Whisky ‘รอยยิ้ม’สุดท้ายก่อนลาลับ



Whisky
‘รอยยิ้ม’สุดท้ายก่อนลาลับ

พล พะยาบ
คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 16 กรกฎาคม 2549


*มีเรื่องบังเอิญเหลือเชื่อเล่าให้ฟังครับ...

เมื่อหัวค่ำของวันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม ผู้เขียนเปิดดูหนังที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ โดยตั้งใจว่าเตรียมไว้สำหรับเขียนลงในคอลัมน์นี้ฉบับวันอาทิตย์ถัดไป(หรือฉบับนี้)

หนังเรื่องที่ว่าคือ Whisky(2004) เป็นหนังหลายสัญชาติทั้งอุรกวัย อาร์เจนตินา เยอรมนี และสเปน แต่ทีมงานหลักโดยเฉพาะผู้กำกับฯและนักแสดง รวมทั้งฉากหลังเป็นประเทศอุรุกวัย

อันที่จริง เล็งดีวีดีหนังเรื่องนี้ไว้นานสองนานแล้ว ว่าจะซื้อหลายครั้งแต่ก็คว้าหนังเรื่องอื่นที่อยากดูมากกว่ากลับมาก่อนทุกที กระทั่งการจับจ่ายซื้อหนังครั้งล่าสุด ไม่รู้อะไรดลใจให้ตัดหนังเรื่องอื่นทิ้งแล้วซื้อ Whisky แทน

หลังจากดูจบ ระหว่างขั้นตอนตระเตรียมข้อมูล ผู้เขียนจึงได้รู้ว่า ฮวน พาโบล รีเบลลา หนึ่งในสองผู้กำกับฯหนังเรื่อง Whisky ลั่นกระสุนกระทำอัตวินิบาตกรรมเสียชีวิตที่อพาร์ตเมนต์ในมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม โดยพาโบล สโตลล์ เพื่อนที่ร่วมกำกับฯ Whisky และแฟนสาวของรีเบลลาเป็นผู้พบร่างไร้ชีวิตในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 7 กรกฎาคม

หากเทียบเวลากับบ้านเรา เท่ากับว่าผู้เขียนดูหนังเรื่องนี้หลังจากที่ผู้กำกับฯเสียชีวิตไปไม่กี่ชั่วโมง

ที่น่าคิดคือ ถ้าไม่ได้ตั้งใจเขียนถึงหนังเรื่องนี้ในสัปดาห์นี้ คงไม่มีโอกาสรับรู้ข่าวการจากไปในช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะจริงๆ


ฮวน พาโบล รีเบลลา(ขวา) และพาโบล สโตลล์ ระหว่างถ่ายทำ Whisky

ฮวน พาโบล รีเบลลา จากไปด้วยวัยเพียง 32 ปี เขาเกิดเมื่อปี 1974 ที่มอนเตวิเดโอ เมืองหลวงของอุรุกวัย หลังจากจบการศึกษาด้านสื่อสารมวลชนในปี 1999 แล้ว รีเบลลาและ พาโบล สโตลล์ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันในมหาวิทยาลัยจึงเริ่มทำหนังขาว-ดำเรื่อง 25 Watts

ผลงานเปิดตัวของ 2 ผู้กำกับฯคู่หูประสบความสำเร็จเกินคาด หนังกวาดรางวัลมากมายตามเทศกาลหนังต่างๆ โดยรางวัลใหญ่สุดคือหนังยอดเยี่ยมที่รอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ร่วมกับหนังอีก 2 เรื่อง

หนังเรื่องต่อมาและเป็นผลงานกำกับฯชิ้นสุดท้ายของรีเบลลา คือ Whisky(2004) ส่งให้ชื่อของ 2 ผู้กำกับฯโด่งดังยิ่งขึ้นเมื่อกลายเป็นหนังที่ใครต่อใครชื่นชมในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2004 ก่อนจะคว้ารางวัล Un Certain Regard และ Regard Original Award ไปครอง

ข่าวระบุว่ารีเบลลากำลังเขียนบทหนังเรื่องใหม่ร่วมกับสโตลล์ โดยส่งบทส่วนหนึ่งไปถึงมือโปรดิวเซอร์แล้ว...น่าเสียดายที่เราจะไม่มีโอกาสเห็นหนังเรื่องนี้มีชื่อรีเบลลาอยู่ในเครดิตผู้กำกับฯ

