ในหลวง ธ นั่งกลางใจประชา
ในหลวง ธ นั่ง กลางใจประชา
เรื่อง# 1 พ่อหลวง ที่มา : พระราชอารมณ์ขัน โดย วิลาศ มณีวัต
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดการเสด็จเยี่ยมราษฎรตามภาคต่างๆ เช่น หมู่บ้านชาวมุสลิมทางภาคใต้ และชาวนาในภาคกลาง หรืออย่างวันนี้ได้เสด็จขึ้นไปไกลถึงดอยอ่างขาง ติดพรมแดนพม่า ดอยอ่างขางนี้ เป็นที่อยู่ของชาวเขาเผ่าลาฮู เผ่าเย้า และพวกฮ่อ ซึ่งทำมาหากินด้วยการค้าหยก และฝิ่นมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย ในการเสด็จเยือนถิ่นชาวเขา พระองค์จะทรงมีเครื่องมือสำคัญติดไปด้วยทุกหนทุกแห่ง คือ แผนที่ขนาดใหญ่ (สเกล 1 ต่อ 50,000) ดินสอแดง กับวิทยุ ซึ่งสามารถสั่งการพูดโต้ตอบได้
เมื่อเห็นพระองค์กับคณะผู้เสด็จเข้ามาใกล้หมู่บ้าน หัวหน้าชาวเขาจะร้องสั่งให้บรรดาลูกบ้านแหวกทางถวายการต้อนรับอาคันตุกะ ซึ่งเขาเรียกกันด้วยความเคารพอย่างสูงสุดว่า "พ่อหลวง"
กล่าวกันว่าพระราชอาณาจักรนั้น ก็เหมือนกับพีระมิด คือ มีกษัตริย์อยู่ข้างบน ประชาชนอยู่ข้างล่าง
แต่ในประเทศนี้กลับตรงกันข้าม ก็เลยทำให้บางที รู้สึกปวดๆ แถวนี้ แล้วก็ทรงชี้ที่พระศอและพระอังสภาระ (ไหล่) พร้อมกับทรงแย้มพระโอษฐ์ (ยิ้ม)
พอเสด็จไปถึงหมู่บ้าน ตัวแทนของชาวเขาเผ่าลาฮู ก็เข้ามาเฝ้า และกราบทูลฟ้องว่า "ทุกวันนี้พวกเราเดือดร้อนมาก มีที่ทำกินไม่พอเลย"
ทรงมีรับสั่งว่า "ก็เคยจัดที่ดินให้ไว้แล้วไม่ใช่หรือ"
"ถูกแล้ว แต่ชาวนาเผ่าอื่นได้รุกล้อมเข้ามา" หัวหน้าชาวเขาเผ่าลาฮูกราบทูลต่อ
นี่คือตัวอย่างปัญหาที่จะต้องทรงแก้ไข
นายเด็นนิส เกรย์ เขียนรายงานลงในนิตยสาร "สวัสดี" ของ "การบินไทย" ว่า
เห็นได้ชัดว่า พระเจ้าอยู่หัวมิได้มีชีวิตส่วนพระองค์เลย วันเวลาของพระองค์ท่านหมดไปด้วยการช่วยราษฎรที่โน่นที่นี่ นายเด็นนิส เกรย์ ได้กราบทูลถามว่า "ใต้ฝ่าพระบาท คิดว่าวันที่ทรงมีความสุขที่สุดคือวันไหน?"
