า หึหึ”

รินยากับวัศนิหัวเราะเสียงดัง ก่อนสะดุ้งเกรงว่าเสียงจะดังกลับเข้าไปในบ้าน ทั้งคู่เดินกลับมาที่รถของรินยา

“เจ้าหญิงก็นอนเสียนะ ผ่านพ้นด่านแรกไปแล้ว พี่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเธอกันท่าได้นานแค่ไหน แหะ แหะ เล่นคุยจนเหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็สนุกดีนะ จะว่าไป ผู้พันเขาก็ไม่เลวอยู่หรอก หน้าตาก็หล่อ เท่แบบหนุ่มไทย มั่นคงในหน้าที่การงานดี เสียอย่างเดียว ออกจะพับบลิค สาว ๆ รุมเขาเยอะน่าปวดกะโหลก...เธอคงปะทะไม่ไหวแน่”

“หงะ โน้ตน่ะสละสิทธิ์อยู่แล้ว คงอีกนานละค่ะพี่ริน ช่วงนี้โน้ตไม่ค่อยอยากสนใจผู้ชายคนไหน... หน้าไหนทั้งนั้นแล้ว ยิ่งมาจากคุณย่า บทเรียนสำหรับโน้ตยังราคาแพงอยู่...” หญิงสาวเงียบไปชั่วขณะ เอ่ยต่อด้วยเสียงสดใส

“แต่ยังไงโน้ตก็ยังรอเจ้าชายตัวจริงอยู่ คงมีสักวันละนะคะ”

“เหอะ เหอะ เธอยังไม่เจอต่างหาก ลองกามเทพเซิร์จหาเจ้าชายเจอ แผลงศรมาปักอกเธอเมื่อไหร่ พี่ว่าเธอคงไม่พูดแบบนี้แน่ ๆ หรือว่าลองรีบ ๆ เปิดกูเกิ้ลหาให้เจอ อย่าให้คุณหญิงเซิร์จได้ก่อนแล้วกานนน “

รินยาทอดเสียงก่อนหัวเราะเสียงดัง แต่คราวนี้วิศนิไม่ขำด้วย ทำหน้ามุ่ย ๆ จนรินยาขึ้นรถ สตาร์ทเครื่อง ก่อนเปิดกระจกมาส่งเสียงอีกครั้ง

“...ไปละ ขึ้นไปนอนเหอะไป๊”

“ขับรถดี ๆ นะคะ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับวันนี้ค่ะ” วัศนิยกมือไหว้ โบกมือลายืนมองจนรถออกไปพ้นสายตา แล้วจึงเดินหงอย ๆ กลับเข้าในบ้าน

จริงสินะ นี่แค่ด่านแรก นี่เธอจะต้องเจออีกกี่หนุ่มที่คุณหญิงรัชนีเตรียมไว้ให้และรินยาจะช่วยเธอได้ตลอดรอดฝั่งแบบครั้งนี้อีกหรือไม่ก็ไม่รู้

บางที...เธอน่าจะหาหนทางอื่นสำรองไว้ กับสถานการณ์วันข้างหน้าที่จะต้องรับมืออีกอย่างแน่นอน…




“คุณโน้ตคะ คุณหญิงท่านให้หาค่ะ...” แม่น้อมแอบกระซิบ รอยยิ้มที่สดใส ความสนุกเมื่อครู่เลือนหายไปในทันที ความอึดอัดก่อตัวเหมือนพายุที่ถาโถมอยู่ภายใน

“หนูนึกว่าคุณย่าเข้านอนแล้วเสียอีก”

“อยู่ในห้องนอนแล้วค่ะ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร รีบไปเถอะนะคะ” วัศนิถอนหายใจ

บางความรู้สึกกระตุ้นให้เธอแอบหนีหายเข้าห้อง แต่จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเธอยังอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอคงไม่อาจหนีหลบคุณย่าของเธอไปได้อยู่ดี

“มาแล้วหรือ ให้แม่น้อมไปตามเป็นนาน กลับกันหมดแล้วสินะ” คุณหญิงรัชนีเอ่ยปาก โดยไม่มองหน้าหญิงสาว สายตายังคงจับจ้องอยู่กับหนังสือในมือ

“คุณย่ามีอะไรหรือคะ” หญิงสาวเลือกที่จะยืน เพื่อจะได้ออกไปไว ๆ คุณย่าของเธอคงจะเตือนเรื่องงานไปโคราชพรุ่งนี้ ขณะที่ในสมองของเธอกำลังวางแผนหาทางเลี่ยงไม่ไปอยู่

“เรื่องชุดใส่ไปงานคุณคำรณ พรุ่งนี้คุณอรอุษาจะมาที่นี่ ขัดใจรอหล่อนไปเต็มที”

ให้ตายสิเธอนึกว่าคุณย่าจะจบเรื่องเสื้อผ้าของเธอไปแล้ว...

“พรุ่งนี้หรือคะ...แต่”

“แต่อะไร....ก็ดูหล่อนแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าสิ ฉันบอกแล้วให้แต่งตัวดี ๆ รำคาญเสื้อผ้าเป็นยิปซีฮิปปี้ฝรั่งของหล่อนเต็มทน บอกตรง ๆ คืนนี้อายพ่อบดินทร์... คงกร่อนอยู่ในใจว่าฉันดูแลลูกหลานอย่างไรกัน... แล้วเดี๋ยวไหนจะต้องออกไปไหน ๆ พร้อมกันอีก…ไม่ไหวจริง ๆ ”

วัศนิถอนหายใจ อดไม่ได้ที่จะก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่ กระโปรงผ้ากำมะหยี่ตัวยาวสีน้ำเงินเข้ม มีปักดอกไม้เล็ก ๆ และลูกไม้รอบปลายกระโปรง กับเสื้อเชิ้ตแขนยาว ลูกไม้ฉลุสีขาวเป็นสาบยาวด้านหน้า

เธอเองก็แต่งเสื้อผ้าคล้าย ๆ แบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ใช่ว่าเธอใส่ขาสั้น แขนกุดสายเดี่ยวเป็นวัยรุ่นเสียทีไหน

“อายุตัวเองน่ะเท่าไรแล้ว ไม่ใช่เด็กเลือกแต่งอะไรก็ตามใจ หล่อนสำนึกไว้บ้าง ว่าเป็นหลาน ตอนนี้ก็เป็นเลขาของฉัน ที่ผ่าน ๆ มาทำให้ฉันมัวหมองไม่พออีกหรือ... ผมเผ้าก็เหมือนกันไปตัดสั้นน่าจะเหมาะกว่า ปล่อยสยายรุงรังหยิกหยองน่าเกลียดน่ารำคาญ”

วัศนิกลืนน้ำลายลงคอ เธอยอมรับว่าคุณย่าของเธอเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว งามสง่าสมกุลสตรีไทยจากตระกูลเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นภรรยาคุณปู่ที่เป็นถึงนายพล

แต่มันไม่ใช่เธอ...ไม่ใช่ตัวตนของเธอ วัศนิกรีดร้องอยู่ในใจ....

