เผยตัวแข่งใหม่ Ford Fiesta RS WRC 2012 Ford World Rally Team และ M-Sport แห่งเมืองคัมเบรียประเทศอังกฤษ เผยโฉม ฟอร์ด เฟียสต้า (Ford Fiesta) ตัวแข่ง World Rally Championship สำหรับฤดูกาล 2012 ออกมาแล้วในงาน Autosport International Racing Car Show ที่เบอร์มิงแฮม โดยปีนี้แถบสีเขียวได้กลับมาคาดอยู่บนตัวรถอีกครั้ง เพื่อต้อนรับการกลับมาของสปอนเซอร์หลักอย่าง Castrol EDGE ด้านหน้า Ford Fiesta RS WRC 2012 โดย Fiesta RS WRC พัฒนาขึ้นบน Fiesta ตัวถังแฮทช์แบค และมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ส่งกำลังด้วยเกียร์ซีเควนเชียล ด้านพละกำลังใช้เครื่องยนต์ EcoBoost ความจุ 1.6 ลิตร และปีนี้ Michelin จัดยางมาให้ ฟอร์ด 5 แบบ คือ Michelin Pilot Sport สำหรับทางแอสฟัลท์ 3 เนื้อยาง Hard, Soft และ Super Soft ส่วนยางสำหรับทางฝุ่น โคลน หิมะ เป็นหน้าที่ของ Michelin Pilot Alpin WRC แบ่งเป็นรุ่นมีปุ่มสตัดด์ และไม่มีปุ่มสตัดด์ Ford Fiesta RS WRC 2012 โดยนักขับชาวฟินแลนด์ Jari-Matti Latvala ที่ร่วมงานกับ ฟอร์ด มาตั้งแต่ปี 2006 ยังคงรับหน้าที่ในการลงชิงชัยร่วมกับโค-ไดรเวอร์ Miikka Anttila ซึ่งปีที่แล้วทำผลงานได้ดีสุดในช่วงปิดท้าย คว้าชัยได้ในรายการ Wales Rally GB พร้อมยืนอันดับ 4 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ รวมทั้งทีมของอดีตแชมป์ฤดูกาล 2003 Petter Solberg และ Chris Patterson ด้วย ด้านหลัง Ford Fiesta RS WRC 2012 สำหรับแฟนๆ ฟอร์ด ในบ้านเราอาจจะต้องรอลุ้นว่าจะมีอะไรเด็ดๆ มาเปิดตัวที่งานมอเตอร์โชว์ 2012 (Motor Show 2012) ในต้นปีนี้ หรือไม่ ซึ่งอันนี้แฟนๆ Ford ต้องติดตามกันต่อไปครับ อย่าพลาดติดตามอัลบั้มรูปรถยนต์เด่น พริตตี้น่ารักๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ครับ   Create Date : 18 มกราคม 2555     0 comment Last Update : 18 มกราคม 2555 23:05:31 น.     Counter : 2460 Pageviews.   Share Tweet

เรียกคืนรถมินิกว่า 2 แสนคัน เหตุปั้มน้ำไฟฟ้าขัดข้อง เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม           เมื่อ วันที่ 16 มกราคม 2555 เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า บีเอ็มดับเบิ้ลยู ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดัง ได้เรียกคืนรถมินิ กว่า 235,000 คันทั่วโลก เนื่องจากพบว่าปั้มน้ำไฟฟ้าเกิดความบกพร่อง ซื่งอาจจะทำให้เครื่องยนต์ลุกไหม้ได้           หน่วย งานทางด้านความปลอดภัยทางการจราจรของสหรัฐอเมริกา ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า บริษัทแม่ของรถมินิอย่าง บีเอ็มดับเบิ้ลยู ได้เรียกคืนรถยนต์มินิกว่า 89,000 คันทั่วทั้งอเมริกา เนื่องจากหลายเดือนที่ผ่านมา มีผู้ใช้หลายคนร้องเรียนมาว่า รถยนต์ของพวกเขาเกิดลุกไหม้ในขณะที่จอดอยู่ บางคนก็บอกว่า เห็นควันลอยออกมาจากกระโปรงรถ ซึ่งก่อนหน้านี้ บีเอ็มดับเบิ้ลยู ได้ออกมากล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไรที่เป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นกว่า 12 ครั้งทั่วสหรัฐอเมริกา และกำลังอยู่ระหว่างการสืบหาสาเหตุว่ามาจากอะไร           อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางบีเอ็มดับเบิ้ลยูได้ประกาศว่า