Suzuki Swift Sport : เอาใจคนรักความสปอร์ต ตอนที่ซูซูกิเปิดตัวต้นแบบ (ที่ใครๆ ก็รู้ว่ามันคือคันจริงนั่นแหล่ะ แต่ปรับนิดนี่หน่อย) บรรดาแฟนๆ ของสวิฟต์ทั่วโลกต่างลูบปาก เพราะอีกไม่นานคงจะได้สัมผัสกับความสปอร์ตของซับคอมแพกต์คันสวยรุ่นนี้ แต่ที่ไหนได้ พอคันจริงเปิดตัวออกมา ปรากฎว่ายังเป็นตัวถังสำหรับตลาดยุโรปเท่านั้น ซูซูกิไม่ได้บอกว่าจะมีการส่งออกขายในตลาดภูมิภาคอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มีหวังในตอนนี้ แต่อนาคตไม่แน่ วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับสวิฟต์ สปอร์ตกัน ซึ่งตัวถัง 3 ประตูนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นกับสวิฟต์ใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ในรุ่นที่แล้ว (รุ่นที่ยังขายอยู่ในบ้านเรา) ซูซูกิก็เปิดตัวรุ่น 3 ประตูออกมาทำตลาดเช่นกัน แต่ก็ค่อนข้างจำกัดตลาดพอสมควร ซึ่งเป็นเพราะในตลาดแห่งอื่นๆ โดยเฉพาะในญี่ปุ่น รถยนต์ตัวถังแฮทช์แบ็ก 3 ประตูเริ่มได้รับความนิยมลดลง และรถยนต์หลายๆ รุ่นที่เคยมีขายตัวถังนี้ทั้งแบบ 3 และ 5 ประตู พอเป็นรุ่นใหม่ก็เหลือแค่รุ่น 5 ประตูเพียงอย่างเดียว สำหรับสวิฟต์ สปอร์ตมาพร้อมกับคอนเซปต์ที่ชัดเจนในการนำเสนอความแปลกใหม่และแตกต่างในด้านการขับขี่ที่เป็นอีกด้านของรุ่น 5 ประตู ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ และบุคลิกในการขับ ซึ่งตอบสนองการขับในแบบสปอร์ตได้ดีขึ้น ในแง่ของหน้าตามีการปรับรูปลักษณ์เล็กน้อยจากรุ่น 5 ประตูไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าขนาดใหญ่ขึ้น ติดตั้งสปอยเลอร์รอบคัน พร้อมกับปรับลดความสูงของตัวรถ ซึ่งนอกจากจะสร้างความสวยโฉบเฉี่ยวให้กับรูปลักษณ์ภายนอกแล้วยังช่วยในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ และการทรงตัวที่ดีในขณะแล่นด้วยความเร็วสูง มิติตัวถังในรุ่น 3 ประตูอยู่ในระดับใกล้เคียงกับรุ่น 5 ประตูด้วยความยาว 3,890 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,510 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,430 มิลลิเมตร ส่วนระบบช่วงล่างมีการปรับเซตทั้งมุมโท และแคมเบอร์ รวมถึงการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบช่วงล่างทั้งด้านหน้าซึ่งเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังในแบบทอร์ชั่นบีม ทั้งการเพิ่มค่า Spring rate ให้กับคอยล์สปริง และโช้กอัพที่แข็งขึ้น ขณะที่ล้อจากโรงงานเป็นขนาด 17 นิ้วจับคู่กับยางขนาด 195/45R17 สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีแค่ทางเลือกเดียว เป็นรหัส M16A เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1600 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT ซึ่งมีการปรับเพิ่มระยะยกของวาล์ว รีดกำลังให้ขยับจาก 123 แรงม้าในรุ่นเดิมมาเป็น 134 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดขยับจาก 15.1 กก.-ม. มาเป็น 16.3 กก.-ม. ส่งผลต่อสมรรถนะทั้งตีนต้นและตีนปลาย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมาในตอนนี้ ส่วนในเรื่องของระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียลดลงจากเครื่องรุ่นเดิม 11% ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 165 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรมาเป็น 147 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร พร้อมกับมีการปรับปรุงท่อไอเสียให้ตอบสนองต่อความเร้าใจด้วยเสียงคำรามที่ดุดันขึ้น ส่วนระบบเกียร์เป็นธรรมดา 6 จังหวะที่มีการปรับอัตราทดที่เน้นความเร้าใจในการขับและรีดสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ ในยุโรปจะเริ่มทำตลาดในปลายปีนี้แน่นอน ส่วนตลาดแห่งอื่นๆ ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าจะมีสิทธิ์ไหม เพราะว่ารุ่นที่แล้ว ซูซูกิส่งขายใน 40 ประเทศทั่วโลก ส่วนในรุ่นใหม่นี้ไม่รู้ว่า จำนวนตลาดจะเพิ่มขึ้นหรือว่าลดลง   Create Date : 20 ตุลาคม 2554     0 comment Last Update : 20 ตุลาคม 2554 21:32:57 น.     Counter : 1150 Pageviews.   Share Tweet