โลกทั้งโลกเหมือนหมุนวนกลับมาที่เดิม หลายครั้งที่เธอต้องก้าวออกจากบ้านไปก็เพราะความรู้สึกอึดอัดตรงนี้ แต่เธอจะทำอย่างไร ความรู้สึกตีกันอย่างปั่นป่วน สะบัดหน้าแล้วเดินหนีไปเหมือนเมื่อครั้งเด็กอีกครั้งจะดีหรือไม่...

แต่การออกไปเผชิญโลกตามลำพังตอนนี้ ราวกับนกที่ถูกตัดปีกตัดหาง...ทุกสิ่งของเธอด้านนอก โลกที่เคยเป็นของเธอไม่มีอีกต่อไปแล้ว...ออกไปก็คงมีแต่ตายเปล่า เธอต้องยอมรับเสียทีว่าไม่มีที่ไหนสำหรับเธออีกแล้ว ที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอด...

เธอควรจะปรับตัวอยู่แบบในกรงทองหรูหรา เป็นนกที่ไร้ปีกไร้หาง...พิการแต่ก็ยังมีชีวิต...

ความรู้สึกปั่นป่วน อึดอัด เปลี่ยนแปรเป็นความรู้สึกเจ็บปวด ที่ต้องเก็บกักไว้ภายใน เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไป วัศนิสูดลมหายใจ บางทีหากเธอเปลี่ยนแปลงชีวิต เก็บกลืนความเป็นตัวตนของเธอ คุณย่าคงจะไม่ตอกย้ำความรู้สึกของเธอให้เจ็บปวดอีกต่อไป

“ค่ะ” วัศนิรับคำสั้น ๆ ความเงียบกลายเป็นเกราะกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างเธอกับคุณย่า และเสมือนเป็นเกราะป้องกันตัวเธอจากความตอกย้ำอันเจ็บปวด

“คุณอรอุษาจะมาตอนไหนคะ พรุ่งนี้บ่ายคุณย่าต้องไปเปิดโรงแรมที่โคราช”

“นั่นแหละหล่อนต้องไปด้วย ฉันถึงตัดสินใจให้คุณอรอุษาเอาเสื้อผ้ามาให้หล่อนแต่เช้า ดูทีไม่จัดการตรงนี้ หล่อนคงใส่อะไรบ้า ๆ แบบนี้ไปงาน ฉันได้ขายหน้าแย่...คงมีชุดสำเร็จที่พอใส่ได้สักสี่ห้าชุดล่ะ แล้วค่อยตัดวัดหุ่น งานคุณคำรณ เดี๋ยวฉันเลือกแบบให้เอง”

แทบไม่อยากถอนหายใจออกมา เอาเถอะเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ไปเสีย คุณย่าคงไม่มาวุ่นวายอะไรอีก อีกอย่างมันก็แค่เสื้อผ้ารูปลักษณ์ภายนอก แต่อดใจหายวูบไม่ได้ สำหรับผมที่คุณย่าว่ามันรุงรังน่ารำคาญ

“ส่วนผม ฉันนัดคุณลัดดามาตัดให้ที่นี่แต่เช้าเลย ...จะได้ดูดี”

“ค่ะ” เสียงตอบสั้น ๆ ทำให้คุณหญิงรัชนีต้องเหลือบตาขึ้นมองหลานสาว อดรู้สึกเหนื่อยใจ และเวทนาไม่ได้จริง ๆ ถ้าเธอจัดการให้เป็นดังใจเสียตั้งแต่เด็ก ๆ เหตุการณ์เลวร้าย น่าอัปยศ คงไม่เกิดกับหลานสาวของเธอ ต้องทุกข์ทรมาน หมดสภาพเช่นนี้

เธอคงพลาดเองที่ปล่อยให้หลานเตลิดออกนอกบ้าน ไปจดทะเบียนใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก ท่านนายพล และบรรพบุรุษคงสาปแช่งเธอ ที่ปล่อยปะละเลยไม่ดูแลความเป็นอยู่ของหลานสาวตัวเอง

หากเธอแก้ตัวได้อีกครั้ง เธอต้องทำให้หลานของเธอมีความสุข กับผู้ชายที่มีฐานะดี มีตระกูล มีอนาคตที่สดใส อย่างน้อยเวลามันก็ยังไม่สายไป ที่จะจับหลานสาวใส่ตะกร้าล้างน้ำอีกครั้ง…




วัศนิผวาสะดุ้งตื่น เธอฝันร้ายอีกแล้วเหมือนเมื่อหลายคืนก่อนจะเข้าบ้าน ในฝันเหมือนจริงจนเธออยากจะกรีดร้องให้สุดเสียง พี่กฤษณ์ กับคุณย่าแย่งชิงฉุดกระชากตัวเธอ ราวกับว่าเป็นตุ๊กตาตัวน้อย แขนแต่ละข้างหลุดไปคนละทิศคนละทาง ความเจ็บปวดดูจะเกิดตรงหัวใจมากกว่าที่แขน...

หญิงสาวถอนใจลุกขึ้นจากเตียง ฟ้ายังมืดมิด นาฬิกาพรายน้ำที่มุมห้องบอกเป็นตัวเลขว่ายังเพิ่งแค่ตีสาม เธอเดินตรงไปที่ตู้เย็นตู้เล็ก ดื่มน้ำ ท่าทางจะให้ไปหลับต่อคงยาก แต่เธอจะทำอะไรในเวลาแบบนี้

หญิงสาวเดินไปเดินมา ก่อนกลับมาทรุดนั่งที่เก้าอี้เอนยาวหน้าทีวี กดรีโมท แต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ เธอไม่ใช่คนติดทีวีมาแต่ไหนแต่ไร

หากเป็นสมัยก่อน เวลาดึก ๆ ถ้าเธอนอนไม่หลับ และพี่กฤษณ์ไม่อยู่ เธอจะลงจากห้องพักที่ชั้นบนสุดมาตรวจโรงแรม ทักทายพนักงานกะดึกมีงานอะไรต่ออะไรให้ทำมากมาย ดีกว่าเป็นเจ้าหญิงที่ไม่รู้จะทำอะไรในห้องนอนที่กว้างใหญ่ห้องนี้

วัศนิปิดทีวี เปลี่ยนรีโมทเปิดสเตอริโออย่างเซ็ง ๆ กดหาคลื่นไปมา ตีสามจะมีรายการอะไรมากมายให้ฟัง อย่างน้อยหากมีเพลงเป็นเพื่อนคงไม่ทำให้เงียบจนหงอยเหงา เบื่อเซ็งเกินไป

อดคิดถึงเรื่องเมื่อหัวค่ำ อีกไม่กี่ชั่วโมงเธอจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนานใหญ่ บางทีหากเธอบอกว่าปวดท้อง ท้องเสีย ไม่สบายเพื่อจะไม่ต้องไปโคราชกับคุณย่า

หรือบางทีนั่งทนสภาพอยู่แบบนี้ อาจทำให้ดูเพลีย โทรมจนคุณย่าทนให้เธอไปด้วยไม่ได้

แต่ก็นั่นแหละ เรื่องโคราชเธออาจจะพอหนีได้ แต่เธอจะหนีจากการเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ในช่วงเช้าไปได้อย่างไร...

