รู้สึกว่าตัวเองดีเมื่อไร ให้รู้ว่าตัวเองใกล้พังเต็มทีแล้ว































ถาม : (พระหลวงตาถามปัญหา)

ตอบ : หลวงตาครับ...
อะไรบางอย่างที่มันเกิดขึ้น จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องของเรานะ
ถ้าหากว่าเรารับเข้ามา มันทำให้เราวุ่นวายเสียเปล่าๆ สำคัญที่สุด
ต้องรักษาใจของเราให้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูกหรอกครับ
มันเป็นสมมติทั้งนั้น
ทุกคนต่างเห็นว่าสิ่งที่ตนเองทำดีแล้วทั้งนั้นถึงได้ทำ แต่จริงๆ แล้ว
อาจดีแค่นั้น ถูกแค่นั้น ส่วนที่ดีกว่านั้น ถูกกว่านั้นยังมี
เราต้องหาให้เจอ ที่อะไรล่ะ ?

สิ่งที่บรรพชิตต้องพิจารณาเนืองๆ
หลวงตาคงศึกษามา ที่บอกว่า กายวาจาใจ
ที่ดีกว่าอย่างนี้ยังมีอยู่
เราต้องทำกาย วาจา ใจนั้น
เราติตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่ ? ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วติเราโดยศีลได้หรือไม่
? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสมควรจะต้องทำ
เรื่องอื่นมันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
ถ้าตราบใดที่เรายังหวังพึ่งพิงคนอื่นอยู่ ตราบนั้นเราก็ยังเดินเองไม่ได้
ยืนเองไม่ได้ คนอื่นจะเป็นแบบอย่าง จะเป็นบทเรียน
จะเป็นสิ่งที่เราอาศัยเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายสิ่งที่เราต้องการ
ต่อให้เป็นกัลยาณมิตรที่เป็นครูบาอาจารย์ก็ตาม เพื่อนสหธรรมมิกก็ตาม
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราอาศัยได้ระดับนี้เท่านั้น สุดท้ายก็ต้อง
อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตนเอง

เพราะฉะนั้น
สิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น บอกตรงๆ ว่าเรื่องของคนอื่นทั้งนั้น ไม่ใช่ของเรา
ใครเขาจะมีความคิดอย่างไร ใครเขาจะมีความเห็นอย่างไร
ก็ไม่ต้องไปฟุ้งซ่านตามเขา รักษาใจเราให้ดีก็พอ
มันปกติของเราบางทีมันก็อดไม่ได้ใช่ไหม ? ถึงเวลามันก็ต้องคิดบ้างใช่ไหม ?

ถาม
:
เข้าใจแล้วครับ ?

ตอบ :
ของเราเองก็ไม่ต้องไปใส่ใจมันหรอก ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง เรามีพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งก็พอ เรื่องพรรค์นี้ต่างคนต่างความเห็น
ต่างคนต่างความคิด ประเภทความเห็นไม่ตรงกัน
สำหรับฆราวาสการพนันมันเลยเกิดใช่ไหม ?
ของพระความเห็นไม่ตรงกันขัดคอกันมันก็มี อยู่สุขอยู่สบายเกินไป
มันก็ไม่ใช่โลกสินะ คำว่าโลกนี้เป็นทุกข์ครับ อนิจจังไม่เที่ยง
ทุกขังเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้ ผมเองนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล
พอได้ข่าวก็เออ...มันชักจะไปกันใหญ่แล้วล่ะ

ถาม :
.....................................

ตอบ :
มารเขาจะพยายามดึงเราออกจากความดี ทีละนิดๆ
โดยเฉพาะเขาจะให้ความสามารถจนเรานึกไม่ถึง แต่มันไม่ใช่ความสามารถจริงๆ
ของเรา มันเป็นความสามารถที่เขาให้
แล้วเขาจะดึงเราให้เป๋ไปจากพระธรรมวินัยไปทีละน้อยๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ตัวก็เสร็จเขาไปแล้ว

แล้วส่วนอื่นทั้งหมดจะเป็นลักษณะที่
ว่า ทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อสงเคราะห์เขา ซึ่งเป็นจริตนิสัยของตัวเอง
แต่ว่าลักษณะของการทำไปทำมาเขาจะชักให้เป๋ไปได้เอง

