เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

มาดูความแรงของ Lamborghini Gallardo กัน




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2554   
Last Update : 5 พฤษภาคม 2554 18:48:28 น.   
Counter : 1205 Pageviews.  

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต

ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา เชฟโรเลต สร้างสรรค์งานออกแบบออกมาประดับหน้าประวัติศาสตร์ยานยนต์โลกไว้มากมาย นับตั้งแต่รถเชฟโรเลต ปิกอัพที่รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ เชฟโรเลต เบลแอร์ (BelAir) ที่สะท้อนตัวตนแห่งยุคสมัย จนถึงรถสปอร์ตที่ฉีกกรอบเดิมอย่างเชฟโรเลต คอร์เวทท์ (Corvette) โบว์ไทสีทองถูกกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในโลโก้ที่ทรงอิทธิพลที่สุด เช่นเดียวกับนักออกแบบของเชฟโรเลต อย่าง ฮาร์ลีย์ เอิร์ล และบิล มิทเชลล์ ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นตำนาน เช่นเดียวกับรถที่พวกเขาฝากผลงานไว้

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 1

จากยานยนต์รุ่นแรกเริ่มอย่างเชฟโรเลต คลาสสิก ซิกซ์ (Classic Six) ปี 1912 ที่เรียกเสียงฮือฮาในความก้าวล้ำ และมีสไตล์ที่สุดในยุคนั้น สู่ที่สุดแห่งยนตรกรรมอย่างโวลต์ และคามาโร ที่โลดแล่นอยู่ในปัจจุบัน เชฟโรเลตกำลังก้าวสู่ศตวรรษที่สอง ในตำแหน่งผู้นำแห่งการออกแบบบนราคาที่ลูกค้าทุกคนเข้าถึงได้ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่ารถในอีก 100 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร

ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการวางแนวทางให้เชฟโรเลต คือ เอ็ด เวลเบิร์น รอง ประธานฝ่ายออกแบบของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งก้าวเข้ามาแทนที่นักออกแบบในตำนานอย่าง ฮาร์ลีย์ เอิร์ล และบิล มิทเชลล์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2003 ในตำแหน่งความรับผิดชอบสูงลิ่วเช่นนี้ เอ็ด ยอมรับว่า “ผมสนุกกับงานในเวลานี้มากที่สุดในการทำงานที่จีเอ็ม”

เอ็ด เกิดในเมืองฟิลลาเดลเฟีย ในปี 1950 ในอู่ซ่อมรถยนต์ของพ่อ “เวลานั้น รอบตัวผมมีแต่รถยนต์” ความสนใจในยานยนต์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งเมื่ออายุ 11 ปี เขาเขียนจดหมายถึงจีเอ็ม สอบถามถึงตำแหน่ง งานด้านออกแบบ ก่อนที่จะได้รับจดหมายตอบกลับมาพร้อมคำแนะนำให้เข้าเรียนในสาขาที่ตรงกับ ความต้องการ รวมถึงรายละเอียดการเข้าเป็นนักศึกษาฝึกงานที่จีเอ็ม เอ็ด ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านั้นและได้เข้าเป็นนักศึกษาฝึกงาน และเมื่อจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโฮเวิร์ดในวอชิงตันดีซี เอ็ดได้เข้าเป็นพนักงานประจำของจีเอ็ม ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970

หนึ่ง ในผลงานชิ้นโบว์แดงของเอ็ด คือ สตรีมไลน์ แอโรเทค ที่สุดแห่งยานยนต์ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 417 กม./ชม. ในปี 1987 สร้างชื่อเสียงให้เอ็ด ทั้งในและนอกองค์กรจีเอ็ม “ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม ผมต้องทำงานในส่วนการตลาด และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ด้วย ไม่ใช่ในด้านวิศวกรรมเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน มันทำให้ผมมีความหลงใหลในหลักอากาศพลศาสตร์มาตั้งแต่นั้น”

รถ เชฟโรเลต ทั้ง 10 คันต่อไปนี้ เป็นรถที่เอ็ด ให้ความเห็นว่า มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนโลกอุตสาหกรรมยานยนต์ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา

เชฟโรเลต คลาสสิก ซิกซ์ ปี 1912 (Chevrolet Classic Six)

