ไวต่อความสุข ...
















































ชะตา
ชีวิตบางครั้งก็พลิกผันอย่างตั้งตัวไม่ติด


หาญมี
อาชีพเป็นพ่อค้าเร่ขายของตามตลาดนัด วันดีคืนดีก็ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑
ถึง ๒๐ ล้านบาท เมื่อได้เงินมา
เขาเอาครึ่งหนึ่งเข้าธนาคารเพื่อเป็นทุนในระยะยาว ที่เหลือให้ลูกสาว ๓
คนคนละ ๑ ล้านบาท อีก ๒ ล้านบาทนำไปซื้อรถกระบะ
และเตรียมซื้อที่ดินปลูกบ้าน ส่วน ๕ ล้านบาทที่เหลือ
เขาฝากไว้ในธนาคารสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน 

เจอลาภก้อนโต แถมยังจัดการได้ดีมีหลักเกณฑ์

หาญน่าจะเป็นคนที่มีความสุขอย่างยิ่ง แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่
เพราะทันทีที่ข่าวแพร่สะพัด ญาติ ๆ ก็มารุมล้อมขอเงินจากเขา บางคนได้ไป ๔-๕
หมื่น บางคนก็ได้ไปเป็นแสน แต่หลายคนไม่พอใจ หาว่าให้น้อย
พากันต่อว่าต่อขาน หนักกว่านั้นก็คือบางคนขู่ว่าจะฆ่าทิ้งทั้งผัวทั้งเมีย
หาญเครียดหนักจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ลูกสาวพาส่งโรงพยาบาล
หมอล้างท้องทันจึงรอดตาย 

ชีวิตจริง
เรื่องนี้สอนว่า ถูกรางวัลที่ ๑ มิใช่โชคดีเสมอไป


ใคร
ว่าได้เงินหลายสิบล้านแล้วชีวิตจะมีความสุข ก็หาไม่
บางครั้งกลับทำให้ทุกข์กว่าเดิม หาญไม่ใช่คนแรกหรือคนเดียวที่พูดว่า "เป็นพ่อค้าเร่ หาเช้ากินค่ำ
ยังมีความสุขกว่าเป็นไหน ๆ" 

หาญ
เคยรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตพ่อค้าเร่จน ๆ


เขาฝันจะ
เป็นเศรษฐีเงินล้าน แต่ครั้นได้เป็นจริง ๆ
เขากลับพบว่าชีวิตพ่อค้าเร่มีความสุขกว่าเยอะ
แต่เขามาค้นพบความจริงข้อนี้เมื่อความสุขดังกล่าวได้หลุดลอยไปแล้ว 

ใช่หรือไม่ว่าคนเรามักเห็นคุณค่าของสิ่งใดก็ต่อเมื่อสิ่ง
นั้นสูญหายไปแล้ว


แต่ตอนที่สิ่งนั้นยังอยู่กับเรา
เรากลับไม่สนใจไยดี ชีวิตที่อิสระ ปราศจากอันตราย ไร้ความกังวลใจ
คบกันด้วยน้ำใจยิ่งกว่าผลประโยชน์ เป็นชีวิตที่มีความสุข
แต่ผู้คนมักจะคิดได้ก็ต่อเมื่อมันกลายเป็นอดีตไปแล้วอย่างที่เกิดกับหาญ 

กัญญากลุ้มใจที่ตัวเองไม่ได้เลื่อนเป็นผู้จัดการเสียที

เธอ
หมกมุ่นกับเรื่องนี้จนไม่มีเวลาให้กับลูก ๆ
แล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าลูกชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะอุบัติเหตุ
เธอเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงตอนนั้นเองที่เธอตระหนักว่า
เมื่อครั้งลูกชายยังมีชีวิตอยู่นั้นนับเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของเธอ
เป็นช่วงที่เธอน่าจะมีความสุข แต่เธอมาระลึกได้เมื่อสายไปแล้ว 

จะไม่ดีกว่าหรือหากเราชื่นชมความสุขเหล่านั้น
ขณะที่มันยังอยู่กับเรา

ที่จริงยังมีอีกหลายอย่าง
ที่รอการชื่นชมจากเรา ขอเพียงแต่เราใส่ใจเท่านั้นเอง
ปัญหาก็คือเรามักไม่ค่อยใส่ใจ
เพราะชอบไปจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นที่อยู่นอกตัวหรือยังอยู่อีกไกล
การวางจิตวางใจแบบนี้ทำให้เราทุกข์ได้ง่าย ๆ
ทุกข์เพราะสิ่งที่อยากได้ยังมาไม่ถึง
ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับความชุ่มชื่นใจจากสิ่งที่มีอยู่แล้วกับตัว 

