WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

เรื่องที่ 2

เรื่องที่ 2  : การรับประทานอาหารแต่น้อย บ่อย
จะช่วยให้กระบวนการเมตาบิลิซึม ในร่างกายของเราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
(เมตาบอลิซึม เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในเซลล์
ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้  คือ
1.กระบวนการสังเคราะห์พลังงานจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป
2.กระบวนการสลาย  คือการสลายโมเลกุลใหญ่ในข้อ 1 ที่เก็บสำรองไว้นั้น
ให้ไปเป็นโมเลกุลเล็ก เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที 
พลังงานที่ว่านี้ก็คือเรี่ยวแรงที่นำไปใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ 
หมายความว่า สลายของที่ได้จากข้อ 1. เพื่อนำมาเป็นพลังงาน)
     ทฤษฎี
กล่าวอ้าง :

หากท่านรักษาปริมาณการเพิ่มอาหารแต่น้อยในกระบวนการเมตาบอลิซึม
ท่านจะรักษาความมีประสิทธิภาพการทำงานและการเผาผลาญปริมาณแคลอรี่ส์ได้มาก
ขึ้น
     ข้อเท็จจริง : อาหารที่รับประทานเข้าไปนั้น
มีผลเพียงเล็กน้อยต่อกระบวนการเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึม ในอาหารบางชนิด
รวมไปถึงสารอาหารจำพวก คาเฟอีน
อาจช่วยเพิ่มการทำงานกระบวนการเมตาบอลิซึมได้เพียงเล็กน้อยและชั่วคราวเท่า
นั้น  แต่ผลดังกล่าวจะช่วยลดน้ำหนักได้น้อยมาก 
อะไรที่มีผลต่ออัตราความต้องการเผาผลาญของร่างกาย (BMR) ของท่านมากที่สุด?
อัตราที่ว่านี้เป็นการคำนวณหาปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายของท่านต้องการใช้
โดยอ้างอิง จาก อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง และวิถีชีวิตประจำวัน
ถึงแม้ยามนอนหลับ ร่างกายก็ยังคงต้องการพลังงานตลอดเวลา
ยิ่งมวลกล้ามเนื้อและร่างกายที่มีขนาดใหญ่ก็จะยิ่งมีการเผาผลาญแคลอรี่ส์มาก
เท่านั้น  เมื่ออายุมากขึ้น เราจะควบคุมน้ำหนักได้ยากขึ้น เพราะ BMR
เราลดลง การอดอาหารก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ BMR ลดลง
วิธีป้องกันคือหมั่นออกกำลังกายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการเผาผลาญ จะทำให้
BMR ไม่ลดลงเร็วเกินไป
     ข้อแนะนำที่ดีที่สุด :
เพิ่มมวลกล้ามเนื้อของท่าน
เนื้อเยื่อที่ปราศจากไขมันหนึ่งปอนด์จะเผาผลาญแคลอรี่ส์ประมาณ 14
แคลอรี่ส์ต่อวัน ในขณะที่ ไขมันหนึ่งปอนด์จะเผาผลาญแคลอรี่ส์เพียงแค่ 2 ถึง
3 แคลอรี่ส์เท่านั้น  และขณะที่ความแตกต่างที่ว่านี้อาจดูไม่มากนัก
แต่มีความสำคัญเมื่อเวลาผ่านไป  จำเอาไว้ว่า
เมื่อท่านได้สูญเสียน้ำหนักไปเป็นปอนด์
ส่วนหนึ่งของน้ำหนักที่สูญสียไปนี้คือ กล้ามเนื้อ นี่คือคำเตือนของ Liz 
Neporent  นักสรีรศาสตร์วิทยาเกี่ยวกับการออกกำลังกายและประธานบริหารแห่ง
Wellness 360 นิวยอร์ก  บริษัทที่ปรึกษาศูนย์ความร่วมมือของเวลเนส 
วิธีการออกกำลังกายเพื่อรักษากล้ามเนื้อ 7 ประเภท
และหากท่านหน่ายกับการยกน้ำหนัก ท่านก็สามารถเล่นพีลาห์ตีส
(รูปแบบการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างภายในร่าง
กาย รวมทั้งท่วงท่า และเพื่อสร้างความฟิตด้วย  โดย Pilates
เป็นการบริหารร่างกายโดยการผสมผสานรูปแบบการออกกำลังที่หลากหลายเพื่อช่วย
ให้ผู้เล่นปราศจากอาการบาดเจ็บ)  การออกกำลังกายแบบผสมผสานการเต้น
หรือเข้าคลาสเล่นโยคะสัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ได้




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2553    
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 17:27:16 น.
Counter : 369 Pageviews.  

