เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

Big bike เท่ๆ สวยๆ แปลกๆ มาแล้ว

IMG_0001.jpg

1.jpg


2.jpg


3.jpg


4.jpg


5.jpg


6.jpg


7.jpg


8.jpg


0404_01z Orange_County_Choppers_POW_MIA_Tribute Right_Side_View.jpg

688079497_802e3a727c.jpg





 

Create Date : 02 เมษายน 2554   
Last Update : 2 เมษายน 2554 18:50:00 น.   
Counter : 1385 Pageviews.  

เปรียบเทียบ นิสสัน มาร์ช กับ ฮอนด้า บริโอ้ คันไหนคุ้มกว่ากัน

เพียง 1 ปี หลังการเปิดตัวทำตลาดของ “นิสสัน มาร์ช” รถยนต์คันแรกในตระกูลอีโคคาร์ ถึงปัจจุบันฟันยอดขายไปกว่า 20,000 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่รวมกลุ่มลูกค้าที่กำลังกอดใบจองรอรถอีก 3-4 เดือน หรือคิดเป็นยอดค้างส่งมอบเกือบ 10,000 คันเลยทีเดียว

...จากความ สำเร็จดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นถึงความต้องการตลาดที่มีอย่างล้นหลาม และไม่เพียง “นิสสัน” เท่านั้นที่จะได้เก็บกินเค้กก้อนนี้ เพราะล่าสุดค่าย “ฮอนด้า” ก็พร้อมโดดลงมาแย่งยอดขาย ด้วยการเปิดตัว “บริโอ้” น้องใหม่ในตระกูลอีโคคาร์เช่นกัน


Nissan March VS Honda Brio


อย่าง ไรก็ตามหลังการเปิดตัว ซึ่งหลายคนได้เห็นราคาและสเปกแล้ว ย่อมเกิดคำถามในใจว่า“ฮอนด้า บริโอ้”น่าซื้อหามาใช้ไหม? หรือถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง “นิสสัน มาร์ช” แล้ว ตัวเลือกไหนคุ้มกว่ากัน?...
“ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะลองเอารถทั้งสองรุ่นมาเปรียบมวย และขอว่ากันที่ออปชันกับราคาเท่านั้น ส่วนสมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างไร? ต้องรอหลังสงกรานต์จะนำมาเสนออีกครั้ง

สำหรับ บริโอ้ มากับ 3 รุ่นย่อย คือ S เกียร์ธรรมดา ราคา 399,900 บาท V เกียร์ธรรมดา ราคา 469,500 บาท และ V เกียร์อัตโนมัติ 508,500 บาท

ส่วน มาร์ชนั้นมีทางเลือกหลากหลายถึง 6 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเกียร์ธรรมดา 2รุ่น คือS ราคา375,000 บาท และ E 425,000 บาท ที่เหลือเป็นเกียร์อัตโนมัติ E 459,000 บาท EL 489,000 บาท V 507,000 บาท และVL ราคา537,000 บาท

Nissan March VS Honda Brio

ด้านเครื่อง ยนต์ใช้เบนซินขนาด 1.2 ลิตรเท่ากัน แต่มาร์ชจะเป็นบล็อก 3 สูบ 79 แรงม้า ส่วนบริโอ้ 4 สูบ 90 แรงม้า ระบบส่งกำลังเหมือนกันคือ อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

ขณะ ที่มิติตัวถัง มาร์ช อาจดูได้เปรียบ บริโอ้ นิดๆ เพราะถ้าเป็นมวยก็เหมือนรถรุ่นใหญ่ลดน้ำหนักลงมาต่อยรุ่นเล็ก ซึ่งมาร์ชนั้นแต่ไหนแต่ไรมาการทำตลาดในญี่ปุ่นและตลาดโลกก็ถูกจัดให้อยู่ใน กลุ่ม ซับคอมแพกต์ หรือ บีเซกเมนท์ แต่กระนั้นเมื่อเข้ามาสวมโครงการอีโคคาร์ในไทย จำเป็นต้องหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพื่อผ่านมาตรฐานไอเสีย และอัตราบริโภคน้ำมัน

ภายใน Nissan March VS ภายใน Honda Brio


ผิดกับบริโอ้ ที่เริ่มแนวคิดของการพัฒนาต่างกัน ซึ่งฮอนด้าคาดหวังจะให้เป็นเก๋งขนาดเล็ก และระดับการตลาดต่ำกว่าพวกซับคอมแพกต์(แจ๊ซ,ซิตี้)ชัดเจน

โดย รวมมิติตัวถังมาร์ชดูจะใหญ่กว่าบริโอ้ ด้วยความยาว (มาร์ช/บริโอ้) 3,780/3,610 มม. กว้าง 1,665 /1,680 มม. สูง 1,515/1,485 มม. และระยะฐานล้อ 2,450/2,345 มม.

