WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

หนทางเสริมภูมิคุ้มกันความเครียดให้คุณแม่

//www.yourhealthyguide.com/article/images_article/smile-2.gif
















Working Women อย่างคุณ
แต่ละวันอาจมีเรื่องมากมายให้ขบคิด มีปัญหาที่ต้องแก้ไขอยู่เสมอ
ประกอบกับการใช้ชีวิตที่เร่งรีบและแข่งขันกับเวลา
รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจในยุคน้ำมันแพง
หรือแม้แต่การผจญกับปัญหาการจราจรที่ติดขัด
จึงไม่แปลกอะไรที่คุณอาจเกิดอาการเครียดและประสาทเสียโดยไม่รู้ตัว
เราจึงได้นำวิธีเสริมภูมิคุ้มกันความเครียดให้กับเหล่าบรรดา Working Women
โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคุณแม่มาฝากกัน



พูดระบายความเครียด
หาที่ปรึกษาเพื่อระบายความเครียด
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเก็บความเครียดไว้คนเดียว
เล่าปัญหาให้บุคคลที่ไว้วางใจได้ฟัง เพราะการพูดจะช่วยให้คุณพิจารณาปัญหา
และเข้าใจปัญหาได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งบรรเทาความกดดัน
และคลายความรู้สึกเครียดลงได้



อาหารคลายเครียด
การรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน
นอกจากนั้นอาหารยังสามารถช่วยลดความเครียดได้ดีมากทีเดียว
โดยเฉพาะอาหารประเภท ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยสูง
รวมทั้งอาหารเสริมอย่างซุปไก่สกัดติดต่อกันเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 2
สัปดาห์ ของนักศึกษาแพทย์ที่เครียดจากการเตรียมตัวสอบ
ช่วยให้นักศึกษารู้สึกผ่อนคลาย ความเครียดลดลง
ทั้งยังช่วยให้ความจำดีขึ้น



ดนตรีบำบัด เลือก
เพลงที่มีเนื้อหาที่ฟังไพเราะ เพลิดเพลิน สบายอารมณ์ ฟังแล้วสบายใจ
หรือจะเป็นเพลงบรรเลงก็ได้ แล้วคุณจะพบว่า ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงโปรด
เรามักจะเกิดความสุขใจ และเมื่อเกิดความสุข
ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความสุขออกมา
ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจเกิดความผ่อนคลายอย่างเต็มที่



ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
เริ่มด้วยการนั่งหรือนอนในท่าที่สบายๆ ไม่มีใครมารบกวน
เกร็งกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งให้เต็มที่ ทิ้งไว้สักอึดใจหนึ่ง
แล้วจึงคลายออก ค่อยๆ ฝึกไปทีละส่วนทั่วร่างกาย
หรือเฉพาะส่วนที่รู้สึกตึงเครียด โดยทำซ้ำประมาณ 8-12 ครั้ง
จะช่วยให้อาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลดลง
รวมทั้งลดการคิดฟุ้งซ่านและวิตกกังวล จิตใจจะมีสมาธิมากขึ้นกว่าเดิม



ฝึกหายใจคลายเครียด
หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ สังเกตว่ากระบังลมขยายออก ท้องป่องออก
จากนั้นค่อยๆ หายใจออกช้าๆ ไล่ลมให้ออกมากที่สุด ควรทำติดต่อกันประมาณ 4-5
ครั้ง จะทำให้หัวใจเต้นช้าลง สมองแจ่มใส เพราะได้ออกซิเจนมากขึ้น
และการหายใจออกอย่างช้าๆ
จะทำให้รู้สึกได้ปลดปล่อยความเครียดออกไปจากตัวจนหมดสิ้น



ขณะเดียวกันก็ไม่ควรละเลยในการดูแลสุขภาพของตัว
เอง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้มากขึ้น
รวมทั้งหัดปล่อยวางปัญหาที่แก้ไม่ตกเสียบ้าง
และหมั่นสร้างอารมณ์ขันให้กับตัวเอง เมื่อคุณผ่อนคลายความเครียดลงแล้ว
สมองก็ปลอดโปร่งแจ่มใส มองโลกในด้านดี ต่อให้อุปสรรคมากมายขนาดไหน
Working Women อย่างคุณก็สามารถฝ่าฝันได้สบายๆ
แล้วการดำเนินชีวิตประจำวันก็จะดีขึ้น


 
     





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 23:25:49 น.
Counter : 353 Pageviews.  

