|
ถนนโลกีย์ 32
ถนนโลกีย์ 32
Nov 17 03:18 Am
ผมจำเหตุการณ์วันนั้นได้แม่นยำทุกรายละเอียด... เหมือนมันเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ...........................................
ผมเลือกที่จะนั่งเหยียดยาวอยู่ตรงบันไดของห้างช็อบปิ้งมอลล์ ที่มีอยู่ห้างเดียวริมหาดพัทยาตอนนั้น แม้จะมีคนเดินสวนขึ้นลงไปมา ผมก็ไม่ใส่ใจ ยามหน้าห้างมองผมอย่างไม่ค่อยพอใจ เค้าก็ทำได้แค่นั้น เค้าคงรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไที่จะต้องมาเสียเวลากับคนอย่างผม ก็ผมจะนั่ง ถ้าผมอยากจะลุก แล้วมันมาขอให้ผมนั่งต่อ ผมก็จะลุก.......
แสงแดดอ่อนๆยามเย็น เปลี่ยนเฆมสีขาวให้เป็นสีเหลืองอมม่วง ตัดกับใบมะพร้าวสีเขียวเข้ม ผมเลือกที่จะยังไม่ถอดแว่นกันแดดออก ผมไม่อยากให้ใครเห็นตาของผมตอนนี้.. ตาที่กำลังสอดส่ายหาพรหมจารีย์เดินได้ ราคาหนึ่งหมื่นบาทอยู่....
ผมยอมรับว่า... ผมดูถูกเธอตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า ผมดูถูกเฮียตงที่เสียเงินซื้อใอ้เยื่อบางๆนี่ เพียงเพื่อจะมาทำให้มันขาด มันบ้าพอกัน ทั้งคนซื้อคนขาย สาวไซด์ไลน์ที่หน้าตาระดับนางงาม แพงที่สุดก็ยังไม่เกินห้าพัน(ราคาตอนนั้น) จะเอาหน้าเด็กเซ็กส์เดือดแค่ไหนก็ได้... แต่นี่... มันก็แค่การมีเซ็กส์กับเด็กที่ยังไม่ประสา... มันจะสนุกตรงไหนวะ.......
เพลงคุ้นหูจากร้านขายเสิ้อผ้าข้างๆ พาอารมณ์ผมกลับไปที่ทะเล เงาของน้ำตาลเหมือนจะทับทาบอยู่ที่ปลายฟ้าและเธอกำลังยิ้มให้ผม ป่านนี้น้ำตาลจะเป็นไงบ้าง... ตุ้ยจะดูแลเธอดีมั๊ย.. พวกเขาจะได้เป็นคู่รักกันหรือเปล่าหนอ....
"อุ้ย!!! ขอโทษค่ะ" เจ้าของเสียงเล็กๆใสๆดึงผมกลับมาที่บันไดหน้าห้าง ผมมองตัวเองงงๆ ขวดเบียร์ที่ผมวางอยู่ข้างตัว ค่อยๆกลิ้งลงบันไดตามแรงโน้มถ่วงของโลก เบีนร์ส่วนหนึ่งกระฉอกออกมาเปื้อนหน้าอกผม และกำลังค่อยๆซึมเข้าไป.. เจ้าของเสียงที่ซุ่มซ่ามก้าวพลาดจนเตะเบียร์ของผม ลนลานขอโทษ พลางย่อตัวลงมากะวีกะวาดปัดฟองเบียร์ที่ยังติดตามเสื้อผ้าผม และพึมพัมโทษตัวเองไม่หยุดปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งเกะกะเอง.." ผมโทษตัวเองบ้าง เพื่อให้สาวน้อยคนนี้รู้สึกผิดน้อยลง เธอกัดริมฝีปากล่างอย่างกังวลใจ เผยให้เห็นฟันขาวเหมือนไข่มุกลูกเล็กๆเรียงกัน "เอ่อ.. เดี๋ยวนกไปซื้อเบียร์ให้ใหม่นะคะ"เธอชี้ไปที่ขวดเบียร์ผมที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น... "ไม่เป็นไรครับ" ผมรีบตอบ.. "มันจะหมดแล้ว.. อย่าห่วงเลยครับ..." ผมฉีกยิ้มกว้างจนถึงหูได้กระมัง เธอยิ้มให้พลางย่อตัวนิดนึงเป็นเชิงขอบคุณ ผมค้อมตัวให้เธอเช่นกัน.. ผมอยากให้เธอสบายใจขึ้น "งั้นนกไปแล้วนะคะ.." เธอย่อตัวพนมมือไหว้ขอโทษผมเร็วๆอีกครั้ง เล่นเอาผมรับไหว้แทบไม่ทัน... เฮ้อ.. เมื่อยังคิดถึงน้ำตาลอยู่แท้ๆ
ผมทรุดตัวลงนั่งที่เดิม พื้นมันอาจจะเปียกมั้ง... แต่ผมไม่ยักกะรู้สึกอะไร.... เงาหลังของเธอช่างน่าดู เสื้อสีชมพูเข้ารูปขลิบด้วยลูกไม้เล็กๆ เข้ากับผ้าโพกผมสีชมพู กระโปรงยาวและรองเท้าสีขาวสะอาด เผยให้เห็นข้อเท้าเล็กๆกลมกลึง ไม่มีรอยด้านที่ตาตุ่ม เธอคงไม่ใช่พวกที่ใช้ชีวิตวันๆอยู่บนพื้นบ้าน ผมมองเธอเดินลงบันไดเฉียงๆไปอีกด้านตรงข้ามกับผมไปทางตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าห้าง แล้วเธอก็ไปหยุดตรงนั้น........ ตรงนั้น........ ตรงนั้น.................... ตรงหน้าตู้โทรศัพท์.............