ด้านน้ำหนักตัวในรุ่นล่างสุด S เกียร์ธรรมดา มาร์ช 900 กิโลกรัม ส่วนบริโอ้ เริ่มที่ 925 กิโลกรัม ขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT ของมาร์ชจะเริ่มตั้งแต่ 950-965 กิโลกรัม ส่วนบริโอ้รุ่นท็อปหนัก 950 กิโลกรัม

ในรุ่นล่าง เกียร์ธรรมดา มาร์ช (375,000 บาท) กับ บริโอ้ (399,900 บาท) มีระบบปรับอากาศแต่ไม่มีเครื่องเสียง และลูกค้าจะได้ล้อกระทะขนาด 14 นิ้วเหมือนกัน ส่วนมาร์ชนั้นกระจกข้างใช้มือหมุนทั้ง 4 บาน แต่บริโอ้เป็นแบบไฟฟ้าคู่หน้า ขณะเดียวกันราคาที่แพงกว่าของบริโอ้ ลูกค้าจะได้ระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ส่วนมาร์ช มีให้ลูกเดียวฝั่งคนขับ

ภายใน Nissan March VS ภายใน Honda Brio


อย่าง ไรก็ตามชีวิตคนเมือง หรือพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ ย่อมเน้นการใช้รถเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งบริโอ้มีเพียงรุ่นท็อปV ราคา 508,500 บาท เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น และน่าจะเทียบได้กับมาร์ช รุ่น V ราคา 507,000 บาท

ระหว่างสองรุ่นย่อยนี้ ดูออปชันหลักๆแล้ว มาร์ช จะเหนือกว่านิดๆ เริ่มจากภายนอก มากับล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว (บริโอ้ 14 นิ้ว) และมีใบปัดน้ำฝนด้านหลัง (บริโอ้ ไม่มี) แต่ในส่วนของไฟเบรกดวงที่สาม บริโอ้ใช้แบบ LED ส่วนมาร์ชใช้หลอดธรรมดา

ภายในมาร์ช ติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (บริโอ้ ธรรมดา) ส่วนเครื่องเสียงเล่น วิทยุ ซีดี MP3 1 แผ่น เสริมช่องต่อ AUX ขับด้วยลำโพง 4 ตัว ขณะที่บริโอ้ เป็นแบบเดียวกับซิตี้ คือไม่มีช่องเล่นซีดี แต่จะใช้เสียบ USB และรูต่อ AUX แทน พร้อมลำโพง 2 ตัว

ระบบความปลอดภัยมาร์ช และบริโอ้ จัดถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบเบรก ABS EBD มาให้เหมือนกัน แต่มาร์ชจะเพิ่มระบบเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ BA มาด้วย

ขณะ เดียวกันระบบIdling Stop ที่จะสั่งให้เครื่องยนต์หยุดทำงานเมื่อมีการจอดรถสนิท และสตาร์ทอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง แม้จะมีความยุ่งยากในการใช้งานจริง แต่มาร์ช เกียร์ CVT ทุกรุ่นก็ถือว่ามีมาให้ต่างจากบริโอ้

เครื่องเสียง Nissan March VS เครื่องเสียง Honda Brio

เหนืออื่นใด ตัวท็อปสุดของมาร์ช ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกประมาณ 30,000 บาท คุณจะได้ทุกออปชันที่กล่าวมา และเสริมด้วย กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ รวมถึงมาตรวัดค่าต่างๆของรถ แสดงผลผ่านหน้าจอ Multi-display กุญแจอัจฉริยะที่เพียงพกกุญแจไว้ในกระเป๋า ก็เปิดประตูเข้ารถได้ทันที พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และเซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง 4 จุด

...ทั้ง หมดเป็นออปชันหลัก หรือสิ่งต้องเห็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” เอามาเปรียบเทียบกัน ที่สำคัญก่อนตัดสินใจควรไปลองขับสัมผัสนั่ง รถทั้งสองรุ่นที่โชว์รูม นิสสัน-ฮอนด้า อีกครั้ง ซึ่งใครอยากเป็นเจ้าของมาร์ช ตอนนี้อาจต้องรอประมาณ 4 เดือน ส่วนบริโอ้จะเริ่มส่งมอบรถคันแรกปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป แต่แว่วๆว่าใครเริ่มจองวันนี้ น่าจะได้รับรถช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นอย่างเร็ว