รถรุ่นแรกที่ประทับตราเชฟโรเลต หลังจากวิลเลี่ยม ดูแรนท์ และหลุยส์ เชฟโรเลต จับมือกันก่อตั้งบริษัทฯ ขึ้นในปี 1911 มาพร้อมกับตัวถังขนาดใหญ่ รูปลักษณ์หรูหรา เครื่องยนต์ทรงพลังขนาดใหญ่ที่สุดในเวลานั้น คลาสสิก ซิกซ์ ที่เป็นรถในฝันของหลุยส์ เชฟโรเลต ได้รับการเผยโฉมในปี 1911 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1912 มีราคาอยู่ที่ 2,150 สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น มียอดจำหน่ายจำนวนทั้งสิ้น 5,987 คัน “ด้วยความที่เป็นรถเชฟโรเลต รุ่นแรก จึงมีความหมายอย่างมาก” เอ็ด กล่าว “หลุยส์ เชฟโรเลต ใช้ประสบการณ์ทั้งหมดที่เขามีในการสร้างสรรค์ยานยนต์รุ่นนี้ พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ขึ้นมา”

เชฟโรเลต ดีลักซ์ สปอร์ต คูเป้ ปี 1932 (Chevrolet Deluxe Sport Coupe)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 2

กล่าวกันว่าความยากลำบากอยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ ดังเช่นการปรากฎขึ้นของเชฟโรเลต ดีลักซ์ สปอร์ต คูเป้ ปี 1932 ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยอย่างหนัก เชฟโรเลต มียอดขายลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยสมรรถนะอันโดดเด่น และรูปลักษณ์สุดสปอร์ตที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในกลุ่มรถยุคก่อน สงครามโลกครั้งที่ 2 ดีลักซ์ สปอร์ต คูเป้ จึงได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี “เป็นการออกแบบที่เท่มาก” เอ็ด กล่าว “บ่งบอกตัวตนของเชฟโรเลตได้เป็นอย่างดี และยังถูกถ่ายทอดมาถึงรถในปัจจุบัน เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ มีดีไซน์ร่วมสมัย เข้าถึงได้ ซึ่งลูกค้าสามารถสัมผัสได้ถึงความคุ้มค่า นับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้เลยทีเดียว”

เชฟโรเลต ซับเบอร์เบิน ปี 1936 (Chevrolet Suburban)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 3

ซับเบอร์เบิน ไม่เพียงจะเป็นหนึ่งในรถที่สำคัญที่สุดของเชฟโรเลต หากยังมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมด้วย เพราะถือเป็นรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีรุ่นแรกของโลก รองรับการใช้งานหนักด้วยตัวถังแบบสเตชั่นวากอนบนพื้นฐานรถปิกอัพ ทำให้มีอีกชื่อว่า ซับเบอร์เบิน แครี่ออล (Carryall) หากจะมองถึงต้นกำเนิดต้องย้อนกลับไปในปี 1933 ซับเบอร์เบิน ถูกพัฒนาจากเฟรมรถปิกอัพครึ่งตันกลายเป็นรถ 8 ที่นั่ง เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันประเทศ และหน่วยอนุรักษ์พลเรือน “เป็นการผสมผสานระหว่างรถยนต์ และรถปิกอัพ” เอ็ด กล่าวถึงที่มาของรถอเนกประสงค์ในโลกยานยนต์ “การออกแบบภายในยอดเยี่ยม ถือเป็นรถครอสโอเวอร์รุ่นแรกของโลก และเป็นต้นกำเนิดของรถอเนกประสงค์ รวมถึงเชฟโรเลต แคปติวาด้วย”

เชฟโรเลต ปิกอัพ ปี 1948 (Chevrolet Pick-Up)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 4

รถปิกอัพ และรถแวน มีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของเชฟโรเลต โดยเฉพาะรถปิกอัพรุ่นปี 1947 ซึ่งเป็นยานยนต์ของจีเอ็ม รุ่นแรกหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง และเป็นรถที่ทันสมัยที่สุดในเวลานั้น ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งาน และรองรับงานหนัก เชฟโรเลต ปิกอัพ ปี 1948 เป็นรถปิกอัพขนาดครึ่งตันที่เจาะตลาดได้ทั่วโลก “ใครก็ต้องยิ้มเมื่อได้เห็น” เอ็ด ให้ความเห็นถึงรถปิกอัพของเชฟโรเลต “เป็นรถเพื่อการใช้งานขนานแท้ รูปทรงสะดุดตา แต่ก็ใช้งานได้ดี เรียบง่าย และเข้าถึงได้ทุกคน”

เชฟโรเลต คอร์เวทท์ 1953 (Chevrolet Corvette)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 5