สำหรับ Whisky เป็นเหมือนเรื่องสั้นขนาดยาว พล็อตเรื่องไม่ซับซ้อนด้วยตัวละครหลักเพียง 3 ตัว เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงระยะเวลาไม่กี่วัน แต่กลับส่งผลต่อบางตัวละครไปตลอดชีวิต

เรื่องราวเกิดขึ้นในมอนเตวิเดโอ, จาโคโบ ชายสูงวัยผู้เงียบขรึมมีกิจวัตรประจำวันซ้ำซากจำเจราวกับไม่เคยรู้สึกทุกข์ร้อนกับชีวิต ทุกวันเขาจะขับรถออกจากบ้านแต่เช้ามืด แวะกินอาหารเช้าที่ร้านประจำ ก่อนจะมาเปิดโรงงานถุงเท้าของตนเองโดยมี มาร์ทา หญิงวัยกลางคน ผู้เป็นลูกจ้างยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว

นอกจากจาโคโบและมาร์ทา โรงงานเล็กๆ แห่งนี้มีคนงานอีกแค่ 2 คน กับเครื่องจักรที่ส่งเสียงดังอยู่ตลอดเวลา ทุกคนก้มหน้าก้มตาทำงาน ถึงเวลาเลิกงานก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พร้อมกับที่เครื่องจักรหยุดทำงานเช่นกัน

เมื่อจาโคโบต้องจัดพิธีศพแม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดย เฮอร์มัน พี่ชายของเขาจะเดินทางจากบราซิลมาร่วมงานด้วย จาโคโบจึงขอให้มาร์ทาแสร้งเป็นภรรยาของเขา เพราะต้องการปกปิดสถานภาพการแต่งงานที่ล้มเหลวของตนเอง


เฮอร์มันแตกต่างกับจาโคโบโดยสิ้นเชิง เขามีครอบครัวที่อบอุ่น เป็นคนพูดเก่งและหัวการค้า โรงงานถุงเท้าของเขาที่บราซิลใหญ่โตและทันสมัยกว่าของจาโคโบ ทั้งยังส่งออกไปต่างประเทศ ไม่ใช่แค่ส่งขายร้านค้าละแวกใกล้เคียงแบบที่น้องชายทำอยู่

การมาถึงของเฮอร์มันเหมือนเป็นสีสันใหม่ในชีวิตของมาร์ทา เธอพอใจผู้มาเยือนจากบราซิลมาก และเริ่มไม่แคร์เจ้านายไร้อารมณ์มากขึ้นทุกที ขณะที่จาโคโบก็หยิ่งพอตัว ไม่ยอมรับฟังคำแนะนำเรื่องธุรกิจของพี่ชาย คงเพราะขุ่นเคืองที่เฮอร์มันทิ้งให้เขาดูแลแม่ตามลำพัง กระทั่งแม่เสียชีวิต

คน 3 คน กับความสัมพันธ์เก้ๆ กังๆ ในระยะเวลาสั้นๆ นี้จะจบลงอย่างไร...ดูเหมือนว่าใครบางคนคงไม่อาจย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเดิมได้อีก

หนังถ่ายทอดบุคลิกของตัวละครออกมาได้อย่างชัดเจน จาโคโบผู้เงียบขรึม ไม่สนใจใคร พอใจที่จะใช้รถยนต์คันเก่า กินอาหารร้านเดิม และเชียร์ทีมฟุตบอลเล็กๆ ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ ไม่ต่างจากตัวเขาเองที่ไร้ความทะเยอทะยานและพอใจที่จะอยู่ในกรอบชีวิตอันคับแคบ

เหตุการณ์เล็กๆ ที่หนังใส่ไว้ตั้งแต่เริ่มต้นและถูกพูดถึงเป็นระยะคือ “ม่านบังตา” ในห้องทำงานของจาโคโบใช้งานไม่ได้ มาร์ทาเสนอเรียกช่างมาซ่อม แต่จนถึงฉากสุดท้าย “ม่านบังตา” ของจาโคโบก็ยังเสียอยู่เช่นเดิม เปรียบเหมือนตัวเขาที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวใดๆ แม้ความเปลี่ยนแปลงเดินผ่านหน้าไปอย่างไร้ร่องรอย

