|
ที่เดิม เวลาเดิม คนใหม่ 15
ที่เดิม เวลาเดิม คนใหม่ 15 Oct 22 09:22 Pm ******
-ต่อ-
การที่ผมไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ และส่วนใหญ่ก็จะดูแลตัวเอง ทำให้ผมซ่อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้ปกครองในขณะนั้นได้ดีพอสมควร แต่ก็นั่นแหล่ะ พวกเค้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรผมมากมายเท่าไหร่นัก รอยฉีกขาดที่ริมฝีปาก และรอยช้ำบนในหน้า ลำตัว จึงถูกซ่อนให้พ้นสายตาพวกเค้าได้ในระดับนึง แต่ก็ไม่ทั้งหมด เมื่อถูกถาม ผมก็อ้อมแอ้มไปเรื่องอื่น และพวกเขาก็ไม่ใส่ใจมัน คงเข้าใจว่าเป็นเรื่องชกต่อยธรรมดา และผมก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายกับพวกเค้าที่จะค้นหาคำตอบ แต่.. ผมใส่ใจ........... .......................................... ........................................ มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตผม โชคดีที่ในช่วงที่ผมพักพื้น เป็นวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ร่างกายผม มีโอกาสที่จะซ่อมแซมตัวเอง และสมอง ก็มีโอกาสที่จะทบทวนตรึกตรองถึงสาเหตุและการแก้ปัญหา แต่มันก็เป็นการแก้ปัญหาของเด็กอายุสิบสาม..... มันจะออกได้ซักกี่ทาง และยิ่งถูกความอาย เสียหน้า บังคับเลือกช่องทางเดินด้วยแล้ว มันก็ไม่ต้องใช้เวลาคิดนานเลย...... เอาล่ะ... ในเมื่อถนนที่พระเจ้าออกแบบให้ผมเดิน มันมีปัญหาซะแล้ว ก็ขอผมลองเดินถนนของปีศาจบ้างก็แล้วกัน ............................................ ............................................ "โครม"เสียงมันน่าจะคล้ายๆอย่างนี้นะ ตอนที่ผมดักรอทักทายไอ้ตัวแสบที่รวบผมเป็นคนสุดท้ายวันนั้นที่หน้าห้องน้ำ ด้วยเก้าอี้ไม้ที่เราใช้นั่งเรียน ผมบรรจงฟาดเข้าไปที่หน้ามันสุดแรงเกิด พนักเก้าอี้หักตามแรงกระแทก มันกระเด็นไปติดกำแพงห้องน้ำ แล้วรูดลงมากองอยู่ที่พื้น เลือดสดๆทะลักออกจากรูจมูกเป็นทาง ผมปรี่เข้าไปเตะซ้ำที่หน้าอย่างไม่ปราณีปราศัยอย่างไม่ต้องนับจำนวน และคล้ายกับว่าผมร้องตะโกนไปด้วยราวคนบ้า และเมื่อแน่ใจว่ามันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้แล้ว นอกจากเสียงครวญคราง ผมก็ถอดกางเกงมันออกแล้วเตะเข้าที่หว่างขาสุดแรงเกิดอีกรอบ เพื่อความมั่นใจว่าว่าภายในเวลาอันสั้นนี้ มันจะไม่สามารถออกมาเรียกฝูงของมันมาช่วยมันได้ มันทำให้ผมอาย มันก็ต้องจ่ายด้วยความอาย.. ผมโยนกางเกงมันทิ้งหลังจากที่ใช้มันเช็ดเลือดที่ติดรองเท้า และหน้าแข้งระหว่างทางเดิน แล้วดิ่งไปที่โรงอาหาร.. ในมือมีไม้เบสบอลที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสองปีที่แล้วจากเพื่อนที่รัก ห่อหลวมๆด้วยหนังสือพิมพ์ ................................. ................................ หนึ่ง... สอง... สาม... สี่... ห้า.... มันนั่งอยู่ตรงนั้นห้าคน หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวปากทางโรงอาหาร ซึ่งเป็นอันรู้กันว่า เป็นโต๊ะของเจ้าพ่อทั้งหลายที่ถือว่าห้าวและดังในทางเลวของที่นี่ มันเป็นจุดไถเงิน แซวผู้หญิง หรือแอบสูบบุหรี่....... ..... ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องเฉียดกรายเข้าไปยุ่งกับมันเลย แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ ทุกๆอย่าง ต้องมีครั้งแรก............. พวกมันเห็นผม และชี้นิ้วชักชวนกันมองดูพลางหัวเราะขบขัน เพื่อนนักเรียนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆพลอยขำไปด้วย มันไกลเกินกว่าที่ผมจะได้ยิน แต่ความแค้นที่ลุกโชติช่วงอยู่ในอก ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเข้าใจทุกอากัปกิริยาของพวกมัน หนึ่งในนั้นมองมาที่ห่อหนังสือพิมพ์ที่ผมถือมาอย่างระแวง.... ผมเดินช้าลง คำนวนในใจคร่าวๆ ให้ผมเร็วที่สุด ก็น่าจะได้แค่สองคน และผมก็คงโดนยำอีกรอบแน่ๆ ช่างมัน!!!! ดีกว่าไม่ได้.... ผมเดินเลี้ยวเข้าไปที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว พลางฝืนยิ้มแหยๆให้พวกมัน ผมได้รับการแสยะยิ้มตอบ หนึ่งในนั้นยกนิ้วชี้วาดไปที่ลำคอแทนการปาด มันคงคิดว่าเท่ห์และเหมือนกับหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 