ตารางเปรียบเทียบรุ่น มาร์ช กับ บริโอ้ รุ่น V เกียร์อัตโนมัติ

ข้อมูลทางเทคนิค บริโอ้ V AT ราคา 508,500 บาท มาร์ช V ATราคา 507,000 บาท
เครื่องยนต์
i-VTEC SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว
CVTC DOHC 3 สูบ 12 วาล์ว
ขนาดกระบอกสูบ(ซีซี)
1198
1198
แรงม้าสูงสุด(พีเอส/รตน.)
90/6,000
79/6,000
แรงบิดสูงสุด(นิวตัน-เมตร/รตน.)
110/4,800
106/4,400
ความจุถังน้ำมัน(ลิตร)
35
41
เกียร์
อัตโนมัติ CVT
อัตโนมัติ CVT
ช่วงล่างหน้า
แม็กเฟอร์สันสตรัท เหล็กกันโคลง
แม็กเฟอร์สันสตรัท
ช่วงล่างหลัง
ทอร์ชันบีม
ทอร์ชันบีม
พวงมาลัย
ไฟฟ้า แร็คแอนด์พิเนียน
ไฟฟ้า แร็คแอนด์พิเนียน
รัศมีวงเลี้ยว(เมตร)
4.5 4.5
ระบบเบรกหน้า
ดิสก์
ดิสก์
ระบบเบรกหลัง
ดรัม ดรัม
ขนาดล้อ/ยาง
175/65 R14
175/60 R15
ไฟหน้าฮาโลเจน มี
มี
ไฟเบรกดวงที่สาม
มี แบบLED
มี
ที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา
มี
มี
ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง
ไม่มี
มีแบบหน่วงเวลา
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
มี มี
วัสดุหุ้มเบาะ
ผ้า ผ้า
ระบบปรับอากาศ
ธรรมดา อัตโนมัติ
เครื่องเสียงเล่น CD/MP3 ไม่ได้ 1 แผ่น
ช่องต่ออุปกรณ์ภายนอก AUX และUSB
AUX
ลำโพง
2 ตัว 4 ตัว
มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
มี
มี
กุญแจนิรภัย Immobilizer
มี
มี
ถุงลม SRSคู่หน้า
มี
มี
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ
มี
มี
ระบบเบรก ABS,EBD
มี
มี
ระบบเสริมแรงเบรก BA
ไม่มี
มี

Nissan March VS Honda Brio




 

Create Date : 30 มีนาคม 2554   
Last Update : 30 มีนาคม 2554 13:22:13 น.   
Counter : 3667 Pageviews.  

MAZDA3 นำขบวน ซูม-ซูม มอเตอร์โชว์

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งสปอร์ต All New Mazda3 เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดสู่สาธารณะชนอย่างเป็นทางการ เดินหน้านำทัพรถสายพันธุ์สปอร์ตของมาสด้า เตรียมลุยสู้ศึกกับสนามใหม่ เนรมิตพื้นที่จัดแสดงขนาดใหญ่ถึง 1,456 ตารางเมตร พร้อมเอาใจผู้หลงไหลความสปอร์ตด้วยการแนะนำรถมาสด้า2 รุ่นพิเศษ Limited Edition ชื่อรุ่น GENETIC ตกแต่งด้วยอุปกรณ์สปอร์ตรอบคันจำนวนจำกัด นอกจากนี้ยังเอาใจแฟนคลับของ 2 พรีเซนเตอร์หนุ่มสุดฮอตที่จะได้มีทแอนด์กรี๊ดกันแบบเต็มๆ ติดขอบเวทีกับ ณเดชน์ และ เป้ อารักษ์ ที่จะมาร่วมสร้างสีสันตลอดงานในครั้งนี้ นอกจากนี้ อุณหภูมิความสปอร์ตจะร้อนแรงถึงขีดสุดกับข้อเสนอฮอตโดนใจครบทุกรุ่นที่บูธมาสด้า และที่โชว์รูมทั่วประเทศตั้งวันนี้ถึง 5 เมษายน 2554 นี้เท่านั้น

มร. โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วันนี้ตลาดรถยนต์ของไทยได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะรถในกลุ่มบีคาร์และคอมแพคคาร์ เป็นกลุ่มที่มียอดการเติบโตสูงสุด ซึ่งมาสด้ามีความพร้อมอย่างยิ่งทั้งสองเซ็กเม้นนี้ และคาดว่าทั้งมาสด้า2 และมาสด้า3 เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด จะเป็นรถธงรุ่นหลักในการทำตลาดของมาสด้าปีนี้ และจะช่วยผลักดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้สูงถึง 38,500 คันในปีนี้ การเปิดตัวมาสด้า3 เจเนอเรชั่นใหม่ เป็นมากกว่าแค่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่นับว่าเป็นการต่อยอด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาสด้า ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้มาสด้ากลายเป็นแบรนด์ฮิตติดตลาดตลอดไป All New Mazda3 เป็นรถเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ภายใต้แนวคิดสายพันธุ์สปอร์ต...สร้างมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ...สู่สมรรถนะยานยนต์อันทรงค่า กับรถยนต์ในฝัน...ที่ขับสนุกไม่เหมือนใคร และคงเอกลักษณ์สไตล์ “ซูม-ซูม” ไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมแล้วกับรูปลักษณ์ใหม่ปราดเปรียว… All New Mazda3 "Create Your Own Definition

มาสด้า3 เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด เปลี่ยน...ทุกคำจำกัดความที่เคยมี