คิดขึ้นมาก็อดน้ำตารั้นไม่ได้ อะไรหนอที่ทำให้ชีวิตของเธอพลิกกลับไปกลับมาแบบนี้ เธอเคยวิ่งหนีมากี่ครั้งกี่หนก็กลับมาเป็นอย่างเดิม การอยู่กับพี่กฤษณ์อย่างน้อยก็เป็นชีวิตที่เธอมีความสุข

แม้จะไม่ได้มีความสุขกับพี่กฤษณ์มากนักก็ตาม แต่เธอก็ยังได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ ไม่มีใครคอยเสียงบ่นมาจ้ำจี้จ้ำไช ให้เธอเป็นโน้นเป็นนี่ ...


น่าแปลกที่ชีวิตเมื่อครั้งอยู่กับพี่กฤษณ์ ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกย่ำแย่เหมือนติดอยู่ในนรกเท่าใดนัก ทั้ง ๆ ที่รินยามองว่าเป็นนรกอีกรูปแบบหนึ่งก็ตาม เธอก็ไม่ได้โกรธพี่กฤษณ์มากมายอะไรขนาดนั้น แม้ว่าพี่กฤษณ์จะไม่ได้ทำหน้าที่สามีที่ดีสักเท่าใดก็ตาม...

หลายคนเหมือนจะเห็นพี่กฤษณ์ได้ชัดเจนดีกว่าเธอ แม้แต่รินยา...

พี่กฤษณ์เลือกทำงาน เช่นเดียวกับเธอ โลกของเธอกับโลกของเขา แตะสัมผัสกันก็แค่ทำงานด้วยกัน ความรักสวยงามเป็นอย่างไรวัศนิไม่ค่อยแน่ใจนัก

คงเพราะพี่กฤษณ์อายุห่างจากเธออยู่หลายปี ความเป็นผู้ใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย จากการหนีออกจากบ้านนี้ มากกว่าความโรแมนติกแบบหนุ่มสาว หรือสามีภรรยาที่พึงมีให้กัน

เธอมีชีวิตของเธอ เขามีชีวิตของเขา เธอทุ่มเทให้กับโรงแรม และห้างสรรพสินค้า ใช้ชีวิตอยู่กับงาน เพื่อนร่วมงาน โรงแรมและห้างเหมือนครอบครัว เหมือนบ้านของเธอ

ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา เธอแทบไม่เคยโผล่ออกจากโรงแรมไปไหนเลย

พี่กฤษณ์เองกลับเป็นคนชอบออกพบปะติดต่อลูกค้า ตัวแทนเอเย่นต์ทัวร์ต่างประเทศ ซัพพลายเออร์ต่าง ๆ รวมทั้งออกงานสังคม ซึ่งเธอไม่ชอบชีวิตแบบนั้นเลยสักนิด

ตลกดีที่เธอกลับหวนไห้กับชีวิตการทำงาน มากกว่าที่จะหวนไห้กับการหย่าขาดเลิกรากันกับพี่กฤษณ์ ตรงนั้นมันเหมือนสิ่งว่างเปล่ามากกว่า ...

จริง ๆ มันก็ว่างเปล่ามานานแล้ว นานเหลือเกิน เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าช่วงเวลาหวานชื่นมันอยู่ตรงไหน หลังจากโรงแรม และห้างอยู่ตัว เขาก็เริ่มเดินทางไปติดต่อลูกค้าต่างประเทศ

จนกระทั่งไม่กี่เดือนก่อนเกิดเรื่องเธอถึงรู้ความจริงว่า ทุกวัน ทุกเดือนที่เขาบินไปต่างประเทศ มันไม่ใช่แค่เดินทางไปดูงานโรงแรม ติดต่อเอเย่นต์ทัวร์ หาสินค้าเข้าห้าง แต่กลับเป็นการวนเวียนไปเล่นการพนันตามที่ต่าง ๆ จนทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสร้างมาสูญสลายไปชั่วพริบตา

เธอพยายามช่วยเขาปิดความลับข้อนี้ หากคุณย่ารู้เข้า ข้อตกลงชดใช้หนี้คงไม่มีวันเกิดขึ้น และจะยิ่งเป็นบทบันทึกตราไว้บนหน้าเธอให้คุณย่าบ่นไปอีกชั่วชีวิต ...

หรือแม้แต่รินยา รายนั้นคงไม่ยอมปล่อยให้พี่กฤษณ์สุขสบายไปง่าย ๆ แบบนี้ เพราะเธอก็ไม่ได้ชอบพี่กฤษณ์มาแต่ไหนแต่ไร ดูเหมือนหลาย ๆ เรื่องที่รินยาว่าไว้จะเป็นเรื่องจริง

บางทีกับพี่กฤษณ์มันคงไม่ใช่ความรัก แค่เป็นเพียงเกราะกำบัง เป็นเส้นทางชีวิตอีกเส้นหนึ่งของเธอ ที่เธอเลือกพี่กฤษณ์เป็นอัศวินผู้คุ้มครอง...

ไม่ใช่ความรัก ความอบอุ่นอย่างที่เธอโหยหา หรือต้องการแม้แต่น้อย...

ก็แค่อัศวินที่ไม่ใช่เจ้าชายอย่างรินยาว่า... แล้วจะมีไหมนะเจ้าชายที่เป็นอัศวิน รัก ป้องกัน และคุ้มครองเธอได้ตลอดชีวิต.....



เสียงเพลงบรรเลงที่ผ่านมาเบา ๆ ทำให้เธอรู้สึกสงบได้อย่างประหลาด ทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาอย่างไม่เสียใจเท่าใด เพลงเพราะหวานจนทำให้เธออดนึกถึงใครต่อใคร

...หรืออาจจะเป็นนักรบ อัศวินอย่างผู้พันบดินทร์ วัศนิหัวเราะให้กับตัวเอง จริง ๆ ผู้ชายคนนี้แสดงทีท่าสนใจเธอมา ตั้งแต่เขาเป็นนักเรียนนายร้อยเสียด้วยซ้ำ

ความจริงเขามีเสน่ห์มากมาย มีผู้หญิงรุมล้อมมากหน้ามาแต่ไหนแต่ไร แต่ในสายตาของเธอก็ไม่เคยพาดเลยไปถึงเขาเสียด้วยซ้ำ

เธอถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เขาถึงไม่ยอมเลิกราจากเธอสักที เพราะเธอไม่สนใจเขานั่นเอง มันคงท้าทายเขามาก ๆ ก็คงแค่นั้น...

แต่ช่วงหลังเธอออกจะประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมเขากลับมาสนใจเธออีก ยิ่งเป็นแม่ม่ายชื่อเสียงย่ำแย่แบบเธอ มันจะช่วยให้เขาป๊อปปูล่าขึ้นมาได้อย่างไร...หรือมีอะไรมากกว่านั้น

** Tonight it's very clear
As we're both lying here
There's so many things I want to say
I will always love you
I would never leave you alone

Sometimes I just forget
Say things I might regret
It breaks my heart to see you crying
I don't wanna lose you
I could never make it alone


เสียงเพลงหวานบัลลาดเก่า ๆ ที่แสนจะคุ้นหูดังผ่านออกมาจากเครื่องเล่นสเตอริโอ...


I am a man who will fight for your honor
I'll be the hero you've been dreaming of
We'll live forever
Knowing together that we
Did it all for the glory of love

Just like a knight in shining armor
From a long time ago
Just in time I will save the day
Take you to my castle far away


...จริงสินะ เจ้าชายในฝันเธอต้องเป็นแบบนั้น อ่อนหวาน โรแมนติก อบอุ่น และทำให้เธอมีความสุข

เธอมัวแต่หมกตัวอยู่ในโลกของงาน จนหลายครั้งเธอเกือบลืมไปแล้วว่าความรักที่เธอใฝ่ฝันหานั้นเป็นอย่างไร ...

วัศนิแนบหน้ากับหมอนอิง น้ำตาเริ่มไหลริน เธอเริ่มโหยหาความรัก ความอบอุ่นที่เธอไม่เคยสัมผัส...

ผู้ชายที่เป็นทั้งอัศวิน ในเกราะสีเงินแวววาว และเป็นทั้งเจ้าชาย เต็มไปด้วยความรักอันอ่อนหวาน โหยหาห่วงใยเธอด้วยความอบอุ่น พร้อมเสมอที่จะปกป้องเธออยู่ตลอดเวลา...

You'll keep me standing tall
You'll help me through it all
I'm always strong when you're beside me
I have always needed you
I could never make it alone


วัศนิยิ้มให้กับตัวเอง หากได้อย่างเสียง Peter Cetera เพลงนี้ก็คงดี ใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในห้วงเวลาที่รู้สึกหงอยเหงาว้าเหว่แบบนี้…

“และเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ของผม รับอรุณกับวันใหม่ของคุณ Glory of love…เพลงพิเศษของคุณ

ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน ผมอาจจะเป็นอัศวินได้เพียงแค่เสียง ส่งพร้อมไปด้วยความรัก ช่วยปลอบประโลมใจด้วยเพลงของ Peter Cetera อย่างน้อยก็ขอให้คุณต่อสู้รับวันใหม่อย่างเข้มแข็ง อดทน พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง

ไม่ว่าจะเรื่องใด อุปสรรคนั้นจะสาหัสแค่ไหนสำหรับคุณ... ผมจะอยู่ตรงนี้ เป็นกำลังใจให้คุณเสมอ จนกว่าจะถึงความสำเร็จ...จนกว่าเราจะได้พบกันอีกครั้งครับ”

เสียงดีเจในรายการวิทยุ ทำให้วัศนิอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง น้ำตาเอ่อท่วม

เสียงที่ให้ความรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกันมาช้านาน เหมือนความอบอุ่นแผ่ซ่านก่อเกิดเป็นกำลังใจ...

แม้มันจะบังเอิญ แต่เธอก็ยอมรับว่ามันทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้นได้อย่างประหลาด อาจจะเป็นเพราะ Glory of love เพลงโปรดเพลงหนึ่งของเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

เพลงเล่นซ้ำในท่อนแยกอีกครั้ง เพลงยังคงช่วยเยียวยาความเจ็บปวดของหัวใจเธอได้เป็นอย่างดี...

วัศนิป้ายน้ำตาทิ้ง.... กำลังใจท่วมท้นอยู่ในความรู้สึก

แน่ละวันนี้เธอจะต้องเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ จะต้องไปเผชิญกับอะไรกับคุณย่าที่เตรียมไว้ให้อีกมากมาย เธอต้องพร้อมเข้มแข็งให้มากพอที่จะรับมือกับสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับชีวิต แม้ว่ามันจะเลวร้ายเหมือนหลายครั้งหลายหนที่เคยวิ่งหนีมาแล้วก็ตาม...

ก็แค่อีกบทบาทที่จะต้องแสดงแม้จะต้องฝืนทนก็ตามที เจออีกครั้งจะเป็นอะไรไป...

จนกว่าจะได้พบกับเจ้าชายตัวจริง และหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้ สภาพนี้เสียที...


...โปรดติดตามตอนต่อไป...









**"Glory of Love” ผลงานการประพันธ์ของ Peter Centera, David Foster และ Diane Nini อดีตภรรยาของ Peter Centera เจ้าของเสียงอบอุ่นนี่เอง

ซิ้งเกิ้ลแรกอยู่ในอัลบั้ม Solitude/Solitaire ของ Peter Centera หลังแยกตัวออกจากวง Chicago เมื่อปี 1986 ขึ้นถึงอันดับ 1 และอยู่ถึงสองสัปดาห์ ใน US Billboard Hot 100


วันนี้ฟังเพลง version อัลบั้มเดี่ยวของ Peter Cetera Solitude/Solitaireกับ version Chicago จากอัลบั้ม Love Songs ปี 2005 ด้วยความรู้สึกส่วนตัว แม้ว่าชื่นชอบ ชื่นชมเสียงของ Peter ที่นุ่มทุ้ม อบอุ่นแค่ไหนก็ตาม

แต่เมื่อฟังดนตรี การเรียบเรียงแล้ว พลัง ความหนักแน่น ทั้งเบส ทั้งกลอง กีตาร์ เสียงดนตรี เสียงประสานทุกจังหวะ Chicago ให้พลัง และกำลังใจมากกว่า มากมาย

ใจเลยเทให้ Chicago ไม่มีเหลือ... อารมณ์ ความรู้สึก ช่างต่างกันมากมายจริง ๆ …

และพูดได้เต็มปากว่า Chicago ยังคงเป็นคงอมตะอยู่ในใจไปอีก
นิรันดร์กาล





Create Date : 30 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 23 ธันวาคม 2560 19:14:56 น. 38 comments
Counter : 621 Pageviews.

