สมุนไพร-ขลู่
ขลู่ สมุนไพร ขลู่จะออกดอกเป็นช่อฝอยมีสีขาวนวล หรือสีม่วง จะออกตามง่ามใบดอกวงนอกเป็นดอกเพศเมีย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pluchea indica (Linn.) Less.
ชื่อสามัญ : Indian Marsh Fleabane
ชื่อวงศ์ : COMPOSITAE
ชื่อสมุนไพรอื่น ๆ : หนาด งัว หนาดวัว หนวดงั่ว หนวดงิ้ว (อุดรธานี) ขี้ป้าน (แม่ฮ่องสอน) ขลู่(ภาคกลาง) คลู ขลู (ภาคใต้) หลวน ซี (จีนกลาง) หล่วงไซ (แต้จิ๋ว)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ต้น : สมุนไพรขลู่เป็น พรรณไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นมีความสูงประมาณ 0.5-2 เมตร แตกกิ่งก้านมากและเกลี้ยง
ใบ: จะมีกลิ่นฉุน ใบเล็กรูปไข่กลับ มีความยาวประมาณ 1-5.5 ซม. กว้างประมาณ2.5-9 ซม. ตรงปลายใบของมันจะมีลักษณะแหลม หรือ แหลมมีติ่งสั้นขอบใบจะเป้นซี่ฟันและแหลม เนื้อในจะคล้ายกระดาษ ค่อนข้างเกลี้ยงแต่ไม่มีก้าน
ดอก : ขลู่จะออกดอกเป็นช่อฝอยมีสีขาวนวล หรือสีม่วง จะออกตามง่ามใบดอกวงนอกเป็นดอกเพศเมีย ดอกวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ
ก้านช่อดอก : จะมีความยาว ประมาณ 2-6 มม. แต่ไม่มีก้านดอก
ริ้วประดับ : มีลักษณะแข็ง สีเขียว และเรียงกันประมาณ 6-7 วง วงอยู่นอกนั้นจะเป็นรูปไข่ วงที่อยู่ในจะคล้ายรูปหอกแคบและตรงปลายของมันจะแหลม
กลีบดอก : ดอกวงนอกกลีบดอกยาวประมาณ 3-3.5 มม. ดอกวงในกลีบดอกจะเป็นรูปท่อมีความยาวประมาณ 4-6 มม. ปลายจักเป็นซี่ฟันประมาณ5-6 ซี่
อับเรณู : ตรงโคนจะเป็นรูปหัวลูกศรสั้น ๆ
เกสร : ท่อเกสรตัวเมียจะมี 2 แฉกสั้น ๆ
ผล : แห้ง จะมีรูปทรงกระบอกยาวประมาณ 0.7 มม. มีสัน 10 สัน ระยางค์มีน้อย สีขาว ยาวประมาณ 4 มม. แผ่กว้าง
การขยายพันธุ์ : ขลู่เป็น พรรณไม้ที่ชอบขึ้นตามที่ลุ่มแฉะ ริมห้วยหนอง ตามหาดทายด้านหลัวป่าชายเลน นิยมปลูกเป็นพืชสมุนไไพร การปลูกใช้วิธีการปักชำโดยตัดต้นชำลงดิน รดน้ำให้ชุ่มปลูกขึ้นง่าย ไม่ต้องการดูแลรักษาแต่อย่างใด
สรรพคุณของสมุนไพร :
ทั้งต้น ใช้ต้มกิน รักษาอาการขัดเบา ปัสาวะพิการ ขับปัสสาวะ รับประทานวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารครั้งละ 75 มิลลิลิตร หรือ 1 ถ้วยชานอกจากนี้ยังใช้รักษาโรควัณโรคที่ต่อมน้ำเหลือง โรคเบาหวาน ริดสีดวงทวารขูดเอาแต่ผิวต้นผสมกับยาสูบ แล้วนำมาสูบรักษาริดสีดวงจมูก
ใบ ใบขลู่ใช้ต้มน้ำดื่มแทนชาเพื่อลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน เบาเทาอาการปวดเมื่อย มุตกิดและนำมาต้มน้ำอาบบำรุงประสาท เป็นยาบีบมดลูก น้ำคั้นรักษาโรคบิด ใบแก่ ๆสด ๆ เอามาตำบีบน้ำและทา ตรงหัวริดสีดวงทวาร จะทำใหัหัวริดสีดวงหดหายได้นอกจกานี้ยังนำมาตำผสมกับเกลือรักษากลิ่นปาก และระงับกลิ่นตัว
ใบและราก เป็นยาฝาดสมาน รักษาไข้ พอกแก้แผลอักเสบ ขับเหงื่อ ผสมกับสมุนไพรอื่น ๆต้มน้ำอาบรักษาเส้นตึง และยังทำเป็นขี้ผึ้งทาแผลเรื้อรัง
ใบและต้นอ่อน ใช้บรรเทาอาการปวดในโรคไขข้ออักเสบ รักษาประดง เลือดลม ตำผสมกับแอลกอฮอล์ทาหลังบริเวณเหนือไต บรรเทาอาการปวดเอว ต้มน้ำอาบรักษาหิด ขี้เรื้อน
ขลู่ สมุนไพร ใบขลู่ใช้ต้มน้ำดื่มแทนชาเพื่อลดน้ำหนัก เบาเทาอาการปวดเมื่อย
สรรพคุณและการนำไปใช้เป็น ยาสมุนไพรสำหรับงานสาธารณสุขมูลฐาน :
ขลู่ใช้เป็นยารักษาอาการขัดเบา วันละ 1 กำมือ (สดหนัก 40 – 50 กรัม แห้งหนัก 15 – 20 กรัม) หั่นเป็นชิ้น ๆ ต้มกับน้ำดื่ม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารครั้งละ 1 ถ้วยชา (หรือ 75 มิลลิลิตร)
สารที่พบ :