'รอก่อนเถอะมึง'ผมคิดในใจ ในตอนนั้นเอง ขณะที่ทุกอย่างดูมืดมนและขมุกขมัว ก็มีสายตาใสสว่างทอแววห่วงใยคู่นึงแทรกหมอกของความมืดมนส่งมาที่ผม ผมฝืนยิ้มตอบ'น้ำตาล'เพิ่อนหญิงคนนึงของผม ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยตามจีบเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ด้วยบุคคลิกที่สดใสและเป็นกันเองกับทุกคน มันเลยทำให้ความพยายามของผมยังอยู่ในที่เดิม ไม่เคลื่อนไหวไปไหน ผมยิ้มตอบอย่างอายๆ เพราะผมรู้สึกว่าความเป็นผู้ชายของผม มันไม่เหลืออยู่อีกแล้ว หลังจากที่ผมโดนรุมยำต่อหน้าใครๆอย่างนั้น แววตาห่วงใยคู่นั้น ยิ่งเหมือนบอกว่าสิ่งที่ผมกำลังจะลงมือทำนั้น ชอบด้วยเหตุผลไปด้วยประการทั้งปวง
ผมเดินช้าลง และแกล้งงอตัวเหมือนสัตว์บาดเจ็บไปยืนที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว หันหลังให้พวกมัน ผมสั่งก๋วยเตี๋ยวอะไรออกไปซักอย่างหนึ่ง และเมื่ออาแป๊ะแก่ๆหันไปหยิบอะไรซักอย่างเพื่อที่จะลวกนั้น ผมสูดลมหายใจเข้าจนสุดขั้วปอด แล้วคว้าหม้อตุ๋นเนื้อทองเหลืองเดือดพล่านที่วางอยู่ด้านหน้า หันมาสาดโครมเข้าให้ที่วงสนทนาด้านหลัง สองคนในนั้นยกมือปิดหน้า ส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษา 'ปล่อยมันก่อน' ผมคิด ก่อนจะบรรจงหวดไม้เบสบอลเข้าขมับขวาของคนที่สามที่กำลังตกตะลึงอย่างปราณีต เสียงมันเพราะสดใส และเร็วที่สุด ผมเหวี่ยงไม้กลับมาเข้าที่ปลายคางของอีกคน มันหายหลังผลึ่งไป ร่างกายกระตุกพรืด ช่างแม่นเหมือนผีจับยัด และผมก็ได้แค่นั้นแหล่ะ. เพราะไอ้คนที่เหลือโกยอ้าวออกจากวงชนิดไม่เห็นฝุ่น ผมหันไปมองน้ำตาลแวบนึงอย่างไม่ได้ตั้งใจ แววตาคู่นั้นกลับคลอไปด้วยน้ำตา และมองมาที่ผม เหมือนกับเธอไม่เคยรู้จักผมมาก่อนเลย ผมยิ้มตอบ... แต่มันคงเป็นรอยยิ้มของปีศาจ.... ผมหน้ามืดไปหมดแล้ว... คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะต้องเอาเลือดของพวกมัน มาราดรดไฟแค้นในอกให้ได้ ผมหมุนตัวกลับมารื่นรมย์กับสิ่งที่เหลือต่อ ตอนนั้นผมจำไม่ได้แล้ว ว่าทำอะไรลงไปบ้าง หูแว่วแต่เสียงกรี๊ดร้องของนักเรียนหญิงดังไปทั้งโรงอาหาร มารู้ตัวอีกทีเมื่ออาจารย์ฝ่ายปกครองมารวบแขนล็อกไว้ด้านหลัง และมีภารโรงเข้ามาดึงไม้เบสบอลออกจากมือ และผมก็ได้ไปนั่งคอตกอยู่ในห้องปกครอง... ผมเสียใจ? ใช่ ผมเสียใจที่ตามเก็บไอ้คนสุดท้ายไม่ทัน....
อาจารย์วิสุทธิ์ อาจารย์ฝ่ายปกครองที่นักเรียนทั้งรักทั้งกลัว นั่งมองผมเงียบๆ ท่านคงพอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร นักเรียนที่เรียนดี เรียบร้อย ที่ท่านตบหลังบ่อยๆในตอนเช้าที่ผมมาโรงเรียน คงทำให้ท่านผิดหวังพอสมควร เรานั่งกันเงียบๆ ปล่อยให้ความสงบทำหน้าที่ของมัน....... และ.......... ผมเริ่มคิดได้ ถ้าพวกมันตายล่ะ ผมจะต้องไปอยู่ที่ไหน ผมคงไม่ได้เรียนหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลงหรือแม้แต่เล่นดนตรี ตัวผมเริ่มสั่น และมันสั่นมากขึ้นเหมือนอุณหภูมิในห้องติดลบ......ผมเริ่มหายใจไม่ออก... และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย ................................... ................................... ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ภายในก็กรีดร้องขึ้น.......... อาจารย์ปกครองยกหูขึ้นรับสาย มองมาที่ผม ท่านถอนหายใจยาว ชี้มือไปที่ประตู แล้วพยักหน้าในเชิงให้ผมกลับบ้านได้ ผมลุกพรวดพราดโครมครามแทบจะวิ่งออกมาจากห้องนั้นอย่างไม่คิดชีวิต.. .................................. ..................................
-มีต่อ-
Create Date : 03 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 4 ตุลาคม 2552 21:26:18 น. |
|
4 comments
|
Counter : 513 Pageviews. |
|
|
|
โดย: BZY 2 NITE IP: 110.49.192.219, 64.255.180.128 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:2:37:03 น. |
|
|
|
โดย: chochangone IP: 117.47.4.193 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:14:20:51 น. |
|
|
|
โดย: มดนิ่ม IP: 125.24.204.152 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:20:02:18 น. |
|
|
|
|
|
|
ผู้ผ่านทาง
เพื่อนร่วมเวลา
|
|
|
|
|
|
|