เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

'มอเตอร์ไซค์ล้อเดียว' เตรียมวางตลาดต้นปี 2012

มอเตอร์ไซด์
ล้อเดียว Unicycle ที่เห็นในรูปข้างล่างนี้ เป็นของบริษัท Ryno Motors
ซึ่งทำงานด้วยระบบไฟฟ้า โดยดีไซน์คล้ายกับนำมอเตอร์ไซด์จริงๆ มาหั่นครึ่ง
เพื่อให้มันเหลือแค่ล้อเดียว สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด 20
ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และซิ่งได้ไกลสุด 30 ไมล์
หรือประมาณ 50 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตฯ หนึ่งครั้ง โดยรวมมันดูน่าใช้กว่า
Segway และถึงที่หมายได้เร็วกว่า







'มอเตอร์ไซค์ล้อเดียว' เตรียมวางตลาดต้นปี 2012 รูปที่ 1




อย่างไรก็ดี ขณะ
นี้ ทาง Ryno Motors กำลังเร่งผลิต Unicycle
เพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาด
โดยคาดว่าจะสามารถพร้อมวางจำหน่ายได้ในช่วงต้นปี 2012
สนนราคา
ของ Ryno Unicycle ตกคันละ 4,200 เหรียญฯ หรือประมาณ 130,000 บาท
และถ้าใครอยากได้ Limited Edition ก็สามารถสั่งซื้อได้ด้วยราคา 25,000
เหรียญฯ หรือประมาณ 750,000 บาท
...อุ๊ปส์!!! ว่าแต่...ล้อเดียวดียังไง? คลิกชมคลิปข้างล่างนี้ดีกว่าครับ





 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2555   
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2555 19:06:06 น.   
Counter : 1944 Pageviews.  

Volkswagen UP! :เพิ่มทางเลือกใหม่แบบ 5 ประตู
































       ในตอนแรกคิดว่าโฟล์คสวาเกนคงจะไม่มีอะไรที่เป็นความเคลื่อน
ไหวใหม่ให้กับซิตี้คาร์รุ่นใหม่แกะกล่องอย่างรุ่น UP! แต่ที่ไหนได้
คล้อยหลังการเปิดตัวรุ่น 3 ประตูไปได้ไม่นาน ก็เปิดแนวรุกใหม่ เพิ่มตัวถัง 5 ประตูออกมาเป็นอีกทางเลือก โดยจะเริ่มขายในยุโรปเดือนพฤษภาคมนี้


























       UP!
ถือเป็นผลผลิตใหม่ล่าสุดที่โฟล์คสวาเกนเพิ่งส่งขายเมื่อปลายปีที่แล้ว
เพื่อหวังเจาะตลาดซิตี้คาร์ในระดับ A-Segment ด้วยตัวถังแบบ 3
ประตูเครื่องยนต์วางด้านหน้า เน้นความคล่องตัวในการใช้งาน
และในตอนแรกเหตุการณ์ทำท่าว่าทางเลือกของ UP! จะมีแค่นี้ แต่ไปๆ มาๆ
ก็ขยายแนวรุกออกมา โดย UP! แบบ 5 ประตูมาพร้อมความสะดวกสบายในการใช้งาน
เช่น พื้นที่ใช้สอยของห้องโดยสารด้านท้าย ซึ่งมีความจุในระดับ 251 ลิตร
และจะขยายเป็น 951 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง


      

       ขณะที่ความกว้างขวางของห้องโดยสารยังเหมือนเดิม เช่น พื้นที่ช่วงเหนือศีรษะ หรือ Headroom ของเบาะหน้าอยู่ที่ 993 มิลลิเมตร และอยู่ในระดับ 947 มิลลิเมตร สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง

























      

























       ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ไม่น้อย
เพราะแรกเริ่มเดิมทีที่ยังเป็นต้นแบบ UP! มีแค่ตัวถังแฮทช์แบ็ก 3
ประตูที่เผยโฉมออกมาเป็นครั้งแรกในปี 2007 จากนั้นต้นแบบรุ่นอื่นๆ
ที่เปิดตัวออกมาไม่มีรุ่น 5 ประตูเลย มีแต่เวอร์ชั่นมินิแวน หรือ MPV
ดังนั้นตัวถังแฮทช์แบ็ค 5 ประตูจึงแทบไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีขายตามออกมาด้วย


      

       ทางเลือกของเครื่องยนต์แม้ว่าจะจะเปิดเผยคร่าวๆ ว่าจะมีช่วงแรงม้าอยู่ที่ 60-75 แรงม้า แต่ก็ไม่แตกต่างจากรุ่น 3 ประตู โดยการทำตลาดจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1000 ซีซี แบบเดียว แต่แตกทางเลือกออกเป็น 2 ระดับ คือ 60 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที และ 75 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที

























       อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบที่มีความทันสมัยอย่างเช่น CEB
หรือ City Emergency Braking
ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ระหว่างการขับในเมืองด้วยช่วงความเร็วระหว่าง
5-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งในตอนนั้น
หากมีคนเดินข้ามถนนโดยที่ไม่ระวังรถที่วิ่งไปมา
ตัวรถก็จะสั่งเบรกอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย


      

       ราคาขายของ UP! แบบ 5 ประตูในเยอรมนีตั้งเอาไว้ที่ 10,325 ยูโร หรือ 433,000 บาท ซึ่งแพงกว่ารุ่น 3 ประตูอยู่ที่ 475 ยูโร หรือ 19,000 บาท เท่านั้น





















 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2555   
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2555 21:57:47 น.   
Counter : 1159 Pageviews.  

All New! Audi RS 4 Avant เบ่งพลังครอบครัวด้วย V8 444 ม้า

  
เมื่อพูดถึงรถยนต์จากตลาดประเทศยุโรปแล้ว
แม้บ้านเราจะค่อนข้างคุ้นหน้าตากับค่ายรถยนต์ชั้นนำกันเป็นอย่างดี
แต่ในอีกมุมหนึ่งของการตอบโจทย์ที่เน้นหนักในสมรรถนะการขับขี่ Audi
ก็เป็นอีกค่ายที่มีดีด้านนี้ และ Audi RS4 Avant  ถือเป็นหนึ่งในรถครอบครัวตัวแรงที่เพิ่งมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในโลกออนไลน์






                Audi RS4 Avant 
ใหม่เป็นรถที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดที่ทำรถบ้านให้สปอร์ตยิ่งกว่าเดิม
ภายใต้โครงสร้างเดิม
แต่เสริมลุคใหม่ที่เริ่มตั้งแต่ด้านหกน้าปรับเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่
ให้ไฉไลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับกระจังหน้าแบบ honey comb
สีด้านให้ความรู้สึกที่คมเข้ม
คู่กับเส้นสายเดิมของตัวรถที่มาพร้อมกาบข้างใหม่ล่าสุดพร้อมกันชนท้ายและชุด
รีดอากาศใหม่ ลงตัวกับล้ออัลลอยขอบ 20 นิ้วลาย 10 ก้าน รัดด้วยยาง 265-35
เป็นมาตรฐาน แต่ถ้าชอบสปอร์ตยิ่งกว่า ก็มียาง 265-30 ให้เลือกเช่นกัน


                ในห้องโดยสาร Audi
เติมเสน่ห์ความสปอร์ตจากเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตให้ความงดงามแปลกและแตก
ต่างกว่า  จัดมาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังชั่นที่การตบแต่งภายในเน้นโทนสีดำ
ให้ความคมเข้ม และลัดเลาะความสปอร์ตด้วยคาร์บอน
พร้อมเสริมความหรูหราด้วยอลูมิเนียม แต่ทีเด็ดอยู่ที่บั้นท้าย
ที่สามารถจุของได้ถึง 1430 ลิตร เลยทีเดียว