“เป็นรถคอร์เวทท์ รุ่นแรกในประวัติศาสตร์” เอ็ด กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของรถสปอร์ตในตำนาน ซึ่งกำเนิดขึ้นในช่วงที่เชฟโรเลต กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ได้รับการรังสรรค์โดยฮาร์ลีย์ เอิร์ล สุดยอดนักออกแบบของจีเอ็ม ในเวลานั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างภาพลักษณ์สุดสปอร์ตให้แก่แบรนด์เชฟโรเลต พร้อมแข่งขันกับรถสปอร์ตจากฝั่งยุโรปที่หลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐอเมริกา คอร์เวทท์ ปี 1953 มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่คือตัวถังไฟเบอร์กลาส “ผมไม่ได้ชื่นชอบดีไซน์เท่าใดนักในช่วงแรก แต่เวลานี้ผมประทับใจที่สุด ผมไม่เคยลืมครั้งแรกที่ผมได้เห็นคอร์เวทท์รุ่นนี้ ตอนนั้นผมอายุ 7 ขวบ เห็นความโฉบเฉี่ยวได้ทุกมิติเมื่อมันแล่นผ่านหน้าผมไป ท่ามกลางใบไม้แห้งที่ร่วงหล่น ผมคิดว่ามันเท่มาก”

เชฟโรเลต เบลแอร์ 1955 (Chevrolet Bel Air)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 6

เชฟโรเลต ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การผลิตรถยนต์ใหม่ในปี 1955 ให้กลายเป็นรถที่มีภาพลักษณ์แบบ “โมโตรามิค” (Motoramic) เริ่มจากรถระดับพรีเมียมอย่าง เชฟโรเลต เบลแอร์ ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ วี8 เป็นครั้งแรก ด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง โฉบเฉี่ยว เปี่ยมด้วยสไตล์ล้ำสมัย ตัวถังของเบลแอร์ มีให้เลือกสรรอย่างหลากหลาย ทั้งคูเป้ เปิดประทุน และสเตชั่นวากอน ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้จีเอ็ม ในช่วงปี 1955 ถึง 1957 และได้รับชื่อเล่นว่า “ไทร5” (Tri5) “ผมคิดว่า เบลแอร์ปี 55 สมบูรณ์แบบที่สุด แตกต่างจากรถรุ่นอื่นในปีนั้น สดใหม่ ร่วมสมัย มีคุณค่ามากกว่าราคาจริง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ในเชฟโรเลต ครูซ ในปัจจุบันเช่นกัน”

เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ 1963 (Chevrolet Corvette Sting Ray)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 7

“เป็นรถที่มหัศจรรย์มาก” เอ็ดกล่าวถึงคอร์เวทท์ สติงเรย์ รถสปอร์ตที่ยกระดับไลน์คอร์เวทท์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือของบิล มิทเชลล์ หัวหน้านักออกแบบของจีเอ็ม ที่เติมความปราดเปรียว และเพิ่มเหลี่ยมมุมให้แก่สติงเรย์ได้อย่างลงตัว นอกจากตัวถังไฟเบอร์กลาสแล้ว สติงเรย์ ยังมีความโดดเด่นตรงที่ไฟหน้าป๊อป-อัพ ควบคุมด้วยไฟฟ้า และกระจกหลังแยกส่วนเอกลัษณ์ใหม่ “ผมบรรยายถึงรถรุ่นนี้หลายครั้งมาก” เอ็ด กล่าว “ทุกสิ่งทุกอย่างดูใหม่หมดจด ใหม่มากกระทั่งต้องตั้งชื่อให้ใหม่ว่า สติงเรย์ โดยรถคอร์เวทท์ ทุกรุ่นนับจากนั้นต่างได้รับอิทธิพลจากสติงเรย์ โครงสร้างห้องโดยสารแบบดูอัลค็อกพิท ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของคอร์เวทท์ และกลายเป็นเอกลักษณ์ของรถเชฟโรเลต ในปัจจุบัน”

เชฟโรเลต ปิกอัพ 1967 (Chevrolet Pick-Up)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 8

ใหญ่ บึกบึน และเอนกประสงค์ คือคำจำกัดความของรถปิกอัพเชฟโรเลต ปี 1967 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อบรรทุกงานหนักอย่างแท้จริง มีความทรงพลัง และตอบสนองทุกการใช้งาน ทั้งการเดินทางทั่วไป และการใช้งานหนัก ซึ่งตอบโจทย์ตลาดและกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี “เต็มเปี่ยมด้วยตัวตนความเป็นอเมริกัน” เอ็ด ชี้ “เมื่อคุณเห็นปิกอัพเชฟโรเลต รุ่นนี้ คุณจะได้เห็นผู้ชายใส่กางเกงยีนส์ และมีกล่องเครื่องมือด้วย เชฟโรเลต ปิกอัพปี 1967 เสริมเอกลักษณ์ความเป็นอเมริกัน และเชฟโรเลต ไว้อย่างครบถ้วน”