All New Mazda3 ได้รับการถ่ายทอด DNA จากยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ตของมาสด้า นับเป็นการผสานรวมคุณสมบัติที่โดดเด่นของกลยุทธ์การสร้างแบรนด์มาสด้าทั่วโลก มีดีไซน์ล้ำสมัยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คุณภาพยอดเยี่ยม นวัตกรรมทางเทคโนโลยีโดดเด่นของมาสด้า และสมรรถนะเหนือกว่าใคร การออกแบบภายใต้แนวคิด Center Focus Design เน้นความสมดุลของการออกแบบในทุกองค์ประกอบไปที่จุด Center ของรถ อันเป็นแนวคิดการออกแบบของรถต้นแบบ Mazda KIYORA นอกจากนี้ ดีไซน์กระจังหน้า 5 เหลี่ยม รวมทั้งการออกแบบภายใน ยังถอดแบบมาจากรถต้นแบบ Mazda RYUGA ที่ได้รับรางวัลการออกแบบยานยนต์ต้นแบบยอดเยี่ยม ด้านความคิดสร้างสรรค์ จากแบรนด์ดีไซน์เนอร์ชั้นสูงระดับโลก หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton Classic Concept Award) เมื่อปี 2007

คุณสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สำหรับบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 ที่กำลังจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2554 ซึ่งเป็นสถานที่แห่งใหม่ ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ปีนี้มาสด้าเตรียมพื้นที่จัดแสดงขนาดใหญ่สุดถึง 1,456 ตารางเมตร เพื่อรองรับกับคลื่นมหาชนที่จะหลั่งไหลเข้ามาชมการเปิดตัว All New Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด และการแสดงชุดพิเศษสไตล์ ซูม-ซูม รวมทั้งการเดินทางมาปรากฏตัวของพรีเซนเตอร์รถมาสด้า2 อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ และแฮตช์แบค 5 ประตู ที่มีเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งทั้ง 2 เป็นศิลปินดาราหนุ่มฮอตที่สุดแห่งทศวรรษ รวมทั้งขบวนยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตของมาสด้าที่มากันครบทุกรุ่น โดยเฉพาะรถยนต์นั่งสปอร์ตน้องใหม่ของมาสด้าที่กำลังร้อนแรงและสร้างความฮือฮามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์อันสปอร์ตหรูหรา โฉบเฉี่ยว กับสมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้น

มร.ยูกิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีที่ผ่านมารถยนต์มาสด้า2 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารถที่มีความเป็นตัวตน มีความเป็น ซูม-ซูม สูงนี้ สามารถชนะใจลูกค้า และไปไกลถึงตำแหน่งผู้นำในตลาดรถเก๋งเล็กกลุ่มห้าประตูได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะรูปลักษณ์ที่บ่งบอกสไตล์สปอร์ต สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกจัดจ้าน และที่สำคัญประหยัดน้ำมันในระดับที่ลูกค้าพึงพอใจ สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ อุณหภูมิความสปอร์ตจะร้อนแรงถึงขีดสุด กับข้อเสนอจากมาสด้าที่ฮอตโดนใจ ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะช่วงนี้สำหรับรถทุกรุ่น และมั่นใจว่าจะได้รับยอดจองของรถทุกรุ่นในงานนี้มากกว่า 3,000 คัน

นอกจากนี้มาสด้ายังเอาใจคนหลงใหลความเป็นสปอร์ตด้วยการนำรถมาสด้า2 ซีดาน 4 ประตู มาตกแต่งสไตล์สปอร์ตภายใต้คอนเซ็ปต์พิเศษ "GENETIC" ที่นำมาตกแต่งรอบคันให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า ด้วยชุดสเกิร์ตด้านหน้า ด้านข้าง สเกิร์ตด้านหลัง ชุดกันสาด ชุดคิ้วขอบประตู ชุดแต่งปลายท่อไอเสียทรงสปอร์ต และสัญลักษณ์บ่งบอกรุ่นพิเศษ "GENETIC Limited Edition" ให้ความเป็นเอกลักษณ์สไตล์สปอร์ตสุดๆ ในจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาว Cool White และสีเทา Metropolitan Gray จำหน่ายในราคา 635,000 บาท ในรุ่น Spirit และราคา 695,000 บาท ในรุ่น Maxx

ที่สำคัญมาสด้ายังมาสด้ายังมีรถอีกหลายรุ่นให้ได้สัมผัส อัดแน่นไปด้วยความสปอร์ต เช่น รถนั่งสปอร์ตมาสด้า3 เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี ทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และรุ่นแฮตช์แบค 5 ประตู ยังคงได้รับความความนิยมอย่างต่อเนื่อง บีที-50 มาพร้อมระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S ทั้งแน่นและหนึบ เอ็มเอ็กซ์-5 และซีเอ็กซ์-9 นอกจากนี้ ยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษพลาดไม่ได้เฉพาะงานนี้เท่านั้น

นอกจากยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้าที่มาครบทุกรุ่นแล้ว ที่สำคัญมาสด้ายังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในด้านการขายและบริการหลังการขาย โปรโมชั่นสุดพิเศษที่ให้คุณเป็นเจ้าของรถสายพันธ์สปอร์ตจากมาสด้าได้ง่ายขึ้น ด้วยเงื่อนไขพิเศษสุดๆ ในงานมอเตอร์โชว์ และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ
1.All New Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เปิดตัวพร้อมให้ประกันภัยชั้นหนึ่งหนึ่ง 1 ปีพร้อมกับตัวรถ พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
2. Mazda3 รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร สามารถเติมน้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20 ราคาเริ่มต้นเพียง 755,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราพิเศษเพียง 0.99% เท่านั้น รับทันทีฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร ประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
3. MAZDA2 สปอร์ตซีดานใหม่ และ MAZDA2 สปอร์ตแฮตช์แบค 5 ประตู รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี พร้อมมอบแพ็คเก็จบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปีหรือ 60,000 ก.ม. พร้อมกับตัวรถ
4. BT-50 รับเงื่อนพิเศษดาวน์เริ่มต้นเพียง 49,999 บาท เพิ่มมูลค่ารถมาสด้าคันเก่าสูงถึง 20,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
5. MX-5 หลังคาไฟฟ้า รับเงื่อนไขพิเศษด้วยการรับประกันคุณภาพนานถึง 5 ปีหรือ 140,000 กิโลเมตร มอบแพ็คเก็จบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปีหรือ 100,000 ก.ม. พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
6. CX-9 มอบแพ็คเก็จบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง

พร้อมกันนี้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นยังรับประกันคุณภาพนานสูงสุดถึง 3 ปีหรือ 100,000 ก.ม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงหรือ "24 Hrs Mazda Roadside Assistance" ฟรีนาน 3 ปี ลูกค้ามาสด้าทุกท่านไม่ควรพลาดโอกาสการในการเป็นเจ้าของยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้า ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่เร้าใจ แบบ ซูม-ซูม ด้วยสมรรถนะเป็นเยี่ยม ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย อบอุ่นใจตลอดการเดินทาง พร้อมทดลองขับก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ และรับข้อเสนอสุดพิเศษจากมาสด้าได้แล้ววันนี้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั้ง 120 แห่งทั่วประเทศ




 

Create Date : 25 มีนาคม 2554   
Last Update : 25 มีนาคม 2554 13:43:00 น.   
Counter : 2281 Pageviews.  

รวมเด็ด ไฮไลท์ มอเตอร์โชว์ 2011…ปีนี้มีอะไรน่าสนบ้าง

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงกับการงานยานยนต์ยิ่งใหญ่แห่งปี ต้องรับปีกระต่ายที่บรรดาค่ายรถยนต์มากมายทุกยี่ห้อ ต่างเดินทางมาร่วมโชว์ศักยภาพยานยนต์ไทย พร้อมเปิดรถรุ่นใหม่ ที่จะลงวางขายตลอดปี 2011 กันอย่างคึกคักเลยทีเดียว

ที่ผ่านมาเรารู้ว่าหลายคนไปเดินมอเตอร์โชว์ โดยมากเพื่อไปดูพริตตี้สาวๆ แต่เราในฐานะส่วนหนึ่งของคนในวงการรถยนต์เองไม่อยากงานโชว์รถเป็นงานโชว์ สาวๆ ขาวๆ อวบๆ แต่เราอยากให้ทุกท่านมองให้กว้างแล้วจะพบว่า งานแสดงรถมีอะไรดีกว่าที่คิด

Chevrolet

งานนี้เราคงต้องขอเริ่มกันที่ค่ายโบว์ไทน์กันก่อน ที่เพิ่งให้เกียรติชาวไทยได้เป็นชาติแรกในโลกในการ World Premier Chevrolet Corolado ที่ลั่นวาจาว่าขายปีนี้แน่นอน หลายคนอาจจะผ่านตากับรูปไปแล้วบ้าง แต่ถ้าอยากรู้ตัวจริงสวยแค่ไหนไปดูกันเอาเอง ส่วนรถที่วางขายตัวชูโรงยังคงเป็นเก๋งคอมแพ็คที่เขย่าตลาดมาแล้วเมื่อปลายปี cheverolet Cruze

bangkok international motor show 2011

Ford

ค่ายรถยนต์รายนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน และนี่เป็นอีกกระบะที่หลายคนเฝ้ารอกับ all New! Ford Ranger ใหม่ ที่จะเปิดขายและวางจำหน่าย ที่มาพร้อมสรรพกับราคา ที่ครั้งนี้น่าสนใจ ด้วยดีไซน์ดุดันแบบอเมริกันแท้ๆ ที่จะทำให้คึกคักยิ่งขึ้น ด้วยราคาที่น่าจะใกล้เคียงกับรุ่นเดิม งานนี้ใครที่รออยู่ ก็สิ้นสุดการรอคอยสักที ที่ยังมีการปรับโฉม Ford Focus และ ford Fiesta สีม่วงพิเศษมีแค่ 300 คันไม่ซ้ำใครมากระชับพื้นที่ด้วย