 
กว่าจะปะได้เล่นเอาขลุกขลัก ลุ้นใจหายใจคว่า โน้นหายนี่หาย เล่นจนมึน แหะ แหะ

พรายทรายขอปะเพลง แล้วแวบไปทานมื้อเย็นก่อนนะคะ
เดี๋ยวมาคุยด้วยค่ะ

อ่านอย่างมีความสุขนะคะ

Glory Of Love : Peter Cetera/Chicago

Tonight is very clear and we're both standing here
There's so many things I want to say
I will always love you, I will never leave you alone
Sometimes I just forget say things I might regret
It breaks my heart to see you crying
I don't want to lose you, I could never make it alone


I am a man who would fight for your honor
I'll be the hero you're dreaming of
We'll live forever knowing together
That we did it all for the glory of love


You keep me standing tall
You help me through it all
I'm always strong when you're beside me
I have always needed you, I could never make it alone

I am a man who would fight for your honor
I'll be the hero you're dreaming of
We'll live forever knowing together
That we did it all for the glory of love


Just like a knight in shining armor
From a long time ago
Just in time I will save the day
Take you to my castle far away

I am a man who will fight for your honor
I'll be the hero that you're dreaming of
We're gonna live forever knowing together
That we did it all for the glory of love

We live forever knowing together
That we did it all for the glory of love
We did it all for love
We did it
We did it


โดย: พรายทราย วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:08:06 น.  

 
ปรับแก้ไขอยู่เยอะเอาเรื่อง กว่าจะเสร็จ ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ
คนที่อ่านไปก่อนเมือช่วงหัวค่ำ คงข้องใจปวดหัวแน่ ๆ

ตัวผิด ตัวหล่น ตัวเกิน กระจัดกระจาย มีหวังโดนบ่นในใจแย่เลย...

refresh อ่านใหม่ หรือกลับมาอ่านใหม่อีกทีนะคะ หือ หือ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:23:22 น.  

 
สงสารเจ้าหญิงฯ... เเต่ก็เข้าใจราชินี เหะๆ... มันเป็นเรื่องของการมองคนละมุมน่อ... คนที่พึ่งลืมตามาดูโลกได้ไม่นาน กับ คนที่ผ่านร้อนหนาวมาไม่รู้กี่ฤดู บวกกะความรักเเละห่วงใยที่มีให้สายเลือดในอก...


เป็นกำลังใจให้นะ... เจ้าหญิงโน้ต... เจ้าหญิงที่กำลังเดินทางตามหาเจ้าชายที่เเท้จริง...




โดย: อมิธีสท์ วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:17:06:21 น.  

 
เวลารื้องานเก่า ๆ มาปัดฝุ่นใหม่ ฝุ่นมันเขรอะจริง ๆ แก้แล้วแก้อีกไม่รู้กี่รอบ หวังว่ารอบนี้คงจะลงตัวสักทีนะคะ

ต้องขออภัยอีกรอบ หากอ่านแล้วยังไม่ลื่นไหล บทหน้านี่เริ่มเขียนใหม่แล้ว น่าจะดีกว่าเดิมค่ะ

อย่าเพิ่งหนีหน้าบ่นยี้ หายไปก่อนนะคะ

มีความสุขกับค่ำคืนของเดือนธันวาค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:17:57:59 น.  

 
หนู ๆ อมิธีสท์

พาหัวใจมาแบบหงอย ๆ ภาพขาวดำนี่มีมิติให้ความรู้สึกมากมายเลยนะคะ สวยมากเลย ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

เสียดายจัง ไม่แน่ใจว่าหนูใยบัวได้อ่านฉบับปรับปรุงล่าสุดหรือเปล่า น่าจะสวนทางกัน

แต่อย่างน้อยเข้าใจทั้งความรู้สึกของเจ้าหญิง และราชินีที่ไม่ใจร้าย แต่ขี้บ่นเยอะไปหน่อยเนอะ คนเขียนก็รู้สึกดีละ ความยังไม่หายไปไหน มีแต่ตัวอักษรก่อนหน้าที่เพี้ยน ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง

ขอบคุณกำลังใจที่มีให้เจ้าหญิงโน้ต คงต้องมาลุ้นกันต่อว่า เธอจะเจอกันอะไร และฝ่าไปได้แค่ไหนนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:18:05:10 น.  

 
มาลงชื่อไว้ก่อนตามเคยค่า


โดย: ธาร นาวา วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:20:41:20 น.  

 



ธ ร ร ม ะ ส วั ส ดี จ๊ ะ


ข่าวน่ากลุ้ม ……จริงหรือ น้ำจะท่วมโลก
จะเตรียมใจอย่างไรดี มีคำตอบที่บ้าน …ร่มไม้เย็น จ๊ะ



คืนนี้ ได้ดูพระจันทร์ยิ้มหรือยังจ๊ะ ????


อากาศยังเปลี่ยนแปลงอยู่ประเดี๋ยวเย็นประเดี๋ยวร้อน ดูแลร่างกายให้อบอุ่นนะจ๊ะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:21:44:42 น.  

 
ธาร นาวา

เหมือนเห็น ๆ ในเอ็มว่าไม่สบาย อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ
ดูแลสุขภาพหายเร็ว ๆ นะคะ

ปะโป้งได้เลยค่ะ ขอบคุณที่แวะมาลงชื่อ ว่าง ๆ หายดีแล้วค่อยมาอ่านก็ได้นะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:10:26:49 น.  

 
ธุป้ากุ๊ก ร่มไม้เย็นค่ะ

ขอบคุณป้ากุ๊กที่แวะมาเยี่ยมค่ะ
เดี๋ยวดูตามไปอ่านความรู้ใหม่ ๆ
พระจันทร์ยิ้มเมื่อคืน อยู่ตรงหน้าต่างหน้าโต๊ะทำงานพอดีค่ะ
นั่งมองเพลิน ยิ้มให้พระจันทร์และดวงดาวทั้งคืนเลย สดใสจริง ๆ ค่ะ



โดย: พรายทราย วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:10:29:12 น.  

 
รออ่านค่ะ ว่านกน้อยจะหนีออกจากกรงทองด้วยวิธีไหนนะ


โดย: ปีกสีรุ้ง วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:14:16:26 น.  

 
คุณปีกสีรุ้ง

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ อาการตันค่อย ๆ ลื่นไหลบ้างหรือยังคะ
รอลุ้นคุณสิงห์บ้านรุ้งเหมือนกัน...

สำหรับนกน้อยในกรงทองคงต้องรอวันอาทิตย์หน้า หลับตานอนอีกไม่กี่วันค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:16:17:05 น.  