เห็นพ้องหรือไม่กับ 10 เรื่องเล่าเกี่ยวกับการลดน้ำหนักต่อไปนี้

เรื่องเล่าเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก 10 เรื่อง/ Life Soul (จิตตชีวา) :
RealSimple.com


        10
เรื่องเล่าเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก ไขมันต่ำ ! คาร์โบไฮเดรตต่ำ !
รับประทานอาหารได้ตลอดวัน ! ห้ามรับประทานอาหารหลัง 2 ทุ่มไปแล้ว ! 
โดยสรุป
นั่นคือเงื่อนไขทั้งหลายเกี่ยวกับว่าทำอย่างไรจะรักษาน้ำหนักเอาไว้ได้

เรื่อง
ที่ 1: ห้ามรับประทานอาหารหลัง 2 ทุ่มไปแล้ว

     ทฤษฎี
กล่าวอ้าง :

ร่างกายของท่านจะเผาผลาญอาหารที่ท่านรับประทานไปในช่วงแรกของวัน
ขณะที่ปริมาณแคลอรี่ส์ที่รับเข้าไปในช่วงดึกจะยังคงสะสมอยู่ในระบบร่างกาย
และถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน
     ข้อเท็จจริง :
ปริมาณของแคลอรี่ส์ไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา
“ร่างกายของท่านย่อยและให้พลังงานแคลอรี่ส์ ทั้งในช่วงเวลาเช้า 
ช่วงเวลากลางวัน และกลางคืน” ดร. Mary Flynn
กล่าวจากงานวิจัยเกี่ยวกับการลดน้ำหนักแห่งโรงพยาบาล Miriam เมือง
Providence
ปริมาณแคลอรี่ส์จะสะสมอยู่ในร่างกายของท่านนานขึ้นหากว่าท่านรับประทานอาหาร
แล้วนอนชมรายการโทรทัศน์ต่อ แต่ในวันถัดไปเมื่อท่านทำกิจกรรมต่าง ๆ
ร่างกายของท่านก็จะไปดึงเอาพลังงานแคลอรี่ส์ที่สะสมไว้ไปใช้
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงไม่ควรรับประทานของขบเคี้ยวในเวลากลางคืน 
ไม่ว่าจะรับประทานน้อยเพียงใดก็ตามแต่ครั้นเวลาที่ท่านรู้สึกหิว
ท่านก็จะรับประทานแต่ของที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
     ข้อแนะ
นำที่ดีที่สุด :

หากปกติแล้วท่านจะผ่อนคลายก่อนเข้านอนด้วยการรับประทานไอศกรีมสักชามหรือ
ข้าวโพดคั่วคลุกเนย ให้พยามตัดของขบเคี้ยวออกไป
ปริมาณแคลอรี่ส์ที่ถูกสะสมไว้
อาจจะเพียงพอสำหรับการลดน้ำหนักได้ไม่กี่ปอนด์ต่อปีของท่านเลยก็ได้ 
หากท่านรู้สึกหิว  Ellie Krieger,
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักและผู้ประพันธ์หนังสือ เรื่อง “The Food You
Crave”  ให้ข้อแนะนำว่า “ให้หาอะไรเบา ๆ รับประทาน เช่น ผลไม้ หรือ
ซีเรียลกับนม” 
บรรดาผู้นิยมการรับประทานยามดึกทั้งหลายมีแนวโน้มที่จะรับประทานมากเกินไป
เนื่องจากว่าบรรดาบุคคลเหล่านั้นจะรับประทานอาหารน้อยในระหว่างวันและทำให้
รู้สึกหิวอย่างมากเมื่อกลับถึงบ้าน
ความรู้สึกที่หิวโหยนี้จะส่งผลให้ท่านรับประทานทุกอย่างที่คว้าได้ทำให้เกิด
การรับประทานในปริมาณที่มากขึ้นกับทั้งรับประทานอาหารที่มีคุณภาพต่ำอีก
ด้วย  Jo Ann hattner,
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักและที่ปรึกษาด้านโภชนาการในซานฟรานซิสโก
กล่าวแนะนำว่า “ไม่ควรปล่อยให้ท้องหิวนานเกินกว่า 5  ชั่วโมง
โดยไม่ได้รับประทานอะไรเลย” 
นั่นหมายถึงว่าควรรับประทานอาหารให้ครบในแต่ละมื้อและรับประทานของขบเคี้ยว
แต่เพียงเล็กน้อย




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2553    
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 17:25:03 น.
Counter : 379 Pageviews.  