นี่หรือ Prius C งามอย่างงี้ มาให้ไวเลย แม้จะเพิ่งจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา แต่ รถยนต์ไฮบริดจากค่ายรถยนต์Toyota นั้น ก็ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก แม้จะมีกระแสข่าวเรื่องความเข้าใจผิดต่างๆ แต่ ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า ระบบขับเคลื่อนไฮบริด คืออนาคตของความประหยัดและสมรรถนะการขับขี่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Toyota Prius ได้มีการขยายไลน์ ในขณะที่บ้านเพิ่มสัมผัสเวอร์ชั่นต้นตำหรับนั้น แต่ที่เมืองนอก เวอร์ชั่นมินิแวนก็ออกวางจำหน่ายอย่างเป้นทางกา รและอาจจะมีเวอร์ชั่น คอมแพ็คไซส์เล็กให้ได้สัมผัสกันในนาม Prius C เราอาจจะเห็นรถต้นแบบที่อวดโฉมผ่านสายตากันไปแล้ว แต่ล่าสุด เมื่อไม่นานนี้ก้มีภาพชุดหนึ่งหลุดออกมาและนี่น่าจะเป็น Prius C ตัวจริงในเวอร์ชั่นพร้อมวางจำหน่าย โดยภาพที่ว่านี้เชื่อว่ามาจาก โบว์ชั่วร์ที่ผลิตออกมาเตรียมพร้อมการวางจำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการในช่วงปีหน้านี้ จากภาพทั้งหมดที่ได้มานี้ เราพบว่า Prius C มีความเป็นสไตล์ของตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงความเป็นรถยนต์ไอบริดที่ดูทันสมัยทั้งเส้นสาย ตั้งแต่ด้านหน้าจรดบั้นท้าย ที่ยังเอาเส้นสายรุ่นพี่ที่เพิ่งวางจำหน่ายในบ้านเราเป้นแบบ อย่างแต่มีการย่อขนาดให้เล็กลงตอบโจทย์ได้มากยิ่งขึ้น และดูไปๆมาๆ บั้นท้าย ออกแนวจะคล้ายคู่แข่งไฟฟ้า Nissan leaf ด้วย ซ้ำ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ Prius C ถูกแอบถ่ายมากมายแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ Toyota เคยออกมาเปิดเผยว่า Prius C จะสามารถทำอัตราประหยัดพิชิต 60 ไมล์ ต่อแกลลอน โดยจะมีค่าตัวเพียง 20,000 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 6 แสนบาทเท่านั้น Toyota Prius C Toyota Prius C Toyota Prius C Toyota Prius C Toyota Prius C Toyota Prius C Toyota Prius C   Create Date : 19 ตุลาคม 2554     0 comment Last Update : 19 ตุลาคม 2554 20:39:50 น.     Counter : 1543 Pageviews.   Share Tweet

De lorean EV ....ฝันรถไฟฟ้าที่กำลังจะกลายเป็นจริง หากพูดถึงรถยนต์จากภาพยนต์ที่เป็นที่รู้จักแล้ว คงไม่มีใครไม่ประทับใจรถยนต์สปอร์ตสุดเท่ห์ ที่มาพร้อมประตูปีกนกนางนวล ตัวถังทั้งหมด ทำมาจาก แสตนเลส และในภาพยนต์เรื่อง Back To The Future มันยังสามารถเจาะเวลาผ่านไปยังอดีตได้อีกด้วย ทั้งหมดที่พูดนี้อาจจะไม่ใช่รถที่หลายคนรู้จักมากนัก แต่ถ้ากับนักสะสมแล้ว De lorean ถือเป็นรถยนต์สุดพิเศษที่ไม่ใช่ใครจะสามารถเป็นเจ้าของกันได้ง่ายๆ และวันนี้เมื่อรถอนาคตในพลังงานไฟฟ้าเป็นที่ต้องการ ค่ายรถยนต์รายนี้ ก็พร้อมที่จะปลุกเจ้ารถในตำนานกลับมาให้ความเท่ห์กันอีกครั้ง เมื่อเร็วๆนี้ ค่าย DMC ได้เปิดบ้านให้สัมผัสกับโครงการใหม่ของค่ายรถยนต์รายนี้ที่เตรียมจะปลุกชีพเจ้า Delorean กลับมาอีกครั้งในแบบฉบับรถไฟฟ้า โดยเจ้า Delorean EV นี้จะเริ่มเข้าสู่สายการผลิตในปี 2013 ซึ่งบริษัท Apetra ที่เป็นเจ้าของกิจการ DMC ในปัจจุบันนั้น ได้เปิดเผยว่า ก่อนที่ จอห์น เดอโลรีนจะเสียชีวิตลงเมื่อปี 2005 นั้น เขาได้พูดถึงการนำเครื่องยนต์ในลักษณะไฮบริดมาขับเคลื่อน Delorean MC-12 แต่นั่นก็ไม่เคยเกิดขึ้น สำหรับ Delorean EV นี้มีการเปิดเผยสเป็คออกมาอย่างไม่เป็นทางการว่าเจ้าสปอร์ตสุดคลาสสิคนี้จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนที่สามารถไปได้ไกลถึง 200 กิโลเมตร มาพร้อมอัตราเร่งที่สะใจเทียบเท่า 260 แรงม้าจากเครื่องยนต์ปัจจุบัน และจะมีราคาจำหน่ายราวๆ90,000-100,000 ดอลล่าร์เลยทีเดียว ทั้งนี้ Delorean EV นั้นน่าจะกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ที่เรายังไม่อาจทราบว่า ขุมพลังนั้นจะถูกติดตั้งอยู่ในตำแหน่งใดกันแน่ แต่อย่างน้อยการปลุกชีพสปอร์ตคาร์คันนี้ก็น่าสนใจ ยิ่งเมื่อพูดถึงรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตวิศวกรของ GM   Create Date : 18 ตุลาคม 2554     0 comment Last Update : 18 ตุลาคม 2554 21:03:38 น.     Counter : 1306 Pageviews.   Share Tweet