บรรเทาปวดหัวจากความเครียดได้ด้วยตัวเอง

//www.yourhealthyguide.com/article/images_article/headache.gif



หลายคน
อาจคิดว่า อาการปวดหัวจากความเครียดไม่อันตราย กินยาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย
บางคนปล่อยทิ้งไว้ให้หายเอง
บางรายสะสมจนถึงขั้นกลายเป็นโรคเรื้อรังในที่สุด
ดังนั้นเรามารู้จักวิธีการดูแลตัวเอง เวลามีอาการปวดหัวแบบนี้กันดีกว่าค่ะ



เยียวยาอาการปวดหัวด้วยตัวเอง



อาการปวดหัวที่ไม่มีลักษณะกะทันหัน
หรือมีอาการรุนแรงมากนัก สามารถรักษาด้วยตัวเองได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้



























































 
ปรับเปลี่ยนสิ่งแวด
ล้อมคลายเครียด
 
ผ่อนคลายความตึงเครียดเหนื่อย
ล้า ด้วยการพยายามพักสายตา พักผ่อนร่างกายและจิตใจ
 
เปลี่ยนอิริยาบถจากงานประจำที่
ทำอยู่ ไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เพื่อเป็นการพักสมอง
 
พักผ่อนหรือนอน
หลับสักเล็กน้อย การสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ญาติมิตร
หรือจิบเครื่องดื่มร้อนๆสักถ้วย อาจจะช่วยคลายอาการปวดได้
 
พยายามเลี่ยงน้ำ
หอม เนื่องจากมีสารเคมี สูดดมมากๆ จะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย
แต่ควรใช้กลิ่นธรรมชาติบำบัดแทนจะดีกว่า
 
เปลี่ยนองค์ประกอบต่างๆ เช่น สี
หรือการจัดห้อง ให้รู้สึกสบาย ไม่อุดอู้


หลากวิธีบำบัดเครียด



หากมีอาการเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น
อาการปวดต่างๆ การบำบัดรักษามีมากมายหลายแบบแผน แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลา
สามารถนำหลักของการแพทย์แผนไทยเหล่านี้
ไปประยุกต์ใช้ที่บ้านหรือที่ทำงานก็ได้ค่ะ









































 
ใช้ยาหอม
นอกจากยาหอมจะมีสรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะได้แล้ว
ยังช่วยคลายจากอาการปวดหัวได้เช่นกัน ใช้สูดดมก็ได้
แต่ส่วนใหญ่จะใช้ชงดื่มกับน้ำร้อนได้ตัวยาแล้ว
ยังได้สูดดมกลิ่นหอมของยาที่ระเหยขึ้นมาด้วย ซึ่งช่วยบำบัดได้อีกทางหนึ่ง
 
ใช้กลิ่นบำบัด
เลือกกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสบาย เพราะกลิ่นต่างๆ จากธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นส้ม กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือน้ำมันหอมระเหยของไทย
จะใช้ได้ผลดีและปลอดภัยที่สุด
 
ออกกำลังกายและรับ
อากาศบริสุทธิ์ให้เพียงพอ จะช่วยลดโอกาสอาการปวดศีรษะ
โดยช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
และผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบศีรษะ
 
นวดประคบ
ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นบริเวณขมับ ท้ายทอย และต้นคอ จะทำให้รู้สึกดีขึ้น
แต่เรามีวิธีกดนวดตัวเอง เพื่อคลายปวดแบบง่ายๆ มาแนะนำดังนี้ค่ะ


กดนวดตัวเองคลายปวดหัว









































 
1.
นวดบริเวณด้านหลังต้นคอ
บีบขยำเบาๆ และนวดที่กล้ามเนื้อหัวไหล่สลับกันทั้งซ้ายขวา
 


2.

นวดโดยใช้นิ้วหัว
แม่มือ กดแรงๆ บริเวณกล้ามเนื้อของกระดูกต้นคอทั้งสองข้าง และใช้นิ้วอื่นๆ
ที่เหลือกดนวดบริเวณหลังใบหู
 
3.
ใช้นิ้วชี้กดนวด
ขมับแรงๆ นับ 1-10 จากนั้นกรีดนิ้วไปตามแนวคิ้วจนถึงหน้าผาก
แล้วกดนิ้วชี้ลงแรงๆ บริเวณนั้น นับ 1-10
 
4.
นวดเป็นแนวจากต้นคอด้านหลัง
เรื่อยลงมายังหัวไหล่ ระวังอย่านวดบริเวณด้านหน้าหรือหลอดลม


แต่หากทำทุกวิธีแล้วอาการปวดยังไม่บรรเทา
ให้ไปพบแพทย์



 



 







 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 23:22:40 น.
Counter : 508 Pageviews.  

