ในหลวงกับพืชที่เรียกว่าข้าว
ในหลวง..กับพืชที่เรียกว่าข้าว
ข้าวนี้มีคุณ
.ข้าวที่ออกเป็นสีลักษณะนี้เป็นข้าวที่มีประโยชน์ อย่างข้าวกล้อง คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินกัน เพราะเห็นว่าเป็นข้าวของคนจน ข้าวกล้องมีประโยชน์ทำให้ร่างกายแข็งแรง ข้าวขาวเมล็ดสวยแต่เขาเอาของดีออกไปหมดแล้ว
.
มีคนบอกว่า คนจนกินข้าวกล้อง เรากินข้าวกล้องทุกวัน เรานี้ก็คนจน
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่สื่อมวลชน วันที่ 18 พฤศจิกายน 2541
ขอบคุณที่อ่าน
Blogเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องยาวนะ
.ถ้าจะรีบไป...ช่วยแวะไปอ่านคอมเมนต์จาก ผู้อ่านใจดีคนที่5 ก่อนนะ
".. ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปีประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก.."
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริ ที่บ้านโคกกูแว จ.นราธิวาส วันที่ 28 กันยายน 2536
" ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ศึกษาการทดลองและทำนามาบ้าง และทราบดีว่าการทำนานั้นมี ความยากลำบากอยู่ มิใช่น้อย จำเป็นจะต้องอาศัยพันธุ์ข้าวที่ดี และต้องใช้วิชาการต่างๆด้วยจึงจะได้ผลเป็นล่ำเป็นสัน อีกประการหนึ่งที่นานั้น เมื่อสิ้นฤดูทำนาแล้วควรปลูกพืชอื่นๆบ้าง เพราะจะเพิ่มรายได้ให้อีกไม่ใช่น้อย ทั้งจะช่วยให้ดินร่วน ช่วยเพิ่มปุ๋ยกากพืช ทำให้ลักษณะเนื้อดินดีขึ้น เหมาะสำหรับจะทำนาในฤดูต่อไป"
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ผู้นำกลุ่มชาวนา เมื่อ พฤษภาคม 2504 จากหนังสือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนาข้าวไทย : หน้า 2
"...ในสมัยปัจจุบัน อาชีพเพาะปลูกนี้มีความสำคัญมาก เพราะการเพาะปลูกนี้เป็นจุดเริ่มต้น ของชีวิตมนุษย์ ถ้าเราไม่มีการเพาะปลูก ก็จะไม่มีวัตถุดิบที่จะมาเป็นอาหาร หรือเป็นเครื่องนุ่งห่ม หรือเป็นสิ่งก่อสร้าง ฉะนั้นต้องทำการกสิกรรม..."
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้นำสหกรณ์การเกษตรและสหกรณ์นิคม ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2521 จากหนังสือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนาข้าวไทย : หน้า 2
"ในอนาคต...ข้าวไร่มีบทบาทมากเพราะไม่ต้องใช้น้ำมาก และอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติ สำหรับพวกข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์ให้เป็นพืชเสริมสำหรับแปรรูป เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาวเขาและเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง"
กระแสพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเสด็จทอดพระเนตรแปลงทดลองข้าว ณ สถานีทดลองข้าวสันป่าตอง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 จากหนังสือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนาข้าวไทย : หน้า 13
จะอ่านต่อมั๊ย
.แน่ใจนะ
.มีเนื้อเรื่องยาวนะ
.ถ้าจะรีบไป....ช่วยแวะไปอ่านคอมเมนต์จาก ผู้อ่านใจดีคนที่5 ก่อนนะ
การสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาข้าว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..ทรงตระหนักถึงความสำคัญของข้าวว่า เป็นอาหารหลักของคนไทย และเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ จึงทรงให้ความสำคัญในการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาข้าวอย่างต่อเนื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมวิชาการเกษตรดำเนินการวิจัยและส่งเสริม การปลูกข้าวนาสวน ข้าวไร่ ตลอดจนการปรับปรุงระบบการผลิตข้าวในโครงการ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ 6 แห่ง คือ
- ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ
- ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ
- ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ
- ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ
- ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ
- ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถพึ่งตนเองได้ ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ดำเนินการทางด้านการเกษตรต่างๆ เพื่อเป็นตัวอย่างและเป็นแหล่งความรู้ ทรงทุ่มเทเพื่อการศึกษาวิจัย เพื่อการพัฒนา โดยเฉพาะการทดลองเกี่ยวกับการผลิตข้าวอย่างครบวงจร ภายในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ในปี พ.ศ. 2504 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมการข้าว(ปัจจุบันคือกรมวิชาการเกษตร) ดำเนินการจัดทำแปลงนาในบริเวณสวนจิตรลดา และนำพันธุ์ข้าวต่างๆมาปลูกทดลองเพื่อทำการศึกษา โดยในครั้งแรกทรงขับรถไถนาเตรียมแปลงหว่านข้าว และทรงเกี่ยวข้าวด้วยพระองค์เอง
ปัจจุบันแปลงนาข้าวทดลอง เป็นที่ปลูกข้าวพันธุ์ดี ซึ่งส่งเสริมให้ชาวนาปลูกในภาคต่างๆ เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เก็บเกี่ยวได้จากนาข้าวทดลอง จะนำไปใช้ในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และนำไปบรรจุซองเล็กๆ จัดเป็น "พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน" แจกจ่ายให้กับพสกนิกรและเกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อเป็นสิริมงคลในการประกอบอาชีพ
ระบบสหกรณ์
" ไม่จำเป็นต้องส่งเสริมผลผลิตให้ได้ปริมาณสูงสุดแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเป็นการสิ้นเปลืองค่าโสหุ้ย และทำลายคุณภาพดิน แต่ควรศึกษาสภาวะการตลาดการเกษตร ตลอดจนการควบคุมราคาผลิตผลไม่ให้ ประชาชนได้รับความเดือนร้อน"
จาก หนังสือ "ใต้ร่มพระบารมี" 20 ปี กปร. หน้า 66
" เวลานึกถึงทำไมมีข้าวมาก ราคาข้าวก็ตก ก็น่าจะเป็นการดีที่มีข้าวมาก พวกเราที่บริโภคข้าวก็จะได้ซื้อข้าวในราคาถูก แต่หารู้ไม่ว่าข้าวที่บริโภคทุกวันนี้ ราคาก็ยังแพงเป็นที่เดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไป ก็ต้องหาเหตุผล ทำไมแพง ข้าวที่บริโภคแพง และข้าวที่ชาวนาขายถูก...
เข้าไปหากลุ่มชาวนา ถามเขาว่าเป็นอย่างไร เขาบอกว่าแย่ ข้าวราคาถูก ก็ถามเขาว่า ยุ้งฉางมีหรือเปล่าที่จะเก็บข้าว เขาบอกว่ามี ก็เลยเห็นว่าควรที่จะเก็บข้าวเอาไว้ก่อน หลังจากที่ข้าวล้นตลาด แต่ว่าไม่ทันนึกดูว่า ทำไมเขาเก็บข้าวไม่ได้ แม้จะมียุ้งฉาง ก็เพราะเขาติดหนี้
เหตุที่ติดหนี้ก็คือ เสื้อผ้าเหล่านั้น หรือกะปิ น้ำปลา หรือแม้กระทั่งข้าวสาร ก็ต้องบริโภค ถ้าไม่ได้ไปซื้อที่ตลาด หรือร่วมกันซื้อ ก็คงเป็นพ่อค้า หรือผู้ที่ซื้อข้าวเป็นผู้นำมา อันนี้ก็เป็นจุดที่ทำให้ข้าวถูก ... ข้าวเปลือกถูก แล้วก็ทำให้ข้าวสารแพง คือว่าชาวนาทำนาไปตลอดปี ก็ต้องบริโภค เมื่อต้องบริโภคก็ต้องเอาสิ่งของ ต้องไปติดหนี้เขามาสำหรับหาสิ่งของบริโภค แล้วก็เอาเครื่องบริโภคก็ได้รับบริการอย่างดีที่สุดจากผู้ที่มาซื้อข้าว บอกว่าไม่ต้องเอาข้าวมาเดี๋ยวนี้ เวลาได้ผลแล้วก็จะเอา แต่ว่าเอาสิ่งของมาให้แล้วก็เชื่อ ของนั้นก็มีราคาแพง เพราะว่านำมาถึงที่ ข้าวที่เวลาได้แล้วจะขายก็ต้องขายในราคาถูก เพราะว่าเขามักรับถึงที่
อันนี้เป็นปัญหาสำคัญถ้าจะแก้ปัญหานี้ ก็จะต้องแก้จุดนี้ ต้องแก้ด้วยการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มผู้บริโภคเหมือนกัน แล้วก็ไปติดต่อกับกลุ่มผู้ผลิต โดยที่ไปตกลงกันและอาจจะต้องตั้ง หรือไปตกลงกับโรงสีให้แน่ จะได้ไม่ต้องผ่านหลายมือ ถ้าทุกคนที่บริโภคข้าวตั้งตัวเป็นกลุ่ม แล้วก็ไปซื้อข้าวเปลือก แล้วไปพยายามสีเองหรือให้ผู้แทนของตัวสี ก็ผ่านมือเพียงผู้ที่ผลิต ผู้ที่สี และผู้ที่บริโภค ก็ตัดปัญหาอันนี้ (คนกลาง) ลงไป "
พระราชดำรัส ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงดนตรี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันเสาร์ ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2514 จากหนังสือ : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนาข้าวไทย : หน้า 6-7
ไม่ว่าจะเสด็จประพาสยังท้องถิ่นชนบทที่ทุรกันดาร ณ แห่งหนใด พระองค์จะทรงแนะนำให้นำ หลักการสหกรณ์มาใช้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ
ซึ่งข้อดีของระบบนี้ คือ สอนให้ราษฎรรู้จักช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ลดการเอาเปรียบของพ่อค้าคนกลางและนายทุน ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มราคาผลิตผลของตนเอง
โครงการสหกรณ์ตามพระราชดำริ จึงเกิดขึ้นตามท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งกิจการโรงสีข้าว ธนาคารข้าว ธนาคารโคและกระบือ เป็นการดำเนินงานโดยใช้หลักของระบบสหกรณ์ทั้งสิ้น
ธนาคารข้าว