 
สวัสดีเย็นย่ำค่ะ พี่อ้อ

อ่านเอาเรื่องมาถึงวันนี้ก็น่าจะประมาณ 5 เล่มแล้วค่ะ
เล่มแรก ตูนสัมภาษณ์พี่วินทร์
เล่มสอง ตูนสัมภาษณ์พี่ปุ๊ ดวงตะวัน
เล่มสาม ตูนเขียนเรื่องลาดัก
แล้วเล่มสี่เป็นอิตาลีค่ะ

สามเล่มแรกแจก แต่ตอนนี้ขายแล้วค่ะ
มีตามร้านหนังสือทั่วไปนะคะ

ความจริงอยากส่งให้พี่อ้ออ่านมากเลยค่ะ แต่ต้องขอ
กลับไปดูที่บ้านก่อนค่ะ ว่ามีเล่มไหน ไม่มีเล่มไหน
เพราะเป็นคนที่เก็บของได้เละเทะมาก

ไม่ค่อยยึดติดกับอะไร ปล่อยให้รกซะงั้น


พี่อ้อพูดถึง "คัดสรร" ตูนไม่แน่ใจว่าพี่อ้อเขียนเล่นหรือ
รู้จักตัวตนจริงๆ ของตูนกันแน่

เรารู้จักกันอ่ะเปล่าคะ สงสัย

แต่ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จักอย่างไร
ขอขอบคุณมิตรภาพที่พี่อ้อหยิบหยื่นให้บนโลกไซเบอร์
กว้างๆๆๆๆๆๆๆๆใบนี้ด้วยค่ะ




โดย: ปณาลี วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:18:45:13 น.  

 
น่าสงสารทั้งวัศนิ ทั้งคุณหญิงรัชนีเลยนะครับ

เหมือนต่างก็มุ่งหมายไปกันคนละทิศละทาง ไม่มีจุดตรงกลาง ไม่มีจุดพอดี คุณหญิงรัชนี "เข้ม" เกินไปนั่นก็ใช่ล่ะ (แล้วก็ช่างขุดคุ้ยจริงๆ ด้วย) แต่หลายอย่างที่คุณหญิงพูดเกี่ยวกับการวางตัว การออกสังคม มันก็เป็นพื้นฐานจริงจริ๊ง

วัศนิก็อคติเกินไป เห็นแต่ความเป็นตัวของตัวเอง ดูไปก็ยังเด็กนะครับ สมเป็นเจ้าหญิง (อายุเท่าไหร่นะครับ ลืมแล้ว แหะๆ)

อ่านๆ ไปแล้วก็นึกถึงเพลง "หากไม่รักจะห่วงไหม จะหวงทำไมบอกฉันที ที่ต้องระแวงทุกๆ นาที อย่าคิดว่ามันไม่เหนื่อยใจ..." แต่คุณหญิงรัชนีเป็นคนร้องนะครับ อิๆ

รินยาได้ใจเจ๋งจริงๆ ผู้พันก็ดูลื่นไหลไม่เลวนะครับ แต่เข้าผู้ใหญ่เก่งจัง เก่งจนน่าตกใจ ฮ่าๆๆ

บทนี้พระเอกปรากฏตัว เอ๊ย ปรากฏเสียงแล้วรึเปล่าน้อ...


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:19:56:29 น.  

 
น้องตูน ปณาลี

กว่าพี่อ้อจะมาสวัสดีก็หัวค่ำจนได้ ช่วงนี้งานยังเรื่อย ๆ ค่ะ เลยไม่ได้ออกมาอู้เล่นสเก็ตยาว ๆ ได้อู้แป๊บ ๆ
สงสัยเราอาจรู้จักกันแน่ ๆ เลย แหะ แหะ สงสัย ๆ เผลอ ๆ เคยคุยโทราสับกันป่าวหนอ

แต่จริง ๆ พี่อ้อเดา ๆ เอาน่ะค่ะ เทียบเคียงจากที่เคยคุย ๆ กันมา แล้วก็ "อ่านเอาเรื่อง"
แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจ เลยลอง ๆ โยนหินซะงั้น แหะ แหะ น่าจะใช่ เอ หรือเปล่า

พี่อ้อดิวงาน คุย ๆ กันสามสี่คนในคัดสรรอ่ะค่ะ ไม่รู้มีน้องตูนด้วยหรือเปล่าเนอะ


น้องตูนจ๋า ถึงว่าเราสนิทกันเร็วเนอะ อาจจะเคยเจอ เคยคุยกันตัวเป็น ๆ แล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ใครเป็นใคร
เดี๋ยวคราวหน้าจะไม่ให้พลาด จะไปหย่องแอบถามว่าน้องตูนคนไหน คริ คริ

ว่าแต่ว่า ออฟฟิศใหม่ (เป็นปีแล้ว) พี่อ้อยังไม่ได้โผล่เข้าไปเลย แหะ แหะ (ถ้าใช่ที่คิดไว้)

แต่ก็นั่นแหละเนอะต่อให้โลกไหน ๆ มิตรภาพบานเบ่งไว้เป็นดีที่สุดแล้ว...
และคงมีตลอดไป อิอิ

กลับมา "อ่านเอาเรื่อง" อีกนิด
ห้าเล่มแล้วหรือคะ อ่านเอาเรื่อง ดี ๆ เดี๋ยวพี่อ้อต้องไปตามซื้อ

แต่เสียดายเล่มเก่า ๆ สงสัยต้องตามไปจริง ๆ อิอิ
น้องตูนไม่ต้องซีเรียสหรอกค่ะ ห้องพี่อ้อก็รกเหมือนกัน
เล่มย้อนหลังหากหาจริง ๆ คงไม่ยาก ตามไปซื้อถึงที่เลย

ไว้มีโอกาสเมื่อถึงเวลาคงได้เจอกัน เย้ เย้ เราคงได้กินส้มตำ เนื้อย่างกันเร็ว ๆ นี้เนอะ


โดย: พรายทราย วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:22:07:58 น.  

 
คุณพีทคุง

อย่างที่คุณพีทว่าแหละค่ะ มองกันคนละมุม คนหนึ่งก็ตึงซะจนขาดมาไม่รู้กี่ที
อีกทีก็แรงซะ จนพังไปแล้ว เหอะ

วัศนิ อายุไล่ ๆ กับเภตราค่ะ แต่นิสัยใจคอ ความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้ใหญ่คนละซีกโลกเลย
คงเพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง การเลี้ยงดู ความอบอุ่น สภาพแวดล้อม นิสัยใจคอ
แต่เธอก็กำลังเรียนรู้ และเติบโต ให้เวลาเธอหน่อยนะคะ คงต้องตามดูเธอกันต่อไป


โอ้! นึกภาพคุณย่าร้องเพลงที่คุณพีทว่าไม่ค่อยออกเลย แต่คงเท่ดี อิอิ

อิอิ รินยาแย่งซีนทุกที ไปแข่งกับวรรณิศาได้เลย กรรมข้าพเจ้าจะอิงเรื่องเก่าทำไมนี่ ยิ่งจะให้หลุด ๆ ลืม ๆ ตัวละครอยู่นะนี่
แต่ก็นั่นแหละนะ ในฐานะองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง ต้องเต็มที่หน่อย

ส่วนผู้พัน น้านนน ขนาดยังไม่บรรยายอะไรมาก ท่าทางคุณพีทจะเล็ง ๆ ไว้แล้วล่ะสิ อิอิ
ไม่ยักรู้ว่าชอบคนในเครื่องแบบด้วย


อิอิ เสียงที่มาจะเป็นอัศวิน เป็นเจ้าชาย หรือเป็นผู้ร้ายก็ไม่รู้นิ อิอิ แต่อย่างว่าทำให้เจ้าหญิงโน้ตของเรามีกำลังใจ เริ่มปรับตัวเข้ากับสถานการณ์แล้ว...

