bloggang.com mainmenu search




:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่ชัญญา ::


ภาพประกอบ : หมิงหมิง







แฟนพี่เขาชอบพูดว่าของฟรีไม่มีหรอกในโลกนี้
เพราะที่นี่อะไรๆต้องใช้เงินจ่ายหมด
ของแถมเขายังบอกว่ามันเป็นเทคนิคทางการค้าอย่างหนึ่ง
หลอกให้เราไปซื้ออีก

แต่พี่ก็เถียงแกว่า ว่ามีหลายอย่างในโลกเราที่ฟรี
อย่างน้อยก็น่าจะเป็นอากาศที่เราหายใจ ไม่ต้องจ่ายตังค์ อิอิ
แผ่นดินที่เราเดินเขาก็ไม่ได้คิดตังค์นิ
ยกเว้นค่าภาษีที่ดิน ค่าภาษีรถวิ่งถนน
แม่นํ้าในอินเดียหรือที่ไหนๆก็ฟรี อาบได้ ดื่มได้ถ้าอยากดื่ม

มีอะไรอีกที่ฟรีมั่งค่ะ ตอบพี่หน่อย

เอ..แล้วความรักนี่ มันใช่ของฟรีไหม?
หรือเราสมัครใจรักเอง อกหักตัวใครตัวมัน
สมหวังโชคดีไป แจ็คพอตแตก




คำตอบโดย : ชัญญา
วันที่ : 24 พฤศจิกายน 2554
เวลา : 16:47:20 น.














สวัสดีครับพี่ชัญญา



ผมลองค้นหาความหมายของคำว่า Free ใน google
ได้ความหมายเหล่านี้มาครับ



1. free [ ADV ] อย่างให้เปล่า
[ Related ]อย่างไม่ต้องเสียเงิน, อย่างไม่คิดมูลค่า


2. free [ ADJ ] แจกฟรี
[ Related ]ให้เปล่า, ไม่คิดมูลค่า


3. free [ VT ] ทำให้ปลอดจากสิ่งกีดขวาง
[ Related ]ทำให้มีสิทธิเสรีภาพ


4. free [ VT ] ขจัด
[ Related ]กำจัด, ปลดเปลื้อง


5. free [ VT ] ปลดปล่อย
[ Related ]ปล่อย, ทำให้เป็นอิสระ
[ Syn ]discharge; liberate; release [ Ant ]confine


6. free [ ADJ ] ซึ่งเป็นอิสระ
[ Related ]โดยเสรี, ไม่มีข้อจำกัด




ผมค่อยๆพิจารณาดู
พบว่าข้อ 1-3 เป็นความหมายทางโลก

และข้อ 4-6 เป็นความหมายทางธรรม....













“โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี”



ต้องถามว่าฟรีในแง่ไหน ?

ถ้าพูดถึงการลงทุน ลงแรง การแลกเปลี่ยน
ผมคิดว่าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆ แม้กระทั่งความรักหรือความตาย
มันมี “ราคา” ที่เราต้องจ่ายเสมอ....

เพียงแต่เมื่อเราไม่เห็นเป็นรูปธรรม เป็นเงินหรือทรัพย์สิน
เราจึงคิดว่าเราไม่ได้เสียอะไร


ลองยกตัวอย่างเรื่องของ “ความรัก” ก็ได้ครับ

เวลาเรารักใครสักคน เราต้อง “ลงทุน” อะไรบ้าง

เราต้องเสี่ยงที่จะ “ผิดหวัง” หากเขาไม่รักตอบ
เราต้องใช้ “ความกล้า” จ่ายไปเพื่อจะกล้าเข้าไปคุยไปทักทาย
เราต้องซื้อ “สิ่งของ” มากมายเพื่อหวังจะชนะใจคนรัก
เราต้องให้ “เวลา” มากมายเพื่อพูดคุย ปลอบโยน เล่าเรื่องขำขัน
ฯลฯ ทั้งหมดก็เพื่อให้คนรักของเราพึงพอใจ
เราต้อง “ขอโทษ” ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเวลาที่ทำอะไรผิดพลาดและคนรักไม่พอใจ
เราต้องให้ “อภัย” ไม่รู้กี่หนเมื่อคนรักของเราทำอะไรพลาดผิด

มองในมิตินี้...ความรักคือการลงทุนที่แพงมหาศาล
แต่ผลตอบแทนมันก็ทั้งคุ้มค่าและสูญเสีย

คนรักที่ “ให้” ตลอด ให้ทุกอย่างจนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
ใช่ว่าจะมัดใจคนรักได้ตลอดไป

คนรักที่รอ “รับ”ตลอดเวลาจนเคยชิน ใช่ว่าจะเป็นของตาย
วันหนึ่งรักก็อาจเบื่อหน่ายจืดชืดได้เสมอ


ความรักจึงไม่ใช่การ “ให้” อยู่ตลอดเวลา
หรือไม่ใช่คอย “รับ” ความรักอย่างคนไม่รู้จักพอ

แต่ความรักต้องรู้จักทั้งการให้และรับ....














