WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 
140 เหตุผลว่า เหตุใดน้ำตาลจึงเป็นตัวทำลายสุขภาพของท่าน

90.   การรับประทานน้ำตาลซูโคสในปริมาณที่สูง
ของผู้ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบทำให้เพิ่มภาวะของการแข็งตัว
ของเกร็ดเลือด
91.   การรับประทานน้ำตาลในปริมาณที่สูงนำไปสู่การเกิดโรค
มะเร็งระบบท่อน้ำดี
92.   น้ำตาลเป็นอาหารของมะเร็ง
93.   การบริโภค
น้ำตาลในปริมาณสูงในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นวัยรุ่นมีความสัมพันธ์กับการเพิ่ม
ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เด็กแรกคลอดจะมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์
เป็นสองเท่า
94.   การบริโภคน้ำตาลในปริมาณสูงเป็นสาเหตุของการนำไปสู่
การลดลงของระยะเวลาในการตั้งครรภ์ในหมู่สตรีวัยรุ่น
95.   น้ำตาลมีส่วน
ทำให้เกิดการชะลอในการเดินทางของอาหารในระบบทางเดินอาหาร
96.   น้ำตาล
เพิ่มความเข้มข้นของกรดน้ำดีในอุจาระและเพิ่มเอนไซม์ในแบคทีเรียในบริเวณลำ
ไส้ใหญ่
97.   น้ำตาลเพิ่มฮอร์โมนเอสตาไดออล
(เป็นฮอร์โมนแอสโตรเจนชนิดรังไข่ที่พบในเพศหญิง) ในผู้ชาย
98.   น้ำตาล
จะรวมตัวกับฟอสเฟสและทำลายเอนไซม์ 
ซึ่งจะทำให้กระบวนการของการย่อยอาหารมีความลำบากมากขึ้น
99.   น้ำตาลทำ
ให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งในถุงน้ำดี
100.   น้ำตาลเป็นสาร
เสพติดชนิดหนึ่ง
101.   น้ำตาลสามารถออกฤทธิ์ทำให้มึนเมาได้คล้ายกับแอล
กอฮอลล์
102.   น้ำตาลส่งผลให้อาการก่อนมีประจำเดือน (หรือ เรียกว่า
Premenstrual syndrome     (PMS)โดยมีอาการที่ไม่สบายกาย หงุดหงิด
อารมณ์ไม่แจ่มใส มีสิวขึ้น เป็นต้น ก่อนการมีประจำเดือน)
มีความรุนแรงมากขึ้นกว่าปรกติ
103.   น้ำตาลมีผลกระทบต่อปริมาณคาร์บอน
ไดออกไซด์ที่ทารกแรกคลอดสร้างขึ้นหลังจากการใช้ออกซิเจนไป
104.   การลด
ปริมาณการบริโภคน้ำตาลลงจะสามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอารมณ์ได้
105.   ร่าง
กายจะเปลี่ยนรูปของน้ำตาลไปเป็นไขมันในกระแสเลือด ได้ 2-5 เท่า
มากกว่าขณะที่เป็นแป้ง
106.   การดูดซึมของน้ำตาลที่รวดเร็วช่วยให้ร่าง
กายคนเรารับประทานอาหารได้มากกว่าปรกติ
107.   น้ำตาลทำให้โรคสมาธิสั้น
ในเด็กมีอาการแย่ลงมากกว่าเดิม
108.   น้ำตาลมีผลเสียต่อองค์ประกอบของ
สารน้ำอิเล็กโทรไลต์ในกระเพาะปัสสาวะ
(หากสารน้ำและเกลือในร่างกายมีความผิดปรกติก็ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
ได้)
109.   น้ำตาลสามารถชะลอความสามารถในการทำงานของต่อมหมวกไต
110.   น้ำตาล
มีอิทธิพลแฝงต่อการเกิดกระบวนการเผาผลาญที่ผิดปรกติได้ในบุคคลที่มีสุขภาพดี
ทั่วไปและก่อให้เกิดโรคความเสื่อมเรื้อรังได้
111.   I.Vs 
หรือการให้สารอาหารทางเส้นหลอดเลือดของน้ำที่มีน้ำตาลผสมอยู่นั้นสามารถ
ยับยั้งออกซิเจนมิให้ไปเลี้ยงสมองได้
112.   การที่ร่างกายได้รับซูโครส
ปริมาณที่สูงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงตัวสำคัญในการก่อให้เกิดมะเร็งปอดได้
113.   น้ำตาล
เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคโปลิโอ
114.   การที่ร่างกายได้รับน้ำตาลใน
ปริมาณที่สูงอาจก่อให้เกิดโรคลมบ้าหมู (อาการที่คนไข้ชักอย่างฉับพลัน)
115.   น้ำตาล
เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูงในคนที่มีรูปร่างอ้วน
116.   ในส่วนของ
“หออภิบาลผู้ป่วยหนัก” หรือหน่วย “ICU” นั้นจะมีการกำหนด
มาตรฐานของระดับน้ำตาลเพื่อรักษาสวัสดิภาพของผู้ป่วยไว้
117.   น้ำตาลทำ
ให้เกิดการตายของเซลล์
118.   น้ำตาลทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น
119.   ใน
สถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน เมื่อเด็ก ๆ
ได้รับการเพิ่มปริมาณการบริโภคน้ำตาล พบว่า ร้อยละ  44
จะกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม
120.   น้ำตาลนำไปสู่การเกิด
โรคมะเร็งในต่อมลูกหมาก
121.   น้ำตาลทำให้ทารกประสบภาวการณ์ขาดน้ำใน
ทารกแรกเกิด
122.   น้ำตาลทำให้เกิดการเพิ่มของฮอร์โมนเอสตาดิออล
(estradiol เป็นฮอร์โมนแอสโตรเจนชนิดรังไข่ในเพศหญิง) ในชายหนุ่ม
123.   น้ำตาล
ทำให้ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อย
124.   การบริโภคน้ำตาลทรายขาวใน
ปริมาณมากมีความสัมพันธ์กับการเป็นโรคจิตเภท (กลุ่มความผิดปกติทางจิต
มีความผิดปกติทางความคิด มีทั้งเชิงบวกและเชิงลบ เชิงบวกเช่น ประสาทหลอน
หูแว่ว หลงผิด มีพฤติกรรมท่าทางแปลก ๆ เช่น หัวเราะสลับร้องไห้ เป็นต้น
ส่วนเชิงลบ เช่น ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ  นั่งนิ่งไม่สนใจอะไร เป็นต้น)
125.   น้ำตาล
สามารถทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของระดับของ homocysteine ในกระแสเลือด
(homocysteine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีอะตอมของกำมะถันเป็นองค์ประกอบ
พบในร่างกายของมนุษย์ โดยเกิดจากกระบวนการเมแทบอลิซึมของกรดอะมิโน
เมทไธโอนิน(Methionine) โดย homocysteine เป็นสารกึ่งกลางในการเปลี่ยนจาก
methionine ไปเป็นกรดอะมิโนอีกชนิดหนึ่งคือ cysteine โดยในภาวะปกติ
homocysteie เป็นผลิตผลที่ไม่มีพิษภัยต่อระบบการทำงานของร่างกาย
แต่กลับพบว่าเมื่อระดับ Homocysteine
ในเลือดสูงขึ้นเกินกว่าค่าปกติจะเป็นพิษต่อผนังเซลล์หลอดเลือดโดยจะไปทำลาย
ผนังด้านในของหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ
หลอดเลือดที่อยู่ในสมอง
และหลอดเลือดที่ไตจะมีผลทำให้หลอดเลือดที่กล่าวถึงมีโอกาสตีบและอุดตันได้
เช่นถ้ามีการอุดตันที่หลอดเลือดเล็ก ๆ ในสมองก็จะทำให้ผู้ป่วยเกิดอัมพฤกษ์ -
อัมพาตได้) แก้ไขด้วยการออกกำลังกาย งดอาหารที่มีไขมันและ
รับประทานอาหารที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระ)
126.   อาหารที่มีรสหวานจะ
เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งในทรวงอก
127.   น้ำตาลก่อให้เกิด
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งในลำไส้เล็ก
128.   น้ำตาลเป็นสาเหตุของ
การเกิดโรคมะเร็งกล่องเสียง
129.   น้ำตาลส่งผลให้เกิดการสะสมของเกลือ
และการสะสมของน้ำในร่างกายทำให้เกิดอาการบวมน้ำ
130.   น้ำตาลก่อให้เกิด
การสูญเสียความทรงจำในระดับที่ไม่รุนแรงมากนัก
131.   บุคคลที่บริโภค
น้ำตาลในปริมาณมากเป็นเวลา 10 ปี
จะส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นในร่างกายลดลงโดยตรง
132.   น้ำตาล
สามารถเพิ่มปริมาณของอาหารที่เราบริโภคเข้าไป
133.   อัตราการเจริญเติบ
โตของทารกแรกเกิด 6 เดือน ถึง 2 ขวบ
เปิดเผยให้เห็นถึงปริมาณการบริโภคน้ำตาล น้ำเชื่อมซูโครสที่มีปริมาณมาก