คนเรามีวิสัยทาง
ด้านไหน เขาก็จะเอาตัวนั้นแหละมาหลอก ส่วน
นี้ต้องระวังให้มากๆ เชื่อตัวเองไม่ได้เด็ดขาด รู้สึกว่าตัวเองดีเมื่อไร
ให้รู้ว่าตัวเองใกล้พังเต็มทีแล้ว


สมัยก่อนผมเคย
เตือนท่านทีหนึ่ง จนท่านไม่อยากดูหน้าคน หนีเข้าป่าไปเลย
แล้วลูกศิษย์ไปตามออกมาใหม่ ตามออกมาใหม่ก็ตั้งท่าได้อยู่ระยะหนึ่ง
ระวังไว้แล้วก็เผลอเสร็จไปอีก แต่แหม... พระเขาก็ทำรุนแรงกัน
แล้วผมมารู้ทีหลัง ว่าเขามาอ้างชื่อผมด้วย ไปกันใหญ่
เรานอนป่วยอยู่โรงพยาบาลแท้ๆ กลายเป็นหัวหน้าทีมไปได้อย่างไรก็ไม่รู้
เอาเถอะ เราทำมาขนาดนี้แล้ว ถ้าบางอย่างมากระทบแล้วเราท้อถอย
มันจะเสียประโยชน์ไปเปล่าๆ ฉะนั้นก็ทำตัว
เหมือนบ้านว่างๆ ไม่มีหลังคา ไม่มีข้างฝา ขว้างมามันก็เลยไปหมด ถ้ามีข้างฝา
มีหลังคา เสียงมันปึงปัง เราก็รู้สึกไปกระทบ


สมัย
ก่อนผมทำ นั่งกำหนดใจเหมือนกับอยู่ในห้องว่างๆ ไม่ว่ารูป รส กลิ่น เสียง
ไม่ว่าอะไร ไม่รับทั้งนั้นแหละ ทำเหมือนบ้านว่าง ไม่มีให้ขว้างหรอกครับ
หลังคาก็ไม่มี ข้างฝาก็ไม่มี มันเลยไปหมด พอทำๆ แล้วก็ เออ...
ดีเหมือนกันแฮะ มันไม่ต้องไปรับแรงกระทบของใคร

ถาม :
แล้วถ้ามีใครมาถาม ?

ตอบ : ไม่ควรยุ่งเลยครับ
คือในระหว่างนั้นนี้ ต่างคนต่างทำ
ถ้าเราไปเข้าข้างใครก็จะกลายเป็นคนผิดในสายตาของอีกคนหนึ่ง
นิ่งไว้เสียดีกว่า นานๆ ไปอะไรจะชัดเจนขึ้น
ในช่วงนั้นถ้าเราไปใส่อารมณ์ตามใคร มันจะขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง
โอกาสที่ถูกมันน้อย เรื่องของทิฐิความเห็นนี่พูดยาก ดูที่ตัวแก้ที่ตัว
ดูแค่นั้น ดูผิดที่เมื่อไรก็ลำบาก
จำไว้ว่าเรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของโลกทั้งหมด เราแก้ไขโลกไม่ได้
เราต้องดูที่ตัวแก้ที่ตัว แก้ไขโลกมันเกินกำลังไป ดีชั่ว ใครทำ คนนั้นรับ
ถ้าหากว่าเขาไม่ละอายชั่วกลัวบาป เขาสามารถทำของเขาได้
เราเองก็ถอยห่างออกมา แต่ขณะเดียวให้ดูว่าตัวของเราเองเป็นอย่างไร
มีความดีส่วนไหนที่ควรจะเร่งทำ มีความชั่วส่วนใหญ่ที่เราจะละให้หมดไป
ให้ตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขตรงจุดนั้น ดูที่ตัวเอง แก้ที่ตัวเอง อัตตา โจทะยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตัวเองอยู่เสมอๆ อย่าเข้าข้างตัวเอง
ให้เห็นอยู่เสมอว่าจริงแล้วๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เราเป็นคนผิด
ถ้ามันหาจุดผิดไม่ได้ ก็ผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว อยากเกิดมาเอง
รับยากเหมือนกัน ถ้าไม่เกิดมามันไม่เจอหรอก ไม่รู้จะโทษใคร
โทษตัวเองสบายใจที่สุด



สนทนากับพระ
เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนตุลาคม ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


วัด
ท่าขุน







Free TextEditor







































































































Create Date : 30 เมษายน 2553
Last Update : 30 เมษายน 2553 11:48:23 น. 0 comments
Counter : 288 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.