10 เคล็ดลับบริหารเวลา ลดความเครียด

บางทีการที่คุณรู้สึกยุ่งและเครียดอยู่ตลอดเวลา
อาจจะไม่ได้มาจากการที่คุณมีงานมากเกินไป หรือมีเวลาไม่มากพอ
แต่เพราะคุณไม่รู้จักใช้เวลาของตัวเองมากกว่า

หนึ่งในปัญหาหลักที่ก่อให้เกิดความเครียดในการทำ
งาน ก็คือ งานที่มากเกิน และไม่มีเวลาพอจะทำให้เสร็จ วิธีง่ายๆ
ในการออกจากปัญหานี้ก็คือ การจัดระเบียบ และบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายของการบริหารเวลา ไม่ใช่เป็นการหาเวลามากขึ้น
แต่คือการจัดลำดับความสำคัญ และใช้เวลาที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด
เราได้รวบรวมเคล็ดลับ 10 อย่าง เพื่อให้คุณควบคุมชีวิตตัวเองได้
และสนุกกับสิ่งที่ตัวเองทำ



















































































































 


1.

  ทำ
รายการสิ่งที่ต้องทำและจัดลำดับความสำคัญ

นี่คือจุดเิริ่มต้นของการบริหารเวลา เขียนรายการของภารกิจที่ต้องทำ
จัดลำดับมันตามความสำคัญ และวางแผนว่าคุณจะทำมันเสร็จเมื่อไร
เขียนหน้าที่และกิจกรรมที่จะช่วยทำมันได้เร็วที่สุด
การจัดความสำคัญของภารกิจจะช่วยคุณลดความตึงเครียดลงได้
 
2.
  สร้าง
กิจวัตร
เลือกเวลาใสก็ได้ในแต่ละวันหรือสัปดาห์
เพื่อจัดการกับภารกิจบางอย่าง เช่น ตอบอีเมล์ โทรศัพท์ ทำงานเอกสาร
และทำตามนั้นให้เป็นกิจวัตร
 


3.

  เรียน
รู้ที่จะปฏิเสธ

มันมีบางเวลาที่คุณต้องเรียนรู้ที่จะสร้างขอบเขต
การจัดเวลาที่ไม่ดีบ่อยครั้งเป็นผลมาจากตัวเราเอง
ที่ชอบตอบตกลงกับหลายสิ่งหลายอย่างเกินไป
ทุกครั้งที่เราตกลงจะทำบางอย่างที่นอกเหนือตารางของเรา
ภารกิจอื่นที่จัดเวลาเอาไว้ก็จะไม่ได้ทำ
เพราะฉะนั้นเรียนรู้ที่จะปฏิเสธบ้าง บางครั้งคำว่า "ไม่"
ก็ต้องพูดกับตัวเองด้วย
อย่างได้รับอะไรก็ตามที่มากเกินขอบเขตความสามารถของคุณ
 


4.

 
เรียนรู้ว่าคุณทำงานตอนไหนดีที่สุด
คุณสามารถค้นพบตัวเอง
ได้ด้วยการดูผลงานของตัวเองสักช่วงหนึ่ง จากนั้น
ก็ให้เวลาที่ตัวเองทำงานได้ดีที่สุดสำหรับการทำงานสำคัญที่สุด
 


5.

