Snow โลกที่ถูกทิ้งขว้าง
Snow โลกที่ถูกทิ้งขว้าง
พล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 13 กันยายน 2552
เวลาดูหนังจากกลุ่มประเทศอดีตยูโกสลาเวียโดยเฉพาะหนังที่เผยแพร่ในระดับนานาชาติ สิ่งที่พอจะคาดเดาไว้ได้ล่วงหน้าคือเนื้อหาของหนังมักจะเกี่ยวโยงกับสงครามกลางเมืองหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งทิ้งร่องรอยบาดแผลไว้มากมาย
หนังเรื่อง Snijeg หรือ Snow (2008) ตัวแทนบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาชิงออสการ์หนังภาษาต่างประเทศปี 2009 เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีเนื้อหาว่าด้วยเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ จุดที่แตกต่างคือการเป็นดรามานุ่มนวลเชิงกวีแฝงเรื่องราวอัศจรรย์ ต่างจากหนังส่วนใหญ่จากชาติละแวกนี้ซึ่งหากไม่ใช่ดรามาเข้มข้นไปเลยก็มักเป็นตลกร้าย-ขันขื่น
ที่พิเศษคือ Snow เป็นผลงานของคนทำหนังสตรีชาวมุสลิมบอสเนียน และมีกลุ่มผู้หญิงมุสลิมบอสเนียนเป็นตัวละครหลัก
ฉากหลังเป็นชนบทห่างไกลในบอสเนียตะวันออกปี 1997 หรือ 2 ปี หลังสิ้นสุดสงคราม ชาวบ้านที่เหลืออยู่ที่นี่มีเพียงแค่ 14 คน ทั้งที่เป็นเครือญาติและเพื่อนบ้านรวมตัวกันอยู่อย่างใกล้ชิด เกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิงและเด็กหญิง มีเพียงชายชราและเด็กชายที่ไม่ยอมพูดจาเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย
สิ่งที่เหมือนกันคือทุกคนล้วนแต่สูญเสียคนในครอบครัวในเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน แต่เนื่องจากไม่เคยมีใครพบศพ บางคนจึงยังหวังว่าสักวันคนที่รักจะกลับคืนมา
อัลมา หญิงสาววัยปลายยี่สิบสูญเสียสามี เธอยังอยู่กับแม่ของเขาและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำอาหารหลากชนิดจากผักและผลไม้บรรจุขวดแก้ว เช่น แยม ผักสลัด เครื่องเคียง พร้อมขนใส่รถเข็นไปขายริมถนนซึ่งแทบไม่มีรถผ่านไปมา การค้าไม่มีวี่แววไปรอดแต่อัลมายังเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าผลิตภัณฑ์อาหารของพวกเธอจะไปได้ไกลถ้าเพียงแต่มีช่องทางจัดจำหน่าย
โชคดีที่วันหนึ่งอัลมาได้พบกับชายหนุ่มที่มาจากเมืองเดียวกันและสูญเสียคนในครอบครัวเช่นกัน ทั้งยังดูจะชอบพออัลมา เขารับปากว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะกลับมาอีกครั้งเพื่อรับผลิตภัณฑ์ของเธอไปวางขายในเมือง
การรอคอยอย่างมีความหวังจึงเริ่มต้นนับแต่นั้น ทั้งความหวังว่าธุรกิจจะไปรอดและหวังว่าทุกคนจะอยู่รอดเมื่อฤดูหนาวมาถึง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการรอคอยนั้นเองมีผู้มาเยือนอีกคนหนึ่งเป็นชาวเซิร์บซึ่งรู้จักหมู่บ้านนี้เป็นอย่างดี เขาเดินทางมาในฐานะคนกลางของบริษัทต่างชาติที่ต้องการกว้านซื้อที่ดินบริเวณนี้ทั้งหมด หลายคนในกลุ่มของอัลมาจึงเริ่มลังเลเมื่อเห็นโอกาสหลุดพ้นจากสภาพชีวิตที่มองไม่เห็นอนาคตและติดค้างกับอดีตอันเจ็บปวด
ที่สำคัญ ชาวเซิร์บคนนี้อาจรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ในฐานะเป็นผู้ลงมือกระทำ!
