เฮมิงเวย์ เฒ่าผจญทะเล มนุษย์ฆ่าได้ แต่แพ้ไม่ได้ ![]() Ernest Hemingway 1899-1961 อ่าน "เฒ่าผจญทะเล" จบไปสามรอบ ครั้งแรกตอนเรียนปีหนึ่ง ก่อนไปผจญภัยหฤโหดตามแบบ "เฮมิงเวย์" ...ฝนตกไม่ลืมหูลืมตาที่ภูกระดึงและมาหยุดเอาตอนตัดสินใจกันว่าจะลงไปนอนที่ตีนภู จำได้ว่าครั้งนั้นผมซื้อนิยายสองเรื่องอ่านฆ่าเวลา เรื่องแรก "ชี้ค" ของประภัสสร เสวิกุล และอีกเรื่อง "เฒ่าผจญทะเล" ของ เอร์เนส เฮมิงเวย์ จากนั้นก็ทิ้งไปนานจนหนังสือเล่มบาง ๆ เล่มนี้หายสาบสูญไป ณ ที่ใดก็ไม่ทราบ ก่อนที่ผมจะหามาอ่านอีกครั้งเมื่อกลางปีที่ผ่านมา สองสำนวนแปล นึกย้อนไปถึงตอนที่ใครคนหนึ่งยุให้ผมอ่าน "เจ้าชายน้อย" ของ ซูเปรี ด้วยแรงบันดาลใจที่ว่า "หยิบเอามาอ่านกี่ครั้งก็ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปทุกครั้ง" (ก็ดี จะได้ไม่ต้องซื้อหนังสือหลายเล่ม !) เมื่อเทียบกับความรู้สึกที่รางเลือนครั้งที่อ่านเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ก็ให้ได้คิดว่าความรู้สึกตอนที่อ่านรอบนี้มันต่างออกไปอยู่พอสมควรเลยที เดียว เฮมิงเวย์เขียนเรื่องนี้อย่างกระชับ สั้น เรียบง่าย ตามแบบการเขียนของเขาที่พูดอยู่เสมอว่างานเขียนที่ดีต้องไม่เหมือนที่คนอื่นเขียน นักเขียนต้องอ่านงานเขียนที่ดี และทำให้ดียิ่งกว่าสิ่งที่ตนเองอ่านมา เนื้อหาของเรื่องว่าด้วยชาวประมงเฒ่าคนหนึ่งที่หาปลาไม่ได้มาหลายสิบวัน จนกระทั่งวันหนึ่งออกทะเลไปตกได้ปลามาร์ลินใหญ่ตัวหนึ่ง และต่อสู้กับปลาที่ตัวเองตกได้ ต่อสู้กับท้องทะเล ต่อสู้กับฉลาม และที่สุดก็ต่อสู้กับความเหนื่อยล้่าและสิ้นหวังของตัวเอง ก่อนจะลากซากปลาที่ตกได้เข้าฝั่งให้ผู้คนได้เป็นประจักษ์พยานในการต่อสู้ครั้งนี้ เรื่องนี้เขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1951 ตีพิมพ์เมื่อปี 1952 ก่อนจะได้รางวัลพูลิตเซอร์สาขานวนิยายเมื่อปี 1953 และทำให้้เฮมิงเวย์ได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี 1954 คณะกรรมการรางวัลโนเบลประกาศว่างานชิ้นนี้ทรงคุณค่ามากเมื่อเทียบกับผลงาน ก่อนหน้านี้ของเฮมิงเวย์ที่ "รุนแรง ก้าวร้าว และหยาบคาย" เกินกว่ามาตรฐานที่รางวัลโนเบลจะมอบให้ได้ เดิมทีเฮมิงเวย์ต้องการ ให้เรื่องนี้อยู่ในชุดของการผจญภัยในท้องทะุเลแบบรวมเรื่องสั้นสามเรื่องเป็นไตรภาค ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนไปพิมพ์เป็นนวนิยายขนาดสั้นเป็นเรื่องเดี่ยว และประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา เฮมิงเวย์ได้พล็อตเรื่องนี้มาประมาณ 10 ปี ก่อนจะมีโอกาสลงมือเขียน ว่ากันว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนบุคลิกของ "เฒ่่า" ผจญทะเลนั้นเชื่อว่าได้มาจากเพื่อนชาวประมงคนหนึ่งของเฮมิงเวย์ Gregorio Fuentes คนที่ "พิมาน แจ่มจรัส" ให้นิยามไว้ในหนังสือ ปาป้า เฮมิงเวย์ อหังการชีวิตห้าว ว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาแก่ ยกเว้นดวงตา" ![]() Gregorio Fuentes 1897-2002 เรื่องเฒ่าผจญทะเลนี้เขียนเมื่อเฮมิงเวย์อายุ 52 ปี และเป็นช่วงที่หลายคน(รวมถึงนักวิจารณ์ส่วนใหญ่)เห็นว่าเป็น "ขาลง" เฮมิงเวย์ที่เคยเป็นนักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่ (อย่างน้อยก็จากคำพูดของเฮมิงเวย์เอง) เริ่มจะมีพลังในการเขียนถดถอยลงไป แต่งานเขียน "เฒ่าผจญทะเล" นั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกฝ่าย หลายคนบอกว่าเฮมิงเวย์ใช้สัญลักษณ์แสดงสิ่งที่เป็นตัวตนของเขา เฒ่าชาวประมงคือเฮมิงเวย์ ปลามาร์ลินยักษ์ที่ยาวกว่าเรือที่เขาแล่นไปตกปลาก็คืองานเขียนของเขา ...และเหล่าฉลามที่แห่แหนกันมาแย่งเนื้อปลาจากเฒ่าทะเลก็คือนักวิจารณ์ แต่เฮมิงเวย์บอกว่ามันไม่มีความหมายอะไรหรอก คนก็คือคน ปลาก็คือปลา ไม่ได้มีความเป็นสัญลักษณ์อะไรซ่อนเร้นอยู่เลย ! มองงานเขียนของเฮมิงเวย์ก็น่าจะตีความได้อย่างนั้น เฮมิงเวย์เรียนจบมัธยมปลาย ปฏิเสธการเข้าเรียนในวิทยาลัย ไปใช้ชีวิตเป็นนักข่าวก่อนจะสมัครไปทำข่าวในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (เฮมิงเวย์มีปัญหาเรื่องสายตาจึงเป็นทหารไม่ได้) ก่อนจะวิ่งกลับมาจากแนวหน้าด้วยการแบกร่างทหารโชกเลือดคนหนึ่งมาด้วย ส่วนตัวเองมีสะเก็ดระเบิดฝังที่ขาทั้งสองข้างสองร้อยสามสิบเจ็ดชิ้น จีบผู้หญิงที่อายุมากกว่าตัวเองขณะนอนอยู่ในโรงพยาบาล และเป็นไปได้ว่าขณะที่ขาข้างหนึ่งแขวนอยู่กับเสาโยงได้ประกอบหฤหรรษ์กิจกับผู้หญิงคนนั้นไปด้วย ! นั่นเป็นเพียงตัวอย่างของชายคนที่มีภาพลักษณ์ ห่าม ๆ ใช้ชีวิตกลางแจ้ง มองโลกอย่างตรงไปตรงมา และน่าจะเป็นพระเอกในนิยายโกวเล้งสักเรื่องสองเรื่อง ผู้เขียนงานเขียนโดยเริ่มจากการเป็นนักข่าว เขียนโดยไม่นิยมใช้คำคุณศัพท์ ใช้ประโยคสั้น ๆ ที่มีความชัดเจนในตัวเอง... เป็นต้นแบบของงานเขียนในยุคใหม่ให้กับนักเขียนหลายคน... ปลาก็คือปลา ! เฮมิงเวย์เป็น "คนกลางแจ้ง" ชอบใช้ชีวิตสู้แดดสู้ฝน ให้คนเรียกเป็น "ปาป้า Papa" ตั้งแต่อายุสี่สิบกว่าปี อาสาไปทำข่าวสงครามด้วยความเต็มใจ พกปืนแบบทหาร(ทั้งที่มีระเบียบห้าม) และมีหลักฐานว่าสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมาเพื่อกิจการสงครามแบบผิดกฎหมายและสนธิสัญญาทุกชนิด ภรรยาคนหนึ่งของเฮมิงเวย์เคยพูด(ประชด ?)