พระราชกระแสที่รับสั่งตอบว่า "บาเจาะ" นั้น ทำเอาทุกคนงุนงง เพราะไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน
"บาเจาะ" นั้นเป็นอำเภออยู่ทางปักษ์ใต้ แสนจะกันดาร พื้นที่มีลักษณะเป็นปลักตม ทุกปีน้ำจะท่วมอย่างน่ากลัว ทำให้ไร่นาเสียหายหมด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปแถวนั้นเป็นครั้งแรก เมื่อต้นปี พ.ศ. 2516 และทรงชี้แนะให้ขุดคลองเพื่อระบายน้ำออกสู่ทะเล พอถึงเดือนธันวาคม คลองก็เสร็จเรียบร้อย
ในเดือนมกราคม 2517 ขณะที่กำลังประทับอยู่ที่เชียงใหม่
วันหนึ่ง อธิบดีกรมชลประทานซึ่งเคยตามเสด็จลงไปทางใต้ด้วย ได้กระหืดกระหอบเข้ามาเฝ้า ทั้งๆ ที่ตัวกำลังเปียกฝน เขาตะโกนด้วยความดีใจว่า "ได้ผลแล้ว! ได้ผลแล้ว!"
รับสั่งถามว่า "ได้ผลอะไร?" อธิบดีกรมชลประทานกราบทูลว่า "บาเจาะพะย่ะค่ะ! ได้ผลดีมาก... ชาวบ้านกำลังดีใจกันยกใหญ่"
บางครั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ต้องทรงทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว เช่น ชาวเขาคนหนึ่งได้มากราบทูล ร้องทุกข์ว่า เขาได้ให้หมูสองตัวกับเงินก้อนหนึ่งแก่เมีย แต่เมียพอได้เงินแล้ว กลับหนีตามชู้ไป พระองค์ก็ทรงตัดสินว่า สามีจะต้องได้รับเงินชดใช้ และให้ปล่อยภรรยาไปตามใจของเธอ ญาติของทั้งสองฝ่ายก็พอใจ
รับสั่งเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขันว่า
"แต่ที่แย่ ก็คือ ฉันต้องควักเงินให้ไป....ผู้หญิงผู้นั้นก็เลยต้องตกเป็นของฉัน" รับสั่งแล้วก็ทรงพระสรวล
สักครู่หนึ่ง หญิงผู้นั้นก็นำสุราพื้นเมืองมาถวาย
"ถ้าฉันเมาพับไป อะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่รู้ได้"
คราวนี้ถึงที นายเด็นนิส เกรย์ จะต้องหัวเราะบ้างแล้ว เขานึกในใจว่า "การเป็นพระเจ้าแผ่นดินในประเทศนี้ ถึงจะลำบากพระวรกาย แต่ก็มีเรื่องสนุกๆที่ออกจะหวาดเสียวอยู่เหมือนกัน"
เรื่อง# 2 ทรงให้สัมภาษณ์นิตยสาร Look ที่มา : พระราชอารมณ์ขัน โดย วิลาศ มณีวัต
ก่อนจะออกเดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา บรรณาธิการนิตยสาร Look ได้สั่งนาย Gereon Zimmerman ไว้ว่า
"เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด อย่าลืมกราบทูลถามเรื่อง แซ็กโซโฟนทองคำ ด้วยนะ ว่ามันอย่างไรกันแน่ ราคาโดยประมาณสักเท่าใด ทำที่สวิตเซอร์แลนด์หรือที่ไหน"
เมื่อได้มานั่งอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ในวังสวนจิตรฯแล้ว นายซิมเมอร์แมน พยายามเลียบเคียงอยู่นาน ก็ยังไม่ได้จังหวะเหมาะที่จะทูลถาม เรื่องที่บรรณาธิการอยากให้ถาม
ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับสั่งขึ้นมาเองว่า "หนังสือพิมพ์ที่อเมริกา พากันลงว่า เป็นกษัตริย์ที่คลั่งดนตรี...ซึ่งก็ไม่ว่าอะไร แต่ที่ไปลง จนเลยเถิดกันไปว่า แซ็กโซโฟนที่เป่าอยู่เป็นประจำนี้ เป็นแซ็กโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์
อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก บางฉบับก็เขียนว่าชอบขับรถซิ่ง ก็เอาเถอะ ยอมให้ไม่ถือสาหรอก แต่ไม่เชื่อว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นการสร้างสรรค์ หรือเป็นประโยชน์อันใดแก่ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา"
ต่อจากนั้นผู้แทนนิตยสาร Look ได้กราบทูลว่า ทรงโปรดดนตรีของวง "เดอะ บีทเทิลส์" หรือไม่? พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระโอษฐ์(ยิ้ม) แล้วรับสั่งว่า "ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า แท้จริงแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของสินค้าออกประเทศอังกฤษ" ได้ทรงมีพระกระแสรับสั่งต่อไปอีกว่า "คนหนุ่มสาวสมัยนี้เขาช่างสังเกตมาก และมีความคิดก้าวหน้า ลูกสาวคนโตเขามาหาตอนอายุสิบเอ็ด แล้วบอกว่า อยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ รู้สึกว่ามีความตั้งใจมาก"
ถึงตอนนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งเสริมขึ้นว่า "ลูกคนนี้เขาเดินตามรอยเสด็จพ่อ แต่ข้าพเจ้านั้นวิชาคำนวณอ่อนมาก"
ในอีกตอนหนึ่งของการพระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้แทนของนิตยสาร Look วันนั้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งเล่าให้ฟังว่า แต่ละปีจะเสด็จไปเปลี่ยนเครื่องทรง พระแก้วมรกตถึงสามครั้ง และจะทรงประพรมน้ำพระมหาสังข์ให้แก่บรรดาข้าราชการที่ตามเสด็จเข้ามาในโบสถ์ น้ำนั้นถือกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ข้าราชการเหล่านั้นถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ทรงพระกรุณาประพรมให้ ต่อมาก็ทรงนึกถึงชาวบ้านธรรมดานอกโบสถ์ ซึ่งอยากให้ประพรมน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วย รับสั่งในตอนนี้ว่า "คนเราถ้าเชื่อว่าน้ำนั้นจะเป็นสิ่งนำความดีงามมาสู่ชีวิต ก็จะได้รับความดีงามและโชคลาภตามความเชื่อ" มีคนขับแท็กซี่คนหนึ่ง กลับไปบอกเพื่อนว่า ในหลวงทรงประพรมน้ำมหาสังข์ให้ เพื่อนของเขาก็ไม่ยอมเชื่อ เพราะว่าในหลวงคงไม่ทำเช่นนั้นแน่! แต่ก็ได้ประพรมให้เขาจริง และเขาก็มีความสุขในทันที ถ้าโผล่เข้าไปดู จะเห็นว่าคนที่นั่งรอรับน้ำพระมหาสังข์อยู่นั้น มีทั้งชาย หญิง เด็ก นักท่องเที่ยว และคนขับแท็กซี่ ใครจะมาจะไปก็ได้
"เมื่อประธานาธิบดีของท่าน มาเยือนเมืองไทย มีพวก FBI และหน่วย ร.ป.ภ.ห้อมล้อมกันหนาแน่นไปหมด จนหาทางเดินไม่ได้ ถ้าฉันมาวัดพระแก้วแบบนั้น ก็ไม่สามารถจะใกล้ชิดกับประชาชนได้
ถ้าผู้คนเบียดกันเข้ามาใกล้เกินไป จะมีคุณยายพูดขึ้นว่า
"หลีกทางให้ ในหลวง หน่อยเถอะ" คุณยายนั่นแหละคือ FBI ของฉัน