bangkok international motor show 2011

Honda

ถ้าพูดค่ายรถยนต์ที่นิยมแล้ว Honda ถือเป็นค่ายรถยนต์ที่ได้รับการตอบรับเป้นอย่างดี และครั้งนี้ Honda Brio คือตัวชูโรงที่สำคัญ กับอีโค่คาร์ รุ่นที่ 2 ของประเทศ ที่ควงแขนมากับ Honda Jazz ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ที่ใครกำลังมองหารถ แล้วพอมีโปรฯ ฮอนด้า จัดดาวน์ 25 % ในบรีโอ้ แต่ให้ผ่อนนานถึง 72 เดือน ที่ตกแล้ว เดือนละ 4900 บาท เอง

bangkok international motor show 2011

Nissan

ค่ายรถยนต์ Nissan นั้นปีนี้จัดให้คนไทยได้พบตัวเป็นๆ ของยานยนต์อนาคตกับ Nissan Leaf ที่กำลังจะวางจำหน่ายในอเมริกา และเป็นความหวังใหม่ในโปรดักส์แชมป์เปี้ยนตัวที่ 3 ที่หากคุณชอบความล้ำหน้าอนาคต ต้องไม่พลาด รับรองว่าเด็ดแน่ๆ

bangkok international motor show 2011

Mitsubishi

ใครที่กำลังรออีโค่ค่าร์อยู่ แล้ว March ไม่ชอบ Brio ไม่ใช่ งานนี้คุณจะได้พบ Mitsubishi Global small concept ที่จะตอบโจทย์ ด้วยดีไซน์ที่ฉีกแนว ที่เราจะได้เห็นกันบนเวทีมอเตอร์โชว์ ที่อาจทำให้หลายคนถูกใจ และเฝ้ารอคอยการมาของเจ้าตัวเล็กค่ายนี้

bangkok international motor show 2011

bangkok international motor show 2011

Mazda

ด้านค่ายรถยนต์ ซูม-ซูมนั้น เตรียมพาคุณไปทะยานกับ all New! Mazda 3 ใหม่ 2.0 ลิตร ที่งดงามด้วยดีไซน์ใหม่หมดจดเน้นความโฉบเฉี่ยวในแบบสปอร์ตที่อาจจะถูกใจใคร ที่กำลังมองหารถยนต์คอมแพ็คคาร์รุ่นใหม่ ที่สดกว่า และยังมี 4 และ 5 ประตู ให้เลือก เหมือนเคย

bangkok international motor show 2011

Hyundai

ทุกวันนี้เราคงมองข้ามรถยนต์เกาหลีไปไม่ได้ และอีกครั้ง ที่ค่ายรถยนต์เกาหลีจะพาคุณสัมผัส ยนตรกรรมชั้นหนึ่งที่ครองใจมาแล้วทั่วโลกกับ All New! Sonata Sport ที่มาพร้อม ความโดดเด่นทางด้านดีไซน์และสมรรถนะ ที่คุณคงจะต้องชื่นชอบกันอย่างแน่นอน ถ้าคุณกำลังมองหาเก๋งกลางรุ่นใหม่ มาใช้

bangkok international motor show 2011

KIA

อีกหนึ่งค่ายรถสัญชาติเกาหลีที่ยังไม่มีการยืนยัน แต่มีความเป็นไปได้ที่ Kia จะแนะนำรถรุ่นใหม่ อย่าง Kia Picanto 2012 ออกสู่ตลาดที่น่าสนใจในความล้ำหน้าและดีไซน์ที่สวยงาม ที่คุณจะลืมไปเลยว่านี่คือรถที่มาจากแดนกิมจิ

bangkok international motor show 2011

Isuzu

ค่ายรถยนต์แรงจัดประหยัดจริงครั้งนี้ มาพร้อมการแนะนำรถรุ่นพิเศษออกสู่ตลาดที่เน้นความลงตัวทางด้านความ อเนกประสงค์เช่นเดียวกับความโฉบเฉี่ยวที่ขอตอบโจทย์ด้วย Isuzu Mu-7 Choiz ที่มีแค่สีขาว-ดำ พร้อมการตบแต่งพิเศษเฉพาะรุ่นที่คงถูกใจหลายคนมากยิ่งขึ้น

bangkok international motor show 2011

Toyota

ด้านค่ายรถยนต์สามห่วงก็จัดการส่ง รถคอนเซปต์คาร์ 2 รุ่นมาแสดงในงาน โดยหนึ่งเป้นรถสปอร์ต FT-86 ที่เพิ่งมีเวอร์ชั่น 2 ไป แต่ที่จะมานี้จะเป็นเวอร์ชั่นแรก ส่วนอีกคันนั้นเป้นรถกลุ่มไฟฟ้า FT EV II ที่ตอบโจทย์ความก้าวล้ำของค่ายที่เหนือชั้นในเทคโนโลยีไฟฟ้า

bangkok international motor show 2011

bangkok international motor show 2011

ต้องขอบอกเลยว่าปีนี้มอเตอร์ โชว์ 2011 เด็ดดวง ด้วยหลายรถที่มาโชว์ในที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และไม่ควรพลาดหากคุณเป้นคนรักรถ ที่มอเตอร์โชว์นั้นก็อธิบายให้แม่บ้านเข้าใจไปครับว่า ไปดูรถ จริงๆ..นะ




 

Create Date : 24 มีนาคม 2554   
Last Update : 24 มีนาคม 2554 15:24:54 น.   
Counter : 2324 Pageviews.  