"ธนาคารข้าว... ให้มีคณะกรรมการควบคุม ที่คัดเลือกจากราษฎรในหมู่บ้าน เป็นผู้เก็บรักษา และพิจารณาจำนวนข้าวที่จะให้ยืมและรับข้าวคืน ตลอดจนจัดทำบัญชีทำการของธนาคารข้าว
ราษฎรที่ต้องการข้าวไปใช้บริโภคยามจำเป็น ให้คงบัญชียืมข้าวไปใช้จำนวนหนึ่ง เมื่อสามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้แล้วก็นำมาคืนธนาคาร พร้อมด้วยดอกเบี้ย (ข้าว) จำนวนเล็กน้อยตามแต่ตกลงกัน
ซึ่งข้าวซึ่งเป็นดอกเบี้ยดังกล่าวก็จะเก็บรวบรวมไว้ในธนาคาร และถือเป็นสมบัติของส่วนรวม...ราษฏรต้องร่วมมือกันสร้างยุ้งที่แข็งแรง ทั้งนี้หากปฏิบัติตามหลักการที่วางไว้ จำนวนข้าวที่หมุนเวียนในธนาคารจะไม่มีวันหมด แต่จะค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้น และจะมีข้าวสำหรับบริโภคตลอดไปจนถึงลูกหลาน
ในที่สุดธนาคารข้าวจะเป็นแหล่งที่รักษาผลประโยชน์ของราษฎรในหมู่บ้าน และเป็นแหล่งอาหารสำรองของหมู่บ้านด้วย"
ทรงพระราชทานแนวทางดำเนินงานธนาคารข้าวแก่ราษฎรชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2519 จากหนังสือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนาข้าวไทย : หน้า 8
ทรงสนับสนุนให้มีการจัดตั้งธนาคารข้าว เพื่อเป็นการเก็บรักษาข้าวไว้บริโภคเมื่อขาดแคลน โดยมีผู้เก็บพิจารณาจำนวนข้าวที่จะให้ยืมและรับข้าวคืน ราษฎรที่ต้องการยืมข้าวให้ลงบัญชีไว้ เมื่อเก็บเกี่ยวได้แล้วให้นำมาคืนธนาคารพร้อมด้วยดอกเบี้ย(ข้าว) นำมาเก็บในธนาคารเป็นสมบัติของส่วนรวม
ธนาคารข้าวยังเป็นการสร้างรากฐานของการพัฒนา สร้างความสามัคคี รู้จักการเรียนรู้ การแก้ไขปัญหา มีส่วนร่วม มีความเป็นผู้นำ มีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีแก่ชุมชนนั้นต่อไปในอนาคต
Create Date : 31 ตุลาคม 2548 |
|
51 comments |
Last Update : 31 ตุลาคม 2548 11:03:45 น. |
Counter : 3425 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: yyswim 31 ตุลาคม 2548 11:05:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 31 ตุลาคม 2548 11:06:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 31 ตุลาคม 2548 11:07:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 31 ตุลาคม 2548 11:08:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 31 ตุลาคม 2548 11:09:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: กุมภีน 31 ตุลาคม 2548 11:35:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: rebel 31 ตุลาคม 2548 13:21:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซีบวก 31 ตุลาคม 2548 14:33:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝฝ IP: 61.91.213.119 31 ตุลาคม 2548 15:23:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: Zantha 31 ตุลาคม 2548 15:32:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: noom_no1 31 ตุลาคม 2548 17:22:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสมรัศมี 31 ตุลาคม 2548 20:42:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: rebel 31 ตุลาคม 2548 22:02:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: Due_n 31 ตุลาคม 2548 22:16:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 31 ตุลาคม 2548 22:56:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: วัฌชา 1 พฤศจิกายน 2548 2:28:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซีบวก 1 พฤศจิกายน 2548 8:40:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: U2 IP: 61.90.184.202 1 พฤศจิกายน 2548 10:59:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 1 พฤศจิกายน 2548 15:19:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: noom_no1 1 พฤศจิกายน 2548 17:22:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ladybear (ladybear ) 2 พฤศจิกายน 2548 1:04:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: U2 IP: 61.90.184.202 2 พฤศจิกายน 2548 8:53:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 2 พฤศจิกายน 2548 9:35:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: U2 IP: 61.90.184.202 2 พฤศจิกายน 2548 13:12:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: mda IP: 203.159.0.10 2 พฤศจิกายน 