เชฟโรเลต ปิกอัพ ปี 1989 (Chevrolet Pick-Up)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 9

รถปิกอัพ มีความสำคัญมากต่อเชฟโรเลตอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายของศตวรรษที่ 20 และนับเป็นรุ่นที่ 4 ของรถปิกอัพซีรีส์ C/K (พัฒนาเพื่อจำหน่ายร่วมกันระหว่างเชฟโรเลต และจีเอ็มซี) โดดเด่นที่กรอบไฟหน้าแบบสองชั้น ตัวถังทรงเหลี่ยม ให้รูปลักษณ์สมบุกสมบันซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ปกติแล้วรถปิกอัพถูกพัฒนามาเพื่อการบรรทุกหนัก แต่กระแสการใช้งานแบบไลฟ์สไตล์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เชฟโรเลต นำเสนอแพคเกจสปอร์ตเพิ่มเข้ามา และได้รับเสียงตอบรับเป็นยอดจำหน่ายอันน่าประทับใจ “มีดีไซน์ที่สะอาดตา แต่ก็ยังดูร่วมสมัยมาจนถึงทุกวันนี้” เอ็ด กล่าว “ทำยอดจำหน่ายที่สูงลิ่ว เรากำลังทำงานอย่างหนักในการพัฒนารถปิกอัพรุ่นใหม่ ในออฟฟิศของเราเต็มไปด้วยรูปปิกอัพคลาสสิกของเชฟโรเลต โดยเฉพาะรุ่นปี 1989 ที่เป็นแรงบันดาลใจอย่างดีเยี่ยม”

เชฟโรเลต คามาโร 2010 (Chevrolet Camaro)

10 ที่สุดแห่งการออกแบบในรอบ 100 ปีของเชฟโรเลต รูปที่ 10

เอ็ด เป็นแฟนตัวยงของคามาโร เขาเป็นเจ้าของคามาโร รุ่นคลาสสิก ปี 1969 “ผมนำคามาโรปี 2010 มาอยู่ในลิสต์นี้ แทนที่รุ่นคลาสสิกปี 1969 เพราะว่ามันเชื่อมต่อคนทั่วโลก เมื่อเราเปิดตัวรถต้นแบบออกมา มันสร้างความประทับใจให้คนรุ่นใหม่อย่างมาก” เอ็ด เล่าด้วยว่าเมื่อต้องพัฒนารถคามาโรรุ่นใหม่ เขานำคามาโร รุ่นคลาสสิกมาจอดในสตูดิโอเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงาน “ผมบอกพวกเขาว่า ให้ดีไซน์รุ่นใหม่ที่ดีกว่านี้ให้ได้” ถึงแม้ว่า คามาโร รุ่นใหม่จะมีกลิ่นอายของรุ่นปี 1967 – 1969 ในหลายจุด ทั้งรูปทรงที่บึกบึน ซุ้มล้อหลังขนาดใหญ่ แต่เอ็ด ก็ชี้ว่า ดีไซน์ของปี 2010 “ไม่ใช่การย้อนยุค แต่เป็นการมองไปข้างหน้า ผมคิดถึงอนาคตอยู่เสมอ แต่ในเมื่อคุณตระหนักถึงตำนานอันยิ่งใหญ่ของเชฟโรเลต คุณก็จะต้องสร้างสรรค์บนพื้นฐานตำนานดังกล่าว ผมไม่ได้ต้องการจะสร้างคามาโร แบบย้อนอดีตแต่อย่างใด” เอ็ด ระบุด้วยว่า ดีไซน์ของคามาโร นั้นเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น และมีความหวัง “สร้างสัญญาณที่ดีให้แก่พนักงาน และลูกค้าของจีเอ็ม มันได้จุดแสงสว่างอันน่าตื่นเต้นขึ้นมาในองค์กรของเรา”




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2554   
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 14:32:38 น.   
Counter : 2749 Pageviews.  