"เวลาไปตามหัวเมือง ชาวนาจะมีของมาให้ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง และสตรอเบอร์รี่งามๆ ซึ่งเขาปลูกเอง ชาวนาบางคนได้ทุนไปอเมริกา เขาจะมาหาแล้วถามว่า "จะทำอย่างไรดี? จะวางตัวแบบไหน?" ก็บอกไปว่าให้เป็นตัวของตัวเอง ให้ดูแบบอย่างที่ดีๆ แล้วนำของใหม่ๆ มาปรับใช้ในเมืองไทย ครั้นกลับมาแล้วก็มาหาอีก ไม่มีใครห้ามเขาได้ ที่จะไม่ให้มาหา"
หลังจากนั้น ก่อนที่ผู้แทนนิตยสาร Look จะกราบทูลลา ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานเลี้ยงน้ำชา พร้อมด้วยผลไม้ คือ แตงโม และมังคุด ซึ่งผู้แทนของ Look ตื่นเต้นมากที่เห็นแตงโมในลักษณะลูกกลมๆ ขนาดเล็ก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่ง เมื่อผู้แทนของนิตยสาร Look และช่างภาพกราบทูลลาว่า
"ฉันเป็นกษัตริย์ที่ได้รับเลือกตั้งขึ้นมา ถ้าประชาชนเขาไม่ต้องการฉัน เขาก็ไล่ฉันออกก็ได้จริงไหม? แล้วฉันก็กลายเป็นคนว่างงาน"
รายละเอียดของการพระราชทานสัมภาษณ์คราวนั้น ผู้ที่สนใจค้นคว้าจะหาอ่านได้จากนิตยสาร Look ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน 1967
เกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพทางการดนตรีนี้ นักดนตรีแจ๊สที่มีชื่อเสียงหลายคนของอเมริกา ชื่นชมในพระปรีชาสามารถทางการดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างสูง เพราะทรงใช้เครื่องเป่าได้อย่างคล่องแคล่วทุกชนิด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 พระองค์ได้เสด็จฯ ไปที่บ้านเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ค ทรงดนตรีที่นั่น หลังจากนั้น เบ็นนี กู๊ดแมน ยอดนักดนตรีแจ๊สของอเมริกา ได้กราบบังคมทูลเชิญไปที่บ้านของเขาที่ถนนที่ 66 เธิร์ด อเวนิว
นักดนตรีผู้ร่วมวงอยู่ด้วยเล่าว่า "ทรงพระสำราญมากในคืนนั้น ทรงเป็นกันเองกับพวกเรามาก เป็นวาระที่พวกเราจะจดจำไปชั่วชีวิต"
ก่อนหน้านั้น คงจำกันได้ว่า ครั้งหนึ่ง ไม้ค์ ทอดด์ ได้เคยเสนอบทเพลงพระราชนิพนธ์หลายเพลง รวมทั้ง "Blue Night" ในการแสดงรีวิวครั้งยิ่งใหญ่ของเขาชื่อ "Peep Show" ที่บรอดเวย์ ซึ่งในขณะที่กำลังซ้อมใหญ่อยู่นั้น พระเจ้าอยู่หัวกำลังทรงพระสำราญฮันนีมูนอยู่ที่หัวหิน ที่ด้านข้างใกล้ๆพระราชวังไกลกังวล
ตอนหัวค่ำวันนั้น บังเอิญมีใครไม่ทราบมานั่งตีปี๊บอยู่ ข้าราชบริพารแอบกระซิบกันว่า
"เราไม่มีวาสนาได้ฟังปี๊บโชว์ที่อเมริกา ก็ฟังปี๊บที่นี่เอาก็แล้วกัน" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวล(หัวเราะ)น้อยๆ
แต่ก็ไม่ได้รับสั่งว่าอย่างไร
เรื่อง# 3 บาบูรักในหลวง ที่มา : หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย เดือนตุลาคม พ.ศ. 2499
