หนังสร้างมาจากนิยายสยองขวัญขายดีของ
แม็กซ์ บรูกส์ (Max Brooks) ที่มีชื่อว่า
World War Z: An Oral History of the Zombie War โดยได้พระเอกระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง
แบรด พิตต์ (Brad Pitt) มานำแสดงมีหรือที่มันจะเป็นเพียงหนังซอมบี้ธรรมดาๆ เพราะตอนนี้
World War Z ได้กลายเป็นหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์ที่ใช้ทุนสร้างสูงสุด (200$ ล้านเหรียญ) ในหนังแนวเดียวกันไปแล้ว!! หนังได้ผู้กำกับยอดฝีมืออย่าง
มาร์ค ฟอร์สเตอร์ (Marc Forster) แห่ง
Quantum of Solace, Finding Neverland และ
Monster's Ball มากำกับความมันส์
หนังเล่าเรื่องราวของ เจอร์รี่ เลน อดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนขององค์การสหประชาชาติ ที่ในวันธรรมดาวันหนึ่ง เลนและครอบครัวพบว่าการเดินทางบนท้องถนนที่เคยเงียบสงบของพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการจราจรติดขัดกลางเมือง เลนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่รถติดธรรมดา เมื่อมีเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจบินร่อนอยู่เหนือท้องฟ้า และมีมอเตอร์ไซค์ของตำรวจวิ่งไปมาอยู่เบื้องล่าง ทั้งเมืองต้องเผชิญกับเหตุโกลาหล บางสิ่งบางอย่างกำลังทำให้ผู้คนทำร้ายกันอย่างรุนแรง..
มันคือเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายได้ผ่านการโดนกัดเพียงครั้งเดียว และเปลี่ยนมนุษย์ที่มีสุขภาพแข็งแรงดีให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่จดจำอดีตไม่ ได้ ไม่มีความรู้สึกรับรู้ ไม่มีความคิด และดุร้าย เพื่อนบ้านหันมาทำร้ายเพื่อนบ้าน คนแปลกหน้าที่มีน้ำใจช่วยเหลือจู่ๆ ก็กลายเป็นศัตรูตัวร้าย
ต้นกำเนิดของไวรัสชนิดนี้ยังไม่ทราบที่มา และจำนวนคนติดเชื้อก็เพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน จนกลายเป็นโรคระบาดไปทั่วโลก เมื่อผู้ติดเชื้อมีชัยเหนือกองทัพของโลก และทำให้หลายรัฐบาลต้องล่มสลาย เลนถูกสถานการณ์บีบให้ต้องหวนกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่าที่เต็มไปด้วยอันตราย เพื่อรับประกันความปลอดภัยของครอบครัวของเขา และเป็นผู้นำการค้นหาที่มาของโรคระบาดทั่วโลก อันจะเป็นหนทางที่จะหยุดการแพร่ระบาดที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้!!
(ขอบคุณเรื่องย่อจาก sanook.com)มันคือหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์ที่ดูสนุกและน่าติดตาม อีกทั้งยังดำเนินเรื่องเร็วเพียงแค่เปิดเรื่องไปเพียง 5 นาที หนังก็อัดฉากแอ็คชั่นซอมบี้บุกมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ซึ่งแต่ละฉากก็ตื่นเต้น ลุ้นระทึกเอาอยู่ แต่พอมาครึ่งหลังนั้นหนังก็เริ่มหย่อนความตื่นเต้นลง อาจเป็นด้วยที่ตัวบทหนังเองที่ต้องให้ตัวพระเอกไปในหลายๆสถานที่เนื่องด้วยว่าเป็นหนังซอมบี้ระดับสงคราม การดำเนินเรื่องจึงกว้างใหญ่มากเลยทำให้ความตื่นเต้น ความต่อเนื่องพลอยขาดหายไปด้วยทำให้ตัวหนังรู้สึกสะดุดอยู่ไม่น้อย แต่มันก็ถูกทดแทนด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ๆหลายฉากกับเหล่าซอมบี้ซีจีที่ดูตื่นตาตื่นใจใช้ได้อยู่..
ด้านความสยองนั้นหนังก็มาแบบเป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น (เรต PG-13) จึงไม่ค่อยได้เห็นเลือดสาดหรือฉากแหวะสักเท่าไร ซึ่งมันเลยไม่ค่อยถูกใจคอหนังซอมบี้สายพันธุ์โหดแบบผมเท่าไรนัก ส่วนตัวซอมบี้ก็ถือว่าน่ากลัวใช้ได้อยู่ มีหลายตัวที่จากน่ากลัวๆก็กลายเป็นแอบฮาในหลายๆฉากอยู่เหมือนกัน แต่ที่ชอบที่เป็นพิเศษก็คงการที่เรื่องนี้ซอมบี้เป็นสายพันธุ์นักวิ่ง 4x100 ที่แบบว่าจะวิ่งเร็วอะไรนักหนา นี่ถ้าผมอยู่ในหนังเรื่องนี้คงได้ตายและกลายเป็นซอมบี้ก่อนใครเพราะวิ่งหนีพวกนี้ไม่ทันแน่ๆเลย T_T
ส่วนด้านการแสดงนั้นพี่แบรดของเราก็แสดงได้เป็นมาตรฐานเหมือนเดิม แบบว่าดีในระดับหนึ่ง คือก็พอเชื่ออยู่ว่าแสดงเป็นเจ้าหน้าที่ยูเอ็นที่เก่งและฉลาด แต่ติดตรงที่แบบว่ามันเป็นหน้าพี่แบรดอ่ะ คือพี่จะดูดีไปไหน มันหล่อเกินกว่าที่จะเป็นตัวละครตัวนั้นก็เลยทำให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังดูแบรด พิตต์วิ่งหนีซอมบี้อยู่เสียมากกว่า!!
สรุปแล้ว
World War Z เป็นหนังซอมบี้ทุนสร้างสูงที่ดูสนุกในระดับหนึ่ง หนังพีคช่วงแรก แล้วค่อยมาแผ่วช่วงหลัง แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ตื่นเต้น ลุ้นระทึก และดูสนุก แม้จะไม่โดนใจคอหนังซอมบี้แนวเก่าเท่าไรนัก แถมตอนจบก็ออกจะธรรมดาเกินไปหน่อย แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นการเปิดฉากซอมบี้พันธุ์ใหม่ที่ใช้ได้และถ้ามีต่อภาคสองก็คงต้องดูอยู่ดีจริงไหม?!
และความเป็นจริงโดนๆที่ผมได้จากการดู
World War Z นั้นก็คือ
นอกจากได้รู้ว่าความเป็นคนช่างสังเกตจะช่วยทำให้เรารอดตายแล้ว บางทีเสียงเพลงก็อาจทำให้คนโชคร้ายได้?! และสุดท้ายมนุษย์ยังไงก็ยังต้องการโชคกับสิทธิพิเศษอยู่ดี!!
ขอบคุณที่แวะเข้าไปชิมข้าวต้มค่า
คราวหน้าว่าจะทำหมูแดดเดียวแบบเป็นเส้นๆอะค่า
ยังไงหากได้ทำแล้วจะยกมาฝากนะค่า