ว่าเขาเป็นผู้บัญชาการในคราบนักข่าว เคยได้รับ "ทุน" ให้ไปล่าสัตว์ที่แอฟริกาแล้วเขียนเรื่องเล่าบรรยายการผจญภัยส่งกลับไปเป็นการตอบแทน เคยเอาปืนใหญ่ติดตั้งบนเรือยอร์ทส่วนตัวเพื่อล่าเรื่อ "อู" ของเยอรมันที่นอกฝั่งคาริบเบียน ...ไม่ทราบว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ไม่มีการเผชิญหน้ากันจริง ๆ เกิดขึ้น ครั้งหนึ่งในสงคราม หาเหล้าดื่มได้ยาก มีนักเขียนคนหนึ่งไปประมูลเหล้ามาได้หลายขวดจากตลาดมืด เฮมิงเวย์ไปบีบคอขอมาได้ขวดหนึ่งแลกกับสัญญาสอนการเป็นนักเขียนฉบับเร่งด่วนให้ หลังได้เหล้าขวดนั้นไปเฮมิงเวย์ก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ก่อนจะจากกันเฮมิงเวย์ทราบมาว่าันักเขียนจะเอาเหล้าที่เหลือไปเปิดฉลองในงานปาร์ตี้ จึงบอกให้เจ้าของลอง "ชิม" ดูเสียก่อน ปรากฎว่าทั้งหมดเป็น "ชาจีน" !!! เฮมิงเวย์เป็นคนคลุกฝุ่น ดื่มเหล้าจัด ไม่ชอบอาบน้ำ ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา ชอบชกต่อย ชอบดูกีฬาสู้วัวกระทิงในสเปน (...วันนี้มาธาดอร์แพ้ครับ มุขตลกสำหรับคนชอบกินตัวเดียวอันเดียว) หลายครั้งที่งานเลี้ยงหรือการกินเหล้าในบาร์ต้องจบลงด้วยการทะเลาะวิวาท แต่เฮมิงเวย์จะมีวินัียกับงานเขียนของตัวเองมาก นิยายบางเรื่องได้รับการแก้ไขแล้วแก้ไขอีกหลายสิบครั้งก่อนจะส่งให้สำนัก พิมพ์ เริ่มงานเขียนทันทีที่ตื่น เขียนต่อเนื่องไปจนถึงเที่ยงวัน หยุดเขียนเมื่อคิดว่าเขียนถึงจุดที่ดีที่สุดของวัน และใช้เวลาว่างรวบรวมความคิดสำหรับการเขียนในวันต่อไป ชอบอ่านหนังสือทุกประเภทรวมถึงนิตยสารและสารคดี บั้นปลายชีวิต เฮมิงเวย์ต้อนทนทุกข์ทรมานกับอาการทางจิต เขาหวาดระแวงว่า FBI ส่งคนสะกดรอยตาม คนที่ขับรถให้นั่งในวันที่เขาเมาเละพาไปตกข้างทางถูกเฮมิงเวย์หาว่าพยายาม ฆ่า ความคิดสร้างสรรค์ของเขาเหือดหายและไม่สามารถผลิตงานเขียนออกมาได้อีก ท้ายที่สุดเขายินยอมเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช ก่อนขึ้นรถเขาบอกว่า "ลืมของ" และกลับเข้าบ้าน ...