การนอนหลับและการมี พลานมัยที่ดี

การนอนหลับและการมี พลานมัยที่ดี
การนอนหลับเป็นสิ่ง
ที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตสัตว์ รวมไปถึงคนด้วย
แม้ว่าขณะที่เราหลับนั้นในระดับเซลล์ร่างกายเรายังคงทำงานอยู่ 
ระหว่างที่นอนหลับร่างกายเรามีการนำสารอาหารไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ 
ขับของเสียออกจากอวัยวะต่าง ๆ  เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
และคืนพลังงานสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายด้วย 
การได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพและการมีคุณภาพชีวิต
ที่ดีของคุณ การที่คุณได้นอนหลับพักผ่อนในเวลากลางคืนอย่างเพียงพอ
นั่นหมายความว่าคุณมีช่วงเวลาของวันที่ดี
การอดนอนหรือการนอนที่ไม่พอเพียงจะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา

การอด
นอนทำให้เกิดปัญหา ได้แก่
-   ผลงานลดคุณภาพลงและขาดความตื่นตัว
-   ความ
สัมพันธ์ตึงเครียดมากขึ้น
-   คุณภาพชีวิตต่ำลง
-   เกิดอุบัติเหตุ
ระหว่างการทำงาน
-   เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

ถ้าอดนอนเป็นระยะ
เวลายาวนานอาจก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ได้แก่
   โรคความดันโลหิต
สูง
การนอนไม่เพียงพอทำให้เกิดความเครียด ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ส่งผลให้มีการหลั่งสารเคมีมากระตุ้นให้หัวใจบีบตัวแรงขึ้นความต้านทานในหลอด
เลือดแดงสูงขึ้น หรือทำให้หลอดเลือดแดงหดตัวทำให้มีขนาดเล็กลง 
ทำให้ง่ายต่อการ เกิดภาวะการอุดตันของเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงสมอง
เรียกว่าเส้นเลือดในสมองแตก
เพราะเมื่อความดันโลหิตสูงขึ้นผนังหลอดเลือดบริเวณที่ไม่แข็งแรงอาจแตกออกทำ
ให้เลือดพุ่งออกมากดเนื้อสมอง
หรือการไหลเวียนของเลือดลดลงทำให้สมองขาดเลือดอาจเป็นอัมพาตได้ 
ได้มีนักวิจัยทดลองหาสาเหตุของการอุดตันของแพลค (plaques)
และการก่อตัวของแทงกัล  (tangles)
ในสมองของผู้ป่วยที่ประสบปัญหาความจำเสื่อม และการอุดตันของเส้นโลหิตในสมอง
โดยศึกษาหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดการเข้าไปขัดขวางการเชื่อมต่อ
และส่งข้อมูลระหว่างเส้นประสาท และได้ตรวจสอบระดับโปรตีนทั้งในคนและ
ในหนูทดลอง นักวิจัยพบว่า ระดับของโปรตีนเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ตื่นนอน
และจะลดลงในช่วงเวลาหลับ อาจเป็นไปได้ว่าเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง
ซึ่งจะทำงานสูงขึ้นในช่วงเวลาตื่น ส่วนในหนูทดลองนั้น นักวิจัยพบว่า
การอดนอนทำให้ระดับของโปรตีนสูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวสร้างแพลค
ถ้าเราอดนอนเป็นเวลานาน ปริมาณของโปรตีนอาจเพิ่มสูงขึ้น
ทำให้เกิดการอุดตันของแพลคในสมอง

   โรคหัวใจวาย 
โรคหัวใจล้มเหลว
 
เนื่องจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกาย
ให้เกิดการสูบฉีดของโลหิตไปเลี้ยงที่หัวใจไม่เป็นปรกติ
ทำให้หัวใจขาดเลือดและส่งผลให้หัวใจทำงานหนัก ก่อให้เกิดหัวใจวาย
หัวใจล้มเหลวได้ในที่สุด

   เกิดโรคอ้วน
จากงานวิจัยพบว่าการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอมีผลต่อฮอร์โมนในร่างกายทีควบ
คุมความอยากอาหารของร่างกาย  จากการทดลองพบว่า การนอนหลับเพียง 4
ชั่วโมงต่อคืน เป็นเวลา 2 คืนติดต่อกันจะทำให้ ฮอร์โมน leptin
ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ไม่อยากอาหาร ลดลงถึง 18%  และฮอร์โมน Ghrelin
ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดความหิวนั้น เพิ่มขึ้นถึง 28% หมายความว่า
ทำให้เกิดความอยากอาหารเพิ่มขึ้นนั่นเอง 
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองรายงานว่า ความรู้สึกหิวของตนเองเพิ่มขึ้นถึง
24 % และนอกจากนั้นลักษณะอาหารที่ตนเองต้องการก็เปลี่ยนไปด้วย 
โดยมีความอยากอาหารหวาน ๆ เช่น ลูกกวาด คุ้กกี้ อาหารเค็ม ๆ เช่น 
มันฝรั่งทอดกรอบ ถั่วอบ และอาหารประเภทแป้ง เช่น ขนมปังและ พาสต้า มากขึ้น 
ในขณะที่ความอยากอาหารในการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้
กลับลดน้อยลง  เนื่องจากการที่สมองเป็นอวัยวะที่ใช้ Glucose เป็นพลังงาน
จึงเป็นเหตุให้ กลุ่มตัวอย่างเหล่านั้น เลือกรับประทานอาหารกลุ่มที่เป็น
คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (เช่น แป้งขัดขาว น้ำตาลทรายขาว)
เพื่อชดเชยการนอนไม่พอนั่นเอง

