WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

ดื่มน้ำผัก ตับแข็งแรง

//variety.teenee.com/foodforbrain/img1/84778.jpg
กะหล่ำปลี
ผักที่อุดมไปด้วยสารอินโดลฟลาโวนอยด์ สารคาร์บินอล สารไฟโตเคมิคอล
ซัลโฟราเฟน กลูโคซิโนเลต ซึ่งช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง
และต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง ทั้งยังมีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี
และกรดโฟลิก การับประทานกะหล่ำปลีช่วยกระตุ้นการสร้างกลูตาไทโอน
สารที่จำเป็นต่อตับในการล้างพิษจากควันหรือไอเสีย และยาที่ใช้


สำหรับ
วีตกราส หรือต้นอ่อนข้าวสาลี
ช่วยฟอกโลหิต
ล้างสารพิษที่ตกค้าง ช่วยย่อยอาหาร เพิ่มพละกำลังแก่ร่างกาย
เพราะเปี่ยมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบีรวม แคลเซียม
แมกนีเซียม โพแทสเซียม และเหล็ก การดื่มน้ำวีตกราสคั้นสด ๆ
ยังช่วยทำความสะอาดเลือด เสริมความแข็งแรงให้เซลล์เม็ดเลือด



ขณะที่ สาหร่าย
สไปรูลินา
พืชเซลล์เดียวที่อุดมด้วยวิตามินบี 12
ซึ่งหาไม่ได้ในพืชผัก เพราะจะมีแต่ในเนื้อสัตว์
มีความสำคัญในการฟื้นฟูและปรับสมดุลของตับ สมอง และระบบประสาท
ทั้งยังมีคลอโรฟีลล์ ตัวช่วยเร่งการล้างพิษและขับของเสียจากตับ กระแสเลือด
และลำไส้



โดยเตรียมส่วนผสมทั้งหมดตามสัดส่วนต่อไปนี้...


กะหล่ำปลี 1 ถ้วย


วีตกราส 2 ถ้วย


สาหร่ายสไปรูลินา พอประมาณ





 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 14:06:18 น.
Counter : 351 Pageviews.  

สู้ไมเกรนหน้าร้อน

อาการปวดตุ้บๆ
ที่บริเวณขมับข้างเดียวหรือสองข้างอย่าเฉย
//variety.teenee.com/foodforbrain/img2/84780.jpg

 



          หน้าร้อนปีนี้มาแล้ว
มาเร็วและแรงกว่าทุกปีเสียด้วย หลายคนคงนึกถึงสายลม แสงแดด
และโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อคลายร้อนกัน
แต่คงมีอีกหลายคนเช่นเดียวกันที่เริ่มวิตกกังวลและกลัวว่าหน้าร้อนปีนี้คงจะ
ไม่สนุกเหมือนเช่นเคย เพราะต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการปวดหัวไมเกรนอีกแล้ว
คงเศร้าน่าดู... ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับอาการปวดหัว
ไมเกรน
ให้มากขึ้น เพื่อสู้ไมเกรนหน้าร้อนกันดีกว่า


 



          ไมเกรน (migraine) เป็นอาการปวดศีรษะชนิดหนึ่ง
ซึ่งมีลักษณะอาการที่สำคัญคือ ปวดตุ้บๆ
ที่บริเวณขมับข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
บางคนอาจเริ่มจาก
ปวดแบบตื้อๆ จี๊ดๆ ก่อน แล้วค่อยรุนแรงขึ้นจนเป็นตุ้บๆ ในที่สุด
ความรุนแรงของอาการปวดมีตั้งแต่ปวดปานกลางจนถึงรุนแรงมาก
ระยะเวลาของอาการปวดมีความแตกต่างกันในแต่ละคนตั้งแต่
4-72
ชม. อาการปวดจะกำเริบหรือรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการ
เคลื่อนไหว ขณะปวดไมเกรนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย
เช่น คลื่นไส้
อาเจียน เบื่ออาหาร และอาจไวต่อแสงหรือเสียง
ดังนั้นผู้ที่เป็นไมเกรนส่วนใหญ่มักอยากอยู่ในห้องมืดและเงียบ
เพราะจะทำให้อาการปวดไมเกรนดีขึ้น