ใครคนหนึ่งเอะใจและตามเข้าไปเห็นเฮมิงเวย์กำัลังบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง ปืนกระบอกหนึ่งและช่วยเขาเอาไว้ได้จากการ "อาจ" ฆ่าตัวตาย ปู่และพ่อของเฮมิงเวย์ฆ่าตัวตาย ครอบครัว "เฮมิงเวย์" เผชิญกับการฆ่าตัวตายในสัดส่วนที่สูงกว่าครอบครัวใดไม่ว่าในอเมริกาหรือที่ใดในโลกจะยอมรับได้ (และมันสืบทอดไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานอีกด้วย) เฮมิงเวย์เคยกล่าวประณามการฆ่าตัวตายของพ่อเอาไว้ และนำไปเขียนเสียดสีในนิยายของเขาอีกด้วย เฮมิงเวย์ได้รับการรักษาด้วยการช็อตไฟฟ้าหลายครั้ง เมื่อกลับออกมาจากโรงพยาบาล มีคนบอกว่าแววตาของเขาเลื่อนลอย ไม่เฉียบคมเหมือนแต่ก่อน เฮมิงเวย์ไ่ม่สามารถเขียนนิยายได้อีกและหมกมุ่นอยู่กับการฆ่าตัวตาย เขา "ซ้อม" การฆ่าตัวตายหลายครั้งด้วยปืนไม่มีลูก และประจักษ์พยานหลายคนก็รับรู้ ปืนทั้งหมดถูกเก็บไว้ในห้องใต้ดิน กุญแจวางอยู่ที่หน้าต่างห้องครัว ทุกคนรู้ ...เฮมิงเวย์ก็รู้ เช้าวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1961 ภรรยาคนสุดท้ายของเฮมิงเวย์ตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงเหมือนคนปิดลิ้นชักแรง ๆ สองครั้ง เมื่อลงมาดูก็พบว่าเฮมิงเวย์ฆ่าตัวตายด้วยการอมปากกระบอกปืนลูกซอง แล้วเหนี่ยวไก... คราวนี้ืปืนมีลูก มิหนำซ้ำยังยิงสองนัดอีกต่างหาก ! " มนุษย์ฆ่าได้ แต่แพ้ไม่ได้" เฮมิงเวย์เคยบอกไว้ในนิยาย "เฒ่าผจญทะเล" ที่ส่งให้เขาได้รางวัลพูลิตเซอร์และโนเบล เฒ่าคนนี้ก็เช่นกัน ฆ่าได้ แต่ไม่มีทางแพ้... FBI ออกมายอมรับในอีกหลายปีต่อมาว่าได้มีการตรวจสอบเฮมิงเวย์จริง แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ที่เขาพูดถึง ...ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและหลังจากนั้น (สงครามเย็น) เฮมิงเวย์ใช้ชีวิตในคิวบา มีเรือยอร์ทติดปืนใหญ่ เงินถ่ายเทในบัญชีเป็นหลักแสน ...ไม่ถูกตรวจสอบก็เป็นเรื่องแปลกแล้ว Gregorio Fuentes ผู้ที่เชื่อว่าเฮมิงเวย์ใช้เป็นต้นแบบ The Old Man ในเฒ่าผจญทะเล ตายเมื่อ 13 มกราคม ค.ศ. 2002 ขณะอายุ 104 ปี และไม่เคยอ่านนิยายเรื่อง The Old Man and The Sea. มนุษย์ไม่ได้เกิดมาพ่ายแพ้ มนุษย์ฆ่าได้ แต่แพ้ไม่ไ้ด้ เป็นหนึ่งในหนังสือที่อ่านรวดเดียวจบ อ่านจบแล้วอึ้ง และตราตรึงไปอีกนานค่ะ
ชอบมากๆ เลยค่ะ ![]() โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
![]() |
บทความทั้งหมด
|
ปลาตัวใหญ่กับความโลภ การต่อสู้
และความสูญเสีย แต่ได้ศรัทธาตัวเองกลับคืนมา