               
ด้านขุมพลังขับเคลื่อน  audi  แนะนำเครื่องยนต์ V8  ขนาด 4.2 ลิตร
เบ่งกล้ามเพาะม้าสูงสุด  444 แรงม้าที่ 8250 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด
430 นิวตันเมตรที่  4000-6000 รอบต่อนาที 
โดยเครื่องยนต์ตัวนี้เป้นบล็อคเดียวกับที่อยู่ใน Audi RS5
และเพิ่มสมรรถนะจากรุ่น RS4 ถึง 30 แรงม้า จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ S
tronics  7สปีด และไม่ลืมทีเด็ด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ  Quattro
 กระจายแรงบิด 40 :60 และยังสามารถเลือกได้ระหว่างส่งแรงไปที่ล้อ 70% หรือ
จะลงคู่หลังที่ให้มากถึง 85%


                แม้จะเป็นรถครอบครัวที่น่าจะขับชิวๆ
แต่เมื่อพกพิกัดความแรงมาเต็มคราบ  Audi RS 4 Avant ทำอัตราเร่ง 0-100
ก.ม./ช.ม. ในเวลาเพียง 4.7 วินาที  และทำความเร็วปลายสูงสุด 250 ก.ม./ช.ม.
แต่ถ้าอยากซิ่งมากกว่านั้น  Audi  ก็พร้อมจะให้ทะยานสูงสุด 280 ก.ม./ช.ม.
ด้วยการปลดล็อคกล่องควบคุมเพียงเล็กน้อย และมันซดน้ำมันเพียง 11 ลิตร /100
กิโลเมตร


                Audi RS 4 Avant
ยังมาพร้อมการปรับแต่งในส่วนอื่นมากมาย โดยเฉพาะพวงมาลัยแบบ
electromechanical ที่สามารถความหนืดแปรผันตามความเร็วของรถ
ในขณะที่ช่วงล่างปรับให้เตี้ยลงอีก 20 ม.ม. มาพร้อมจานเบรกขนาดใหญ่ 3650
ม.ม. เป็นมาตรฐาน และสามารถเลือกเพิ่มสมรรถนะหยุดปราบฝูงม้า
ด้วยชุดจานเบรคเซรามิค 380 ม.ม. พร้อมปั้มเบรคแบบ 6 พอท


                เจ้าสปอร์ตตัวแรง  Audi RS 4 Avant จะมาพร้อมโชว์ตัวอย่างเป็นทางการในงาน Geneva Motor Show  ช่วงเดือนหน้า ในขณะที่การวางจำหน่ายจริงจะเริ่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยคาดว่า รถคันนี้จะมีราคาสูงถึง 76000 ยูโร



เรียบเรียงเรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง



//auto.sanook.com/3469/




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2555   
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2555 20:49:48 น.   
Counter : 1260 Pageviews.  

ศาสตร์แห่งตัวเลข กับการเลือกเลขทะเบียนรถ


รถยนต์






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
 

        
โหราศาสตร์ 
ถือว่าเป็นศาสตร์การพยากรณ์เก่าแก่ที่ทุกชนชาติให้ความสนใจและสามารถทำนาย
ทายทักดวงชะตาของเราได้
ซึ่งการพยากรณ์ทั้งหลายล้วนต้องอาศัยตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับตัวของเรา
ทั้งตัวเลข วัน เดือน ปีเกิด ไปจนถึงเลขทะเบียนบ้าน หรือ
บัตรประจำตัวประชาชน ไม่เว้นกระทั่งเรื่องของเลขทะเบียนรถ

         นัก
โหราศาสตร์หลายท่านถือว่าเลขทะเบียนรถนั้นมีอำนาจและอิทธิพลในเรื่องโชคชะตา
ของเจ้าของยานพาหนะโดยตรง
และด้วยความเชื่อนั้นเองที่ทำให้เจ้าของรถหลายคนพยายามเสาะแสวงหาเลขทะเบียน
รถเพื่อเป็นศิริมงคล เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
และวันนี้เราก็ได้ทำการรวบรวมหลักเกณฑ์การเลือกเลขทะเบียนรถที่เป็นมงคลตาม
แต่ละบุคคลมาฝากกัน