10 ข้อ เรื่องจริง รถตู้ไทย



รถตู้โดยสารเป็นยานพาหนะที่เป็นที่นิยมในบ้านเรามาสักระยะหนึ่ง ซึ่งทำให้ชีวิตของคนเมืองนั้นสะดวกสบายขึ้นมาก แต่บางสิ่งบางอย่างที่เราไม่อาจปฏิเสธได้เวลาเราใช้บริการรถตู้... ก็มีอยู่เช่นเดียวกัน และ เรื่องที่จะยกตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัวและการบอกเล่าจาก ผู้คนรอบข้างเท่านั้น รถตู้ดีๆ ที่มีมารยาทก็มีเยอะนะ อย่าเหมารวมล่ะ...

1. เป็นไปได้ว่าพี่คนขับรถตู้ (บางคน) อาจจะเคยผ่านการฝึกขับรถ F1 มาก่อน เพราะทักษะการเหยียบคันเร่งแบบไม่ต้องถอนนั้นยอดเยี่ยม!! แถม ตอนเปลี่ยนเลนบางทีก็ไม่ต้องอาศัยการเปิดไฟเลี้ยว รวมทั้งเทคนิคการแทรกช่องว่างระหว่างคันรถเพียงเล็กน้อย คุณพี่เค้าก็ยังสามารถทำได้เพียงเสี้ยววินาที หรือบางทีก็เปลี่ยนจากเลนขวาสุดมาเลนซ้ายสุดแบบ Professional ยากหาใครเสมอเหมือน เรียกได้ว่าทักษะการขับรถตู้ของรถตู้ (บางคัน) สามารถเรียกอ้วกของผู้โดยสารได้ไม่ยากเลยจริงๆ

2. แต่ถ้าขึ้นรถตู้แล้วไม่เจอคุณพี่คนขับที่เป็นนักแข่งรถมาก่อน
ก็อาจจะได้พบกับขั้วตรงข้ามที่อาจจะเป็นแฝดคนละฝาเลยก็ว่าได้ เพราะพี่คนขับประเภทนี้จะขยันเบรกกันทุกๆ 100 เมตรเห็นจะได้ ซึ่งไม่ว่ารถคันหน้าจะอยู่ห่างซักแค่ไหน คุณพี่ก็จะตั้งหน้าตั้งตาเบรก ช่วงเวลาไพรม์ไทม์อย่างช่วงเช้าหรือเย็นๆ แบบรถติดๆ เราก็พอจเข้าใจ แต่ช่วงที่รถแล่นฉิวๆ เนี่ย จะเบรกทำไมบ่อยๆ ไม่เข้าใจว้อยยย... (การขับแบบนี้ก็ไม่พ้นเตรียมถุงอ้วกไว้เหมือนกัน)

3. ถึงแม้ว่าคุณจะพบกับคนขับที่แสนดีและมีมารยาท แต่สารพัด "กลิ่น" บนรถตู้อาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้คุณอาเจียนได้เหมือนกัน
ไม่ ว่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศที่กลิ่นไม่เหมือนกันซักคัน หรือกลิ่นอับของบรรดาเบาะที่นั่ง ไม่เว้นแม้แต่กลิ่นเหงื่อ ของบรรดาหนุ่มๆ นักกีฬาที่นัดมาออกกำลังกายยามเย็นแล้วกลับบ้านพร้อมกันก็เหลือจะทน... ขอบอกคำเดียวว่า "ไม่ไหว!"

4. นอกจากจะมีกลิ่นต่างๆ ที่สามารถรบกวนสัมผัสทางรูจมูกของคุณได้เป็นอย่างดีแล้ว มลพิษทางเสียงนับเป็นอีกสิ่งที่คุณสามารถพบเจอได้เป็นประจำในรถตู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นเสียงพินบีบีที่ดังทุกๆ 2.75 วินาที, เสียงออดอ้อนเอาใจแฟนหนุ่มด้วยภาษาแอ๊บแบ๊วอย่าง คริคริ ตะเอง จุ๊บุ๊ๆ อะไรก็ว่ากันไป, เสียงเด็กที่ร้องโยเย (อาจจะมาจากเด็กเมารถ ฮ่า ฮ่า) แต่ที่น่ากลัวที่สุดคงจะเป็นเสียงคุยโทรศัพท์จากพี่คนขับรถ เพราะพี่เล่นซิ่งไปคุยไปแบบนี้ก็เสียวสันหลังแย่สิคร้าบบบ!