  แบ่ง
ภารกิจใหญ่ๆ ให้ย่อยลง
ถ้าเป็นไปได้ ภารกิจใหญ่ๆ
ควรถูกแบ่งเป็นภารกิจเล็กๆ หลายๆ เรื่อง
มันจะทำให้ง่ายขึ้นที่จะรับมือกับมัน นอกจากนี้
การใช้วิธีการแบ่งเป็นส่วนย่อยๆ
คุณจะสามารถจัดมันให้เข้ากับตารางเวลาอันแสนยุ่งของคุณได้ง่ายขึ้น
 
6.
  ประหยัด
ความพยายามเอาไว้บ้าง

ตัดสินใจว่าภารกิจไหนที่ต้องการความใส่ใจอย่างละเอียดลออ
และอะไรที่สามารถทำได้แบบสบายๆ การพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ
นอกจากจะเป็นได้ยากแล้ว มันยังยิ่งทำให้คุณเครียดหนักขึ้นไปอีก
 
7.
  เรียน
รู้ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่จำเป็นและไม่จำเป็น

แยกแยะงานที่ต้องทำให้เสร็จ กับงานที่สามารถแบ่งไปให้คนอื่นได้
มองหาวิธีที่จะพัฒนาวิธีทำงานให้เสร็จเร็วขึ้น
และพยายามทำงานที่ต้องทำเป็นประจำให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ
หรือปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพขึ้น
 
8.
  จำกัด
เวลา
เรากำลังพูดถึงการบริหารเวลา ฉะนั้น โดยธรรมชาติ
พร้อมกับการตั้งเวลาเริ่มต้นสำหรับกิจกรรม
เราจำเป็นต้องตั้งเวลาที่จะหยุดเอาไว้ด้วย นี่จะต้องการการประมาณการ
แต่การเดาของคุณจะพัฒนาขึ้นเมื่อได้ฝึกฝน
นี่จะปล่อยให้คุณและคนอื่นสามารถจัดเวลาของกิจกรรมได้ดีกว่า
 
9.
  อย่า
โหดร้ายกับตัวเอง
ให้เวลาตัวเองมากพอที่จะทำงานให้เสร็จ
และลดความวิตกกังวล ถ้าคุณมีปัญหาในการทำงานให้ทันเดดไลน์
ให้เวลาตัวเองมากกว่าทีุ่คุณคิดว่าต้องการ เพื่อทำงานให้เสร็จอีก 20
เปอร์เซ็นต์
 
10.
  วาง
แผนเพื่อทำให้ทุกอย่างเสร็จ

คุณต้องหาเวลาเอาไว้เพื่อวางแผนและจัดตารางเวลาของคุณด้วย


 





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 23:20:42 น.
Counter : 320 Pageviews.  

กลวิธีคลายเครียด

ความ
เครียดทางอารมณ์
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนไม่มากก็น้อย
ความเครียดอาจจะเกิดจากปฏิกิริยาในตัวเราเอง เช่น
ปวดท้องอึขณะที่ขับรถติดในชั่วโมงเร่งด่วน
หรือความเครียดที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น หุ้นตก สูญเสียเงิน
ถูกโกงแชร์ เป็นนายกโดนปฎิวัติ ฯลฯ




ความเครียดขนาดน้อยๆ เป็นเรื่องปกติ ไม่มีปัญหา
แต่อาจจะมีประโยชน์ ที่ทำให้เราพยายามเอาชนะมัน
ทำให้เรามีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย เช่น เครียดเพราะกลัวสอบเอ็นทรานซ์ไม่ได้
จึงทำให้ขยันเรียน แต่ความเครียดถ้ามีขนาดมาก ก็มีผลเสียต่อสุขภาพ เช่น
ความเครียดอาจจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง ทำให้เป็นหวัดง่าย เริมกำเริบ
หรือในบางคนอาจจะเกิดโรคจู๋หมดน้ำยา หรือถึงขนาดฆ่าตัวตาย



ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเครียด
แนะนำหลักการลดความเครียดไว้หลายอย่าง
ขั้นแรกหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียด
เขาให้คำนิยามของสาเหตุความเครียดไว้ว่า มันคือ
ภาวะที่บีบคั้น ที่เกินความสามารถของเราที่จะตอบสนองได้



ความสามารถในการตอบสนองต่อความเครียด ขึ้นกับพันธุกรรม บุคลิกภาพ
ประสบการณ์ของชีวิตของเรา เช่น คนบางคนอาจจะเครียด
เมื่อต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวที แต่บางคนชอบมาก เนื่องจากมีพันธุกรรม
หรือบุคลิกของความไม่ขี้อายชอบแสดงออก บางคนเข้าใกล้หมาแล้วเครียดมาก
เนื่องจากมีประสบการณ์โดนหมากัดตอนที่ยังเด็ก