บางอย่างพุ่งแว๊บเข้ามาในหัวผม.............................................. ชิ๊บหายแล้ว.... ผมลนลานควานหาโน๊ตที่ระบุจุดนัดพบขึ้นมาดูอีกครั้ง... ระยำเอ๊ย!!!!! 'ชื่อนก ห้าโมงเย็น ตู้โทรศัพท์ หน้าห้าง' มันเขียนตัวโตเท่าหม้อแกง ผมเอนตัวพิงบันไดอย่างหมดแรง.. ด่าพ่อล่อแม่ไปซะทุกอย่าง ด่าดินฟ้าอากาศ ด่านรกสวรรค์ เสียงกร่นด่ามันก้องไปก้องมาในหัวผมจนอึงอล ผมไม่อยากให้เป็นเธอ ผมไม่อยากให้เป็นเธอ..........
ผมระบายลมออกจากปากยาวเหยียด.... มองเธอผ่านแว่นกันแดดอย่างตั้งอกตั้งใจอีกครั้ง นกยืนกำกระเป๋าถือด้วยสองมือจนแน่น เธอเหลือบมองไปมาเหมือนลูกนกตัวเล็กๆขี้ตื่นพึ่งออกจากรังทั้งๆที่เวลามันยังไม่สมควร... เธอไม่เหมือนกับภาพที่ผมจินตนาการเอาไว้ ไม่เหมือนเลย... เธอไม่เหมือนคนที่จะมาขายอะไรแบบนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ลักษณะ รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับเราเมื่อครู่ มันไม่มีจริตแฝงอยู่เลย จริงสิ.. แววตากังวลของเธอเมื่อครู่ มันไม่ใช่เรื่องเบียร์ของผมหรอก ไอ้บ้าเอ๊ยย.. ทำไมผมเศร้าอย่างนี้นะ...
เอาวะ... ช่างมันเถอะ... มันไม่ใช่ปัญหาของผมนี่หว่า ผมก็แค่หลับหูหลับตาจัดการให้มันเสร็จๆไป... เธอก็อยู่ในโลกของเธอไป ผมก็อยู่ของผม... ผมตัดใจเดินเข้าไปหาเธอ... นกจำผมได้ เธอหันมายิ้มสดใสให้ผม ตาเป็นประกาย... ผมแม่งโคตรเสียใจ.. ที่เห็นประกายตาคู่นั้นดับลง เมื่อผมยื่นโน๊ตให้.. เธอเดินตามผมเหมือนหุ่นยนต์ ก้มหน้างุด แล้วพยายามโย่งตัวขึ้นนั่งซ้อนหลังผมแล้วพยายามไขว้แบบผู้หญิงบนมอเตอร์ไซค์กึ่งวิบากของผมอย่างทุลักทุเล นกทำตาโตเมื่อเห็นผมย้ายปืนที่เหน็บหลังมายัดใส่กระเป๋าเป้... แต่ผมไม่สนใจ เหมือนกับว่า... ผมไม่ยี่หร่ะอะไรอีกแล้ว ต่อให้ฟ้ามันถล่มลงตรงหน้าเดี๋ยวนี้ก็เถอะ ผมขยับตัวไปข้างหน้า จับที่ข้อเท้านกแล้วยกขาเธอพาดข้ามเบาะขึ้นมาคร่อมรถอย่างหงุดหงิดโดยไม่สนใจอาการสะดุ้งหรือความพยายามที่จะปัดชายกระโปรงของตัวเธอเองลง ผมบิดคันเร่งรถกระชากเราออกจากตรงนั้น นกผวาเข้ากอดผมก่อนที่เธอจะหงายหลังลง และเมื่อรู้ตัว เธอก็เปลี่ยนเป็นยึดมือเข้ากับแจ๊กเกตของผมแทน เราสองคนออกจากที่นั่น และผมมั่นใจว่า.... เราต่างคนต่างก็ทิ้งวิญญานไว้ที่นั่น..... ที่หน้าตู้โทรศัพท์นั่นแหล่ะ.............