มาร์ทาอาจจะเหมือนจาโคโบตรงที่ใช้ชีวิตซ้ำซากจำเจ แต่เมื่อความเปลี่ยนแปลงเดินเข้ามา เธอก็พร้อมให้การต้อนรับทันที เห็นได้จากเมื่อรู้ว่าต้องแสร้งเป็นภรรยาของจาโคโบ มาร์ทาเข้าร้านทำผมและปรับโฉมตนเองใหม่ การมาเยือนของเฮอร์มันผู้สนุกสนานไร้ข้อจำกัดจึงยิ่งทำให้มาร์ทาคิดถึงการหลุดพ้นจากชีวิตเดิมๆ มากยิ่งขึ้น

คำว่า Whisky ซึ่งเป็นชื่อหนังเป็นคำที่ใช้พูดให้เกิดรอยยิ้มเวลาถ่ายรูป เหมือนคำว่า “cheese” ในแบบอเมริกัน รูปถ่ายที่มองเห็นรอยยิ้มอาจจะหมายถึงความสุข แต่คนที่อยู่ในรูปถ่ายบางคนกลับเหมือนนิ่งสนิทอยู่ภายในนั้น ยังมีกรอบสี่เหลี่ยมอื่นๆ เช่น ช่องประตูลิฟต์ ที่กั้นล้อมตัวละครให้เห็นบ่อยครั้งในหนัง จนทำให้เขาและเธอดูนิ่งสนิทราวกับอยู่ในรูปถ่ายเช่นกัน


หนังเล่าเรื่องแบบเรียบง่าย ลำดับฉากต่อฉากช้าๆ ให้ความรู้สึกเอื่อยเฉื่อยอ้อยอิ่ง ภาพชีวิตประจำวันของจาโคโบและมาร์ทาถูกถ่ายด้วยมุมกล้องและการตัดต่อให้เหมือนกันทุกวันราวกับฉายซ้ำ วนเวียนซ้ำซากเหมือนการทำงานของเครื่องจักรที่ไร้ชีวิต

แม้หนังจะนิ่งเงียบและอ้อยอิ่ง แต่ไม่ได้มากจนน่าเบื่อ บ่อยครั้งที่การกระทำของตัวละครดูน่าขันเช่นฉากที่จาโคโบสตาร์ตรถบุโรทั่งของตนเองไม่ติด มาร์ทาจึงต้องลงไปเข็น หรือฉากที่จาโคโบผู้ตระหนี่ถี่เหนียวพยายามเล่นตู้เกมบังคับมือกลหยิบของรางวัล(แบบตู้ตุ๊กตาบ้านเรา) จนได้กล้องมาถ่ายรูปตนเอง มาร์ทา และเฮอร์มัน ในวันที่ไปเที่ยวชายทะเลด้วยกัน

ฉากไม่ขำที่น่าขันเหล่านี้ หลายฉากทำเอาผู้เขียนหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ มากกว่าดูหนังตลกจากประเทศในอุษาคเนย์บางประเทศเสียอีก

หากคำว่า “whisky” คือวิธีเรียกรอยยิ้ม, Whisky เรื่องนี้คงทำให้ใครต่อใครยิ้มแย้มอย่างอิ่มเอมมาแล้วมากมาย และคงอีกนับไม่ถ้วนต่อไปจากนี้

สมกับเป็น “รอยยิ้ม” สุดท้ายที่ใครคนหนึ่งฝากไว้บนโลก



Create Date : 07 กันยายน 2549
Last Update : 26 มิถุนายน 2551 17:30:21 น. 2 comments
Counter : 2249 Pageviews.

 
น่าเสียดายคนที่มีความสามารถและเก่งๆอย่างนี้นะคะ ที่ด่วนตัดช่องลาโลกไปซะก่อน

มาร์ทาเธอทำถูกแล้ว ที่ขยับหัวใจให้เริงร่า เมื่อมีอะไรใหม่ๆผ่านมาในชีวิตที่แสนจะซ้ำๆเดิมๆ


โดย: renton_renton วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:1:23:37 น.  

 


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 9 กันยายน 2549 เวลา:3:03:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
7 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.