สาเหตุของความเครียดหลายอย่าง มันเห็นได้เข้าใจได้เด่นชัด เช่น
พ่อหรือแม่เสียชีวิต ลูกไม่สบาย แฟนเลิกร้าง กิ๊กเลิกรา หางานทำ ไม่ได้
ถูกไล่ออกจากงาน หาเงินไม่พอใช้ เป็นหนี้พนันบอล ฯลฯ แต่ความเครียดเล็กๆ
น้อยๆ ในชีวิตประจำวันก็ไม่ควรมองข้าม เช่น
ต้องขับรถฝ่าจราจรไปส่งหรือรับลูกที่โรงเรียนทุกวัน
เพื่อนร่วมงานนิสัยไม่ดี คอมฯ มีปัญหาแฮงค์บ่อยทำให้ต้นฉบับหาย
น้ำมันราคาแพง ความเครียด เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ถ้าเป็นอยู่นานๆ
ก็สามารถสร้างความเสียหาย ให้กับชีวิตร่างกายหรือสุขภาพของเราได้มาก
เพราะมันกระตุ้นร่างกายเรา ให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดตลอดเวลา
ทำให้เกิดโรคขึ้น เช่น ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
แล้วตามมาด้วยอัมพาตอัมพฤกษ์



กลวิธีคลายเครียดที่ผู้รู้แนะนำไว้
และคุณสามารถเลือกเอาไปใช้ได้มีหลายอย่าง คือ



จดบันทึกประจำวัน























 
จดบันทึกประจำวันสักหนึ่ง
สัปดาห์ ให้สังเกตดูว่าเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใด ที่เราตอบสนองทางกาย ใจ
หรืออารมณ์ในทางลบ และให้จดวันเวลาของเหตุการณ์ไว้ด้วย
เขียนบรรยายเหตุการณ์เอาไว้ย่อๆ เราอยู่ในเหตุการณ์ตรงไหน
มีใครเกี่ยวข้องบ้าง อะไรเป็นสาเหตุของความเครียด
และบรรยายถึงการตอบสนองของเรา ต่อความเครียดนั้นด้วย
อาการทางกายของเราเป็นอย่างไร เช่น หัวใจเต้นแรง ใจสั่น เหงื่อแตก
ความรู้สึกของเราเป็นอย่างไร เราพูดอะไร หรือทำอะไรลงไปบ้าง
เสร็จแล้วให้คะแนนความเครียดของเราจาก 1 ถึง 5 (น้อยไปมาก)
 
จดบันทึกรายการของสิ่งหรือ
สถานการณ์ต่างๆ ที่บีบคั้นเราให้ใช้เวลา
และพลังงานกับมันในหนึ่งสัปดาห์ว่ามีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น
การงานที่เราทำอยู่ งานอาสาสมัคร ขับรถพาลูกไปเรียนพิเศษ
ดูแลพ่อหรือแม่ที่แก่เฒ่า เสร็จแล้วให้คะแนนความมากน้อยของความเครียดที่
เราประสบจาก 1 ถึง 5 เหมือนข้างบน


ี้หลังจากนั้น
เราก็มานั่งพิจารณาสิ่งที่เราจดบันทึกไว้
พิจารณาสิ่งที่เราคิดว่าทำให้เราเครียดมากๆ แล้วเลือกขึ้นมาอย่างหนึ่ง
เพื่อทำการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคที่ใช้แก้ปัญหาดังนี้



ปรับปรุงทักษะการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทักษะนี้สามารถทำให้คุณเก่ง ในการแยกแยะเป้าหมาย
และให้ความสำคัญก่อนหลังของสิ่งที่เราต้องทำ
ซึ่งจะช่วยลดความเครียดในชีวิตได้ ให้ใช้ทักษะต่างๆ ดังต่อไปนี้ช่วยลด
ความเครียด



























































 
สร้างความคาดหมาย
ที่เป็นไปได้จริง และขีดเส้นตายให้กับงานที่เราจะทำ
และทำการตรวจสอบความก้าวหน้าเป็นประจำ
 
จัดระเบียบบนโต๊ะทำงาน
กำจัดกระดาษที่ไม่มีความสลักสำคัญ โดยการโยนมันทิ้งไป
 
เขียนรายการแม่บทของสิ่งที่เรา
ต้องทำก่อนหลังประจำวันแล้วทำตามนั้น
 
ตลอดทั้งวันที่ทำ
งานหมั่นเช็ครายการ แม่บทที่เราทำไว้
ว่าเราได้ทำเสร็จไปตามลำดับก่อนหลังที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า
 
