bloggang.com mainmenu search






:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่หมู ::





ความวิตกกังวลที่เราเอามันมาใส่ในใจของเรา
มันทุกข์มากจริงๆ แต่บางครั้งไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
แต่ก็ทุกข์ไปแล้วสามวันสามคืน

ตรงกันข้ามการฝันถึงบางสิ่งบางอย่างอย่างสวยหรู
กลับได้รับผลตอบแทนที่ว่างเปล่า
หรือบางทีอาจถึงกับติดลบ ทุกข์อีกแล้ว

ในความคิดของน้องกิจ อย่างไหนดีกว่ากัน




คำถามโดย : พี่หมู
วันที่ : 21 พฤศจิกายน 2554
เวลา : 15:19:26 น.























{สุขในทุกข์}


แอบรักคนที่มีครอบครัวอยู่แล้ว
พยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
ว่านี่เป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึก
ไม่ใช่เรื่องของความถูกต้องทางศีลธรรม





{ทุกข์ในสุข}


อยากได้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด
ทั้งๆที่เครื่องเก่าในมือเพิ่งซื้อมาไม่ถึงสองเดือน





{สุขในสุข}


การงานที่ทำอยู่ก้าวหน้า
เจ้านายยอมรับในฝีมือ
เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน





{ทุกข์ในทุกข์}


พ่อกำลังป่วยหนัก
น้ำกำลังท่วมบ้าน
ตัวเองกำลังตกงาน





{สุขและทุกข์}


ถูกหวยมาสามหมื่น
แต่ต้องใช้หนี้สองหมื่นเก้า





{ไม่มีทั้งสุขและไม่มีทั้งทุกข์}


นั่งมองแม่น้ำเพลินๆ
ในใจไม่ได้คิดอะไร














อารมณ์ ความรู้สึกทั้งหมด
เกิดจาก “ความคิด”


ถ้าไม่คิด ก็ไม่เกิดความรู้สึก
มันจะเป็นเพียง “การรับรู้”


แต่สมองมีหน้าที่ต้อง “คิด”
สำหรับผมการหยุดคิด
ถือเป็นการปิดกั้นการทำหน้าที่ของสมองตามธรรมชาติ

ธรรมชาติของสมองต้องคิด
แต่เรา “รู้ทัน” ความคิดที่เกิดขึ้นหรือไม่


ถ้าไม่รู้ ... รู้ไม่ทัน
ก็สุขทุกข์ในพริบตา
ถูกใจก็เป็นสุข ไม่ถูกใจก็เป็นทุกข์
สุขทุกข์เกิดง่ายในพริบตา


แค่คนรักไม่โทรหา...
ทุกข์ล่วงหน้า ทุกข์ไปก่อน
น้อยใจ เสียใจ เขาไม่รักเรา ไม่แคร์เรา

วินาทีที่เรากำลังคิด...คิด...คิด
เขาอาจกำลังหายใจรวยริน
และใกล้ตายอยู่บนรถที่เกิดอุบัติเหตุ




เหมือนเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง
ชายคนหนึ่งตกเครื่องบินเพราะตื่นสาย
และบ่ายวันนั้นเอง...
เครื่องบินลำที่เขาจะต้องเดินทางไปด้วยเกิดอุบัติเหตุ
เครื่องบินระเบิดกลางท้องฟ้า
คนบนเครื่องตายทั้งหมดไม่มีเหลือ.....


















ความจริงที่แสนเจ็บปวด
กับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
เป็นสิ่งที่เราทุกคนคงไม่พึงใจเหมือนกัน


แต่หลายสิ่งหลายอย่าง
เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จริงๆ
อย่างข้าวของที่เรารักมาก คนที่เรารักที่สุด
วันหนึ่งเขาต้องจากเราไป
จะทำใจอย่างไรให้ยอมรับความจริงได้
ผมว่าไม่ง่ายเลย




เห็นเพื่อนร่วมงานแซงหน้าในตำแหน่งที่เราควรได้

เห็นลูกของเพื่อนข้างบ้านสอบติดมหาวิทยาลัย
ในขณะที่ลูกเราสอบตก

ต้องรู้ว่าตัวเองป่วยหนักและไม่มีทางให้หายได้

ไฟไหม้บ้านจนไม่เหลืออะไร

คนรักจากไปด้วยอุบัติเหตุ

ถูกปฏิเสธความช่วยเหลือในวันที่ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว

แฟนบอกเลิกเพราะเธอไปพบคนใหม่ที่ดีกว่า


ฯลฯ




เรื่องราวเจ็บปวดแบบนี้เกิดขึ้นทุกวันบนโลกใบนี้
และไม่ได้มีแต่เราคนเดียวที่ประสบพบเจอ



ปัญหาคือ เมื่อเราคิด คิด คิด
และคิดกับมันอย่างวนเวียนซ้ำๆ
ทุกข์นี้จะย้อนมาทำร้ายเราอย่างไม่หยุดหย่อน




ความทุกข์เกิดขึ้นที่ “ความคิด”
ถ้าจะจบ ---
ต้องจบลงตรงที่เรา “คิดได้”
ไม่ใช่ “ได้คิด”





“ได้คิด” คือ อะไรที่ผ่านเข้ามาในความรู้สึก
แล้วเราเก็บไว้กับใจของตัวเองหมด

แต่ถ้า “คิดได้” เราจะรู้จักวางความทุกข์ลง
เพราะเรา “คิดได้” แล้ว
ว่าบางสิ่งที่เราไม่อยากพบ ถึงเวลาหนึ่งก็ต้องได้พบ
บางสิ่งที่ไม่อยากเจอ ต้องได้เจอเข้าสักวันหนึ่ง
เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น ทนไม่ไหว
แต่หนียังไงก็ต้องเจอ
เช่น ความเจ็บป่วย ความผิดหวัง ความเศร้าโศก
ความสูญเสีย จนไปจบที่ความตาย


มีใครหนีพ้นหรือกับความทุกข์สามัญธรรมดาแบบนี้....


ต่อให้เป็นกษัตริย์ พระเถระ พ่อค้าขายหมู
คนกวาดถนน คนทำบัญชี หรือ นายกรัฐมนตรี
ฯลฯ



ไม่มีใครหนีพ้น “ความจริงแห่งชีวิต” ไปได้เลยสักคน
เราเองก็ไม่มีข้อยกเว้น....





















ที่สุดแล้ว...ผมคิดว่าทั้งสุขและทุกข์
ไม่มีดีกว่า ไม่มีแย่กว่า ไม่มีเลวกว่า
สุขมากมายแค่ไหนถึงวันหนึ่งต้องพบกับผันแปรเปลี่ยนแปลง
ทุกข์แค่ไหนถึงวันหนึ่งมันก็จะผ่านไป


เราทำใจได้ .... “คิดได้” วันไหน
สุขทุกข์ที่มีก็แค่ “ปรากฏการณ์ในความรู้สึก”
ผ่านมา...แล้วก็ผ่านไป



มีแต่ต้องมองสุขทุกข์ “ตามความเป็นจริง”
ความเป็นจริงอย่างที่เป็นจริงๆ
ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เป็น




















Create Date :23 พฤศจิกายน 2554 Last Update :23 พฤศจิกายน 2554 5:12:26 น. Counter : Pageviews. Comments :96