บางคนตั้งคำถามว่า
ทำไมเราต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐ
ทั้งๆที่สิ่งต่างๆเช่น ที่ดิน แม่น้ำ ลำคลองหนองบึง
อากาศ ภูเขา ต้นไม้ใหญ่ ฯลฯ
มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
เกิดมาก่อนหน้าที่เราจะเกิดด้วยซ้ำ
แต่แล้ววันหนึ่งมีใครก็ไม่รู้ว่ากำหนดกฏเกณฑ์ว่า
ที่ดินนี้เป็นของฉัน ของประเทศฉัน
มีหลักฐานแสดงเป็นหมุดเขตประเทศ
มีโฉนดมายืนยันการเป็นเจ้าของ

ภูเขานี้เป็นของจังหวัดนี้
แม่น้ำนี้อยู่ในเขตของจังหวัดนั้น ฯลฯ



ถ้ามองเลยผ่านความเป็น “เจ้าของ” ที่เรายึดติด
สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ได้เป็นของใครเลย
ไม่ได้เป็นของใครอย่างแท้จริงถาวรตลอดกาล
โลกเปลี่ยนผ่านยุคต่อยุค ศตวรรษต่อศตวรรษ
ทุกสิ่งบนโลกนี้ “เปลี่ยนมือ” เปลี่ยนเจ้าของมาโดยตลอด

ถ้าเรามาฆ่ากันเพราะเราคิดว่านี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของฉัน
นี่เคยเป็นประเทศของฉันเมื่อ 300 ปีที่แล้ว


หากวันนี้ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่
มันคงอ้างสิทธิ์ได้เช่นกันว่า

“เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่
แผ่นดินที่แกกำลังแย่งชิงด้วยการฆ่ากันนั้นน่ะ
มันเป็นของไดโนเสาร์มาก่อนต่างหาก”


แล้วสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ก่อนหน้าไดโนเสาร์
ก็ควรอ้างสิทธิ์ได้เช่นกันว่ามันเป็นเจ้าของผืนดินแผ่นน้ำบนโลกนี้


ถ้าทุกคนคิดและทำเช่นนั้นจริง

โลกเราจะวุ่นวายขนาดไหน.......











ผมคิดว่าแม้แต่ “ความตาย” ก็ไม่ใช่ของฟรี
มันมีราคาที่เราต้องจ่าย
เพื่อจะได้เข้าใจชีวิต

ถ้าเราไม่เข้าใจความตาย
เราคงไม่มีวันเข้าใจชีวิต
ถ้าเราไม่เข้าใจชีวิต
เราก็ไม่มีทางเข้าใจความตาย


สองสิ่งนี้มีราคาที่เราต้องจ่าย
คือจ่ายด้วย “ชีวิต”
เพื่อจะได้รับ “ชีวิตที่แท้จริง” ไปใช้












การปลดปล่อยการยึดติดในตัวกูของกู
ไม่ยึดมั่นถือมั่นในคำว่า “ของเขา-ของเรา”
“ของกู-ของมึง” ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา


การทำชีวิตให้เป็นอิสระจากความอยากต่างๆนานา
อยากได้ใคร่มี...ได้ แต่ต้องรู้ความพอประมาณ
รู้ว่าได้มา ก็ไม่คงทนถาวร
รู้ว่าเสียไปก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง


อิสระโดยเสรี...ซึ่งไม่ได้หมายความว่า
จะไม่ยอมรับกฏเกณฑ์ใดใดทางสังคม
หากแต่อยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างเข้าใจ
และไม่ถูกเงื่อนไขทางสังคมบีบรัด
จนขยับความคิดความเชื่อของตนเองไม่ได้


เหล่านี้ผมคิดว่ามันคือความหมายของคำว่า “Free” อย่างแท้จริง














แม้กระทั่งวินาทีที่เรายื่นมือไปรับของๆใครโดยคิดว่าได้เปล่า
นั่นเราก็ตกอยู่ในวังวนของการซื้อขายแล้ว

“ทดลองชิม”

“ทดลองใช้”

จากนั้นก็ต้องจ่ายอะไรบางอย่าง
เพื่อแลกกับสิ่งที่เราปรารถนาและอยากได้ใคร่มี




โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆครับ



แม่น้ำ ลำคลอง ท้องฟ้า
ทุ่งนา ป่าเขา ธรรมชาติ ฯลฯ

สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ไม่ได้ให้อะไรเราฟรีๆ

แต่ธรรมชาติกำลังบอกเราว่า

เมื่อเกิดมามีชีวิต
ควรรู้จักคิด รู้จักใช้ทรัพยากร
ใช้สิ่งต่างๆจากธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า
และทำให้เกิดประโยชน์ที่สุด

ธรรมชาติให้สิ่งต่างๆกับมนุษย์มากมายมหาศาล

แต่เมื่อไหร่ที่มนุษย์รู้จักแต่ฉกฉวย ครอบครอง
ทำลาย และใช้สิ่งต่างๆอย่างไม่รู้คุณค่า

ผมคิดว่าครูของเราที่ชื่อ ธรรมชาติ
ก็พร้อมจะลงโทษเราอย่างไม่ปราณีปราสัยเช่นกัน






























Create Date :28 พฤศจิกายน 2554 Last Update :28 พฤศจิกายน 2554 4:45:09 น. Counter : Pageviews. Comments :96