2548 15:02:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 2 พฤศจิกายน 2548 15:52:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: Due_n 2 พฤศจิกายน 2548 17:22:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 2 พฤศจิกายน 2548 22:45:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: เลขาอ้อม IP: 58.9.122.33 30 ตุลาคม 2549 22:21:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: จันทร์เพ็ญ IP: 61.19.55.2 10 พฤศจิกายน 2549 16:29:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: 555+ IP: 58.9.50.35 17 มกราคม 2550 21:32:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: pong IP: 125.24.147.91 14 กุมภาพันธ์ 2550 9:16:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอกภน IP: 58.9.222.138 15 พฤศจิกายน 2550 20:54:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอ-โบว์ ห้าดาวทอง IP: 192.168.1.101, 110.164.231.16 23 พฤศจิกายน 2552 18:44:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ประทับใจ เศรษฐกิจพอเพียง IP: 125.27.195.109 8 กุมภาพันธ์ 2553 9:48:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: kung 277 IP: 124.122.234.9 15 ธันวาคม 2553 4:53:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: chinging 25 กรกฎาคม 2554 9:29:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: แพรว IP: 223.205.173.187 18 กันยายน 2554 19:23:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: มิ้น IP: 223.205.173.187 18 กันยายน 2554 19:28:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: kasama IP: 49.48.9.32 10 ธันวาคม 2554 19:47:48 น. |
|
|
|
|
|
|
บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ
เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.
เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
.ถ้าไม่ว่าง จะรีบไป . หรือเริ่มจะรำคาญ เจ้าของBlogแล้ว
....ก้อ ช่วยแวะไปอ่านคอมเมนต์จาก ผู้อ่านใจดีคนที่5 ก่อนนะ
ให้มีพอเพียงกับตัวเอง
ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหาร
ของตัว จะต้องทอผ้าใส่ให้ตัวเองสำหรับครอบครัว อย่างนั้นมันเกินไป
แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอจะต้องมีความพอเพียงพอสมควร
บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้แต่ขายในที่
ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก....."
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 4 ธันวาคม 2540
จาก หนังสือ "ใต้ร่มพระบารมี" 20 ปี กปร. หน้า 45
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์แก่ราษฎรทั่วทุกท้องถิ่น โดยมุ่งหมายให้ราษฎรมีความเป็นอยู่อย่าง "พอดีและพอเพียง" คือ ไม่รวยมากแต่ก็พอกิน ไม่อดอยาก ด้วยการ
บริหารจัดการที่ดินและแหล่งน้ำเพื่อพัฒนาชีวิตและอาชีพของเกษตรกรที่มีพื้นที่จำกัด และมีปัญหาเรื่องน้ำไม่เพียงพอสำหรับการปลูกพืช โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนร้อยละ 30:30:30:10
ส่วนแรก ร้อยละ 30 : เป็นบ่อเก็บน้ำฝน เพื่อใช้อุปโภคบริโภค ใช้รดน้ำพืชเมื่อแล้ง หรือใช้ปลูกพืชอายุสั้นราคาดี เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง และผักต่างๆ
ส่วนที่สอง ร้อยละ 30 : ใช้ปลูกข้าว เนื่องจากทรงมีประราชวินิจฉัยว่า "ข้าวเป็นอาหารหลัก" ของคนไทย เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นอันดับแรกของชีวิต จึงควรปลูกให้มีปริมาณที่เพียงพอสำหรับบริโภคตลอดปี
ส่วนที่สาม ร้อยละ 30 : ให้ปลูกพืชสวน ไม้ยืนต้น พืชผักและพืชไร่ แบบผสมผสานเพื่อใช้บริโภคและจำหน่าย
ส่วนที่สี่ ร้อยละ 10 : เป็นพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัย ถนน คันดิน ยุ้งข้าว เพาะเลี้ยงพันธุ์ปลา และโรงเลี้ยงสัตว์ต่างๆ
การเกษตร "ทฤษฎีใหม่" มีการทดลองที่โครงการพัฒนาวัดมงคลชัยพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี และได้มีการพิสูจน์แล้วว่าการบริหารที่ดินตามทฤษฎีแนวใหม่นี้ สามารถเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นได้ ช่วยให้เกษตรกรมีข้าวและอาหารเพียงพอสำหรับการบริโภค และมีรายได้พอเลี้ยงชีพตลอดปี