จับตา Nissan อีโค่คาร์รุ่นใหม่..อาจมาเร็วกว่าที่คิด

ช่วงนี้กระแสรถยนต์อีโค่คาร์นั้นมาแรงอย่างมาก หลังจาก Honda เริ่ม ขยับเส้นสายแนะนำตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม และเริ่มให้สื่อมวลชนท้าพิสูจน์อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาจนเริ่มมีการบอกผล ทดสอบอออกมาเป็นระยะๆ ถึงสมรรถนะของรถยนต์รุ่นเล็กใหม่สำหรับตลาดบ้านเรา

แน่อนว่างานนี้ทีใครทีมัน แต่ Nissan ก็ไม่วางใจกับยอดขาย Nissan March ที่แม้จะมีการเปิดตัวออกมาของคู่แข่ง แต่ก็ยังสามารถขายไปได้เรื่อยๆ ซึ่งมาจนถึงวันนี้ก็นับว่าเป็นเวลาปีกว่าแล้ว ที่รถยนต์รุ่นดังกล่าวได้เข้ามาสร้างความสะเทือนในตลาดรถยนต์ไทย ที่ค่ายรถยนต์รายนี้เองก็มีแผนใหม่ที่เตรียมฮุคสวนในเร็วๆนี้

Nissan March

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวอย่างไม่เป็นทางการอย่างต่อเนื่องว่า Nissan มีแผนในการนำรถยนต์รุ่นใหม่มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสริมความแข็งแกร่งใน กลุ่มรถเล็ก ของ Nissan March ที่มีการระบุออกไปบ้างว่า รถรุ่นนี้เปิดตัวไปแล้วที่ประเทศจีนและจะวางจำหน่ายในเร็วๆนี้ด้วย

หากดูจากข้อมูลตามที่มีการระบุว่า รถที่จะเป็นอีโค่คาร์รุ่นที่ 2 ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้น เหลียวซ้ายแลขวา ช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งข่าวที่ออกมาก่อนงานเซียงไฮ้ออโต้โชว์นั้น ก็ดูท่าจะไม่พ้น Nissan Sunny ที่เปิดตัวออกไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่ตามมาด้วยข่าวที่ว่าน่าจะใช้ชื่อ Nissan Almera เมื่อวางจำหน่ายจริง แต่ยังไม่มีการเปิดหรือหลุดออกมาว่าจะวางจำหน่ายเมื่อไรกัน

Nissan March

การจะมาของรถอีโค่คาร์ใหม่จากค่ายรถยนต์ Nissan นั้น สร้างความน่าสนใจอย่างมากโดยเฉพาะเมื่อ Nissan ยุคใหม่พิสูจน์แล้วว่า รถของค่ายมีสมรรถนะที่เป็นเลิศ ราคาที่สมน้ำสมเนื้อ และดีไซน์ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่งเลย ทำให้วันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ติดตามความเคลื่อนไหววงการยานยนต์ต่างเฝ้ารอ การมาของรถรุ่นใหม่

ถึงแม้ข้อมูลใหม่นี่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่ในวงการเซลล์ขายรถยนต์มีการออกมาระบุว่า Nissan March นั้นกำลังมีการปรับขึ้นราคาอีกรุ่นละ 10,000 บาท อย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนหน้า หรือเดือนมิถุนายนนี้ โดยยืนยันได้จากลูกค้าที่จองรถเอาไว้ก่อนหน้า ซึ่งหลังจากมีข่าวหลุดออกมาก่อนช่วงงานมอเตอร์โชว์ แต่ได้รับการระบุจากแหล่งข่าวว่าทางบริษัทหน่วงเอาไว้ หลังจากคู่แข่งเปิดตัวที่มาพร้อมแคมเปญพิเศษเพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจ ได้ง่ายขึ้น

Nissan Almera

เมื่อย้อนดูก่อนหน้านี้ที่มีการระบุถึงการเตรียมแผนงานใหม่ของ Nissan ที่ระบุว่าจะมีการปล่อยอีโค่คาร์รุ่นที่ 2 โดยรอวันเวลาที่ยอดขาย Nissan March สูงถึง 100,000 คัน เมื่อประกอบกับ การเตรียมเพิ่มราคาในรถรุ่นเดิมนั้น จึงอาจเป็นคำตอบที่ดีว่า Nissan พร้อมแล้วที่จะเปิดเผยรถรุ่นใหม่ ลงตลาดไทยที่เราแทบจะเฝ้าเวลานับถอยหลัง ซึ่ง ก็ตรงกับที่มีกูรูหลายคนคาดไว้ว่ารถรุ่นใหม่น่าจะลงในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากทางที่ว่างหลังห้ำหั่นกันไปตั้งแต่ต้นปี

ทั้งนี้รถรุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ Nissan ที่ จะมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดรถเล็กยังไม่มีการออกมาเปิดเผยอย่างเป็น ทางการ แต่ถ้ากำลังคิดอยากได้รถเล็กรุ่นใหม่แบบซิงๆ จับตาให้ดี Nissan กำลังมา...อย่างแน่นอน.. แล้วเราจะมาติดตามรายงานกันต่อไป..