โดยเลขทะเบียนที่ดีควรจะอยู่ในกฏ ดังนี้
         - เลขทุกตัวบวกรวมกันแล้วได้ตั้งแต่ 5 ขึ้นไป ยิ่งได้ 9 ถือว่า ดีมาก เช่น 2223 รวมกัน = 9
         -
เลขคู่หน้า และ คู่หลังบวกรวมกันได้ตั้งแต่ 5 ขึ้นไป ถ้าได้ 9 ถือว่าดีมาก
เช่น 8127 คู่แรก 8+1 = 9 คู่หลัง 2+7 = 9 ถือว่า ก้าวหน้า ก้าวหลัง
เจริญดี

         -
ตัวเลขตัวแรกบวกตัวสุดท้ายได้ 5 ขึ้นไป ถ้าได้ 9 ถือว่าดีมาก เช่น 8181
ถือว่าเป็นเลขที่ดีมากๆ เพราะเข้าข่าย 2 ประเด็น คือ ได้ 9 ทุกทิศทาง
ถือว่าก้าวหน้า ก้าวหลัง เจริญดี

         - เลขทุกตัวต้องรวมกันแล้วไม่ได้ 13 เพราะถือเป็นเลขมรณะ เช่น 9400
         -
เลขคู่หน้า และ คู่หลัง รวมกัน ไม่ควรเป็นเลข 13 เพราะถือว่ามรณะ เช่น
9476 คือ 9+4 = 13 และ 7+6 = 13 ถือว่ามรณะทั้ง ไปหน้าและกลับหลัง

         - เลขตัวแรก และตัวสุดท้ายรวมกันไม่ควรเป็น 13 เพราะถือว่ามรณะ เช่น 4419 คือ 4+9 = มรณะ
         - ตัวเลขทั้งหมดไม่ควรถูกคร่อมด้วยเลข 1 เพราะเปรียบเหมือน เป็นโลงศพ เช่น1771 หรือ 1001 หรือ 1641 เป็นต้น
         - ตัวเลขคู่กันไม่ควรเป็นเลข 1 ทั้งคู่ เพราะเปรียบเป็นโลงศพ เช่น1178 หรือ 4311
         ทั้ง
นี้ เลขทะเบียนที่มีตัวเลขสูง อย่าง 7 8 9 ถือว่าเป็นเลขมงคล เพราะเลข 7
ถือเป็นเลขแห่งโชคลาภ เลข 8 เป็นเลขดีที่คนจีนชอบเหมาะกับการทำมาค้าขาย
ส่วนเลข 9 เป็นคนเลขของความก้าวหน้า
ส่วนตัวเลขทะเบียนของรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงทั้งหลาย
มักเข้าข่ายเลขมรณะกันทั้งนั้น

         ขณะที่ในหนังสือ โหรามหาเวทย์ เองก็ให้หลักในการเลือกเลขทะเบียนรถทุกประเภทไว้อย่างน่าสนใจด้วยกัน 3 ข้อ ดังนี้
         ข้อแรก
สำหรับคนที่เกิดวันอาทิตย์ ห้ามมีเลข 6 อยู่ในเลขทะเบียนรถ
คนที่เกิดวันจันทร์นั้นห้ามมีเลข 1 ส่วนคนเกิดวันอังคาร ห้ามมีเลข 2
คนเกิดวันพุธกลางวันหรือเกิดตั้งแต่เวลา 06.00-17.59 น. ห้ามมีเลข 3
ขณะที่คนเกิดวันพุธกลางคืน 18.00-05.59 น. ห้ามมีเลข 5
ด้านคนที่เกิดวันพฤหัสบดี ห้ามมีเลข 7 คนที่เกิดวันศุกร์ ห้ามมีเลข 8
และคนที่เกิดวันเสาร์ ห้ามมีเลข 4