 



          นอกจากนี้บางคนก่อน
จะมีอาการปวดไมเกรนอาจมี
อาการนำมาก่อนประมาณ 5-20 นาที เช่น
เห็นแสงวูบวาบคล้ายแสงแฟลช ตามองไม่เห็นชั่วขณะ
หรือชาข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย เป็นต้น


 



สาเหตุของไมเกรน



 



        
สำหรับสาเหตุและกลไกของอาการปวดไมเกรนในปัจจุบันยังไม่ทราบชัดเจน
อย่างไรก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้พยายามอธิบายถึงสาเหตุและกลไกของอาการปวดไมเกรนไว้
หลายทฤษฏี ดังนี้


 



         -
 เดิมเชื่อว่าเกิดจากการที่หลอดเลือดในสมองมีการหดตัวเกิดขึ้น
หลังจากนั้นร่างกายมีการตอบสนองโดยการทำให้หลอดเลือดดังกล่าวเกิดการขยายตัว
ซึ่งการขยายตัวของหลอดเลือดนี่เองเป็นสาเหตุของการปวดไมเกรน


 



         -  ต่อมาพบว่า
เส้นประสาทคู่ที่ 5 หรือที่เรียกว่า ไทรเจมินัล (trigerminal)
และสารเคมีในสมองที่ชื่อซีโรโตนิน (serotonin) ซึ่ง
เชื่อว่าการเสียสมดุลของสารเคมีนี้ในสมองเป็นสาเหตุของการปวดไมเกรน
เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าเมื่อมีอาการปวดไมเกรน ระดับซีโรโตนินในสมองจะลดลง

ทำให้เกิดการกระตุ้นผ่านเส้นประสาทไทรเจมินัลไปยังหลอดเลือดที่เยื่อหุ้ม
สมองด้านนอก ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวจนบวมและอักเสบในที่สุด


 



         -
 ระยะหลังมานี้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยีนส์หรือจีโนมิกส์พบว่า ion-transport
gene อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรน


 



         -
 นอกจากนี้มีการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่าไมเกรนสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

แต่จะเกิดอาการหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกร่างกายที่มา
กระตุ้นด้วย


 



ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดไมเกรน


 



        
ปกติแล้วอาการปวดไมเกรนจะกำเริบขึ้นเมื่อมีปัจจัยบางอย่างมากระตุ้น
ซึ่งแต่ละคนจะมีปัจจัยกระตุ้นที่แตกต่างกันออกไป
ปัจจัยกระตุ้นที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่


 



         -  อาหารหรือสารบางชนิด
เช่น ผงชูรส สารถนอมอาหาร คาเฟอีน ช็อกโกแลต แอลกอฮอล์ หรือ


การแม้แต่กินอาหารไม่ตรงเวลา
ความหิวก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ในบางคน


 



         -
 การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนมากหรือน้อยเกินไปอาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้


 



         -  ฮอร์โมน
ผู้หญิงบางคนจะมีอาการปวดไมเกรนในช่วงที่มีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ในช่วง 3


เดือนแรก
บางคนที่ใช้ยาฮอร์โมนคุมกำเนิดบางยี่ห้ออาจกระตุ้นให้มีอาการปวดไมเกรนที่
รุนแรงหรือระยะเวลาในการปวดนานมากขึ้นได้


 



         -  สิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเป็น “อากาศร้อนหรือ เย็นมาก
เกินไป
อยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน
หรือได้กลิ่นบางอย่างก็ทำให้ปวดหัว เช่น กลิ่นน้ำหอม ควันบุหรี่


 



         -  ความเครียด
ผู้ที่มีความเครียดจะมีอาการปวดไมเกรนได้บ่อยและรุนแรงกว่าผู้ที่ไม่เครียด


 



ทราบอย่างไรว่าเป็นไมเกรน



 