   เกิดปัญหาทางจิต
รวมไปถึงโรคซึมเศร้า และปัญหาทางอารมณ์อื่น ๆ และโรคสมาธิไม่ดี หรือ ADD
(attention deficit disorder)

ได้มีคณะวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา
ได้ศึกษาวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างการนอนกับปัญหาทางจิต ผลการศึกษาพบว่า 
ปัญหาการนอน เช่น นอนไม่หลับ นอนไม่เพียงพอ
อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้า สมาธิไม่ดี (attention deficit
disorder) หรือโรคเครียดหลังพบวิกฤตชีวิต (posttraumatic stress disorder /
PTSD) ได้ และมีความเสี่ยงที่จะมีความผิดปกติของการหายใจ เช่น กรน
หยุดหายใจขณะนอนหลับ เพิ่มเป็น 5 เท่า แต่ต้นตอของปัญหาจริงๆ
น่าจะมาจากปัญหาการนอนมากกว่า ปี 2006 อาจารย์พอล เพ็บพาร์ด และคณะ
จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิซัน สหรัฐอเมริกา พบว่า
ภาวะหายใจลำบากหรือหยุดหายใจขณะนอนหลับ (ส่วนใหญ่จะพบในคนที่อ้วนมากๆ)
เพิ่มเสี่ยงปัญหาทางจิต จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า สมองส่วนนอกด้านหน้า
หรือสมองส่วน "คุมความประพฤติ" ถูกรบกวน หรือทำงานได้น้อยลง
ทำให้สมองส่วนอะมิกดาลา (amygdala) ซึ่งเป็นสมองส่วนที่
"ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล" หรือส่วนสันดานดิบทำงานเพิ่มขึ้น 60% 
ในโรคทางจิตประสาทหลายโรค เช่น โรคซึมเศร้า โรคสมาธิสั้น (ADHD)
โรคเครียดหลังพบวิกฤตชีวิต (PTSD) ตามที่กล่าวมา นอกจากนี้
การนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้จิตใจไม่สงบ ขาดสมาธิ ส่งผลต่อการทำงาน 
สมองและระบบประสาททำงานได้ไม่เต็มที่ การสั่งงานของสมองก็ช้า
ผู้ที่ทำงานกับเครื่องจักรและเครื่องยนต์ก็อาจเกิดอันตรายถึงขั้นบาดเจ็บและ
เสียชีวิตได้ด้วย

   ทำให้ตัวอ่อนในครรภ์และชีวิตในวัยเด็ก
มีการเจริญเติบโตช้า
หากคนเราได้นอนหลับสนิท หลับลึก
และยาวนานเพียงพอ ร่างกายจะมีการหลั่งของฮอร์โมนการเจริญเติบโต ชื่อ Growth
hormone ส่งเสริมให้มีการเจริญเติบโตของกระดูก กล้ามเนื้อ ให้เด็กสุขภาพดี
แข็งแรง การหลั่งฮอร์โมนนี้
จะหลั่งออกมามากในระยะการนอนหลับแบบที่มีการแกว่งของลูกตา Rapid eye
movement sleep stage ซึ่งจะพบได้ในการหลับลึกและยาวนานเพียงพอ REM
sleepเป็นระยะการนอนหลับที่พบได้มากในเด็ก หากเด็กนอนดึก มีปัญหาการนอน
ก็จะทำให้เด็กตัวเล็ก นอกจากนี้ยังทำให้การเรียนรู้ลดลง ความสนใจในสิ่งต่าง
ๆ รอบตัวลดน้อยลง  ขาดการสมาคมกับเพื่อน ๆ
ในวัยเดียวกันอาจส่งผลต่อสังคมในเวลาต่อมาได้

   ทำให้เกิด
ปัญหาผิวพรรณ
   นอกจากนี้การอดนอนยังส่งผลต่อผิวพรรณด้วย
โดยการทำงานของระบบเหงื่อที่เป็นแหล่งระบายของเสียออกจากร่างกาย
ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายจะรู้สึกปลอดโปร่ง การนอนดึกทำให้เหงื่อไม่ออก
ความร้อนภายในร่างกายและของเสียต่าง ๆ ก็จะไม่ได้รับการระบาย 
ทำให้รู้สึกอึดอัด  ก่อเกิดโรคผิวหนัง เช่น มีปัญหาเรื่องสิวฝ้า
อีกทั้งเมื่อของเสียไม่ได้ระบายทางเหงื่อ ก็จะไประบายออกทางปัสสาวะแทน
ส่งผลให้ไตทำงานหนักด้วย