ใบขลู่ประกอบด้วยสารประเภทเกลือแร่ เช่น โซเดียม คลอไรด์ สารโปแตสเซียม นอกจากนี้ยังประกอบด้วย stigmasterol (+ beta-sitosterol), stigmasterol glucoside (+ beta-sitosterol glucoside), catechin เป็นต้น
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาอื่น ๆ :
- ฤทธิ์ขับปัสสาวะ นัทพร นิลวิเศษ และคณะได้ศึกษาฤทธิ์ขับปัสสาวะของขลู่
พบว่ารูปแบบ 5% และ 10% ของยาชงขลู่ (ยาชง 5% ทำได้โดยชั่งขลู่ 5 กรัม ใส่ลงในภาชนะแก้วหรือเคลือบที่ทนความร้อนได้ รินน้ำเดือดลงไปประมาณ 100 มิลลิลิตร ปิดฝาตั้งทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง จึงรินและคั้นน้ำออกกรองให้ได้น้ำยา 100 มิลลิลิตร) ทดลองฤทธิ์ขับปัสสาวะในหนูขาว และในอาสาสมัครที่มีสุขภาพปกติ โดยเปรียบเทียบกับยา hydrochlorothiazide พบว่ายาชงขลู่มีผลเพิ่มปริมาณปัสสาวะ และถ้าเพิ่มปริมาณความเข้มข้นก็จะมีผลเพิ่มปริมาณปัสสาวะมากขึ้น
- ฤทธิ์ต้านการอักเสบ Sen T. และคณะ (ค.ศ. 1991)
ได้ทำการศึกษาฤทธิ์ต้านการอักเสบ (antiinflammatory) ของสารสกัดจากรากขลู่ พบว่าสารสกัดจากรากขลู่สามารถต้านการอักเสบได้ โดยสามารถยับยั้งอาการบวมของอุ้งเท้าหนูที่เกิดจากการฉีด carragenin, histamine, serotonin, hyaluronidase และ sodium urate โดยสารสกัดจะยับยั้งกระบวนการที่โปรตีนลอดออกจากหลอดเลือด (exudation) และการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวไปยังบริเวณอักเสบ (leucocyte migration)
- ฤทธิ์ต้านการอักเสบ Sen T. และคณะ (ค.ศ. 1993)
ได้ทำการศึกษากลไกการต้านการอักเสบ และการต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ของสารสกัดจากรากขลู่ ( Pluchea indica Less root extract: PIRE) ที่คาดว่ามีกลไกเกี่ยวข้องกับ 5- lipoxygenase pathway ซึ่งเป็นกระบวนการสังเคราะห์โพรสตาแกลนดิน ( prostaglandin) ผลการศึกษาพบว่า PIRE สามารถต้านการอักเสบที่เกิดจาก arachidonic acid, platelet activation factor และสารประกอบ 48/80 ซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิดการบวมที่อุ้งเท้าสัตว์ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้สามารถยับยั้งสารประกอบ 48/80 เหนี่ยวนำให้เกิดการหลั่งสาร ฮีสตามีน ( histamine) จาก Mast cell ได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนผลต่อการเกิดแผลในกระเพราะอาหาร พบว่าสามารถป้องกับการเกิดแผลจากยา indomethacin, เหล้า และ indomethacin ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยสามารถลดปริมา๖และความเป็นกรดของกระเพาะอาหารได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ฤทธิ์การปกป้องตับ Sen T. และคณะ (ค.ศ. 1993)
ได้ทำการศึกษาฤทธิ์การปกป้องตับของสารสกัดจากขลู่ ในหนูที่ตับบาดเจ็บเฉียบพลัน (acute liver damage) จากการเหนี่ยวนำของสาร คาร์บอนเตตระคลอไรด์ (carbontetrachloride: CCl4) พบว่าสามารถลดระดับเอนไซม์ aspartate amino tranferase (AST), alanine amino tranferase (ALT), lactate dehydrogenase (LDH), serum alkaline phosphatase (ALP) และ bilirubin ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้สารสกัดจากขลู่สามารถลดระยะเวลาการนอนหลับของหนูที่ได้รับ pentobarbitone ได้อย่างมีนัยสำคัญ และลด plasma prothrombin time ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ CCl4
- ฤทธิ์ป้องกันทางเดินอาหารบาดเจ็บ Sen T. และคณะ (ค.ศ. 1996)