134.   น้ำตาล
เป็นสาเหตุของอาการท้องผูก
135.   น้ำตาลเป็นสาเหตุของเส้นเลือดขอด
136.   น้ำตาล
เป็นสาเหตุของความเสื่อมของสมองในภาวะเสี่ยงก่อนเป็นเบาหวานและโรคเบาหวานใน
สตรี
137.   น้ำตาลสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งในกระเพาะ
อาหาร
138.   น้ำตาลเป็นสาเหตุของการเกิดโรค metabolic syndrome
หรือโรคอ้วนลงพุง
(เป็นกลุ่มโรคที่ประกอบด้วยความผิดปกติที่มักพบร่วมกันได้แก่ โรคอ้วนลงพุง
ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและระดับไขมันในเลือดที่ผิดปกติ
และเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่2
และการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือด)
139.   การรับประทานน้ำตาลใน
สตรีมีครรภ์ทำให้เกิดการเพิ่มความผิดปรกติของท่อระบบประสาท
(ความผิดปรกตินี้เป็นความพิการแต่กำเนิดที่เกิดขึ้นในช่วงแรกๆ
ของการตั้งครรภ์ คือตั้งแต่ วันที่ 20-28 (สัปดาห์ที่ 3-4)
หลังจากที่มีการปฏิสนธิของไข่และอสุจิ ในระยะนี้
ตัวอ่อนจะมีเนื้อเยื่อซึ่งแบ่งออกเป็นสามชั้น
เนื้อเยื่อชั้นนอกจะแบ่งตัวเพื่อสร้างระบบประสาทและสมอง
โดยปกติแล้วเนื้อเยื่อชั้นนอกนี้
จะแบ่งเซลล์ยกตัวขึ้นเพื่อม้วนกลับสร้างให้เป็นท่อของระบบประสาท (Neural
Tube) ขึ้นมาก่อน ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นกระดูกสันหลังและไขสันหลังต่อไป
ส่วนบริเวณปลายของท่อนี้จะต้องปิดเข้าหากันเพื่อเป็นศีรษะ
และก็จะมีการสร้างสมองและกะโหลกศีรษะต่อไป แต่ในกรณีของ Anencephaly
ก็คือมีความล้มเหลว ของการปิดบริเวณส่วนปลายของท่อนี้
ดังนั้นจึงไม่สามารถพัฒนาการสร้างส่วนของกะโหลกศีรษะ และสมองให้สมบูรณ์ได้)
140.   น้ำตาล
เป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดโรคหอบหืด
141.   การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมาก
ทำให้เกิดโอกาสการเป็นโรคลำไส้แปรปรวน (เป็นการทำงานผิดปกติของลำไส้
ผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน มักจะมีอาการปวดท้อง
อาจปวดตรงกลางหรือปวดบริเวณท้องน้อย
โดยทั่วไปจะปวดท้องน้อยด้านซ้ายมากกว่าด้านขวา
ลักษณะอาการปวดมักจะปวดแบบเกร็ง มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด
อาการจะไม่สัมพันธ์กับอาหาร นอกจากนี้จะมีอาการท้องโตขึ้นเหมือนมีลมในท้อง
อาจมีอาการเรอหรือผายลมมากขึ้น และมีอาการถ่ายไม่ปกติ บางรายมีอาการท้องผูก
บางรายท้องเสีย หรือในบางรายอาจมีอาการท้องผูกสลับท้องเสียก็ได้
ผู้ป่วยบางรายอาจมีความรู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด
หรือมีอาการปวดเบ่งแต่เมื่อถ่ายอุจจาระแล้วอาการดีขึ้น
มักมีอุจจาระเป็นมูกร่วมด้วยได้ อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็น ๆ หาย ๆ
มีอาการมากน้อยสลับกันได้ จะมีอาการเกิน 3 เดือน ในระยะเวลา 1 ปี)
ได้มากขึ้น
142.   น้ำตาลอาจมีผลต่อสมองส่วนที่ควบคุมความพึงพอใจ
และภาคภูมิใจในตนเอง
143.   น้ำตาลเป็นสาเหตุของมะเร้งทวารหนัก
144.   น้ำตาล
เป็นสาเหตุของมะเร็งเยื่อบุผนังมดลูก









Create Date : 29 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 18:17:18 น. 0 comments
Counter : 373 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.