   รบกวนการหลับของเพื่อนร่วมห้อง 
การที่บุคคลนอนไม่หลับจะกระสับกระส่าย ส่งเสียงดัง
หรือลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในขณะที่รู้สึกว่าร่างกายไม่ยอมหลับ
ทำให้บุคคลรอบข้างโดยเฉพาะคนที่นอนอยู่ภายในห้องเดียวกันพลอยนอนไม่หลับไป
ด้วย เมื่อนอนไม่หลับก็ส่งผลทาง อารมณ์ สติปัญญา ไปด้วยกันทั้งคู่
และอาจขยายผลไปสู่ปัญหาทางสังคมของบุคคลทั้งสองด้วย ทำให้
คุณภาพชีวิตต่ำลงไปตามผลกระทบที่เป็นวัฏจักร

เคล็ดลับสำหรับ
การนอนหลับที่ดี

      จัดสิ่งแวดล้อมในห้องนอนให้อยู่ในลักษณะ
ที่ดีอันจะช่วยส่งเสริมให้นอนหลับได้ดี 
ตรวจสอบให้เกิดความแน่ใจว่าห้องนอนนั้นมีบรรยากาศที่เงียบพอที่จะช่วยให้คุณ
หลับได้อย่างที่ปรารถนา 
สำหรับห้องนอนที่มืดและมีอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสม
จะมีแนวโน้มให้การนอนหลับดีขึ้น
เพราะหากห้องนอนมีแสงสว่างมากเกินไปแสงจะไปรบกวนการจัดเวลาตื่นนอนหรือ
นาฬิกาชีวภาพของร่างกายของเราทำให้ตื่นเร็วขึ้นหรือหากยังไม่หลับก็อาจส่งผล
ให้นอนไม่หลับได้
      นอกจากนี้
การผ่อนคลายอย่างสม่ำเสมอก่อนการนอนจะช่วยให้หลับง่ายยิ่งขึ้น ทำสิ่งเล็ก ๆ
น้อย ๆ  เช่น การอ่านหนังสือหรือนิตยสารที่เบาสมอง ตลกชวนหัว
และให้ความบันเทิง หรือการฟังเพลงคลาสสิก เพลงเบา ๆ
กับการรับประทานของว่างที่ไม่ทำให้หนักท้องก่อนเข้านอน
เหล่านี้จะช่วยให้หลับง่ายยิ่งขึ้น
      ยังมีเทคนิคการปฏิบัติเพื่อการ
ผ่อนคลายที่จะช่วยให้คุณหลับง่ายขึ้น
สำหรับเทคนิคเพื่อการผ่อนคลายที่ว่านี้
จะช่วยให้คุณรู้สึกสงบทั้งกายและจิตใจ
ซึ่งผลดังกล่าวจะส่งผลให้คุณหลับง่ายขึ้น
บางเทคนิคนั้นคุณสามารถเรียนรู้ได้ตลอดไปจนถึง การสูดหายใจเข้าลึก ๆ 
การค่อย ๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ  การมองเห็น จะช่วยให้คุณหลับได้ดีขึ้น




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2553    
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 17:22:28 น.
Counter : 363 Pageviews.  

