WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข

//www.yourhealthyguide.com/article/images_article/happy-life-2.gif

















บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน


ในแต่ละ
วันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า
ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
ให้นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่ายๆ)
เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ
คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ
จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ
และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย
คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป
และต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง
และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ


บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี

ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่า ทุกๆ คน
มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา
ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา
(ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป
ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้
คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคน และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา
สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ
และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต


บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

คือการอยู่กับปัจจุบัน
ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม
จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า
ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ
หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต
เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ
และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข
และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก


บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ

ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ
หรือได้ยินบ่อยๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ
จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ
ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก
แต่จะมีความหวังที่ดีๆ (Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง
(Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว
หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง
หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้




บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ





โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ











































 
1.
การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว
และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ
ในชีวิตได้เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน
 


2.

ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ
ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ
และรู้จักเกรงใจกัน
 
3.
สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน
ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา
 
4.
ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ
มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้
และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น

 
     





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:46:45 น.
Counter : 364 Pageviews.  

กลิ่นปาก























กลิ่นปาก คือ
ลมหายใจที่ผ่านช่องปากมีกลิ่นเห็นเป็นครั้งคราว
หรือมีกลิ่นตลอดเวลาก็ว่าได้ คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่ามีกลิ่นปาก
อาจทดสอบด้วยตัวเองโดยการใช้มือบังบริเวณปากและจมูก แล้วหายใจออกทางปาก
แล้วตามด้วยหายใจเข้าทางจมูกก็จะได้กลิ่นปาก



สาเหตุ



























































 
อนามัยช่องปากไม่ดี
มีเศษอาหารค้างในช่องปากเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากฟันผุ
เหงือกอักเสบ การแปรงฟันไม่สะอาด ไม่ได้ใช้ไหมขัดฟันหลังกินอาหาร
จึงมีเศษอาหารค้างอยู่ในช่องปาก ซอกฟัน นอกจากนี้
ยังเกิดจากคราบแบคทีเรียที่เกาะตามฟัน เหงือก ลิ้น ซอกฟันเก ฟันปลอม
และอุปกรณ์ทางทันตกรรม เมื่อเชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ เลือดออกตามไรฟันเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปาก
 
บุหรี่
คราบสารนิโคติน และทาร์ (tar)
ในบุหรี่ที่เคลือบตามฟันและติดแน่นกับเหงือก ช่องปาก และปอด
ทำให้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
 
สุขภาพทั่วไป กลิ่นปากอาจเกิดจากโรคต่างๆ เช่น
ทอนซิลอักเสบ ปอดอักเสบ แผลในช่องปาก ไซนัสอักเสบ ไข้หวัด
โรคของกระเพาะอาหาร ยาบางชนิด
 
อาหาร โดยเฉพาะเครื่องเทศ กระเทียม หอม สุรา
ซึ่งจะมีกลิ่นติดปากประมาณ 1-2 วัน นมและเนยก็มีส่วนให้เกิดกลิ่นปากได้
 
ปากแห้งอันมีสาเหตุมาจากน้ำลายน้อย เช่น
ผู้มีอาชีพใช้เสียง หรือผู้ป่วยภูมิแพ้ที่นอนอ้าปากหายใจทางปากขณะหลับ
การเคี้ยวอาหารช่วยให้น้ำลายออกมากขึ้น
 
อายุ
แม้ว่าจะดูแลอนามัยช่องปากเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม
อายุที่สูงขึ้นมีส่วนทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายน้อยลง


การดูแลตนเอง



กลิ่นปากสามารถหายได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยช่อง
ปากให้ดี หากยังไม่ดีขึ้นควรพบทันตแพทย์

















































































































 
ทางที่ดีที่
สุดในการแก้ไขปัญหากลิ่นปาก คือ การแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ
และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน อีกทั้งนัดพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6
เดือน
 
หากมีเลือด
ออกตามไรฟันขณะแปรงฟัน หรือหลังใช้ไหมขัดฟันเป็นเวลาเกิน 3 สัปดาห์
อาจเกิดจากเหงือกอักเสบ ควรพบทันตแพทย์
 

ควรแปรงลิ้นให้ถึงโคนลิ้นด้วยแปรงที่อ่อนนุ่มทุกวัน
เพราะลิ้นเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียเช่นกัน
พบว่าผู้ที่แปรงลิ้นมีกลิ่นปากน้อยกว่าผู้ที่แปรงฟันโดยไม่แปรงลิ้น
 
ผู้ที่สูบ
บุหรี่ควรหยุดสูบบุหรี่ทันที กลิ่นปากจะหมดไปหลังหยุดสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์
 