ในความเชื่อส่วนตัวเราคาดว่ารถรุ่นนี้น่าจะลงไตรมาส 3 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขยับขยายรุ่นเตรียมพร้อมสำหรับงานปลายปี Motor Expo 2011 ซึ่งก่อนหน้านี้ Nissan ก็สามารถทำยอดได้ดีในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา และขณะนี้ก็เร่งส่งมอบรถลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเพิ่มราคาน่าจะมาจากการเพิ่มออพชั่น เช่นเดียวกับเพิ่มพื้นที่ให้รุ่นใหม่ ที่จะมาในแบบ 4 ประตู ที่ไทยนิยม




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2554   
Last Update : 3 พฤษภาคม 2554 17:21:18 น.   
Counter : 1351 Pageviews.  

การคิดภาษีรถยนต์นำเข้า

++ วิธีคิดภาษีรถยนต์นำเข้า ++



เห็นมีคนถามเรื่อยๆ ก็เลยเอาสรุปให้ดูนะครับเรื่องอัตราภาษีรถนำเข้า

วิธีคิดตามนี้ครับ

1. ราคา CIF (ราคาสินค้า + ค่าขนส่ง +ค่าประกันภัย )

2. ภาษีอากรขาเข้า 80% ของ ราคา CIF

3. ภาษีสรรพสามิตร = ( C.I.F. + อากรขาเข้า + ภาษีค่าธรรมเนียมอื่นไม่รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม ) x อัตราภาษี / 1 - ( 1.1 x อัตราภาษี )
* อัตราภาษี 2500 cc-3000cc = 40% , >3000cc = 50%

4. ภาษีกระทรวงมหาดไท = 10% ของภาษีสรรพสามิตร

5. VAT 7% ของ ราคา CIF + ภาษีอากรขาเข้า + ภาษีสรรพสามิตร + ภาษีกระทรวงมหาดไท


* รถเก่า ก็จะมี % ลดหย่อนลงไป โดยหักจากราคาขายตอนเป็นรถใหม่ ( > 10 ปีประเมินตามสภาพ, 9ปี10เดือน - 10 ปี ลด 70%)
แต่รถเก่า จะนำเข้ามาได้ต้องเป็นเจ้าของมาก่อน 1 ปี 6 เดือน


ตัวอย่าง
ดังนั้นหาก รถราคา 4 แสน สมมุติบวกค่าส่ง 50,000 (อันนี้มั่วเอานะ)

1. ราคา CIF เป็น 450.000

2. อากรเข้าเข้า 80% = 360,000

3. ภาษีสรรสามิตร = (450,000+360,000) x 50% / 1-(1.1x50%)
= 900,000
4. ภาษีมหาดไท 10% = 90,000

รวม 1,800,000 บาท

5. VAT 7% = 126,000

ดังนั้นราคารถ = 1,926,000 บาท





สรุป รถเกิน 3000 cc ภาษีทั้งหมด 328% ของราคา CIF
2501 cc - 3000 cc ภาษีทั้งหมด 243.94% ของราคา CIF
2001 cc - 2500 cc ภาษีทั้งหมด 213.171% ของราคา CIF
ไม่เกิน 2000cc ภาษึทั้งหมด 187.47% ของราคา CIF

ส่วนที่นำเข้ามาอีกอย่างคือแบบ Invoice

รถ Invoice ส่วนมากจะนำเข้ามาในรูปแบบ อะไหล่ชิ้นส่วน เสียภาษีศุลกากร ประเภทอะไหล่ แต่ไม่ได้ เสียภาษีสรรพสามิต ในรูปแบบรถทั้งคัน อย่างน้อย ถ้าเสียภาษีสรรพสามิต แล้วว่าเป็นรถ ทั้งคันประกอบเสร็จ ก็อาจ นำใบที่กรมสรรพสามิต ออกยืนยัน ตัวรถ ไปลองจดทะเบียนที่ กรมการขนส่งได้ นะ อาจจะทำทะเบียนได้ในราคาถูกเหมือนรถทั่วไปก็ได้นะลักษณะที่พี่น้องชาว Supercar ใช้กันอยู่ คือ

1) ชิ้นส่วนอะไหล่ --> เสียภาษีศุลกากรขาเข้ารูปแบบอะไหล่ใช้แล้ว -->อะไหล่มาประกอบเป็นรถเต็มคันสามารถวิ่งได้ --> รถเถื่อน