ลองมาสำรวจดูว่าชีวิตของเราตอนนี้มีอะไรบ้างที่ควรชื่นชม

ถ้านึกไม่ออก ก็ลองไล่เลียงดูว่า สิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้
อะไรบ้างที่หากสูญไปจะทำให้เราทุกข์หรือย่ำแย่ ถึงตอนนี้เราจะพบว่ามีมากมาย
ทั้งรูปธรรมและนามธรรม เช่น สุขภาพดี อวัยวะครบ ๓๒ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง
คนรัก มิตรสหาย วิชาความรู้ กินอิ่มนอนอุ่น มีอาชีพการงาน
มีเวลาเป็นของตัวเอง ฯลฯ แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้
ตอนนี้เราอาจไม่เห็นค่าเพราะอยากได้อันใหม่ที่ดีกว่า
แต่ลองนึกดูว่าหากมีใครขโมยสิ่งเหล่านั้นไป เราจะรู้สึกอย่างไร
เราไม่ควรนึกเสียดายต่อเมื่อมันสูญหายไปแล้ว
แต่ควรจะชื่นชมหรือเห็นคุณค่าของมันขณะที่ยังอยู่กับเรา 

การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่

จะ
ทำให้เราตระหนักว่าทุกวันนี้เราก็มีความสุขมากมายอยู่แล้ว
ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องชะเง้อหาจากอนาคต และไม่ต้องรอให้ถูกรางวัลที่ ๑
ก่อน แท้จริงความสุขมีอยู่กับเราแล้วทุกขณะ อย่างน้อย ๆ
เราก็ยังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมากมายที่ไม่มีอย่างที่เรามี 

การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่เรามีอยู่

รวม
ทั้งสิ่งที่อยู่รอบตัว จะช่วยให้เราเป็นคนไวต่อความสุข แม้สิ่งดี
ๆเพียงเล็กน้อยก็สามารถบันดาลใจให้เป็นสุขได้ ปัญหาของคนทุกวันนี้ก็คือ
ไวต่อความทุกข์มากกว่า
ใช่หรือไม่ว่าเรามักจะจดจำคนที่ตำหนิติเตียนเราได้ดีกว่าคนที่ชมเรา
ใครที่เอาเปรียบเรา เราจะจำเขาได้แม่นกว่าคนที่เอื้อเฟื้อเรา
คนที่เกลียดเราจะประทับแน่นในใจเราได้นานกว่าคนที่ชอบพอเรา
ช่วงเวลาที่มีความสุขกายสบายใจจะไม่แจ่มชัดในความทรงจำเท่ากับช่วงเวลาที่มี
ความทุกข์หรือเจ็บป่วย เวลาได้เงินจะสุขไม่เท่ากับทุกข์เมื่อเสียเงิน
แม้เป็นเงินจำนวนเท่ากัน 

เป็นเพราะ
เราไวต่อความทุกข์หรือสิ่งที่เป็นลบ

เราจึงรู้สึก
ว่าแถวที่เราต่อคิวมักจะเคลื่อนช้ากว่าแถวอื่นเสมอ ทั้ง ๆ
ที่หลายครั้งแถวของเราเคลื่อนเร็วกว่าแถวอื่น
แต่เหตุการณ์อย่างนั้นเราจะจำได้น้อยกว่าเวลาที่แถวของเราเคลื่อนช้า
คนที่ไวต่อความทุกข์จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคร้าย
แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพราะเขาด้านชาต่อสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตต่างหาก 

อยากให้ชีวิตมีความสุข นอกจากทำความดีแล้ว
ต้องฝึกใจให้ไวต่อความสุขและรู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ
ที่เรามีอยู่ในตอนนี้ให้มาก ๆ


ไม่มีใครในโลกนี้ที่
ได้ ๒๐ ล้านบาทมาเปล่า ๆ ฟรี ๆ ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง(หรือหลายอย่าง)
ดังนั้นก่อนที่อยากจะได้อะไร
ถามตัวเองดูบ้างว่ามีอะไรบ้างที่อาจจะต้องเสียไปเพื่อแลกกับสิ่งนั้น
และเราพร้อมหรือยังที่จะเสียสิ่งเหล่านั้นไป








ขอบคุณที่มา : รินใจ






Free TextEditor







































































































Create Date : 16 เมษายน 2553
Last Update : 16 เมษายน 2553 19:43:42 น. 0 comments
Counter : 365 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.