ดื่มน้ำ
ปริมาณมากเพื่อป้องกันปากแห้ง
 
กินผักสดและ
ผลไม้ที่มีกากใยอาหาร เป็นการช่วยทำความสะอาดฟัน
 
หลีกเลี่ยง
อาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น หอม กระเทียม เครื่องเทศ
 
น้ำยาบ้วนปาก
ยาอม และสเปรย์ดับกลิ่นปาก ช่วยบดบังหรือระงับกลิ่นปากได้ชั่วคราว
ไม่ควรอมยาอมที่มีรสหวาน เพราะเป็นเหตุให้แบคทีเรียเติบโตดี
ส่งผลให้ฟันผุและเกิดกลิ่นปากมากขึ้น
 
ทำความสะอาดฟันปลอมทุกคืน
ตามคำแนะนำของทันตแพทย์
 
ไม่ควรงดอาหารบางมื้อ
เพราะการเคี้ยวช่วยเพิ่มการหลั่งน้ำลายการรักษา
 
ตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อหา
สาเหตุ และรักษาตามสาเหตุ
 
ส่งไปพบแพทย์
หากสาเหตุของกลิ่นปากไม่ได้เกิดจากปัญหาในช่องปาก

 
     




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:35:26 น.
Counter : 302 Pageviews.  

ขจัดขี้ฟันให้ถูกวิธี

มีสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำความสะอาดในช่องปากที่
คุณอาจมองข้ามไปหลายๆ อย่าง ส่วนใหญ่แล้วการขจัดคราบอาหารในช่องปาก
เราะจะเข้าใจว่าแค่แปรงฟันก็พอ โดยข้อเท็จจริงแล้ว
ฟันและเหงือกเป็นอวัยวะที่กักเก็บเศษอาหารที่ต้องมีอุปกรณ์และวิธีการทำความ
สะอาดอย่างที่พิถีพิถันพอสมควรเลยครับ
มาดูกันว่าอะไรควรหรือไม่ควรปฏิบัติกันเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีตลอดไป

Do's













































































 
เลือกแปรงที่
ขนนิ่มไม่แข็งเกินไป
 

แปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
 

แปรงให้ถูกวิธี ฟันบนปัดลงล่าง ฟันล่างปัดขึ้นบน แปรงทุกด้านของฟัน
ด้านบดเคี้ยว ด้านนอก ด้านใน
 
ใช้ไหมขัดฟัน
ขจัดเศษอาหาร ตามซอกฟันและใต้เหงือก
 
การใช้
Dental floss (ไหมขัดฟัน) ให้ใช้ทุกครั้งหลังจากการรับประทานอาหาร ทำทุกซี่
 
ท่านที่มีฟัน
ห่างมาก ใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น
อาจจะต้องใช้แปรงซอกฟันทำความสะอาดด้านข้างของฟัน และใต้ฐานฟันปลอม
 
ใช้ยาสีฟัน
ที่มีส่วนผสมฟลูออไรด์ (fluoride)
 
อมน้ำยาบ้วน
ปากหลังการแปรงฟันทุกครั้ง


การขจัดคราบอาหาร (ขี้ฟัน)
ออกให้หมดเกลี้ยงจะช่วยลดฟันผุ และเหงือกอักเสบได้อย่างตรงจุดที่สุด
รู้อย่างนี้ก็อย่าปล่อยให้คราบอาหารค้างอยู่ในปากนานๆ
ต้องพิถีพิถันขจัดออกเสีย สุขภาพเหงือกและฟันจะดีตลอดไป



Don'ts



มีอะไรบ้างที่ต้องระมัดระวัง
เพราะถ้าทำผิดเข้าใจไม่ถูกต้อง แทนที่จะขจัดคราบอาหารได้เกลี้ยง
กลับมีผลข้างเคียงต่อเหงือกและฟันอีก
















































 
ไม่ใช้แปรงขน
แข็งมาก (เพราะจะทำให้ฟันสึกได้ง่าย)
 
เลือกแปรง
ด้ามตรงไม่โค้งงอ เพราะแปรงเหล่านี้จะแปรงทำความสะอาดได้ดีเฉพาะบางตำแหน่ง
 