2) ชิ้นส่วนอะไหล่ --> เสียภาษีศุลกากรขาเข้ารูปแบบอะไหล่ใช้แล้ว --> ทำอะไหล่ประกอบเป็นรถเต็มคันสามารถวิ่งได้ -->เสียภาษีสรรพสามิต ประเภทยานยนต์พาหนะ --> รถเต็มคันที่ถูกต้องตาม กม. --> เป็นรถไม่มีทะเบียนยังไม่สามารถใช้วิ่งตามท้องถนนได้

3) ชิ้นส่วนอะไหล่ --> เสียภาษีศุลกากรขาเข้ารูปแบบอะไหล่ใช้แล้ว --> ทำอะไหล่ประกอบเป็นรถเต็มคันสามารถวิ่งได้ -->เสียภาษีสรรพสามิต ประเภทยานยนต์พาหนะ --> รถเต็มคันที่ถูกต้องตาม กม. --> นำไปตรวจสภาพ จดทะเบียนที่ขนส่ง --> เป็นรถถูกต้องตามกม. สามารถนำมาวิ่งได้ตามปกติ.

ตาม หัวข้อที่ 1 เสียแค่ภาษีศุลกากรขาเข้าในรูปแบบชิ้นส่วนอะไหล่ ได้ Invoice แต่นำรถมาประกอบเป็นคันใช้สอย ผิดจุดประสงค์ ถูกจับ เจ้าพนักงานมีสิทธิ์ สังปรับนำรถไม่เสียภาษีป้ายมาวิ่งในทาง ยึดไว้ตรวจสอบว่าเป็นรถจารกรรมมาหรือไม่ เพราะเป็นรถที่ประกอบเองจากชิ้นส่วนอะไหล่ ไม่สามารถชี้ชัดหรือยืนยันแน่ชัดของที่มาในชิ้นส่วนได้ยกเว้นแค่ โครงรถ,และเครื่องยนต์ เท่านั้นที่มีเอกสารทางศุลกากรออกกำกับให้ ทางเจ้าพนักงานมีสิทธิ์ ยึดไว้ตรวจสอบและส่งให้ทางสรรพสามิต เทียบปรับปรับอีกครั้ง.

ตาม หัวข้อที่ 2 ตามหัวข้อที่ 1 เสียแค่ภาษีศุลกากรขาเข้าในรูปแบบชิ้นส่วนอะไหล่ ได้ Invoice นำรถมาประกอบเป็นคัน แล้ว ยืนเรื่อง ให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบประเมินราคาและเสียภาษี เมื่อผ่านมีหนังสือยืนยัน เทียบเท่าได้กับรถที่ประกอบ สมบรูณ์เป็นรถหนึ่งคันสามารถวิ่งได้ แต่ไม่สามารถใช้ในทางหลวงได้ ถ้าถูกจับโดย ตร. จะเทียบได้กับ รถจักรยานยนต์ เล็ก ที่ไม่มีป้าย หรืออยู่ในระหว่างรอป้าย เจ้าพนักงานจะแจ้งข้อหาเทียบปรับ นำรถที่ไม่เสียภาษีป้ายมาวิ่งในทาง ส่วนเรื่องยึดรถไว้เพื่อตรวจสอบจารกรรมนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจขอเจ้าพนักงานเท่านั้น ส่วนจะยึดเพื่อส่งต่อให้ทางสรรพสามิตนั้น คงตกไป เพราะได้ผ่านการตรวจสอบและเสียภาษีแล้ว ถ้าเจ้าของรถมีเอกสารยืนยัน การมีตัวตนของเจ้าของและการเสียภาษีสรรพสามิตที่ถูกต้อง ก็พ้นจากการยึดรถไว้ตรวจสอบ แต่จะต้องถูกปรับ ในข้อหานำรถที่ไม่เสียภาษีป้ายมาใช้ในทาง.

ตามหัว ข้อที่ 3 รถคันนี้ได้เสีย ภาษีศุลกากรขาเข้า,ภาษีสรรพสามิตรูปแบบ ยานยนต์,นำรถไปตรงสภาพและจดทะเบียนป้าย เมื่อผ่านทางกรมการขนส่งทางบก ออกป้ายมาแล้วให้ถือว่าสิ้นสุด รถคันนั้น ได้เป็นรถที่ถูกต้องตาม กม. ที่ได้รับอนุญาตใช้วิ่งในทางได้** เจ้าพนักงานมีสิทธิ์ จับและเทียบปรับได้ในข้อหา วิ่งขวา,ผ่านไฟแดง,ขับโดยประมาท,ดัดแปลงชิ้นส่วน,อุปกรณ์พื้นฐานไม่ครบ เท่านั้น.