วิธีการง่าย ๆ ในการกลับเข้าสู่การออกกำลังกายที่เป็นกิจวัตรเช่นเดิม

วิธีการง่าย ๆ
ในการกลับเข้าสู่การออกกำลังกายที่เป็นกิจวัตรเช่นเดิม


   การ
ออกกำลังกายเป็นเสมือนกับการแข่งขันกับตนเองเพราะเป็นการกระทำโดยมีการวาง
แผนและเป้าหมายเพื่อตนเอง นั่นคือ เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดี
ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต  กิจกรรมในการออกกำลังกายมีหลากหลายชนิด
เช่น วิ่งเหยาะ, เดินเร็ว, ขี่จักรยาน, ว่ายน้ำ, เต้นแอโรบิค
(เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่ม หรือคงไว้ซึ่งความทนทานของระบบไหลเวียน
โลหิตและปอด โดยมีขบวนการใช้ออกซิเจน ในขบวนการเผาผลาญ
เพื่อให้เกิดพลังงานสำหรับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง),ฟุตบอล,
บาสเก็ตบอล, เทนนิส, แบดมินตัน, ตระกร้อข้ามตาข่าย, วอลเลย์บอล เป็นต้น
บางครั้งเราอาจมีข้ออ้างในการที่ไม่ออกกำลังกายต่าง ๆ นานา เช่น ไม่มีเวลา
หรือกำหนดเวลาเอาไว้อีก 1 เดือนข้างหน้า เป็นต้น
ซึ่งแท้จริงแล้วการออกกำลังกายให้คุณประโยชน์ที่หลากหลายนัก
   หากหมด
แรงบันดาลใจในการที่จะเริ่มออกกำลังกายหรือกลับไปออกกำลังกายใหม่อีกครั้ง
ให้ท่านลองรวบรวมเหตุผลที่จะช่วยกระตุ้นให้ท่านเล็งเห็นคุณประโยชน์และความ
สำคัญของการออกกำลังกายไว้เป็นข้อ ๆ ดังนี้
   เพื่อสุขภาพที่ดี
เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบต่าง ๆ
ในร่างกายทำงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพขึ้น
ช่วยลดการเกิดโรคภัยที่เป็นอันตราย เช่น
กลุ่มโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจขาดเลือด  โรคอ้วน 
เบาหวานและไขมันในเลือดสูง  โรคเครียด  โรคภูมิแพ้ 
โรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  โรคมะเร็ง เป็นต้น
      เพื่อความสงบและ
รู้สึกผ่อนคลายขึ้น 
เนื่องมาจากการที่เราออกกำลังกายนั้นมีผลต่อเซลล์สมองโดยตรง
เพราะจะทำให้ร่างกายสูบฉีดโลหิตให้นำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ทำให้เซลล์สมองแข็งแรง ส่งผลให้สมองแจ่มใส อารมณ์เบิกบาน
รู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิมากขึ้น ไม่กระวนกระวาย
ทำให้มีความจำดีและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
   ช่วยให้มุ่งมั่นไป
ที่งานที่ทำอยู่ เมื่อเราทราบแล้วว่าการออกกำลังกายส่งผลดีต่อสมอง
ก็ทำให้เรามีความจำที่ดีขึ้น สมองมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น
ส่งผลให้มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ดี
มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน
ทำให้งานที่ทำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
   เพื่อให้รูปร่างแลดูดี
และเพื่อให้เกิดความรู้สึกดีกับตนเอง 
เพราะการออกกำลังกายมีผลดีกับร่างกายในระยะยาวโดยเฉพาะกับระบบเมตาบอลิซึ่ม
(เมตาบอลิซึ่ม คือ กระบวนการที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็น 2
ประเภทใหญ่ๆ คือ
1.กระบวนการสังเคราะห์พลังงานจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป  เช่น
สังเคราะห์เอากรดอะมิโนกับกลูโคส จากคาร์โบไฮเดรต  2.กระบวนการสลาย 
คือการสลายโมเลกุลใหญ่ในข้อ 1 ที่เก็บสำรองไว้นั้น ให้ไปเป็นโมเลกุลเล็ก
เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที  พลังงานดังกล่าว คือ
พลังที่นำไปใช้ในการออกกำลังกาย  ยืน เดิน นั่ง ตลอดจนทำกิจกรรมต่างๆ
นั่นเอง) ที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
หากเราออกกำลังสม่ำเสมอ ผลของการออกกำลังก็จะมากขึ้นในระยะยาว เช่น
สามารถช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้ดีกว่า
มีความคล่องตัวในการใช้ชีวิตประจำวันได้มากกว่าและยังช่วยให้ร่างกายสามารถ
เผาผลาญแคลอรี่ได้แม้ในขณะที่เรานอนหลับอยู่ด้วย   
   ลดโอกาสการเกิด
การเจ็บป่วย
การออกกำลังกายช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถต่อต้านเชื้อโรค เช่นเชื้อไวรัส ที่เข้าสู่ร่างกายได้
มีผลงานวิจัยที่รายงานว่าการออกกำลังกายสามารถต้านเชื้อหวัดได้ 
จากการทดลองกับหนูทดลองพบว่า
หนูที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งบนเครื่องออกกำลังกายเป็นเวลานานกว่า
สามเดือนครึ่ง
พบว่าเมื่อหนูเหล่านี้ได้รับเชื่อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคหวัด
พวกหนูจะมีอาการของความเจ็บป่วยน้อยกว่าหนูที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
และแม้หนูที่ออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ
เมื่อได้รับเชื้อไข้หวัดก็จะมีภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเชื้อไวรัสเช่นกัน
เนื่องจากเชื่อไวรัสในปอดมีปริมาณลดน้อยลง
   ช่วยให้นอนหลับสนิทในเวลา
กลางคืน การออกกำลังกายช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย
ลดความตึงเครียดของระบบประสาท ส่งผลให้ไร้ความวิตกกังวลใด ๆ
ทำให้เราหลับได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้การออกกำลังกายยังไปกระตุ้นการหลั่งสารเอนโดรฟิน (Endorphins)
ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีอารมณ์ที่ดีขึ้น
อีกทั้งการใช้พลังงานของกล้ามเน้อทำให้ร่างกายต้องการพักผ่อนจึงมีส่วนทำให้
เรานอนหลับได้สนิท หลับลึกยิ่งขึ้นนั่นเอง

หากกระทำได้ดังนี้
เราก็จะเป็นผู้ที่มีพลานามัยที่ดี ส่งผลให้สุขภาพจิตดีตามไปด้วย
การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันก็เป็นไปอย่างราบรื่น
ส่งผลให้เรามีความสุขทั้งกับสังคมและครอบครัวของเราเอง
จากการกำหนดถึงประโยชน์จากการการออกกำลังกายดังนี้แล้ว 
เราก็จะมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่จะได้รับจากการออกกำลังกาย
ซึ่งจะปลุกเร้าให้เรามีเป้าหมายของการลงมือออกกำลังกายมากขึ้น




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2553    
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 17:19:40 น.
Counter : 319 Pageviews.  

คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์จากนมวัวและการดำเนินชีวิต (#0)

คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์จากนมวัวและการดำเนินชีวิตอย่างมีพลานมัย ที่ดี


ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตน้ำนมดิบได้ปริมาณมาก แต่มีกำลังผลิตน้ำนมพร้อมดื่มไม่เพียงพอ จึงมีการนำน้ำนมดิบไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ เช่น โยเกิร์ต ไอศกรีม เนยแข็ง ลูกอม ครีมผงสำหรับใส่กาแฟ และช็อกโกแลตเพื่อสุขภาพที่ผลิตมาตอบสนองกับกระแสรักสุขภาพในปัจจุบันนี้ เป็นต้น นมและผลิตภัณฑ์จากนมวัวเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เรามีรูปแบบชีวิตที่มีพลาน มัยอันดี นมและผลิตภัณฑ์จากนมวัวนี้อุดมไปด้วยไวตามิน แร่ธาตุซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต มีคุณประโยชน์มากมายได้แก่

1. ให้แคลเซียมและโปรตีน
ซึ่งมีประโยชน์ในการสร้างเสริมร่างกาย ให้มีสุขภาพดี โดยร่างกายนำแคลเซียมมาใช้ในการสร้างกระดูก และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ซึ่งแคลเซียมนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมความดันเลือดสูง และช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัวอีกด้วย สำหรับโปรตีนนั้นถือเป็นอาหารที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างเซลล์ ระบบกล้ามเนื้อ ระบบภูมิต้านทานโรคของร่างกาย และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างเป็นปรกติ เป็นต้น
การบริโภค นมที่มีไขมันต่ำ ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดความเสื่อมของไตทั้ง 2 ข้าง อีกทั้งโปรตีนในนมยังประกอบด้วย วิตามินดี แมกนีเซียมและแคลเซียมมีส่วนที่ช่วยให้หัวใจมีสุขภาพที่ดีด้วย
โยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านกระบวนการหมัก คุณค่าทางอาหารของโยเกิร์ตนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตในโยเกิร์ตในขณะที่รับประทาน ดังนั้นขบวนการผลิต การบรรจุ การเก็บ ตลอดจนการขนส่ง ล้วนแล้วแต่มีผลต่อคุณภาพของโยเกิร์ต ถึงแม้ว่าจะไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนในการกำหนดคุณภาพของโยเกิร์ต แต่โยเกิร์ตที่ดีควรมีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิต 100 ถึง 1000 ล้านตัวต่อปริมาณโยเกิร์ต 1 มิลลิกรัม เป็นต้น ประโยชน์ของโยเกิร์ต ได้แก่ ย่อยง่ายกว่านม มีแบคที่เรียที่เป็นประโยชน์ต่อลำไส้ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและไวตามินบี ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยลดระดับคลอเรสตอรอลในร่างกายได้ด้วย สำหรับงานวิจัยในประเทศญี่ปุ่นพบว่า การรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน วันละ 6 ออนซ์ (ประมาณ 1 ถ้วย) จะช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้เกิดกลิ่นในปาก อย่างเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์นอกจากนี้ ในบรรดาผู้ที่ชอบรับประทานโยเกิร์ตนั้น มักจะมีปริมาณคราบแบคทีเรียบนผิวฟัน (plaque) และอาการของโรคเหงืออักเสบน้อยกว่าคนทั่วไปด้วย
cottage cheese เป็นเนยแข็งที่ไม่ต้องผ่านความร้อนและไม่ต้องหมักบ่ม มีกลิ่นและรสอ่อน เนื้อนิ่มเป็นครีม มีความชื้นสูง นุ่ม สีขาว คล้ายเยลลี่ ได้จากการตกตะกอนของโปรตีนเคซีน (casein) ในน้ำนม ซึ่งโปรตีนเคซีนหรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า เคิร์ด (curd) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบในน้ำนมเท่านั้น และมีปริมาณมากที่สุดของโปรตีนในนม ลักษณะของเคซีนเป็นเมล็ดสีขาวเหลือง ถ้าอยู่ในสภาพบริสุทธิ์จะมีสีขาว ไม่มีกลิ่น และรส เคซีน เป็นตัวช่วยให้เกิดความขาวในน้ำนม และพบอยู่คู่กับแคลเซียม ประโยชน์ของเคซีนหรือเคิร์ดนี้ เราใช้เป็นส่วนผสมอาหาร เช่น ผสมขนมปัง หรืออาหารจากเมล็ดพืช เพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหารของขนมปัง ใช้เป็นประสานในการทำผลิตภัณฑ์สัตว์ เช่น ใส้กรอกและเนื้อบด ใช้ผสมไอศกรีมเพื่อลดการหดตัว และทำให้ไอศกรีมฟูดี เป็นต้น ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวกับอาหาร เช่น ใช้ทำกระดุม หวี ตัวปากกาหมึกซึม เป็นต้น เหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายของเราได้รับโปรตีนและแคลเซียมเพื่อนำไปใช้ใน กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย ได้อย่างเพียงพอ