อย่าแปรงฟัน
แบบตามใจฉันที่ถนัด คือ แปรงขึ้นลงแรงๆ วิธีแบบนี้จะทำให้เหงือกร่นง่าย
เพราะหลักการที่ถูกต้อง ฟันบนให้ปัดลงล่าง ฟันล่างให้ปัดขึ้นบน
แต่ถ้าแปรงขึ้นลงเร็วๆ ฟันบนจะถูกแปรงกระแทกเหงือกให้ขึ้นไป
ฟันล่างก็ถูกแปรงกระแทกให้เหงือกถอยลงล่าง จนเกิดอาการเหงือกร่น
เป็นสิ่งที่แก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมยาก และทำให้มีอาการเสียวฟัน
เวลาแปรงด้านข้างก็จะถูเข้าออกแรงๆ เหมือนเลื่อยแบบนี้
ก็ทำให้คอฟันสึกเหมือนการโค่นต้นไม้ รอยสึกจะทำให้มีอาการเสียวฟัน
ถ้าสึกเข้าไปลึกมาก อาจต้องรักษารากฟัน
 
อย่าใช้ไม้
จิ้มฟันทำความสะอาดด้านซอกฟัน เพราะไม้จิ้มฟันมีผลต่อเหงือก
ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันมากขึ้น ให้ใช้ dental floss แทน
 
น้ำยาบ้วนปาก
ช่วยทำความสะอาดช่องปาก โดยการลดจำนวนแบคทีเรียชั่วขณะ ดังนั้น
ยังต้องแปรงฟันให้สะอาดด้วย




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:33:57 น.
Counter : 300 Pageviews.  

ลิ้นสะอาด - ช่วยลดกลิ่นปาก

//www.yourhealthyguide.com/article/images_article/tongue-odor.gif


หากท่านต้องการให้ลมปากสะอาด
ก็ไม่ควรมองข้ามถึงการทำความสะอาดลิ้น!!




เนื่องจากลิ้นของเรามีผิวที่ไม่เรียบ
แต่ขรุขระถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับพรมหนาๆ ที่ถักด้วยเส้นใยผ้า
มีซอกเล็กซอกน้อยเต็มไปหมด ดังนั้นลิ้นจึงเป็นที่กักเศษอาหารอย่างดีที่สุด
เหมาะที่สุดที่จะให้แบคทีเรียที่ไม่ต้องการออกซิเจนในการเจริญเติบโตอาศัย
อยู่ แบคทีเรียเหล่านี้ปล่อยสารพิษที่ทำอันตรายต่อเหงือกและฟันแล้ว
ยังก่อให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์มีกลิ่นเหม็นเน่า



จากการวิจัยพบว่าแบคทีเรียที่มีผลต่อกลิ่นปากมากๆ
มักจะอยู่ตามโคนลิ้นมากกว่าที่ฟันและเหงือก
ก็เป็นคำตอบที่ดีสำหรับหลายท่านที่สงสัยว่า







































 
-
ฟันผุก็อุด
แล้ว
 
-
เหงือกก็ไม่
อักเสบ ขูดหินปูนทุก 6 เดือนตามหมอนัด
 
-

แปรงฟันหลังอาหารทุกวัน
 
-
เสียเงินไปก็
มากกับการใช้น้ำยาบ้วนปากหลากหลายชนิด


แต่ก็ยังไม่วาย รู้สึกมีกลิ่นปาก
ลมหายใจที่ไม่สะอาด....























 
-
ลองมาสังเกต
ลิ้นของท่านดูว่ามีคราบอาหารจับหรือไม่ ?
 
-
ท่านเคยทำ
ความสะอาดลิ้นหรือเปล่า ?



การทำความสะอาดลิ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาสุขภาพในช่องปาก
นอกจากการแปรงฟัน และใช้ Dental Floss เพื่อทำความสะอาดซี่ฟัน



เราจะทำความสะอาดลิ้นอย่างไร ?



เดี๋ยวนี้มีอุปกรณ์ทำความสะอาดลิ้นทำจาก plastic เป็นรูปตัว U
วิธีใช้ให้แลบลิ้นออกมาให้สุด ใช้ไม้ขูดลิ้น ขูดจากโคนลิ้นมาด้านหน้า ทำสัก
3-4 ครั้ง จะเห็นคราบอาหารติดออกมา เราจะทำวันละ 2 ครั้งต่อวัน
ตอนเช้าตื่นนอน และหลังอาหารเย็นก่อนนอน



การทำความสะอาดลิ้นอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากจะช่วยลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นแล้ว
ยังมีผลทำให้ลิ้นสามารถรับรสได้ดีขึ้น (วารสารทันตแพทย์สมาคมสหรัฐอเมริกา
ธันวาคม 1999)
และก็มีข้อมูลที่น่าสนใจในวงการแพทย์ว่ามีความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญว่า
แบคทีเรียในช่องปากมีโอกาสทำให้ติดเชื้อและเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้
และจากวารสารของสมาคมทันตแพทย์สหรัฐอเมริกาเดือนมีนาคม 2001
ก็ยืนยันว่าก๊าซที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปากมีโอกาสเกิดอันตรายต่อเยื่อ
หุ้มปอดเช่นกัน



การขจัดแบคทีเรียในช่องปากนอกจากจะมีผลดีต่อสุขภาพในช่องปาก
ทำให้ลดกลิ่นแล้ว ยังมีผลต่อสุขภาพร่างกายส่วนอื่นด้วย
ไม่เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับการแปรงฟัน ใช้ Dental Floss หรือน้ำยาบ้วนปาก



.... อย่าลืมทำความสะอาดลิ้นด้วยนะครับ...