ก่อนอื่นต้องนำรถที่นำเข้ามาจดทะเบียนก่อนนะครับ

เอกสารประกอบคำขอ ดังนี้

1. หลักฐานเกี่ยวกับบุคคลเจ้าของรถ

2. ใบรับรองการนำเข้าจากกรมศุลกากร

3. สำเนาใบขนสินค้าขาเข้าฯ บัญชีแสดงรายการสินค้า (INVOICE) และใบเสร็จรับเงิน ค่าอากรขาเข้า

4. หลักฐานการเอาประกันภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ

5. หนังสือมองอำนาจ(กรณีมิได้มาดำเนินการเอง) พร้อมภาพถายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ

//www.mgbgarage.com

//www.kawasakird.com




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2554   
Last Update : 2 พฤษภาคม 2554 19:54:54 น.   
Counter : 1554 Pageviews.  

จับได้แล้ว Mazda CX-5 โฉมนี้ที่เขาว่า Minagi จำแลง

ก่อนหน้าถ้าใครยังจำได้ ท่ามกลางงานรับขวัญวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ต้นปีที่เจนีวา ค่ายรถยนต์ Zoom-Zoom ได้นำถต้นแบบรุ่นใหม่ออกมาวาดลวดลายที่ชวนให้เราฝันหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Mazda Minagi ที่มีหลายคนคาดว่ามันจะออกมาเป้นว่าที่รถยนต์อเนกกประสงค์ในอนาคต

หลายครั้งที่วงการรถยนต์มีข่าวหลุดมาว่า Mazda ได้นำ รถต้นแบบคันดังกล่าวที่ได้รับเส้นสายจาก shinari มาสู่ความเป็นจริง ที่ยังคงคอนเซปต์ ใส่ความเป็นรถสปอร์ตลงไปในรถทุกรุ่นที่ดูเหมือนงานนี้ minagi จะเป็นจริงมากขึ้น เมื่อมีคนอ้างว่าเขาสามารถจับภาพรถรุ่นใหม่ ที่น่าจะเป็น Mazda CX 5 ได้

Spy shot mazda CX5

ในบ้านเรา Mazda ตระกูล CX ก็ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในฐานรถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่ราคาถูกใจเศรษฐียิ่งนัก แต่ CX 5 คือ รถรุ่นที่ย่อมลงมา ที่จากภาพได้แอบเผยใบหน้าของรถรุ่นใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ อย่างมากและมีกำหนดโชว์เวอร์ชั่นจำหน่ายจริง ในช่วงเดือนกันยายนนี้ที่งาน แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์

รถอเนกประสงค์ใหม่นี้มีทีท่าว่างความสปอร์ตใหม่จะแผงฤทธิ์ที่จับเอา DNA ความโฉบเฉี่ยวเข้ามาใช้ด้วย ทำให้ CX5 ใหม่เป็นรถที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างลำตัวที่มีการดีไซน์มาเป็นอย่างดี และที่โดเด่นเป้นล้อ และกระจังหน้าบานใหญ่ ช่วยระบายความร้อนได้ดีและสวยงามดูหรูและสวยงามไปพร้อมกัน ในขณะที่บั้นท้ายมาพร้อมไฟสปอร์ตและหลังคาที่เน้นความไหลลื่นของอากาศ ที่ยังมีการเผยภายในห้องโดยสารด้วย

Spy shot mazda CX5

สปายช๊อตนี้นับว่ายืนยันได้ดีว่า เส้นสายจากต้นแบบถูกนำมาใช้จริงในการสร้างรถที่สาวกมาสด้าคงถูกใจอย่างมาก ในขณะที่รถรุ่นนี้น่าจะเปิดตัวอย่างเป้นทางการในช่วงเดือนกันยา ที่เราเชื่อว่าน่าจะมีข้อมุลใหม่ๆ เผยมาในเร็วๆนี้

ที่มาจาก autoblog ภาพโดย KGP Photogaphy

ากภาพ เราก็พอที่จะบอกได้ว่า mazda CX 5 ใหม่ ที่กำลังจะมานี้ใช้เส้นสายของ Minagi อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเส้นทางการออกแบบใหม่ล่าสุดจากมาสด้า ซึ่งทำให้รถมีความทันสมัยและยังสปอร์ตได้ใจไปพร้อมกัน ..




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2554   
Last Update : 1 พฤษภาคม 2554 21:07:10 น.   
Counter : 1492 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]