หัดใช้สมุดนัดที่เขาเรียกว่าแพ
ลนเนอร์ เพื่อจดบันทึกสิ่งที่เราวางแผนจะทำล่วงหน้า เป็นวัน เป็นเดือน
หรือเป็นปี หรือเขียนรายการแม่บทตามที่กล่าวข้างบนนั้น
เป็นรายการที่ต้องทำก่อน-หลังประจำวัน ลงบนแพลนเนอร์ด้วย แล้วทำไปตามนั้น
และทำการประเมินผลประจำวัน จะเกิดผลดี ไม่เกิดความยุ่งยาก สับสน ผิดนัด
ใช้แพลนเนอร์เก็บเบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ของคนสำคัญหรือลูกค้า
เพื่อความสะดวกใน การค้นหาติดต่อ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
ผิดพลาดเสียเวลาน้อยลง มีเวลาทำงาน อย่างอื่นหรือรื่นเริงมากขึ้น
 
สำหรับการทำงาน
หรือโครงการที่มีความสำคัญมาก ให้กันเวลาที่ห้ามใครมารบกวนไว้ต่างหาก
เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่องและเป็น ความลับ


หลีก
เลี่ยงความเบื่อหน่ายหมดไฟในการทำงาน





ถ้าคุณมีความรู้สึกหมดไฟ ไม่อยากทำงาน
หรือเครียดมากเป็นเวลานานเป็นสัปดาห์
ความรู้สึกนี้จะมีผลต่อความสัมพันธ์ในทางอาชีพ
และในชีวิตส่วนตัวหรือในการทำมาหากินของคุณได้




ความอัดอั้นตันใจที่มากล้น ความรู้สึกเมินเฉยต่อการงาน
ความหงุดหงิดรำคาญใจเป็นเวลายาวนาน ความขุนเคืองใจ
และมีความโน้มเอียงที่จะโต้เถียงเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้
เป็นตัวชี้บ่งถึงอาการหมดไฟในการทำงาน ซึ่งจำเป็นต้อง
ได้รับการจัดการเยียวยาให้มันดีขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำกลยุทธในการต่อสู้ดังนี้





























































 
ดูแลตัวเองให้สุขภาพดี
กินอาหารให้ครบห้าหมู่ กินให้ครบทุกมื้อรวมทั้งอาหารเช้า
กินในขนาดที่พอประมาณ (ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม) นอนให้เพียงพอ
และออกกำลังกายสม่ำเสมอให้พอเหมาะ
สิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของท่านแข็งแรง
สามารถสู้กับความเครียดทางกายและใจได้ดี
 
สร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนใน
ที่ทำงานและนอกที่ทำงาน หาเพื่อนสนิทที่เราสามารถบ่นเรื่องคับข้องใจ
ปรับทุกข์เรื่องการงานให้ฟังได้ ทำให้มีหนทางในการแก้ปัญหา
ที่ก่อความเครียดของเราได้
หลีกเลี่ยงการคบค้ากับคนที่เรามีความรู้สึกไม่ดี คนไม่จริงใจ
ไม่เป็นกัลยาณมิตร เพราะจะยิ่งจะตอกย้ำความรู้สึกย่ำแย่ให้มากขึ้น
ในมงคลสูตรก็กล่าวไว้ให้คบคนดี หลีกหนีคนพาล มองหากัลยาณมิตร
 
รู้จักลาพักผ่อน ลาพักร้อน
วาเคชั่น บางคนอาจจะลาไปปฏิบัติธรรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน หรือปลีกวิเวก
สำหรับคนที่ทำได้ มันจะทำให้คลายเครียดลงได้มาก แน่นอน
และสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ลาได้ไม่มาก
ก็อาจจะมีการเบรคพักคลายเครียดชั่วครู่ในเวลาทำงาน ก็จะช่วยได้บ้าง
 
ในบางกรณีจำเป็นต้องฝึกการ
ปฏิเสธ หัด “Say No” กับเพื่อนที่มาชวนไปทำโน่นทำนี้ ที่ทำให้เราเครียด
เช่น เป็นสาวเป็นแส้เที่ยวแร่ไปตามที่อโคจร ไปนั่งตามผับตามบาร์
ดื่มเหล้าสูบยาซึ่งเป็นท่าทีเชิญชวนให้
หนุ่มเหน้าเข้ามาโอภาปราศรัยอยากได้ปลื้ม
 