คงต้องลุ้นกันต่อไป...

ว่าไปหนุ่ม ๆ เรื่องนี้เยอะนะคะ คุณพีทหมายตาเล็งไว้ดี ๆ นะคะ อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:22:31:36 น.  

 
เข้ามาตามอ่านเจ้าหญิงฯ ตอนสองครับ งวดนี้จะจับให้มั่นคั้นให้ตายเชียว (เวอร์ไปป่ะเนี่ย) ฮี่ๆๆ

ไม่รู้เพราะวัศนีเป็นพวกเอาแต่ใจ หรือว่าถูกคุณหญิงฯ บีบคั้นกันแน่เนาะ คงต้องรอดูต่อไปเรื่อยๆ...


โดย: วรบรรณ วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:18:23:53 น.  

 

เรื่องราวกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทีเดียวค่ะ
โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับปมชีวิตของเจ้าหญิงฯ
กับคุณหญิงย่า ..

เชื่อว่าจะมีบทสรุปที่ happy และลงตัวในภายหลัง
สำหรับเจ้าหญิงฯ และคุณหญิงย่านะคะ ..

ที่สำคัญกำลังรอลุ้นเจ้าชายตัวจริงด้วยคนค่ะ



โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:1:04:19 น.  

 

ป้าติ๋วไปทำธุระต่างจังหวัดเพิ่งกลับมาค่ะ
เลยเข้ามาอ่านช้าไปนิดนึง
แต่ยังไงก็ไม่พลาดแน่นอนค่ะ ..

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆ และ
ความสนุกสนานบันเทิงที่มอบให้นะคะ

เมื่อกี้นี้เห็นเรื่องใหม่แว้บๆ พรุ่งนี้จะ
ตามไปอ่านค่ะ



                  


โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:1:25:25 น.  

 
คุณวรบรรณขา

เจ้าหญิงของคุณวรบรรณผสม ๆ ค่ะ ความที่อายุยังน้อย และมีมุมมองชีวิตบิดไปนิดหนึ่ง เธอเลยเป็นสภาพแบบนี้

ดื้อแบบนี้คุณวรบรรณจับให้มั่นคั้นให้ตายเลยค่ะ อิอิ

ตามกันต่อไปนะคะ ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ดีใจจังที่สงครามสร้างขาติจะได้อ่านต่อแย้ววววว


โดย: พรายทราย วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:4:04:22 น.  

 
ธุป้าติ๋วค่ะ

ดีใจจังเลยค่ะ ป้าติ๋วมาแล้ว...เย้ เย้...

ผู้ใหญ่กับเด็กมองต่างมุม ขบกันนิดเดียว เลยกลายเป็นปมปัญหา ให้หนูมาได้เขียนเรื่องนี่ละ แหะ แหะ

เดี๋ยวหนุ่ม ๆ คงเรียงหน้ามาให้พิณาว่าคนไหนน้าจะเป็นเจ้าชาย

รับรองค่ะ บทสรุปต้อง happy ขม ๆ หวาน ๆ ตามสไตล์ช่อครามอยู่แล้ว

รอคุณเจ้าชายตัวจริงมาก่อนเนอะ แอบกระซิบป้าติ๋ว คุณเจ้าชายเรื่องนี้ อบอุ่นไม่แพ้ลุงธันว์ แถมขี้บ่น พูดน้อยกว่าด้วยอ่ะค่ะ
เอ..หรือพูดมากกว่าละนี่ แต่ไม่บ่นมากแน่นอนค่ะ อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:4:18:09 น.  

 
ป้าติ๋ว (ต่อ)

ดีจังป้าติ๋วไปเดินสายไปทำงานไกล ถือได้พักผ่อนสบายใจ เปลี่ยนมุม รับพลังฮวงจุ้ยใหม่

ขอบคุณภาพสวย ๆ ค่ะ ดูแล้วสดชื่นจริง ๆ สวยมากเลย คิถึงภาพวาดสวย ๆ จัง

มาช้าไม่เป็นไรค่ะ ป้าติ๋วไม่ทิ้งหนูไปไหน แค่นี้หนูก็ตื่นตันใจแล้วค่ะ

อ่านเมื่อไหร่ก็ได้เนอะคะ เอาช่วงว่าง ๆ ป้าติ๋วยิ่งงานเยอะอยู่ ตีหนึ่งนะนั่น หือ หือ นอนดึกอีกแย้ว...หรือเปล่า

ไป ๆ มา ๆ หนูหาเรื่องมาให้ป้าติ๋วเหนื่อยหรือเปล่านี่ ลงสองเรื่องพร้อม ๆ กันอย่างนี้

จะลองให้กติกาตัวเองน่ะค่ะ ไม่งั้นตัวขี้เกียจไหลลื่นเปื้อนทุกที

จริง ๆ เอาของเก่ามาปัดฝุ่นจัดสตูฯ ให้น่าอ่านใหม่ แต่อีกพักคงต้องเขียนเพิ่มล่ะค่ะ

ถือเป็นอีกอารมณ์หนึ่งอ่านกันเพลิน ๆ สบาย ๆ นะคะ เป็นของขวัญจากสตูดิโอริมหาด
คนอ่านจะได้ไม่ต้องรอนาน มีเรื่องมาคั่นเวลา อิอิ

ป้าติ๋วว่างเมื่อไหร่ค่อยแวะมาได้ค่ะ ช่วงนี้เทศกาลพักผ่อนจริง ๆ ป้าติ๋วพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:4:24:59 น.  

 
บล๊อกหวานเจี๊ยบเลยค่ะ มาทะยอยอ่านค่ะ


โดย: teansri วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:5:32:53 น.  

 
อ๊าก เปล่าเล็งผู้พันคร้าบ แค่รู้สึกว่าสุภาพดี แล้วก็...

เข้าผู้ใหญ่เก่งจัง

เท่านั้นเองจริงจริ๊ง


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:11:01:02 น.  

 
คุณเทียนสี

ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาอ่าน ค่อย ๆ อ่านไปนะคะ แป๊บเดียวก็ตามทัน

แล้วมาอ่านบทต่อไปทุกคืนวันอาทิตย์นะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:12:35:42 น.  