พนักงานด้านความปลอดภัยของบริษัท กำลังหาสาเหตุของปัญหาในครั้งนี้ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากแผงวงจรคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมตัวอัดบรรจุอากาศเทอร์โบ ที่หากระบบนี้ล่มแล้ว ก็จะส่งผลให้ปั้มน้ำไหม้ และทำให้เกิดไฟไหม้เครื่องยนต์ ซึ่งตอนนี้ ทางบีเอ็มดับเบิ้ลยูกำลังสืบหาสาเหตุที่แน่ชัด เพราะทางบริษัทได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากลูกค้า และตอนนี้ ทางบริษัทก็ยังไม่สามารถให้ความเห็นอะไรไปได้มากกว่านี้ เนื่องจากว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน           ทั้ง นี้ ทางบีเอ็มดับเบิ้ลยู จะประกาศเรียกคืนรถอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในอีกไม่กี่สัปดาห์ แต่ทางโฆษกของทางรถมินิยังออกมายืนยันว่า รถยนต์มินินั้นยังมีความปลอดภัยมากเพียงพอ และมีเหตุการณ์เครื่องยนต์ไหม้จากปั้มน้ำไฟฟ้าขัดข้องน้อยมาก โดยในเคสที่ร้ายแรงที่สุดนั้น อาจจะเกิดความร้อนที่ระบบสายไฟและทำให้เกิดควัน ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจจะเกิดไฟลุกขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ทางบีเอ็มดับเบิ้ลยูยังไม่ได้รับรายงาน เกี่ยวกับอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บจากสาเหตุนี้มาก่อน           นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิ้ลยู ยังกล่าวต่อไปว่า เมื่อผู้ใช้รถมินิได้รับจดหมายเรียกคืนรถแล้ว ผู้ใช้ก็เพียงติดต่อกับตัวแทนจำหน่าย และเปลี่ยนตัวปั้มน้ำไฟฟ้าใหม่หากพบว่าปั้มน้ำไฟฟ้าตัวเก่าชำรุด   Create Date : 17 มกราคม 2555     0 comment Last Update : 17 มกราคม 2555 21:55:34 น.     Counter : 1334 Pageviews.   Share Tweet

“ฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่” ขับหนึบ-สุดอลังการ    ละทิ้ง ความเล็กโบราณไว้เบื้องหลัง กับโครงสร้างเดิมที่ลุยตลาดมานานกว่า 13 ปี (เปิดตัวครั้งแรก 24 กรกฎาคม 2541) แต่จากนี้ไป “ปิกอัพสายพันธุ์แกร่ง” ซึ่งเป็นผลผลิตจากโครงการพัฒนา T6 เตรียมออกมาโลดแล่น โชว์สุดยอดสมรรถนะพร้อมความสมบุกสมบัน บนการใช้งานอันหลากหลาย               สำหรับ “เรนเจอร์ โฉมใหม่” ใน โครงการปิกอัพขนาดคอมแพกต์ระดับโลกของฟอร์ด ถูกพัฒนาขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย (ร่วมมือกับมาสด้า) แต่จะใช้ ไทย อาร์เจนตินา และแอฟริกาใต้ เป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อส่งไปขายรวม 180 ประเทศทั่วโลก        การทำตลาดในประเทศไทยจะมากับ 3ตัวถังพิมพ์นิยม คือ แบบตอนเดียว (ซิงเกิลแค็บ) แค็บเปิดได้ (โอเพนแค็บ) และสี่ประตู (ดับเบิลแค็บ) วาง 3 ทางเลือกเครื่องยนต์คือ ดีเซล 4 สูบ2.2 ลิตร 150 แรงม้า และดีเซล 5 สูบ 3.2 ลิตร 200 แรงม้า และชัดเจนเพื่อคนรักแก็สกับเบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร 166 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และสองล้อ ขณะเดียวกัน ฟอร์ดจะทำรุ่นไวด์แทร็ก ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคันเป็นตัวขายมาตรฐาน (ไม่ใช่รุ่นพิเศษเหมือนโฉมเก่า)               โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลจะส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 จะประกบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด               ขณะที่ตัวถังยาวใหญ่ สง่างามกว่าเดิม หรือเป็นการออกแบบที่ฟอร์ดเรียกว่า “ความแข็งแกร่งแห่งศตวรรษที่ 21” ไล่ตั้งแต่กระจังหน้าลาย 3 แถบ โคมไฟหน้า กันชน ขณะที่กระจกบังลมหน้าทำมุมเอียงไปด้านหลังมากขึ้นสอดรับกับหลักอากาศ พลศาสตร์ ซึ่งฟอร์ดเคลมว่าเรนเจอร์ ใหม่ มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) เพียง 0.399หรือต่ำที่สุดในตลาดปิกอัพตอนนี้               รูปลักษณ์ที่ดูบึกบึนยังอเนกประสงค์ กว่าเดิม ด้วยการยกขอบกระบะให้สูงขึ้น ส่งผลให้ตัวถังซิงเกิลแค็บ และโอเพนแค็บ มีขนาดบรรทุกของด้านหลังใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับปิกอัพระดับเดียวกันที่ 1.82 ลูกบาศก์เมตร และ 1.45 ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ส่วนรุ่นดับเบิลแค็บจะเหลือแค่ 1.21 ลูกบาศก์เมตร               ภายในทันสมัยและพยายามใส่อารมณ์รถยนต์นั่งเข้าไป สังเกตจากแผงควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มแอร์ บริเวณคอนโซลกลาง และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมช่องต่อ AUX ทั้งนี้ ในรุ่นท็อปยังมากับออปชันอย่าง ช่องต่อ USB ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบควบคุมการสั่งการด้วยเสียง(โทรศัพท์ แอร์ เครื่องเสียง) กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ รวมถึงครูสคอนโทรล และกล้องมองภาพด้านหลังสะท้อนภาพหน้าออกมาหน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว               ด้านระบบความปลอดภัยที่ฟอร์ดชอบนำออปชันใหม่ๆมาใช้เป็นเจ้าแรกๆ เสมอ (อย่างเบรกABS และถุงลมนิรภัยในปิกอัพ) ซึ่งเรนเจอร์ ใหม่ไม่ทำให้เสียประวัติศาสตร์ เพราะในตัวท็อป (เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร ดับเบิลแค็บ ไวด์แทร็ก) จะจัดเต็มด้วยถุงลมนิรภัยรวม 8 จุด ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย (ครอบคลุมโครงสร้างตัวถังและส่วนที่เป็นกระจก ตั้งแต่ เสาเอ-พิลลาร์ ไปจนถึง เสาซี-พิลลาร์)        ตามด้วยระบบอิเลกทรอนิกส์ ไล่ตั้งแต่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESP) ระบบ Hill Descent Control (ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ช่วยควบคุมการขับลงทางลาดชัน ระบบ Hill Launch Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบ Adaptive Load Control รักษาเสถียรภาพของรถในขณะที่บรรทุกของหนัก ระบบ Roll-over Mitigation ช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ ระบบTraction Control ป้องกันล้อหมุนฟรี และ Emergency Brake Assist เพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน               ด้วยระบบทั้งหลายบวกกับโครงสร้างอันแข็งแกร่ง ส่งผลให้ฟอร์ดเป็นปิกอัพนิรภัยขับขี่มั่นใจได้สุดๆ คันหนึ่ง ขณะเดียวกัน การได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวเต็ม จาก EuroNcap น่าจะช่วยยืนยันคุณภาพได้เป็นอย่างดี               ส่วนความรู้สึกการขับขี่ที่ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองตัวถังดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อนสองล้อยกสูงหรือ ไฮ-ไรเดอร์วางเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.2 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (ราคา 7.99 แสนบาท)               ...