หัดยับยั้งชั่งใจไม่โต้เถียงกับ
ใครๆ โดยไม่เลือก พยายามใจเย็น มีสติ สัมปชัญญะ
เถียงเฉพาะเรื่องที่มีความสลักสำคัญจริง (ไม่ใช่เรื่องทักษิณออกไป)
แต่ที่ดีที่สุดคือหุบปากไม่เถียงกับใครเลย ทุกครั้งที่เถียงกัน
จะมีการหลั่งของฮอร์โมนความเครียด ความดันเลือดพุ่งขึ้นทุกที
 
ทางออกของความ
เครียดที่ควรหัดมีไว้คือ การอ่านหนังสือที่เราชอบ ทำงานอดิเรกที่เรารัก
ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาที่เราสนุก ทำให้รู้สึกชื่นมื่นเพราะเอนดอร์ฟิน
(สารสร้างสุข) หลั่งออกมา


ถ้าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่มีผลดีต่อ
คุณ ก็จำเป็นต้องหาที่พึ่ง เช่น เข้าหาปรึกษาพระที่เราเคารพนับถือ
เอาธรรมะเข้าข่ม หรือใช้มืออาชีพอย่างนักจิตวิทยา
หรือให้จิตแพทย์ช่วยก็จะดีที่สุด
อย่าลืมว่าความเครียดอาจจะทำให้ถึงตายได้ อย่าปล่อยให้มันเรื้อรังนะครับ



 





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 23:18:29 น.
Counter : 304 Pageviews.  

คู่มือคลายเครียด (3) - การคลายเครียดในภาวะที่มีความเครียดสูง

















การคลายเครียดในภาวะที่มีความเครียดสูง


เมื่อมีความเครียด
กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายจะหดเกร็ง และจิตใจจะวุ่นวายสับสน
ดังนั้น เทคนิคการผ่อนคลายความเครียดส่วนใหญ่ จึงเน้นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
และการทำจิตใจให้สงบเป็นหลัก ซึ่งวิธีที่จะนำเสนอในที่นี้
จะเป็นวิธีง่ายๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ตามความเหมาะสม
เนื่องจากบางคนอาจจะปฏิบัติได้ผลในบางวิธี ดังนั้น
จึงควรเลือกใช้ในวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง คือ ทำให้ผ่อนคลายได้ดีที่สุด
วิธีต่างๆ มีทั้งสิ้น 6 วิธี ดังนี้คือ







































































 
  การฝึกเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ
 



  การฝึกการหายใจ
 
  การทำสมาธิเบื้องต้น
 
  การใช้เทคนิคความเงียบ
    การใช้จินตนาการ
    การใช้เทปเสียงคลายเครียดด้วยตัวเอง


ขอให้ลองอ่านวิธีทั้งหมด
อย่างคร่าวๆ ดูก่อน หากชอบวิธีไหน เป็นพิเศษจึงค่อยอ่านโดยละเอียด
และนำไปฝึกฝนด้วยความตั้งใจต่อไป



ในการฝึกครั้งแรกๆ
ใจอาจจะยังคอยพะวงอยู่กับ ขั้นตอนการฝึกจนรู้สึกว่า
ความเครียดยังไม่ได้รับการผ่อนคลาย ออกไปเท่าที่ควร แต่เมื่อฝึกหลายครั้ง
จนเกิดความชำนาญ จะช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดี



สำหรับการฝึกคลายเครียดนั้น เมื่อเริ่มฝึก
ควรฝึกบ่อยๆ วันละ 2-3 ครั้ง และควรฝึกทุกวัน ต่อเมื่อฝึกจนชำนาญแล้ว
จึงลดลงเหลือเพียงวันละ 1 ถึง 2 ครั้งก็พอ และฝึกเฉพาะ
เมื่อรู้สึกเครียดเท่านั้นก็ได้ แต่อยากแนะนำให้ฝึกทุกวัน
โดยเฉพาะก่อนนอนจะช่วยให้จิตใจสงบ และนอนหลับสบายขึ้น



หากคุณได้ลองฝึกปฏิบัติ
การผ่อนคลายความเคียดตามวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว
ไม่สามารถผ่อนคลายความเครียดที่มีอยู่ได้ คุณควรพบแพทย์
เพื่อพอคำแนะนำปรึกษาต่อไป



 
     




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 23:16:34 น.
Counter : 362 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.