ความสุข.....ที่ไม่ต้องซื้อหา













































ความ
สุขง่ายๆที่ไม่ต้องซื้อหา
ความสุขที่ไม่ต้องซื้อหา
สามารถพบได้จากภายในกายใจเรานี้เอง
ความสุขจากความสงบง่ายๆ
โดยอาศัยการหายใจเข้า หายใจออก
คือ.....อานาปานสตินี่เอง...

อานา
ปานสติ....คือ 'การมี
สติกำหนดลมหายใจเข้าออก'
...
มีสติกำกับ
รักษาจิต
อย่าให้เผลอในขณะที่ทำ ทำใจให้รู้อยู่กับลมเข้า ลมออกเท่า
นั้น
ไม่คาดหมายผลที่จะพึงได้รับมีความสงบ เป็นต้น...

ทำความรู้สึกอยู่
กับลมเข้า ลมออกธรรมดา อย่าเกร็งตัวเกร็งใจจน
เกินไป
จะเป็นการกระเทือนสุขภาพทางกายให้รู้สึกเจ็บนั่นปวดนี่โดย
หาสาเหตุไม่
เจอ ซึ่งความจริงสาเหตุก็คือ...การเกร็งตัวเกร็งใจจนเกิน
ไปนั่นเอง....

การ
มีสติรับรู้อยู่ธรรมดา.....'ใจเมื่อได้รับ
การรักษาด้วยสติ จะค่อยๆ
สงบลง ลมก็ค่อยๆละเอียดไปตามใจที่สงบตัวลง'
...ยิ่ง
กว่านั้นใจก็สงบ
จริงๆ
ลมหายใจขณะที่จิตละเอียดจะปรากฏว่า...ละเอียดอ่อนที่สุด จน
บางครั้ง
ปรากฏว่า ลมหายไป คือ...ลมที่ไม่มีในความรู้สึกเลย ตอนนี้จะ
ทำให้นัก
ภาวนาตกใจ กลัวจะตายเพราะลมหายใจไม่มี....

เพื่อแก้ความกลัวนั้น
ควรทำความรู้สึกว่า...แม้ลมจะหายไปก็ตาม..เมื่อ
จิตคือผู้รู้ยังครอง
ร่างอยู่ ถึงอย่างไรจะไม่ตายแน่นอน ไม่ต้องกลัว....
อันเป็นเหตุเขย่าใจ
ตัวเองให้ถอนขึ้น จากความละเอียดมาเป็น จิตธรรมดา
ลมหายใจธรรมดา
ซึ่งทำให้เกิดความเสียใจในภายหลัง...

ถ้ากำหนดเฉพาะลมหายใจเป็น
อารมณ์อย่างเดียวไม่สนิทใจ จะตามด้วย
การบริกรรม...พุทโธ...ก็ได้ ไม่ผิด
ผู้ชอบบริกรรมเฉพาะธรรมบทใดบทหนึ่ง
เช่น พุทโธ ก็ได้ตามอัธยาศัยชอบ
ไม่ขัดแย้งกัน...สำคัญที่ให้เหมาะกับจริต

และ
ขณะภาวนา...ขอให้มีสติรักษา อย่าปล่อยให้ใจส่งไปตามอารมณ์ต่างๆ
ก็เป็น
การถูกต้อง....ในการภาวนา
คำว่า...'จิต
ใจ มโน'
....หรือ
ผู้รู้เป็นอันเดียวกัน....คือเป็นไวพจน์ของกันและ
กัน....ใช้แทนกันได้
เช่น กิน-รับประทาน เป็นต้น...เป็นความหมายอันเดียวกัน
ใช้แทนกันได้
ตามปกติใจเป็นสิ่งละเอียดมาก ยากจะจับตัวจริงได้....

ใจ...เป็น
ประเภทหนึ่ง ต่างหากจากร่างกายทุกส่วน แม้อาศัยกันอยู่ก็มิได้เป็น
อัน
เดียวกัน ร่างกายที่ตั้งอยู่ได้ย่อมขึ้นอยู่กับใจเป็นผู้รับผิดชอบ......
ถ้า
ใจออกจากร่างไปเมื่อใด ร่างกายก็หมดความหมายลงทันที โลกเรียกว่า
...'ตาย
'...แต่ความรู้คือใจนี้ ต้องไม่ตายไปด้วยร่างกายที่สลายตัวไป...

เมื่อ
อยากทราบความจริงจากใจ จำต้องมีเครื่องมือพิสูจน์...เครื่องมือพิสูจน์
ได้แก่
...'ธรรม' เท่านั้น นอกนั้นไม่มีสิ่งใดจะสามารถพิสูจน์ได้...
'การภาวนา
'...เป็นเครื่องพิสูจน์โดยตรง ผู้มีสติดี...มีความเพียรมาก มีทางพิสูจน์
ของ
ใจ ให้เห็นชัดเจนได้เร็วยิ่งขึ้นผิดธรรมดา...

คำว่า...'เครื่องมือธรรม' นั้นโปรดทราบว่า
ส่วนใหญ่คือ....'สติปัฏฐาน 4'
และ
'สัจธรรม 4'
เป็นต้น...ส่วนย่อยแต่จำเป็นทั้งในขั้นเริ่มแรกและขั้นต่อไป ได้แก่
อานา
ปานสติ หรือ พุทโธ...เป็นต้น เป็นบทๆไป ที่ผู้ภาวนานำมากำกับใจแต่ละ
บท
แต่ละบาท เรียกว่า...'เครื่องมือพิสูจน์ใจ'
ทั้งสิ้น.....

เมื่อใจพร้อมกับเครื่องมือ คือ
ธรรมบทต่างๆได้รวมกันเป็นคำภาวนา มีสติเป็น
ผู้ควบคุม
ให้ระลึกรู้อยู่กับลมหายใจ หรือธรรมบทใดก็ตามโดยสม่ำเสมอ...ไม่ให้
จิต
เผลอออกไปสู่อารมณ์ภายนอก....

ไม่นาน...กระแสของใจที่เคยสร้างอยู่
กับอารมณ์ต่างๆ จะค่อยๆรวมตัวเข้ามาสู่
จุดเดียว คือ...ที่กำลังทำงาน
โดยเฉพาะได้แก่ คำภาวนา.....ความรู้จะค่อยๆ เด่น
ขึ้นในจุดนั้น
และแสดงผลเป็น..'ความสงบสุข' ขึ้นมา
ให้รู้เห็นได้อย่างชัดเจน...ฯ

~พระธรรมวิสุทธมงคล
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)~
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี







Free TextEditor







































































































Create Date : 19 เมษายน 2553
Last Update : 19 เมษายน 2553 14:26:16 น. 0 comments
Counter : 363 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.