จากตัวเลขประสิทธิผลต่างๆ แสดงถึงทิศทางในการลดขนาดเครื่องยนต์ เพื่อลดการปล่อยมลพิษ และหวังตัวเลขประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น หรือถ้าต้องการความแรงก็เป็นหน้าที่ของเทอร์โบชาร์จในการรีดกำลัง ตลอดจนการพัฒนาเกียร์เพื่อบริหารจัดการม้าให้ลงสู่พื้นอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดอัตราทดอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความมุ่งหวังในใช้งานแล้วแต่รุ่น               อย่างคันที่ได้ลองขับเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แต่ให้แรงบิดถึง 375 นิวตันเมตร เรียกว่าใกล้เคียงกับขนาด 3.0 ลิตรเดิม 380 นิวตันเมตร (ซึ่งเป็นเครื่องมาสด้า) ขณะเดียวกันแรงบิดสูงสุดยังมาในรอบต่ำ 1,500-2,500 รอบเท่านั้น               อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวถังมโหฬารและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม แม้จังหวะออกตัวไม่ได้อืดอาด แต่การขับรวมๆบุคลิกไม่ได้แรงพลุ่งพล่านมากมาย ซึ่งพลังจะมาแบบต่อเนื่องสมเหตุสมผล ส่วนเกียร์ 6 สปีดทำงานว่องไว บางจังหวะที่ต้องการความกระฉับกระเฉงเพื่อเร่งแซงกะทันหัน อาจต้องกดคันเร่งให้ลึกหน่อยเพื่อหวังการคิกด์ดาวน์               ทั้งนี้ ข้อดีของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดน่าจะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันพอสมควร ยิ่งขับทางไกลใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. ที่เกียร์สูงสุด ผู้เขียนสังเกตรอบอยู่ประมาณ 2,000 รอบเท่านั้น        ด้านพวงมาลัยที่เปลี่ยนมาใช้แบบแรคแอนด์พิเนียนแทนที่บอลแอนด์นัท ทำให้การขับดีกว่ารุ่นเดิมเยอะ โดยน้ำหนักอาจจะเบาไปสักนิดแต่การสั่งงานซ้ายขวาแม่นยำ ที่สำคัญแม้ตัวรถจะใหญ่โต แต่ฟอร์ดก็ทดพวงมาลัยให้ควบคุมคล่องมือไม่ต้องเอี้ยวเลี้ยวให้มากรอบจนเกิน ไป ขณะที่รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ 11.8 เมตร และ 12.4 เมตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ               การขับทางไกลภายในห้องโดยสารเก็บเสียงดี แรงสั่นอาการสะเทือนและเสียงของเครื่องยนต์ ถือว่าฟอร์ดจัดการได้เยี่ยม ส่วนโครงสร้างเบาะนั่งรองรับแผ่นหลังดี และหลังจากลงจากรถมาแล้วไม่รู้สึกเมื่อยตัวปวดตับ               ในส่วนช่วงล่างบนพื้นฐานแชสซีส์ใหม่ ใหญ่และแกร่งกว่าเดิม ด้านหน้าเป็นปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์ปริง หลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนที่เซ็ทมาหนึบแน่น การขับรวมๆทรงตัวยอดเยี่ยมเกาะถนนเป็นเลิศ จังหวะเข้าโค้งหนักๆ ยังควบคุมพวงมาลัยได้มั่นใจ ตัวรถไม่มีดิ้นไม่มีหลุด        การนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังของตัวถังดับเบิลแค็บนั้น อาจรับรู้ถึงแรงสะเทือนจากพื้นถนนพอสมควร แต่ก็ไม่กระด้างดิบเหมือน “เรนเจอร์ ไฮ-ไรเดอร์” รุ่นเก่า ส่วนพื้นที่นั้นกว้างขวางนั่งสบายไม่แพ้ “โตโยต้า วีโก้” และ “มิตซูบิชิ ไทรทัน”               สำหรับใครที่ซื้อ “เรนเจอร์ โฉมใหม่” จะได้รับของแถมเป็นถังน้ำมันขนาดใหญ่พิเศษ 80 ลิตร ซึ่งฟอร์ดมั่นใจว่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร จะวิ่งได้ระยะทางไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรแน่นอน หรือเคลมอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยไว้ 13.7 กิโลเมตรต่อลิตร               รวบรัดตัดความ...ถ้า ไม่ต้องการลุย หรือหวังแรงเพื่อใช้งานหนัก รุ่นดีเซล 2.2 ลิตรขับเคลื่อนสองล้อน่าจะเพียงพอ กับรูปทรงใหญ่สุดเท่ ขับดี ช่วงล่างหนึบ บนราคาเหมาะสม ยิ่งตัวถังดับเบิลแค็บจะเสียภาษีประจำปีถูกลงเยอะ (เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ขนาด 3.0 และ 3.2 ลิตร)               ฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่ให้นักเลงปิกอัพ แต่จะด้วยปัญหาการผลิตหรือแผนการตลาดทำให้รุ่นเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร ยังไม่มีรถส่งมอบและต้องรอถึงเดือนเมษายน ส่วนตัวท็อป 3.2 ดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ไวด์แทร็ก ราคาทะลุ 1 ล้านบาทแน่นอน...                                                                         Create Date : 16 มกราคม 2555     0 comment Last Update : 16 มกราคม 2555 22:13:11 น.     Counter : 2129 Pageviews.   Share Tweet

New! Toyota Alphard ...สุนทรีย์-ดีไซน์สำหรับผู้นำ อาจจะเป็นที่ค่อนข้างคุ้นหน เคุ้นตากัยนพอตัวบนถนน กับเจ้ารถยนต์อเนกประสงค์สุดหรู ซึ่งที่เป็นที่นิยมของนักธุร ตลอดจนเซเล็บจำนวนมาก ทำให้รถ Toyota Alphard ใหม่ ติดตามขึ้นมาในเวลาอันรวดเร้วในช่วงหลายปีที่ผ่นมา และล่าสุด Toyota Motor Thailand ก็เบิกฤกษ์ลุยขายด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก หลังรถรุ่นนี้นำเข้ามาขายโดยค่ายรถยนต์อิสระ Toyota Alphard by Toyota Thailand นี้ เป็นความพยายามในการรุกคืบตลาดรถยนต์นั่งหรู ด้วยการนำเสนอทรวดทรงที่สดใหม่เติมความทันสมัยให้ดูภูมิฐานมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่กระจังหน้าแบบโครเมี่ยมให้ความเด่นเป็นสง่ามาพร้อมสเกิร์ตและกันชน หน้าดีไซน์ใหม่ ลงตัวกับล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว และประตูที่ให้ความสะดวกสบายในการขึ้นลง สามารถเลือกเปิดได้ทั้งด้านซ้ายและขวา ตามต้องการ ที่ยังให้มทนต์เสนห์การขับขี่ด้วยหลังคา Moon Roof คู่ให้ทั้งความทันสมัย และวิสัยทัศน์ผู้นำ ภายในห้องโดยสาร New! Toyota Alphard เติมเต็มความโดดเด่นด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ให้ความโอ่โถงด้วยเบาะ 3 แถว สามารถจุได้สูงสุด 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถวที่ 1 ให้ความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาส ปรับตั้งด้วยไฟฟ้า พร้อมที่รองขา ที่พักเท้า และโต๊ะกลางพับได้ มาพร้อมระบบบริหารหลัง 7 จุด ให้ไม่เมื่อยยามเดินทาง ในขณะที่เบาะแถวที่ 2 สามารถปรับเปลี่ยนแขวนพับเก็บได้ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระให้มาขึเนด้ว