2. ให้ไวตามินดี
การ ดื่มนมพร่องไขมันที่มีไวตามินดีเป็นวิธีการที่ง่ายในการช่วยให้ร่างกายได้ รับปริมาณไวตามินดีอย่างเพียงพอเหมาะสม ไวตามินดีนั้น เป็นไวตามินชนิดที่ละลายได้ในไขมัน ร่างกายอาจสร้างไวตามินดีขึ้นมาเองได้จากการเปลี่ยนไขมันใต้ผิวหนังเมื่อได้ รับแสงอัลตร้าไวโอเล็ต ไวตามินดีและอนุพันธ์ของมันมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีประโยชน์แตกต่างกันไป ประโยชน์ของไวตามินดี เช่น รักษาระดับสมดุลของแคลเซียมในเลือดและในกระดูก ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง ทำงานร่วมกับไวตามิน เกลือแร่ และฮอร์โมนอื่นๆ เป็นต้น หากร่างกายขาดไวตามินดีแล้ว กระดูกจะบาง เปราะ บิดเบี้ยว นอกจากนี้ยังป้องกันโรคกระดูกอ่อนในเด็ก โรคกระดูกพรุนในผู้ใหญ่ และโรคเกี่ยวกับโครงสร้างกระดูกอื่นๆที่ทำให้กระดูกอ่อนแอ ได้มีงานวิจัยเปิดเผยว่าการมีปริมาณไวตามินที่สูงทำให้ลักษณะพันธุกรรมที่ เกี่ยวข้องกับความยืนยาวของอายุและความเครียดดีขึ้น นั่นหมายความว่าไวตามินดีช่วยชะลอความแก่ได้นั่นเอง

3. ช่วยในเรื่องของความดันโลหิต
มีนักวิจัยในประเทศสเปนได้ทำการ ศึกษากับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่ จำนวน 5,000 คน พบว่า ผู้ที่ดื่มนมไขมันต่ำเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 2 ปี จำนวน ร้อยละ 54 มีความดันโลหิตต่ำกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ดื่มนมไขมันต่ำน้อย เนื่องจากกลไกการทำงานของไขมันอิ่มตัวในนม จะทำให้ระดับคลอเรสตอรอลในเส้นโลหิตสูงและส่งผลให้เส้นโลหิตเสื่อมเร็ว อันเป็นที่มาของการเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเส้นโลหิตหัวใจอุดตัน ไตวาย และหัวใจวายตามมา ดังนั้นการดื่มนมไขมันต่ำจะช่วยได้เนื่องจากในนมจะมีแร่ธาตุ แมกนีเซียม โพแทสเซียม และสารเคมีบางชนิดช่วยให้ความดันในช่วงที่หัวใจบีบตัวลดลง นั่นเอง

4. ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
สารอาหารที่ พบในนมที่มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ได้แก่ โปรตีน เนื่องจากอาหารประเภทโปรตีนใช้ระยะเวลาในการย่อยนาน ทำให้รู้สึกอิ่มท้องนาน และยังมีสารอาหารอีกชนิดหนึ่งนั่นคือ แคลเซียม ที่มีในเซลล์ร่างกายจะมีหน้าที่ควบคุมการจัดเก็บและใช้ไขมัน เมื่อในเซลล์มีปริมาณของแคลเซียมมากก็จะทำให้มีการเผาผลาญไขมันมากขึ้นตามไป ด้วย โปรตีนมีไน นม เนื้อสัตว์ ไข่ (มีโปรตีนมากที่สุดและย่อยง่ายมากที่สุด รองลงมาคือปลา) แคลเซียมมีในอาหารหลากหลายชนิด ได้แก่ นม ไข่แดง ถั่ว ผักใบเขียว หอยนางรม กุ้งแห้ง ปลาตัวเล็ก เป็นต้น




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2553    
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 17:13:10 น.
Counter : 314 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.