ได้ทำการศึกษาฤทธิ์สารสกัดจากขลู่ ในการยับยั้งปัจจัยกระตุ้นเกร็ดเลือด (platelet activation factor: PAF) และยับยั้งการเกิดกระเพาะอาหารเสียหาย (gastric demage) พบว่าการให้สารสกัดจากขลู่สามารถยับยั้งการ อักเสบและอุบัติการเกิดกับทาง เดินอาหารส่วนล่างเสียหายได้ อย่างมีนัยสำคัญ
- ฤทธิ์ต่อระบบประสาท Thongpraditchote S. และคณะ (ค.ศ. 1996)
ได้ทำการศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดจากรากขลู่ (Pluchea indica Less root extract: PI-E) ต่อระบบประสาทในหนู พบว่าหนูที่ได้รับ PI-E ขนาด 50-100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้โดยการกิน มีการทำงานของระบบประสาทควบคุมการเคลื่อนที่ (locomotor) ทำงานเพิ่มขึ้น และลดระยะเวลาการนอนหลับของหนูที่ได้รับ pentobarbital ให้สั้นลง อย่างมีนัยสำคัญและขึ้นกับขนาดที่ได้รับ (dose dependent) นอกจากนี้พบว่าฤทธิ์ของ PI-E ที่ให้ในหนูที่ได้รับ pentobarbital จะลดลงเมื่อได้รับ flumazenil (1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้ทางหลอดเลือดดำ) อย่างมีนัยสำคัญ และ PI-E (50 – 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม) และ diazepam (0.5-5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม) สามารถลดพฤติกรรมก้าวร้าวได้ตามขาดที่ได้รับ (dose dependent) โดยกลไกการออกฤทธิ์ของ PI-E เกี่ยวข้องกับระบบ GABA system ในสมอง แต่อย่างไรก็ตาม PI-E ไม่มีฤทธิ์ระงับการชักที่เกิดจากการเหนี่ยวนำของ pentyleneterazole
- ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ Sen T. และคณะ (ค.ศ. 2002)
ได้ทำการศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจากสารสกัดจากรากขลู่ ( Pluchea indica Less root extract: PIRE) ในหลอดทดลองและสัตว์ โดยใช้ คาร์บอนเตตระคลอไรด์ ( carbontetrachloride: CCl4) เหนี่ยวนำให้เกิดกระบวนการสลายไปมัน ( lipid peroxidation) และการเปลี่ยนแปลง arachidonic acid จากเอนไซม์ lipoxygenase ซึ่ง 2 กระบวนการนี้ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้น ผลการศึกษาพบว่า PIRE สามารถลดการอักเสบ และการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้พบว่า PIRE นอกจากนี้พบว่า PIRE สามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้มากกว่า B755c และ phenidone (สารต้านอนุมูลอิสระ) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ฤทธิ์ยับยั้งจุลชีพ Biswas R. และคณะ (ค.ศ. 2005) ได้ทำการสกัด
และประเมินสารประกอบที่พบในขลู่ และความแรงในการต้านเชื้อจุลชีพ พบว่าค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถยับยั้งเชื้อได้ ( minimum inhibitory concentration: MIC) ของสารสกัดขลู่ต่อเชื้อ Staphylococcus aureus ML 11, S. aureus ML 358, S. aureus NCTC 6571, S. aureus 8530, Salmonella trphi 59, S. typhimurium NCTC 74, Shigella boydii 8 NCTC 254/66, S. dysenteriae 7 NCTC 519/66, Vibrio cholerae 214, Vibrio cholerae 14033, Bacillus lichenniformis, Escherichia coli ATCC 25938, Klebsiella pneumoniae 725, K. pneumoniae 10031 และ Pseudomonas aeruginosa 71 คือ 1500 , 2000, > 2000, 1000, 1500, 1500, 1500, 1500, 1000, 1500, > 2000, 1500, > 2000, 2000 และ 2000 นาโนกรัม/มิลลิลิตร
Create Date : 03 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 12:09:37 น. |
Counter : 610 Pageviews. |
| |
|
|
|