ผมบ่ายหน้าตัดข้ามถนนสุขุมวิทเพื่อที่จะข้ามฝั่งไปยังโรงแรมกึ่งรีสอร์ทซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน ที่อยู่ลึกเข้าไปอีกเกือบห้ากิโลมตร เราแหวกอากาศเลาะผ่านอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่กันไปเงียบๆ มีแต่เสียงรถครางสม่ำเสมอเท่านั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยว... ทำไมหรอวะ? ข้อนี้มันอยู่ในสัญญาด้วยหรือไง ผมแค่ตกลงกับมันว่าผมจะรอรับความเจ็บปวด และมันก็ได้กำไรไปมากอยู่แล้วจากความเจ็บปวดของคนที่รักผม... แต่นี่... เป็นคนที่ผมพึ่งจะรู้จักได้ไม่ถึงยี่สิบนาที ผมก็เริ่มเจ็บปวดไปกับเธอด้วยแล้วอย่างนั้นหรือ? มันจะเอาเปรียบกันมากไปกระมัง....... ............................ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังสม่ำเสมอมาตลอดกลับมีอาการสะอึก.. บ้าชิ่บ อีกนิดเดียวเราก็ไปถึงกันแล้ว... ผมภาวนาให้มันไปรอด.. มันไม่ได้ผลว่ะ.. รถสะอึกครั้งสุดท้ายแล้วก็ดับไปอย่างไม่มีวี่แวว.... บ้าจริง.. ความโมโหทำให้ผมลืมเติมน้ำมัน ทั้งๆที่เตือนตัวเองแล้วว่าจะต้องเติมก่อนจะเข้ามา.... นกยังนั่งนิ่งเงียบ มือที่จับเสื้อผมรวบแน่นขึ้นจนผมรู้สึกได้ ผมส่งสัญญานให้เธอลงจากรถ... นกกะวีกะวาดแต่ก็เก้กัง ชายกระโปรงมันสร้างปัญหาไม่น้อยเลย... ผมตัดสินใจเข็นมัน โชคยังดีอยู่บ้างที่มันเป็นทางลงเขา นกซอยขาเล็กๆกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะตามผมให้ทัน ผมแข็งใจที่จะไม่หันไปมองดูเธอ ถ้ามันเป็นเวลาปกติ ผมคงอดขำไม่ได้กับท่าทีทุลักทุเลของเธอ .... แต่นี่มันไม่ปกติ...
ทุกย่างก้าวของเราสองคน เหมือนก้าวลงสู่ขุมนรกก็มิปาน........
พนักงานหญิงที่เคาร์เตอร์โรงแรมทำหน้างงๆ เมื่อเธอเย้าผม แล้วผมไม่เล่นด้วย และแทบจะกระชากกุญแจห้องออกจากมือของเธอ ผมโยนกุญแจห้องให้นก ที่ยืนตัวแข็งอยู่ข้างหลัง โดยแทบจะไม่หันไปมอง ...... กุญแจโดนตัวเธอแล้วหล่นลงพื้นหินอ่อน ผมไม่สนใจ ก้าวสวนเธอกลับออกไปโดยไม่ฟังเสียงพึมพัมขอบคุณจากที่ดังแผ่วเบา... แล้วดิ่งกลับไปที่บ่อน ผมไม่รู้ว่าผมโกรธอะไร.... และผมก็เชื่อว่าเธอไม่รู้ว่า... จู่ๆ ผมก็เป็นห่าอะไรขึ้นมา...
"พี่ๆๆ ไอ้เหี้ยนี่มันซ่อนไพ่" ไอ้ดวง เด็กคุมบ่อนอีกคน เดินเร็วเข้ามาหาพร้อมกับรายงานเมื่อเห็นผมเดินเข้าประตู เด็กอีกสองสามคนดึงมือผู้ชายวัยกลางคนไว้หนวดยาวโง้งท่าทางยียวนตามหลังดวงมาติดๆ "พี่เป็ด ให้เอาไปหาเฮียกวง" ผมพยักหน้าให้ดวงเป็นเชิงเข้าใจ สาวเท้าเข้าหาไอ้หนวดที่ตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วอัดกำปั้นขวาเข้าตรงหนวดมันสุดแรงเกิด.......
......................................................
Create Date : 20 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 11:31:34 น. |
|
0 comments
|
Counter : 554 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
ผู้ผ่านทาง
เพื่อนร่วมเวลา
|
|
|
|
|
|
|