ย ด้านหน้า New! Toyota Alphard มาพร้อมคอนโซลหน้า คอนโซล กลาง และหัวเกียร์ใหม่ สอดรับกับมาตรวัดเรืองแสงใหม่ ให้เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น และยังอำนวยความสะดวกด้วยกระจกมองหลังตัดแสดงอัตโนมัติ และยังสะอาดทุกเส้นทางกับระบบฟอกอากากศนาโนอี (NANOe) ตบท้ายด้วยความบันเทิงจากเครื่องเสียง DVD / CD / MP3 / WMA / ช่องต่อ USB / iPod / Bluetooth พร้อมจอ LED ระบบสัมผัส 7 นิ้ว จาก Alpine (ในรุ่น 3.5 V) และจอLCD ระบบสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว (ในรุ่น 2.4V) New! Toyota Alphard เสนอขายวันนี้แล้วที่โชว์รูม Toyota ทั่วประเทศ โดย 2รุ่น พร้อม 3 สีให้เลือก คือ สีเงิน (Silver Metallic) , สีขาวมุก (White Pearl Crystal) และ สีดำ (Black) ส่วนราคา ดูได้ทางด้านล่างครับ ราคา (รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม) New! Toyota Alphard 2.4 V (2.4 ลิตร) 3,239,000 บาท New! Toyota Alphard 3.5 V (V6 3.5 ลิตร) 4,059,000 บาท   Create Date : 13 มกราคม 2555     0 comment Last Update : 13 มกราคม 2555 20:38:08 น.     Counter : 1913 Pageviews.   Share Tweet

Ford โตเท่าตัวปี 2011 แบไต๋กลางปีปล่อย New! Ford Focus ค่ายรถยนต์ Ford ปลื้มปีพ.ศ. 2554 ยอดขายโต 114% แบ่งตลาดเพิ่ม 3.7% แย้ม Ford Ranger มาแรง ย้ำกลางปีนี้เตรียมพบ New! Ford Focus นาย สาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดทั้งปีพ.ศ. 2554 ช่วยผลักดันยอดค้าปลีกโดยรวมตลอดทั้งปีของฟอร์ด ประเทศไทย ให้อยู่ที่ 29,200 คัน เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 114 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นับเป็นยอดขายต่อปีในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของฟอร์ด ประเทศไทย ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.7 เปอร์เซ็นต์ และเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในปีพ.ศ. 2554 "Ford Fiesta ใหม่ ซึ่งเป็นรถที่ผลิตในประเทศไทย มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 8 เดือนแรกของปี ก่อนที่จะชะลอตัวลงในเดือนกันยายนเป็นต้นมา เนื่องจากฟอร์ด เฟียสต้า รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถคันแรก แต่ก็ทำยอดขายปลีกรวม 17,697 คัน" สำหรับ Ford Ranger ใหม่ ได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก ทำให้มียอดจองกว่า 5,400 คัน และ Fordได้เริ่มทะยอยส่งมอบ Ford Rangerใหม่ ให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะได้รับการตอบรับอย่างดีอีกครั้ง นปีนี้ จากการเปิดตัวฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ซึ่งจะผลิตที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง อันเป็นโรงงานประกอบรถยนต์นั่งที่มีเทคโนโลยีทันสมัยแห่งใหม่มูลค่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) ในจังหวัดระยอง โดย ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยช่วงกลางปีนี้   Create Date : 12 มกราคม 2555     0 comment Last Update : 12 มกราคม 2555 20:35:42 น.     Counter : 1302 Pageviews.   Share Tweet