         การวินิจฉัยไมเกรนนั้นจำเป็นต้องอาศัยประวัติและการตรวจร่างกาย
เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะอาการปวด ตำแหน่ง ความรุนแรง ความถี่
ระยะเวลาในการปวด และอาการอื่นที่ร่วมด้วย
ประวัติโรคประจำตัวและประวัติการใช้ยา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
หรือการตรวจเอกซเรย์เพื่อวินิจฉัยแยกจากโรคอื่น เช่น
อาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัว หรือจากภาวะเครียด
การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง โรคของต่อมใต้สมอง หรือมีเนื้องอก เป็นต้น


 



ยากับ ไม
เกรน



 




         สำหรับยาที่ใช้ในการรักษาอาการปวดไมเกรนนั้น
สามารถแบ่งออกได้เป็น
2 กลุ่มใหญ่ คือ


 



กลุ่มที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดไมเกรน


 



         -
 ยากลุ่มแก้ปวด ไม่ว่าจะเป็นพาราเซตามอล แอสไพริน
หรือยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่


เส
ตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบรูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็น
ต้น
กลุ่มยาเหล่านี้เป็นที่นิยมนำมาใช้ในการบรรเทาอาการปวดไมเกรนเป็นกลุ่มแรกๆ
เนื่องจากมีประสิทธิภาพดี อาการข้างเคียงของยาน้อย และราคาถูก


 



         -  ยากลุ่ม Ergot
alkaloids ได้แก่ ergotamine ในปัจจุบันนี้มีหลากหลาย
ยี่ห้อในท้องตลาด


จัดเป็นยาอีกกลุ่ม
หนึ่งที่นิยมใช้ในการบรรเทาอาการปวดไมเกรน ข้อดีของยากลุ่มนี้คือ
ยาออกฤทธิ์ได้นานและลดการกลับเป็นซ้ำของไมเกรนได้ในบางราย
ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้ยา ergotamine เพียงตัวเดียวในการรักษาหรืออาจ
ให้ร่วมกับยากลุ่มแก้ปวด หากอาการปวดไมเกรนยังไม่ดีขึ้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการปวด และสภาพร่างกายของแต่ละคน


 



     
    สำหรับผลข้างเคียงที่สำคัญของยา ergotamine ได้แก่ ปวดท้อง
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดตามแขนขาหรือกล้ามเนื้อ มีอาการชา
รู้สึกหนาวตามปลายมือปลายเท้า ปวดศีรษะ เป็นต้น
หากมีอาการดังกล่าวให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที และเนื่องจากยา
ergotamine
ที่จำหน่ายในท้องตลาดอยู่ในรูปแบบที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีนร่วมด้วย
เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมยา
ergotamine ได้ดีขึ้น
ดังนั้นนอกจากผลข้างเคียงจากยา
ergotamine แล้ว
บางคนยังอาจได้รับผลข้างเคียงจากคาเฟอีนด้วย ได้แก่ ใจสั่น ปวดศีรษะ
เป็นต้น


 



         คำแนะนำสำหรับการใช้ยาที่มีส่วนประกอบของ ergotamine คือ
ไม่ควรกินเกินวันละ
6 เม็ด และไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 10
เม็ด
นอกจากนี้ยังห้ามใช้ยากลุ่มนี้ในผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหลอดเลือดและ
หัวใจ เส้นเลือดสมองตีบ ผู้ที่มีภาวะไตวาย หรือในหญิงตั้งครรภ์
หรือให้นมบุตร


 



         -  ยากลุ่ม Triptans เช่น sumatriptan,
zolmitriptan เป็นต้น เป็นกลุ่มยาที่ถูกพัฒนามาใหม่เพื่อใช้ใน
การบรรเทาอาการปวดไมเกรนโดยเฉพาะ ข้อดีของยากลุ่มนี้ ได้แก่
ออกฤทธิ์เร็วและลดการกลับเป็นซ้ำของไมเกรนได้ดี นอกจากนี้ยังลดปัญหาการเกิด
headache recurrence (เป็นอาการปวดศีรษะที่แย่ลง
โดยเกิดขึ้นหลังจากอาการปวดไมเกรนดีขึ้นเมื่อกินยาแล้วภายใน
24
ชั่วโมง) ได้ดีกว่ายา
ergotamine และมีผลข้างเคียงจากยาน้อย
อย่างไรก็ตามยาในกลุ่มนี้ยังมีราคาค่อนข้างสูงในปัจจุบัน
แพทย์จึงมักพิจารณาให้ในผู้ที่มีการกลับเป็นซ้ำของไมเกรนบ่อยๆ