5. ผู้โดยสารที่ขึ้นรถตู้คงจะหวังว่าจะได้ขึ้นไปสัมผัสกับแอร์เย็นๆ และไม่ต้องทนร้อนกับการนั่งรถเมล์ในยามแดดเปรี้ยง... คุณคิดผิดซะแล้วล่ะ เพราะ รถตู้โดยสารบางคันไม่ว่าคุณจะดันระดับความเย็นไปจนสุดแล้ว สิ่งที่คุณได้รับกลับมีเพียงลมอันแผ่วเบาที่จะทำให้คุณร้อนและอึดอัดกว่า เดิม เพราะอย่าลืมว่าคุณไม่สามารถเปิดกระจกในแบบที่คุณทำได้เวลาคุณขึ้นรถเมล์ อ้อ! และหากว่าคุณไม่พบกับรถตู้แอร์ร้อนแล้วละก็ คุณก็อาจจะได้พบกับรถตู้ที่แอร์เย็นเฉียบเสมือนว่าอยู่ขั้วโลกเหนือกันเลยทีเดียว




6. สืบเนื่องมาจากความสามารถพิเศษในการขับรถตู้เยี่ยง F1 ของพี่คนขับรถ ไม่ว่าจะปาดขวา เบี่ยงซ้าย คุณพี่ก็ทำได้ในระยะประชิดด้วยเวลาที่อาจจะเหนือกว่าไมเคิล ชูมัคเกอร์เสียด้วยซ้ำ อาการ ของการอยากจะจอดรับ-ส่งผู้โดยสารตรงไหนก็ได้จึงบังเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้ เพราะตอนนั้นคุณพี่อาจจะอยู่เลนที่ 3 แล้วมีผู้โดยสารต้องการลงป้าย คุณพี่ก็จัดเต็มด้วยการปาดทีเดียว 3 เลนซะอย่างนั้น หรือไม่บางทีคุณพี่ขี้เกียจเข้าไปส่งในเลนซ้าย เพราะมันจะทำให้เสียเวลา คุณพี่ก็จะเปิดไฟกระพริบและจอดมันซะตรงเลน 2 นั่นแหละ นี่ยังดีนะว่าไฟเบรกมันติด ไม่งั้นเราคงไม่รู้ว่าคุณพี่จะจอดรถ

7. และก็คงเป็นการยืนยันคำกล่าวที่ว่า "คนไทยอ่านหนังสือปีละ 6 บรรทัด" นั้นเป็นความจริงได้เป็นอย่างดี เพราะแค่ป้ายสีแดงเล็กๆ ที่เขียนอยู่บนรถตู้ทุกคันว่า "โปรดอย่านั่งขวางประตู" แทบจะไม่มีใครอ่าน ขึ้นมาบนรถก็เอาก้นจมปลักอยู่บนเบาะแถว 2 ที่ขวางทางขึ้น-ลงอยู่นั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะมีที่นั่งอีกมากมายอยู่ทางด้านหลัง แต่ก็ยังมีคนยืนยันว่าขอนั่งตรงนี้ แม้จะขวางทางคนอื่นเค้าอยู่ก็เถอะ

8. ในบางวันเราอาจจะคิดว่าเราโชคดีที่ได้นั่งเบาะด้านหน้าคู่คนขับ
แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะรถตู้โดยสารบ้านเรามักมีออปชั่นพิเศษอยู่เสมอ เพราะ พี่คนขับรถบางคันมักจะนำหญิงสาวที่เราไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นใคร แม่หรือเปล่า เอ๊ะ..หรือว่าเป็นเมีย มานั่งข้างๆ ซะงั้น และเธอคนนั้นมีหน้าที่หันหลังมาเก็บเงินในทุกๆ ป้ายเวลาที่มีคนลง และช่วงเวลาที่เธอหันไปหันมานี่แหละ... ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดมากขนาดนี้ก็ไม่รู้

9. คุณจะรู้สึกยังไงถ้าทุกๆ วันที่คุณนั่งรถตู้จากบ้านไปยังออฟฟิศ คุณเสีย 15 บาท แต่อยู่มาวันหนึ่งกลับต้องเสีย 20 บาท ทั้งๆ ที่นั่งรถตู้บริษัทเดียวกัน ระยะทางเท่ากัน เวลาในการขึ้นใกล้เคียงกัน และเหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ เสียด้วย ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้รถตู้ก็มี 2 มาตรฐานเหมือนกัน

10. และสุดท้ายบางทีคุณอาจจะรู้สึกแย่เวลาที่ต้องการขึ้นรถตู้โดยสาร เพราะคนที่นั่งข้างคุณเป็นผู้ชายหน้าเถื่อนๆ
อาจสัปหงกและก้มลงมาซบไหล่คุณโดยที่เค้าไม่รู้ตัว ซึ่งเค้าอาจจะฝากของเหลวที่ไหลออกมาจากปากไว้กับเสื้อของคุณเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หากมองในมุมกลับ คุณอาจจะเจอแจ็คพ็อต โดยมีสาวน่ารักน่าหยิกกำลังง่วงอยู่ข้างๆ กายคุณ และเผลอซบคุณตลอดทางก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณก็คงไม่อยากลุกลงจากรถแม้ว่าถึงบ้านคุณแล้วก็ตาม

เครดิต : //www.mthai.com

ภาพ : google




 

Create Date : 23 มีนาคม 2554   
Last Update : 23 มีนาคม 2554 21:17:02 น.   
Counter : 1099 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]