 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:32:01 น.
Counter : 320 Pageviews.  

กินอาหารเพื่อสุขภาพฟัน























อาหาร
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย แต่อีกด้านหนึ่งการกินไม่เลือก
ไม่ระมัดระวังก็มีโทษสำหรับร่างกายเช่นกัน
ตอนนี้เรารณรงค์ในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารที่รับประทานแล้วน้ำหนักไม่เพิ่ม ไม่อ้วน
อาหารที่กินแล้วไม่ก่อให้เกิดโรค เช่น ไขมันอุดตันในเลือด โรคหัวใจ
ทางทันตกรรมก็เช่นกัน
เราให้ความสำคัญในเรื่องอาหารอย่างมากในการป้องกันโรคฟันผุ โรคเหงือก



เมื่อเรารับประทานอาหารผ่านเข้าไปในช่องปาก แบคทีเรีย
ซึ่งอยู่ในรูปของแผ่นบางๆ เหนียว ที่เรียกว่า Plaque (แผ่นคราบ)
จะเปลี่ยนอาหารเหล่านั้นให้เป็นกรดทำลายฟันและเหงือก
แบคทีเรียเหล่านี้ชอบอาหารหวาน อาหารที่เป็นแป้งมาก

หลังรับประทานอาหารหากยังไม่แปรงฟันทันที
แบคทีเรียเหล่านี้ก็ทำหน้าที่สร้างกรดไปเรื่อยๆ
ดังนั้นยิ่งรับประทานอาหารบ่อยๆ 3 มื้อหลักแล้วยังมีแทรกระหว่างมื้อ
อาหารก็สัมผัสกับฟันมากขึ้นโอกาสที่ฟันและเหงือกก็ถูกทำลายมากขึ้น



อะไรบ้างที่ ควร หรือ ไม่ควร
ในการดูแลรักษาสุขภาพฟัน



DO's



























































 
ควรรับประทาน
อาหารให้ครบทุกหมู่ ให้เกิดความสมดุล
 
















































 
-
ขนมปัง
ข้าว ซีรีอัล อาหารที่มีกากใย
 
-
ผลไม้
 
-
ผัก
 
-
เนื้อปลา
ถั่ว
 
-
นม ชีส
โยเกิร์ต
 

ถ้าหากจะรับประทานอาหารว่างลดอาหารพวกแป้ง น้ำตาล ให้รับประทาน ผัก
ผลไม้แทน
 

แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
 
ทำความสะอาด
ซอกฟันด้วยไหมขัดฟัน Dental Floss
 
พบทันตแพทย์
ทุก 6 เดือน


DON'Ts


















































 

ไม่ควรให้น้ำตาลสัมผัสฟันนานๆ
 





















 
-
ลดการอม
ลูกอม
 
-
ขนมกรอบๆ
เหนียวๆ ติดฟัน
 
น้ำอัดลม
(Soft drink) มีน้ำตาลเยอะมาก 1 กระป๋อง บางยี่ห้อมีน้ำตาล 11 ช้อนกาแฟ
ควรดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลม

อย่าดื่มน้ำอัดลมทุกมื้ออาหาร
 
ไม่สูบบุหรี่
เพราะมีผลต่อ
 































 
-
ฟัน
เปลี่ยนสี
 
-

เสี่ยงต่อโรคเหงือก
 
-

เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในช่องปาก ลำคอ



กุญแจสำคัญในการเลือกรับประทานอาหารอย่างชาญฉลาด
ไม่ใช่จะไม่กินพวกแป้ง น้ำตาลเลย
แต่ต้องระวังในการกินและคิดก่อนกินทุกครั้ง เพราะอาหารมีผลต่อสุขภาพของเรา
ถ้าเราสามารถควบคุมการกินแป้งและน้ำตาล
กินผักให้เป็นนิสัยก็จะส่งให้สุขภาพของเราดี ยิ้มได้อย่างสวยงาม


 
     




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:27:37 น.
Counter : 352 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.