         ส่วนข้อ 2 นั้น
ตามตำราบอกไว้ว่าตัว 13  31  37  73  35  53  30  03 ห้ามอยู่ติดกัน
เพราะเป็นเลขที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น ทะเบียนรถ  1313  3100  3737 
3137  3537  7353  3031  เป็นต้น

         และข้อที่ 3 ผล
รวมของตัวเลขทั้งหมดห้ามได้เท่ากับ 13  31  35  เช่น ทะเบียนรถ 1291  1129 
2182  4900  5800  7789  9899  เป็นต้น
ซึ่งการคิดคำนวณตัวเลขเพื่อหาคำทำนายไม่จำเป็นต้องสนใจตัวอักษร
ให้นำเฉพาะตัวเลขด้านหลังมาคิดเท่านั้น

         ไม่
เฉพาะกับเลขทะเบียนรถที่สำคัญ เรื่องของพื้นดวงชะตาก็สำคัญ ฤกษ์ยามการออกรถ
สีของรถ ก็ล้วนเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่ทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้
โดยคนที่เกิดวันห้ามใช้รถสีอะไร มีดังนี้

         คนที่เกิดวันอาทิตย์ ห้ามใช้รถสีน้ำเงิน          คนที่เกิดวันจันทร์ ไม่ควรใช้รถสีแดง          คนที่เกิดวันอังคาร ห้ามใช้รถสีขาวและสีเหลือง          คนที่เกิดวันพุธกลางวัน ห้ามใช้รถสีชมพู          คนที่เกิดวันพุธกลางคืน ห้ามใช้รถสีส้ม แสด          คนเกิดวันพฤหัสบดี อย่าใช้รถสีม่วง          คนเกิดวันศุกร์ ไม่ควรใช้รถสีดำ สีเทา และสีเขียวอ่อน          คนที่เกิดวันเสาร์ ห้ามใช้รถสีเขียวหัวเป็ด
         ส่วน
วิธีแก้เคล็ดในกรณีที่ซื้อรถมีสีไม่เป็นมงคลกับตัวเอง
ไม่ใช่ว่าใช้สติ๊กเกอร์ติดคำว่า "รถคันสี..." ได้หรอกนะ เพราะมันง่ายเกินไป
วิธีที่ถูกต้องควรจะหาสิ่งของมาเสริมมงคล เช่น
เอาเสื้อสีที่ถูกโฉลกมาหุ้มเบาะนั่งด้านหน้าทั้งสองข้าง
หรือแต่งกันชนสี่มุมทั้งหน้าและหลังด้วยสติ๊กเกอร์หรือสีที่ถูกโฉลกกับตัว
เองก็สามารถใช้ได้

         ถึง
แม้ว่าตัวเลขทุกตัวจะมีความหมายต่อชีวิตเรา แต่อย่างไรก็ตาม
หากก็มีเลขทะเบียนสวยเป็นมงคลแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นยันต์กันภัยให้ผู้ขับขี่
ได้ เพราะสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรมีเป็นอันดับแรกคือ ต้องมีสติ ไม่ประมาท
ปฏิบัติตามกฏจราจร และมีน้ำใจแก่เพื่อนผู้ร่วมใช้ท้องถนน
น่าจะเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับตัวเองได้ดีที่สุด









ขอขอบคุณข้อมูลจาก
horasaadrevision.com
tlcthai.com
หนังสือ โหรามหาเวทย์




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2555   
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2555 21:27:13 น.   
Counter : 3123 Pageviews.  

Cadillac ATS : เปิดแนวรุกชนความหรูเมืองเบียร์
































       แคดิลแล็กถือเป็นอีก
ค่ายที่พยายามจะแข่งขันกับบิ๊กทรีแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับหรูจากเยอรมนี
อย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู และออดี้
แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของภาพลักษณ์และยอดขายรวมในตลาดโลก
โดยนับจากปลายทศวรรษที่ 1990 เป็นต้นมา
แม้ว่าแบรนด์ไฮเอนด์ของจีเอ็มรายนี้จะพยายามเปิดทางเลือกใหม่ๆ ออกสู่ตลาด
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้รับการตอบรับสักเท่าไรและรถยนต์ใหม่รุ่น ATS
ถือว่าเป็นอีกความพยายามของแคดิลแล็กในการแข่งขันกับทั้ง 3 แบรนด์


