 



     
   คำแนะนำสำหรับการใช้ยากลุ่มนี้คือ ควรกินยากลุ่มนี้ทันที
เมื่อเริ่มมีอาการปวดไมเกรน
เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้อย่างสูงสุด
และยากลุ่มนี้ก็มีข้อห้ามใช้เช่นเดียวกันกับยา Ergotamine คะ


 



กลุ่มที่ใช้เพื่อป้องกันอาการปวดไมเกรน



 



     
สำหรับยาที่ใช้เพื่อป้องกันอาการปวดไมเกรน
นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ในผู้ที่ปวดไมเกรนทุกราย
โดยแพทย์จะพิจารณาให้ในบางรายเท่านั้น
เพื่อช่วยให้ความรุนแรงและ/หรือความถี่ของอาการปวดไมเกรนลดน้อยลง
กลุ่มผู้ที่ควรได้รับยาป้องกันอาการปวดไมเกรน


 



      -
ผู้ที่มีอาการปวดไมเกรนมากกว่า 2 ครั้ง ต่อเดือน


      - ผู้ที่มี
อาการปวดรุนแรงจนมีผลต่อการดำเนินชีวิต ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง


      - ผู้ที่มี
แนวโน้มว่าอาการปวดไมเกรนจะรุนแรงมากขึ้น หรือปวดเป็นระยะเวลานานมากขึ้น


 



        ยาที่ใช้เพื่อป้องกันอาการปวดไมเกรนในปัจจุบันนี้มีหลาก
หลายชนิด
โดยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อให้เกิดการเลือกชนิดของยาและการปรับ
ขนาดยาให้เหมาะสมกับแต่ละราย
ควรกินยาป้องกันอาการปวดไมเกรนอย่างต่อเนื่องจนอาการปวดสงบลงนาน
6-12
เดือน แพทย์จึงอาจพิจารณาหยุดยา
และถ้าอาการปวดไมเกรนกำเริบขึ้นอีกครั้งจึงค่อยเริ่มกินยาป้องกันใหม่


ตัวอย่างกลุ่มยาป้องกันอาการปวดไมเกรน เช่น


         -  กลุ่มยาต้านเบต้า (Beta-blockers) เช่น propanolol,
atenolol, metoprolol, nadolol เป็นต้น


         -  กลุ่มยาต้านแคลเซียม (Calcium channel blockers) เช่น
flunarizine, verapamil เป็นต้น


         -  ยารักษาโรคซึมเศร้า เช่น amitriptyline,
nortriptyline เป็นต้น


     
   -  ยากันชักบางชนิด เช่น sodium valproate, topiramate เป็นต้น


 



     
การรักษาอาการปวดไมเกรนนั้นไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ
เพียงแค่ดูแลทั้งสุขภาพกายแลสุขภาพจิต
ให้ดี
หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจจัยกระตุ้นอาการปวด
แค่นี้ก็สามารถลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดได้แล้วค่ะ





 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 14:03:39 น.
Counter : 417 Pageviews.  

หัวฝักบัว แหล่งสะสมเชื้อโรคที่ไม่ควรมองข้าม

//variety.teenee.com/foodforbrain/img0/85051.jpg
ใครที่ใช้ฝักบัวอาบน้ำอยู่
เป็นประจำต้องมาฟังทางนี้เลยนะคะ เพราะหากคุณไม่ระวัง
อาจเป็นที่มาของโรคปอดในไม่ช้าแน่นอนค่ะ