 
คุณพีทคุง

อิอิ ตามมาแก้ข้อกล่าวหาหรือคะ อิอิ
ฟังเสียงจริงจริ๊งแบบนี้แล้ว ไม่ค่อยแน่ใจ หุหุห

แต่แหมม ผู้พันนายทหารในเครื่องแบบก็แบบนี้นะ มีใครจะไม่ปลื้ม อ่อ มีพี่อ้อเอง อิอิ

ขออยู่ห่าง ๆ ดีก่า กัว กั้ว กลัวจริง ๆ


โดย: พรายทราย วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:12:38:08 น.  

 
สวัสดีตอนกลางวันวันศุกร์ค่ะ
เปลี่ยนโหมดมาเป็น เจ้าหญิงฯ แล้วนะคะ หากใครติดตาม เงาเพลิง รอวันพุธหน้าค่ะ หรือเอื้อมมือไปคลิกที่เมนู
จิบกาแฟริมทะเล (เรื่องสั้น/ เรื่องยาวแนวตื่นเต้น ลึกลับ ของ "ริมหาด" และ "พรายทราย")

ตามอัธยาศัยได้เลยนะคะ...


โดย: พรายทราย วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:12:44:23 น.  

 
สวัสดีตอนกลางวันวันศุกร์ค่ะ
เปลี่ยนโหมดมาเป็น เจ้าหญิงฯ แล้วนะคะ หากใครติดตาม เงาเพลิง รอวันพุธหน้าค่ะ หรือเอื้อมมือไปคลิกที่เมนู
จิบกาแฟริมทะเล (เรื่องสั้น/ เรื่องยาวแนวตื่นเต้น ลึกลับ ของ "ริมหาด" และ "พรายทราย")

ตามอัธยาศัยได้เลยนะคะ...


โดย: พรายทราย วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:12:44:23 น.  

 
วันนี้ร้านยุ่งมากๆ... กว่าจะได้กลับถึงบ้าน... หมดสภาพ... เเง้วๆๆๆ...


เเต่ก็รีบเเวะมาหาเจ้าของสตูฯค่ะ... เพราะเดาว่าคงได้หยุดยาว... พักผ่อนเยอะๆละกันนะคะ...




โดย: อมิธีสท์ วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:23:06:52 น.  

 
หนูใยบัว อมิธีสท์

ขอบคุณค่ะ สำหรับการ์ดสวย ๆ วันพ่อ
แหะ แหะ ไม่ได้หยุดหรอกค่ะ วันนี้ก็ต้องทำโน้นทำนี่
พรุ่งนี้ก็ต้องเดินสายอีกเช่นเคย

หนูใยบัวก็พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่


โดย: พรายทราย วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:2:26:21 น.  

 
หยอดเหรียญใส่เครื่องซักผ้าไว้ค่ะพี่อ้อ

เลยแอบแวบมาทักทายพี่อ้อ

มาฟังเพลงด้วย


โดย: ปณาลี วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:19:42:55 น.  

 
หนูตูน ปณาลี

ขอบคุณที่แวะมาทักทาย และฟังเพลงนะคะ
พี่อ้อยังมีผ้าท่วมตะกร้า ยังไม่ถึงวัน Cleanning เลย

ยังไงน้องตูนพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ แล้วคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวใหม่


โดย: พรายทราย วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:20:00:13 น.  

 
มาทักทายพี่อ้อก่อนตรงนี้ แต่จะโทรไปคุยเป็นการส่วนตัวนะคะ อะแฮ่ม...

กลับมาไทยแล้วค่ะ แต่ยุ่งๆ เล็กน้อย มึนๆ เบลอๆ ด้วยค่ะ แบบว่ากลับอย่างกระชากวิญญาณมาก...ไปลงอู่ตะเภาน่ะค่ะ แต่ตอนนี้สนามบินเปิดแล้ว เย้ๆๆ

คิดถึงเช่นกันค่ะ...


โดย: นางฟ้าหน้าหมวย (บินปร๋อ ) วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:20:47:55 น.  

 

Animated_Handwriting by Crazyprofile.com

โดย: teansri วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:21:45:45 น.  

 
น้องนางฟ้า บินปร๋อ

ดีใจจังเลย ได้กลับเมืองไทยซะทีนะคะ เหนื่อยหน่อย แต่ก็นึกซะว่าได้รายได้เพิ่ม

เหนื่อยบนฟ้า กลับมาเหนื่อยบนดินอีก ยังไงพักผ่อนปรับสภาพให้เต็มที่ก่อนนะคะ แล้วค่อยคุยกัน

พี่อ้อเองเดินสายกลับมาถึงบ้านก็หลับปุ๋ย มาตื่นอีกทีดึก ๆ ทุกที ตื่นมาปิดเครื่องคอมพ์ แล้วก็ไปนอนต่อ 5555 แล้วค่อยลุกมาทำงานอีกที

ช่วงปลายปีช่วงเคลียร์งาน มึน ๆ เหมือนกัน แต่ก็ยังคิดถึงน้องนางฟ้าเหมือนเดิม

แล้วคุยกันนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:0:10:48 น.  

 
คุณเทียนสี

ขอบคุณสำหรับตัววิ่งสวย ๆ ดูแล้วตื่นเต้นมากเลยค่ะ
อิอิ พี่อ้อจริง ๆ ต้องบอกว่าคนเคยสวยค่ะ

...มันหายไปกับวันเวลาแย้ว อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:0:17:39 น.  

 
ท่าทางจะต้องกลับไปนอนเป็นเรื่องเป็นราวก่อนละ ยังง่วงไม่เลิก

ขอเปิดโหมดต้อนรับอัตโนมัติเลยนะคะ

พรุ่งนี้ยังต้องเดินสายแต่เช้าอีกเหมือนเคย...

มีความสุขกับวันอาทิตย์ที่จะถึงนะคะ คืนพรุ่งนี้พบกับเจ้าหญิงบทต่อไปค่ะ

คืนนี้ฝันดีนะคะ และสำหรับคนอยู่ไกล สนุกสนานกับค่ำคืนวันเสาร์อย่างมีความสุขทุก ๆ คนค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:0:25:32 น.  

 

วันนี้ขอให้คุณอ้อทำงานอย่างมีความสุขนะคะ
ส่งกาแฟมาเพิ่มกำลังใจในการทำงานด้วยค่ะ ..



                  


โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:11:45:17 น.  

 
ธุป้าติ๋วค่ะ

ขอบคุณสำหรับกาแฟถ้วยสวยค่ะ ถึงหนูเข้ามาดึกกาแฟป้าติ๋วก็ยังอุ่นอยู่เสมอ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีมาให้อยู่ตลอดเวลา หนุปะตอนใหม่เสร็จแล้ว

แต่อาการท่าทางจะย่ำแย่ คงต้องรีบไปนอนโดยไว

ป้าติ๋วก็พักผ่อนเยอะ ๆ ฝันดีนะคะ ... แล้วยังไงอย่าลืมอ่านตอนใหม่นะคะ ขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้งค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:22:56:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.