       ATS ถูกเปิดตัวในงาน
ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2012 ที่ผ่านมา
ตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของตัวถังรุ่นอัลฟาแบบขับเคลื่อนล้อหลัง
(แต่ก็มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อขายด้วย) บนตัวถังแบบ 4 ประตูที่มีความยาว
4,643 มิลลิเมตร กว้าง 1,806 มิลลิเมตร สูง 1,420 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ
2,776 มิลลิเมตร


      

       ในเรื่องของตำแหน่งทางการตลาด
แม้จะเป็นรถยนต์ที่แทรกกลางระหว่าง BLS และ CTS
โดยระบุชัดลงไปเลยว่ามาเพื่อเป็นคู่ปรับของซีรีส์ 3
จากค่ายบีเอ็มดับเบิลยู, ซี-คลาสของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และเอ4 ของออดี้
แต่บางกระแสก็บอกว่า ATS เป็นรุ่นที่เข้ามาแทนที่ BLS
ซึ่งเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าและใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับรถยนต์ของ
ซาบ โดยในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเครือจีเอ็มอีกต่อไปแล้ว


























       อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่น่ากังวลสำหรับแคดิลแล็กคือ ความชัดเจนของรุ่น CTS
เพราะการเข้ามาของ ATS และมีการระบุอย่างชัดเจนของระดับตลาด ทำให้ CTS
ไม่สามารถหาจุดที่เหมาะสมในการทำตลาดได้
เนื่องจากระดับตัวถังและเครื่องยนต์ก้ำกึ่งเกินไป
ครั้นจะอัพตลาดขึ้นไปแข่งกับรถยนต์คลาสใหญ่กว่าอย่างซีรีส์ 5 หรืออี-คลาส
ตัวรถก็เล็กเกินไป แถมแคดิลแล็กก็มีรุ่น STS จ่อคิวรอขายอยู่แล้ว ดังนั้น
แคดิลแล็กคงต้องสร้างความชัดเจนในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์ให้มากกว่านี้


























       ส่วนในแง่ของการขับเคลื่อน ตัวรถมีให้เลือกด้วยกัน 3
รุ่นทั้งแบบมีเทอร์โบและไม่มี ถ้าชอบแบบแรกก็เป็นเครื่องยนต์แบบ Downsizing
แต่อัพสเปกความเร้าใจแบบสุดๆ โดยขุมพลัง 4 สูบ 2000 ซีซี เทอร์โบ
สามารถรีดกำลังออกมาได้ 270 แรงม้า
ส่วนรุ่นแบบไม่ต้องพึ่งระบบอัดอากาศก็เริ่มกับขุมพลัง 4 สูบ 2500 ซีซี 200
แรงม้า และวี6 แบบ Di หรือ Direct Injection 3600 ซีซี 318 แรงม้า


























       ด้านระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา
หรืออัตโนมัติที่มีจำนวนจังหวะเท่ากันที่ 6 สปีด
ขณะที่เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลมีขาวว่าจะผลิตขายด้วยเช่นกัน
แต่คงจะต้องรอหลังการเปิดตัวรุ่นเบนซิน


      

       แม้จะเปิดตัวแล้ว
แต่การทำตลาดคงต้องรอสักระยะ
โดยแคดิลแล็กจะเริ่มวางขายในสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรกกลางปีนี้ ส่วนราคาขาย
ในเมื่อบอกว่าระดับตลาดต่ำกว่า CTS ดังนั้น ค่าตัวของ ATS น่าจะอยู่ในราวๆ
30,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 900,000 บาท
ส่วนไลน์ผลิตหลักของรถยนต์รุ่นนี้จะอยู่ที่โรงงานในเมืองแลนซิ่ง
มลรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา






















 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2555   
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2555 21:59:26 น.   
Counter : 1238 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]