 เนื่องจากได้มีการสุ่มตรวจ
วิเคราะห์หาเชื้อโรคในหัวฝักบัวตามสถานที่ต่างๆ กว่า 9 เมือง พบว่าร้อยละ
30 มีเชื้อมัยโคแบคทีเรียม เอเวียม ปนเปื้อนอยู่มาก
ตามปกติเชื้อตัวนี้พบในน้ำประปาทั่วไป
แต่
สะสมอยู่ในหัวฝักบัวมากกว่าระดับที่พบในน้ำประปาถึง
100 เท่า ซึ่ง
หากผู้ใช้เปิดให้น้ำจากฝักบัวโดนหน้าตั้งแต่ครั้งแรก
จะทำให้ได้รับเชื้อดังกล่าวสูงมาก และเสี่ยงต่อการเป็นโรคปอดตามมา



        
จากการตรวจพบอีกว่าในฝักบัวแบบที่เป็นโลหะจะพบการสะสมของเชื้อโรคน้อยกว่า
แบบพลาสติก
ดังนั้นการแก้ไขผู้ใช้ก็
ควรเปลี่ยนหัวฝักบัวมาใช้แบบโลหะที่มีตัวกรองช่วยในการลดการสะสมของเชื้อโรค
หรือเปลี่ยนไปอาบน้ำในอ่างแทน
ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการรับเชื้อเข้าสู่ปอดได้เช่นกัน





 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 14:00:08 น.
Counter : 288 Pageviews.  

14 วิธีขับถ่ายปัสสาวะเพื่อสุขภาพที่ดี

//variety.teenee.com/foodforbrain/img7/85481.jpg
ไม่น่าเชื่อว่า
แม้คนเราจะขับถ่ายปัสสาวะกันมาตั้งแต่แรกเกิด
แต่หลายคนไม่ทราบวิธีที่ดีที่ทำให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะเป็นปกติ
วันนี้จะขอนำเสนอ 14 อุปนิสัยที่ดีในการขับถ่ายปัสสาวะ

       1.  อย่ากลั้นปัสสาวะ
เมื่อรู้สึกปวดต้องไปปัสสาวะ 
       2. 
เวลาปัสสาวะไม่ควรรีบร้อนเบ่งมาก เพราะอาจทำให้หูรูดปัสสาวะชำรุดได้ 
      
3.  ควรถ่ายปัสสาวะให้เหลือน้อยที่สุดในหนึ่งครั้ง
นั่นคือเมื่อรู้สึกถ่ายหมดแล้วให้เบ่งต่ออีกนิดหน่อย
ปัสสาวะที่เหลือจะไหลออกมา 
       4. 
ไม่ควรบังคับให้ตนเองถ่ายปัสสาวะบ่อย เพราะจะติดเป็นนิสัย
เวลาที่เหมาะสมคือ 2-4 ชั่วโมงควรถ่ายปัสสาวะหนึ่งครั้ง 
       5. 
ให้สังเกตการถ่ายปัสสาวะ และน้ำปัสสาวะของตนเองทุกครั้งว่า
ต้องเบ่งมากผิดปกติหรือไม่ น้ำปัสสาวะพุ่งดีหรือไม่
ลำน้ำปัสสาวะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมหรือไม่ น้ำปัสสาวะมีสีเหลืองใสหรือไม่
เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการผิดปกติที่สามารถบอกโรคได้ 
       6. 
หากจะล้างทำความสะอาดหลังปัสสาวะ  อย่าให้บริเวณนั้นเปียกชื้น
เพราะอาจเกิดเชื้อราได้ ทางที่ดีหลังปัสสาวะทุกครั้ง ควรซับให้แห้ง 
      