การมาเยือนของชาย 2 คน จากโลกภายนอกจึงส่งผลต่อทุกคนว่าจะตัดสินใจกับชีวิตที่เหลืออย่างไร พร้อมกับได้เวลารื้อค้นความจริงขึ้นมาสักที
อิดา เบกิช (Aida Begic) ผู้กำกับ-เขียนบท เกิดและเรียนจบด้านภาพยนตร์ในซาราเยโว ก่อนหน้านี้มีผลงานหนังสั้น 2 เรื่อง คือ Prvo smrtno iskustvo (First Death Experience, 1999) และ Sjever je poludio (North Went Mad, 2003) เรื่องแรกเป็นหนังตลก-โรแมนติกว่าด้วยชายหนุ่มที่สูญเสียตัวตนหลังถูกแจ้งตายระหว่างไปรบในสงคราม เรื่องหลังเป็นหนังตลกร้ายที่สร้างสถานการณ์ให้ศพหญิงสาวชาวซาราเยโวคนหนึ่งถูกส่งต่อเพื่อปัดความผิดเป็นทอดๆ (หนึ่งในนั้นใส่เสื้อที่มีลายคล้ายธงชาติสหรัฐ)
เห็นได้ว่าหนังทุกเรื่องของเธอต่างมีเนื้อหาเกี่ยวโยงกับสงครามบอสเนีย แต่การขยับมาทำ Snow เป็นหนังยาวเรื่องแรกถือเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางโดยสิ้นเชิง พร้อมกับแสดงตัวตนในฐานะ ผู้กำกับหญิง ด้วย
เบกิซทำ Snow ได้อย่างละเมียดละไม มากมายด้วยภาพและฉากที่ทั้งงดงามและมีนัยให้ค้นหา ตัวละครหญิงมีสีสันทั้งที่ฉาบหน้าด้วยความเศร้า เป็นสีสันในความเป็นมนุษย์ที่จับต้องได้และสีสันของวิถีชีวิตชาวมุสลิมบอสเนียนในชนบท ทั้งกิจทางศาสนา การทำอาหาร และการทอผ้า ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึง จิตวิญญาณ ของผู้คนที่นี่ซึ่งจะยังคงอยู่ต่อไปหรือถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ หนังใส่เรื่องราวเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเด็กชายที่ผมยาวชั่วข้ามคืนเมื่อความหวาดกลัวจากสงครามกำเริบขึ้นมา (นัยว่าปลอมตัวเป็นหญิงเพื่อไม่ให้ถูกฆ่า) ผ้าทอที่หญิงชราใช้ปูเพื่อเดินข้ามธารน้ำ หรือสิ่งของที่อัลมาเห็นเวลาฝันถึงสามีผู้จากไปปรากฏอยู่ในห้องของแม่สามีในตอนเช้าโดยไม่รู้ที่มา ราวกับว่าเขาและเธอมีโลกอีกแห่งหนึ่งดำเนินคู่ขนานไปกับโลกแห่งความจริงอันโหดร้าย
หนังจัดวางเรื่องราวให้กลุ่มตัวละครหญิงต้องดิ้นรนใช้ชีวิตตามลำพังท่ามกลางซากปรักของบ้านเรือน ความเงียบร้างของภูมิประเทศ จมอยู่กับความโหดร้ายที่ยังคุกคามหลอกหลอนและการเฝ้ารออย่างลมๆ แล้งๆ จนคล้ายว่านี่คือโลกเฉพาะที่ถูกทิ้งขว้างไม่ว่าช่วงสงครามหรือยามสงบ
ที่สำคัญคือ โลกเฉพาะแห่งนี้มีชีวิตที่คล้ายไร้ชีวิต และอาจมีร่างไร้ชีวิตมากมายฝังอยู่
เมื่อมีผู้มาเยือนจากโลกภายนอกที่มาพร้อมกับความหวัง โลกเฉพาะจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมา ความแตกต่างอยู่ตรงที่ผู้มาเยือนคนหนึ่งคือคนกันเองที่อาจช่วยให้โลกเฉพาะกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นใหม่ ส่วนผู้มาเยือนอีกคนคือคนที่เคยเป็นศัตรูผู้มาพร้อมกับตัวแทนชาวต่างชาติ (สหรัฐ) ซึ่งต้องการไล่รื้อโลกเฉพาะและผลักดันให้ทุกคนหลุดลอยไกลออกไป
นอกจากจะสะท้อนถึงสถานภาพของชาวมุสลิมบอสเนียนในชนบทที่ยังต้องเผชิญกับ สงคราม ต่อไปอย่างโดดเดี่ยวแล้ว หนังยังเปรียบไปถึง คนนอก ที่มาเยือนพร้อมอ้างความช่วยเหลือนานา แต่แฝงไว้ด้วยผลประโยชน์และความไม่จริงใจ
ฉากหนึ่งที่หนังเสียดเย้ยเอาไว้ด้วยช็อตสั้นๆ เสี้ยววินาทีคือ ฉากที่กลุ่มตัวละครหญิง ชายชาวเซิร์บ และตัวแทนชาวต่างชาติเข้ามาหลบพายุฝนในเรือนหลังหนึ่ง สักพักฝนเทลงมาจากหลังคาจนทุกคนวิ่งหนีกระเจิง ภาพที่เห็นด้านบนคือผืนผ้าที่มีโลโก้ UNHCR หรือข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ปลิวตามลมแรงจนคุ้มฝนแก่ใครไม่ได้
สุดท้ายก็ต้องหาที่พักพิงและพึ่งพาตนเองกันต่อไป
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2553 22:13:36 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1356 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:36:10 น. |
|
|
|
โดย: da IP: 203.144.144.164 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:44:23 น. |
|
|
|
โดย: Seam - C IP: 203.144.144.164 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:47:04 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:53:08 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................
พญาอินทรี
ศราทร @ wordpress
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณที่นำมาฝากนะคะ