เผยโฉมอเนกประสงค์คันโต Tata Safari กลับมาอีกครั้งกับข่าวสารวงการรถยนต์ วันนี้ทาง Thaicarlover.com มีข่าวจากค่ายรถยนต์ Tata มาฝากเพื่อนๆ ครับ โดยล่าสุด Tata ได้เผยโฉมรถยนต์ TATA SAFARI ที่สร้างบนแพลตฟอร์มที่มีการตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมด และเน้นในเรื่องของความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ โดยทาทา ซาฟารี เน้นในเรื่องของรูปลักษณ์โครงสร้างให้เหมาะสำหรับรถนั่งอเนกประสงค์แห่งยุค พร้อมไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ที่มีแถบโครเมี่ยมขนาดใหญ่ และโครเมี่ยมบน OVRM ตรงที่จับประตู มาพร้อมกับที่นั่งโดยสาร 3 แถว ที่สามารถปรับพับได้ตามความต้องการในการใช้งาน ช่วยเพิ่มความประทับใจด้วยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น Tata Safari TATA SAFARI ได้ถูกออกแบบ และสร้างสรรค์ให้ภายในห้องโดยสารสะดวกสบาย และทันสมัยไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานภายในอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน iPod และ USB ด้านหลัง Tata Safari ส่วนด้านเครื่องยนต์ Tata Safari ได้ถูกออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยระบบลดการคายก๊าซ CO2 ออกสู่อากาศอีกด้วยครับ ภายใน Tata Safari สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ทาง Thaicarlover.com จะนำมาอัพเดทให้เรื่อยๆ ครับ สุดท้ายนี้เว็บ Thaicarlover.com อยากให้เพื่อนๆ ช่วยเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ประสบปัญหาอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือกำลังเตรียมการรับมือกับน้ำท่วม และน้ำท่วมรถ ด้วยครับ และถ้าเพื่อนๆ สามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้ก็ขอให้ช่วยเหลือตามกำลังความสามารถครับ สำหรับแฟนๆ ทาทา ซาฟารี ในบ้านเราคงอาจจะต้องรอลุ้นการเปิดตัวรถยนต์คันนี้ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2011 (Motor Expo 2011) ในปลายปีนี้ หรืองานมอเตอร์โชว์ 2012 (Motor Show 2012) ในต้นปีหน้ากันครับ อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ได้ใหม่ครับ   Create Date : 17 ตุลาคม 2554     0 comment Last Update : 17 ตุลาคม 2554 20:37:34 น.     Counter : 1234 Pageviews.   Share Tweet

Toyota Innova: The Happiness On Board กลับมาอีกครั้งกับข่าวสารวงการรถยนต์ วันนี้ทาง Thaicarlover.com ก็มีข่าวจากค่ายรถยนต์ Toyota มาฝากเพื่อนๆ กันครับ โดยล่าสุด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (Toyota Motor (Thailand) Co. Ltd.) ได้ส่ง Toyota Innova Minorchange จากโรงงานของ P.T. Astra Toyota ในอินโดนีเซีย มาขายให้ลูกค้าที่แสวงหาความคุ้มค่ามาถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว โดยใช้ชื่อสโลแกนว่า The Happiness On Board ที่ต้องการสื่อถึงความเป็นรถครอบครัวที่มีสไตล์ ให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารที่โอ่โถง กว้างขวาง ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับทุกด้านของชีวิตได้อย่างลงตัว Toyota Innova Minor Change โดยการปรับโฉมในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนชิ้นส่วนภายนอก ให้ดูสดใหม่และลงตัวกว่าเดิมมากขึ้น ด้วยชุดไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก กระจังหน้า ฝากระโปรงหน้า กันชนหน้า – หลัง ชุดสเกิร์ตรอบคัน พร้อมสปอยเลอร์หลัง ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ความหรูหรา โฉบเฉี่ยว ลงตัว กระจกมองข้างสีเดียวกัน กับตัวรถ พร้อมไฟเลี้ยว สวยงาม ภูมิฐาน และช่วยเสริมความปลอดภัย ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ลายใหม่ ส่วนภายในห้องโดยสาร มีการปรับเปลี่ยนพวงมาลัยมาเป็นแบบหุ้มหนัง 4 ก้าน ยกชุดมาจาก Toyota Camry และToyota Vigo CHAMP กับ Toyota Fortuner Minorchange ประดับตกแต่งด้วยลายไม้ และสีเงินเมทัลลิก พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ชุดมาตรวัดออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แผงคอนโซลหน้า ดีไซน์ใหม่ ผสานลายไม้ กับ เมทัลลิก ส่วนแผงประตู และหัวเกียร์ ตกแต่งด้วยลายไม้ พร้อมปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ ดีไซน์ใหม่ ใหญ่กว่าเดิม สะดวกต่อการใช้งาน เพิ่มช่องเก็บแว่นตา พร้อมไฟส่องแผนที่ ดีไซน์ใหม่ แนบเรียบกับฝ้าเพดาน ด้านหลัง Toyota Innova Minor Change ด้านความบันเทิง จะมี เครื่องเล่นวิทยุ DVD/CD 1แผ่น MP3/WMA พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว และระบบ เชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) !!! พร้อมจอ LCD ขนาด 10.2 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และช่องต่ออุปกรณ์ USB, iPod และ AUX ด้านความปลอดภัย จะมีมาให้ตามแต่ละรุ่นย่อย ทั้งถุงลมนิรภัย (SRS) ฝั่งคนขับ ระบบเบรกแบบ หน้าดิสก์ หลังดรัม พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเปิด / ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบสัญญาณเตือนโจรกรรม โครงสร้างนิรภัย GOA พร้อมคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง พวงมาลัยและแป้นเหยียบเบรกเป็นแบบยุบตัวได้ พร้อมวาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติ ในกรณีฉุกเฉิน ส่วนเครื่องยนต์ ตอนนี้จะมีทางเลือกขุมพลังเหลือเพียงแบบเดียว ในรหัส 1TR-FE เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,000 ซีซี หัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ EFI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT-i 136 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตัน – เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลัง มีทั้ง เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (สำหรับ เกรด G กับ V) และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด (สำหรับเกรด E) ภายใน Toyota Innova Minor Change Toyota INNOVA Minorchange ใหม่ มีสีตัวถังให้เลือกเพียงแค่ 3 สี คือ สีขาว (Super White II), สีเงิน (Silver Metallic) และ สีดำ (Black Mica) ส่วนราคา โตโยต้า อินโนวา ไมเนอร์เชนจ์ (รวมเครื่องปรับอากาศ และภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีดังต่อไปนี้ 2.0V A/T ราคา 1,079,000 บาท 2.0G Option A/T ราคา 984,000 บาท 2.0G A/T ราคา 939,000 บาท 2.0E M/T ราคา 844,000 บาท สุดท้ายนี้เว็บ Thaicarlove.com อยากให้เพื่อนๆ ช่วยเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ประสบปัญหาอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือกำลังเตรียมการรับมือกับน้ำท่วม และน้ำท่วมรถ ด้วยครับ และถ้าเพื่อนๆ สามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้ก็ขอให้ช่วยเหลือตามกำลังความสามารถครับ สำหรับแฟนๆ Toyota Innova Minor Change ในบ้านเราคงอาจจะต้องเก็บตังค์รอไปลุ้นโปรโมชั่น และส่วนลดเด็ดๆ ของรถยนต์รุ่นนี้ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2011 (Motor Expo 2011) ในปลายปีนี้ หรืองานมอเตอร์โชว์ 2012 (Motor Show 2012) ในต้นปีหน้ากันครับ อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ได้ใหม่ครับ   Create Date : 16 ตุลาคม 2554     0 comment Last Update : 16 ตุลาคม 2554 18:30:12 น.     Counter : 8408 Pageviews.   Share Tweet