7.  เมื่อปัสสาวะไม่ออก ต้องหาสาเหตุโดยการไปพบแพทย์
อย่าซื้อยาขับปัสสาวะมารับประทานเพราะจะเกิดอันตรายได้ 
       8. 
เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน การบริหารอุ้งเชิงกรานโดยการขมิบ
(ฝ่ายหญิงขมิบช่องคลอด ฝ่ายชายขมิบทวารหนัก) วันละ 100 ครั้ง
จะช่วยป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด 
       9.  ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ
10 แก้ว หรือหนึ่งลิตร จะช่วยให้น้ำปัสสาวะใส
มีจำนวนพอดีและป้องกันภาวะปัสสาวะอักเสบ 
       10.  ก่อนมีเพศสัมพันธ์
และหลังมีเพศสัมพันธ์ คุณผู้หญิงควรถ่ายปัสสาวะทิ้ง
จะช่วยป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ 
       11. 
น้ำปัสสาวะจะต้องเป็นน้ำเท่านั้น ถ้ามีมูก หนอง น้ำเหลือง เลือดปนออกมา
ถือว่าผิดปกติต้องไปพบแพทย์ 
       12.  การขับถ่ายปัสสาวะ
ต้องขับถ่ายคล่องไม่มีอาการเจ็บปวด
ถ้าปัสสาวะแสบขัดลำบากนับว่าเป็นอาการผิดปกติ ต้องไปพบแพทย์อีกเช่นกัน 
      
13.  คนเราทุกคนต้องปัสสาวะทุกวัน วันละ 4-6 ครั้ง ถ้าไม่ปัสสาวะเลย
1วันถือว่าตกอยู่ในภาวะอันตรายต้องไปพบแพทย์โดยด่วน
       14. 
ก่อนเดินทางไกล  ก่อนยกของหนัก  ควรปัสสาวะทิ้งก่อนทุกครั้ง





 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 13:57:43 น.
Counter : 377 Pageviews.  

เตือนระวัง 6 โรคอันตรายหน้าร้อน

//variety.teenee.com/foodforbrain/img2/85491.jpg
กระทรวงสาธารณสุข
ออกประกาศเตือนประชาชน ระวัง 6 โรคอันตรายหน้าร้อน
ทั้งโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ปีนี้พบผู้ป่วยกว่า 2 แสนราย
ชี้อากาศร้อนทำให้เชื้อโรคเติบโตเร็ว
ประชาชนต้องระมัดระวังความสะอาดของอาหารและน้ำให้มากขึ้น
ส่วนผู้ที่เลี้ยงสุนัขหรือแมว
ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้สัตว์เป็นประจำทุกปี

          
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า
ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน
หลายพื้นที่อาจร้อนจัดและประสบปัญหาภัยแล้ง
ซึ่งอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งจะเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
โดยเฉพาะแบคทีเรียอย่างมาก ยิ่งพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาด
ยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาดของโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ
ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรค
ออกประกาศเตือนประชาชนป้องกันโรคที่เกิดในฤดูร้อน 6 โรค ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ บิด
ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค
และโรคพิษสุนัขบ้า

และสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ โรงพยาบาลทุกแห่ง
ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากมีรายงานผู้ป่วย
ให้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วออกสอบสวนควบคุมโรคทันที
และดูแลปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สุขาภิบาลอาหาร และจัดหาน้ำสะอาด
โดยเน้นการล้างตลาดทุก 2 สัปดาห์ ใส่คลอรีนในแหล่งน้ำดื่มให้ได้มาตรฐาน
และเร่งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ
แจ้งเตือนประชาชนทั่วประเทศพร้อมคำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัว
เพื่อลดจำนวนผู้เจ็บป่วยลงให้ได้มากที่สุด

           นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า
ในการป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเดินอาหารในช่วงฤดูร้อน ขอให้ประชาชนระมัดระวังความสะอาดของอาหารและน้ำดื่มเป็น
พิเศษ โดยยึดหลักง่ายๆ ได้แก่ กินร้อน คือกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ
หากยังไม่กินต้องเก็บในตู้เย็นและอุ่นให้ร้อนก่อนกิน
ใช้ช้อนกลางในการกินอาหารร่วมกัน
ล้างมือทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังใช้ห้องน้ำห้องส้วม
และดื่มน้ำสะอาดเช่นน้ำต้มสุก
หรือน้ำดื่มบรรจุขวดที่มีเครื่องหมายอย.รับรอง
ซึ่งเป็นน้ำที่ผลิต
จากโรงงานที่ได้มาตรฐานจีเอ็มพี




 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 13:54:41 น.
Counter : 347 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.