ระหว่างช่วงเวลาที่ทรงพระผนวช ทุกเช้าจะมีบาบู 3 นาย ขี่สามล้อเครื่องค่อนข้างเก่ามาหยุดอยู่ที่ประตูวัดบวรฯ คนขับซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้น ลงมาแก้ห่อนมสด 2 ขวด พร้อมกับหนีบนมสดทั้ง 2 ขวด เข้าไปให้แก่เจ้าหน้าที่ สำนักพระราชวัง ณ พระตำหนัก เพื่อถวายแด่พระภิกษุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บาบูนายนี้ชื่อ นายรามดาส ชาวอินเดีย เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทยได้ 20 กว่าปีแล้ว มากับลูกชาย และนายซิตาราม ซิงห์ อายุ 56 ปี เป็นพี่น้องกัน ทั้งสามนับถือศาสนาฮินดู แขกกับไทยมิใช่อื่นไกลพี่น้องกัน ศาสนาไม่เกี่ยว ฉันอยู่เมืองไทยมายี่สิบกว่าปี สบายดีเหลือเกิน ฉันคิดถึงพระคุณในหลวง และฉันรักท่านมาก ฉันจึงไปขออนุญาตเจ้าหน้าที่เขาถวายนมสดวันละ 2 ขวดน่ะ
บาบูรามดาสได้เผยว่า นมสดที่เขานำมาทูลเกล้าฯ ถวายได้ทำอย่างชนิดพิเศษ คือรีดจากนมวัวแล้วใส่ขวดเลย โดยไม่ปะปนกับนมสดที่นำไปขาย....
เรื่อง# 4 ลุงวาเด็ง ที่มา : บทความ "ประทีปเหนือฟ้ามืดที่บ้านลุงวาเด็ง" โดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ หนังสือ "ประทีปแห่งแผ่นดิน"
วันนี้ ลุงวาเด็งพาแววตาที่เป็นประกายเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างกะทันหัน ด้วยชุดเต็มยศครึ่งท่อน คือ สวมกางเกงตัวเดียวแต่ไม่สวมเสื้อ ไม่มีที่ไหนในโลกนี้อีกแล้วที่สามัญชนคนชาวบ้านธรรมดาไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะเข้าใกล้ชิดพระองค์ ได้สนทนาปราศรัยบอกเล่าความทุกข์สุขกับพระเจ้าแผ่นดินของเขาได้อย่างเสมอภาคกันถ้วนหน้าเช่นนี้
ลุงวาเด็งดีใจ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาจนถึงหน้าบ้านของตน ลุงวาเด็งเหลียวซ้ายแลขวาหลายครั้งผิดปกติ ในที่สุดก็ได้กราบบังคมทูล อย่างฉะฉานว่า
"พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาเยี่ยมทั้งที ไม่มีอะไรจะถวายเลย ผลไม้ในสวนก็เพิ่งเก็บขายไป ได้เงินมาสองหมื่นบาท ก็นำไปซื้อเครื่องปั๊มน้ำมาได้ 1 เครื่อง ....
..ถอดเอาขึ้นรถ และขนไปเลย ขอถวายพระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าข้า"
เรื่อง# 5 เชื้อโรคตายหมด ที่มา : หนังสือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับโครงการหลวง" โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี
วันนั้นเสด็จฯ ไปหมู่บ้านดอยจอมหด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านลีซอกราบทูลชวนให้ "ไปแอ่วบ้านเฮา"
ก็เสด็จฯ ตามเขาเข้าไปบ้านซึ่งทำด้วยไม้ไผ่และมุงหญ้าแห้ง เขาเอาที่นอนมาปูสำหรับประทับ แล้วรินเหล้าทำเอง ใส่ถ้วยที่ไม่ค่อยจะได้ล้าง จนมีคราบดำๆจับ ผู้เขียนก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะตามปกติ ไม่เคยทรงใช้ถ้วย ที่มีคราบ
จึงกระซิบทูลว่า ควรจะทรงทำท่าเสวย แล้วส่งถ้วยมาพระราชทานให้ผู้เขียนจัดการ
แต่ก็ทรงดวดเอง กร้อบเดียวเกลี้ยง
ตอนหลังทรงรับสั่งว่า
"ไม่เป็นไร แอลกอฮอล์เข้มข้นเชื้อโรคตายหมด"
เรื่อง# 6 ไฟดับ ที่มา : บทความเรื่อง "มหาราชของไทย" โดยรองศาสตราจารย์ธงทอง จันทรางศุ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2528
ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งรวมแล้วตกปีหนึ่งๆ นับหมื่นๆ คน ซึ่งต้องใช้เวลารวมแล้ว เดือนเศษ เคยมีคนใจกล้าหลายคนพยายามเข้าไปกราบบังคมทูลขอพระราชทานงดเสด็จฯ เสียที เพราะจำนวนผู้สำเร็จการศึกษานับวันก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ไม่สำเร็จสักที ด้วยทรงมีพระมหากรุณาอย่างล้นเหลือว่า ตราบใดที่ยังเสด็จฯ ได้ ก็จะเสด็จฯ อยู่อย่างนั้น ซึ่งต้องนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
และเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของพิธีพระราชทานปริญญาของบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในวันนั้นเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศในตอนบ่าย เป็นผลให้บัณฑิตจำนวน 6 คน ที่เข้ารับพระราชทานปริญญาในช่วงนั้น หมดโอกาสที่จะได้ถ่ายภาพตอนเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ไว้เป็นที่ระลึก แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อเสร็จพระราชพิธีแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับอาจารย์ที่หมอบถวายปริญญาบัตรอยู่ข้างๆ ที่ประทับว่า
"ให้ไปตามบัณฑิต 5-6 คนนั้น ขึ้นมารับปริญญาใหม่อีกครั้ง"
เรื่อง# 7 ทุกข์ยามดึก ที่มา : บทความ "พระราชอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการสื่อสาร" โดย พลตำรวจตรีสุชาติ เผือกสกนธ์ ผู้อำนวยสำนักงานโครงการตามพระดาบส
การที่ได้ทรงพระกรุณารับฟัง และติดต่อทางวิทยุตำรวจเป็นประจำ จึงทรงทราบความลำบากความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย
ตำรวจประจำตู้ยามบางคน คับแค้นใจเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ปัญหาการครองชีพ เมื่อเสพสุราแล้วครองสติไม่ได้ ไม่รู้จะระบายความในใจกับใคร จึงได้แต่พล่ามบรรยายมาทางวิทยุ บางคนหลับยามไม่พอ ยังกดคีย์ไมโครโฟนค้าง ทำให้มีเสียงกรนออกอากาศมาด้วย บางคนตะโกนร้องเพลงลูกทุ่งออกอากาศมาเป็นการแก้เหงาก็มี
ที่ศูนย์ควบคุมข่ายตำรวจแห่งชาติ "ปทุมวัน" ในยามดึกวันหนึ่ง พนักงานวิทยุคนหนึ่งได้ระบายความเดือดร้อน เนื่องจากหิวโหยไม่สามารถหาอาหารรับประทานได้ เพราะต้องเข้าเวร เมื่อทรงรับฟัง แล้วทรงสงสาร
จึงได้รับสั่งทางวิทยุกับผู้เขียนในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานนั้นโดยตรงว่า
โปรดเกล้าฯ พระราชทานตู้เย็น เพื่อเก็บอาหารสำรองสำหรับเวรยามดึก ให้ 1 ตู้...
เรื่อง# 8 ไม่ต้องกั้น ที่มา : คอลัมน์ "ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท" บทสัมภาษณ์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เสด็จฯ ไปที่เซ็นทรัล วันที่มีประชุมรัฐสภาโลก วันนั้นผมจำได้ ผมติดอยู่บนท้องถนน ฝนตก
ผมก็มีวิทยุ เลยได้ยินรับสั่งกับตำรวจมาเลย
"งันนี้ไม่ต้องกั้นรถ" ทรงเข้าใจความทุกข์ของราษฎรอยู่ตลอดเวลา วันนี้เป็นวันฝนตก รถติดหนักมหาศาล ถ้าขืนต้องไปติดขบวนอีก สร้างความทุกข์ให้กับประชาชน
ทรงวิทยุบอกตำรวจว่า "ขบวนจะแล่นไปพร้อมกับรถของประชาชน ไม่ต้องกั้น เคลื่อนไปพร้อมกัน"
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2548 |
|
47 comments |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2548 13:40:07 น. |
Counter : 1263 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ซออู้ IP: 203.113.71.4 30 พฤศจิกายน 2548 15:13:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: กุมภีน 30 พฤศจิกายน 2548 15:25:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: U2 IP: 61.90.184.202 1 ธันวาคม 2548 12:21:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 1 ธันวาคม 2548 12:27:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 1 ธันวาคม 2548 12:28:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 1 ธันวาคม 2548 12:28:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ladybear (ladybear ) 1 ธันวาคม 2548 22:09:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: Due_n 1 ธันวาคม 2548 22:59:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: merf1970 2 ธันวาคม 2548 10:21:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: btea 2 ธันวาคม 2548 10:40:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 2 ธันวาคม 2548 12:38:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: U2 IP: 61.90.184.202 2 ธันวาคม 2548 13:21:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: mda IP: 203.159.36.10 2 ธันวาคม 2548 18:07:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฤทัยรัตน์ IP: 125.24.75.107 1 กรกฎาคม 2549 18:09:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: peng ป.6 IP: 124.157.169.127 4 กรกฎาคม 2549 16:32:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: ด.ญ.สุพัตรา จำปามา IP: 202.143.139.178 6 กรกฎาคม 2549 16:39:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: กนกวรรณ ชูพากเพียร IP: 58.8.85.61 10 กรกฎาคม 2549 21:59:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: กนกวรรณ ชูพากเพียร IP: 58.8.85.61 10 กรกฎาคม 2549 22:04:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปภัสรา IP: 125.25.60.68 16 กรกฎาคม 2549 14:15:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: นวพร IP: 125.25.60.68 16 กรกฎาคม 2549 14:18:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: การต์ IP: 203.151.141.194 20 กรกฎาคม 2549 1:54:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: สิตานันท์ IP: 203.188.45.30 20 กรกฎาคม 2549 9:05:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: สิตานันท์ IP: 203.188.45.30 20 กรกฎาคม 2549 9:06:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัฐชนพร IP: 202.5.82.5 23 กรกฎาคม 2549 17:56:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ด.ช.ศักรินทร์ รุ่งเรือง IP: 203.113.38.9 29 กรกฎาคม 2549 8:12:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakulya_sa@hotmail.com IP: 202.133.139.65 1 สิงหาคม 2549 16:54:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: sea IP: 124.120.82.188 3 สิงหาคม 2549 18:09:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอม IP: 202.57.136.162 18 สิงหาคม 2549 10:59:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: นีรี IP: 125.25.136.7 26 กันยายน 2549 17:47:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: เปิ้ล IP: 202.183.252.241 4 ตุลาคม 2549 17:33:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนรักในหลวง IP: 124.121.34.38 3 พฤศจิกายน 2549 23:32:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: เด็ก ป.6/3 จ.นครป IP: 203.113.40.74 7 ธันวาคม 2549 20:50:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: ธิดารัตน์ ฮึมจันทึก IP: 203.113.17.131 4 มกราคม 2550 14:53:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: อาจารย์ภาคใต้ IP: 222.123.40.73 6 กุมภาพันธ์ 2550 2:08:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: เซจิน IP: 222.123.53.109 2 ธันวาคม 2550 16:30:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: นศท. พิพัฒน์ พัวอุดมเจริญ IP: 125.27.193.39 19 กุมภาพันธ์ 2553 13:33:35 น. |
|
|
|
|
|
|
บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ
เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.
เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
รักในหลวงค่ะ