อย่างที่ทราบค่ะ โรงแรมเชียงใหม่มีเยอะเนอะ ชิค คูล สวย เก๋ เท่ อินดี้ เยอะมากกกก แถมราคาไม่แรง หรือจะเป็นพวก chain ต่าง ๆ ตั้งแต่ 5 ดาวลงมายัน hostel ก็มีหลายที่ให้เลือก

แต่วันนี้อยากพูดถึง Pause and Play Hotel ค่ะ

เราพักที่นี่ 2 ครั้งแล้ว ไปครั้งแรก ไม่ได้คิดจะเที่ยว จะไปเลี้ยงช้าง เลยไม่อยากได้ในเมือง เดินนิมมานฯยามค่ำอะไรงี้ไม่มีในหัว เพราะอย่างที่บอกค่ะ ไม่ชอบเมืองใหญ่ ไม่ชอบคนเยอะ และไม่เคยไปเชียงใหม่ 

เราก็เลยหาที่พักนอกเมืองออกมาหน่อย คืออยากสงบ มาเจอที่ Pause and Play นี่แหละ เห็นว่าเพิ่งเปิดเมื่อปลายปีที่แล้ว (นับจากตอนที่ไปเลี้ยงช้างนั่นก็ยังไม่ถึงปีน่ะ ยังถือว่าใหม่อยู่) บวกกับเรามี point อโกด้าด้วย เราก็เลย เออ... พัก ๆ ไปเหอะ แค่คืนเดียว ถามว่ามันสวยเริ่ดหรู ดีงามมากเหรอ มันก็ไม่ใช่ค่ะ แต่มันทำให้เราติดใจและมีครั้งที่ 2

โรงแรมไม่ใหญ่นัก อยู่ห่างจากสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 10 กิโล ครั้งแรกเราเรียกรถบริการจากสนามบิน พี่คนขับขอเวลากูเกิ้ลเสิร์ชมันอยู่ส่วนไหนของเชียงใหม่กัน เราก็เอาเลยค่ะเพราะเราก็ไม่ทราบเหมือนกัน 

ครั้งที่สองหนักกว่า ขับรถเองค่ะ รับรถเช่าจากสนามบินในยามค่ำคืน ขับตาม GPS ที่สัญญาณหายตลอดคืนนั้น บวกกับสกิลการหลงทางที่ถือเป็นความสามารถพิเศษอย่างเดียวที่ไม่มีใครเทียบได้ กว่าจะถึงโรงแรมก็เกือบสองชั่วโมงเพราะมัวแต่ขับหลงทางวนไปมา คือโง่เอง... 

มาถึงโรงแรม เช็คอินค่ะ พนักงานน่ารักนะคะที่นี่ สุภาพและแนะนำดีค่ะ ประตูที่ติดกับเช็คอินนั่นเป็นทางออกไปสระว่ายน้ำ เรายังไม่เคยออกไปดูเหมือนกัน มีแขกว่ายน้ำอยู่ตลอด เราเลยไม่อยากไปกวนค่ะ

ล็อบบี้กว้างและสะอาด มีที่นั่งรอสบาย มีโต๊ะพูลด้วย แต่ไม่เห็นมีใครเล่นแฮะ 

เราพักที่นี่ 2 ครั้ง ได้ห้องเดิม 2 ครั้งเลยค่ะ เอาของไปเก็บกันก่อนดีกว่าเนอะ แล้วค่อยลงมาใหม่  ห้องอยู่ชั้น 4 ค่ะ

เราชอบความโปร่งของที่นี่ค่ะ มันดูไม่อึดอัด

ห้องกว้างและใหม่ modern style ค่ะ ผนังห้องเป็นกระจก พอเปิดม่านเห็นสีเขียว ๆ เลยดูโล่งและสบายตาดีค่ะ

Facility ต่าง ๆ ครบ ตู้เย็นเล็กเก๋ ๆ น้ำร้อน และถ้วยกาแฟ

แอร์เย็นสบาย TV ชัดแจ๋ว ที่นอนนุ่ม และมีโซฟาเล็กให้นั่งเล่นได้

แต่ที่นี่ไม่มีตู้เสื้อผ้านะคะ ซึ่งเราชอบ เราไม่ชอบตู้เสื้อผ้า พักที่ไหนเราไม่เคยเปิดตุ้เลย  

ห้องน้ำสะอาดและโล่ง ผ้าเช็ดตัวกับ bathroom amenity มีให้ครบที่จำเป็นค่ะ

มีปลั๊กไฟให้ชาร์จนู่นนี่เยอะดีค่ะ มี USB port ให้ด้วย

ใต้สวิตช์ไฟใกล้ประตูก็มีปุ่มต่าง ๆ กดได้ตามนั้นเลยค่ะ เราก็กด Do not disturb ไปซะ แหะๆๆ

เก็บของเสร็จเป็นภาระหาของกินมาก ครั้งแรกหาที่ทานอาหารเย็น ถามน้อง reservation ว่าเซเว่นไปทางไหนคะ (คือมันไม่มีร้านอาหารน่ะ เลย 7-11 ก็ยังดี) น้องตอบ “ขี่จักรยานไปเลยครับ กิโลกว่า”

ฮะ?? ตกใจเล็กน้อย เพราะเคยชินกับ 7-11 สี่สาขาติด ๆ กันในซอยบ้าน แต่จริง ๆ ฝั่งตรงกันข้ามเค้ามีร้านอาหารกับร้านกาแฟนะคะ ร้านกาแฟปิดเร็วหน่อย แต่ร้านอาหารเปิดจนดึก ข้ามไปทานได้ค่ะ แต่ส่วนมากคนที่พักที่นี่เหมือนเค้าจะขับรถไปทานในเมืองกันมากกว่า และตรงแยกห่างจากโรงแรมไม่ไกลมาก (ถ้าขับรถ) ก็มีร้านอาหารเยอะเลยค่ะ

ที่นี่มีตู้ขายสแน็คส์กับน้ำอัดลมตรงล็อบบี้นะคะ 

และข้อดีของที่นี่ คือ ตรงล็อบบี้จะมีตู้แช่น้ำดื่มให้หยิบได้ฟรี ซึ่งในตู้แช่มีน้ำเปล่า น้ำหวาน (เราเห็นมีกระเจี๊ยบกับเก๊กฮวยนะ) แล้วก็เยลลี่ให้เลือกทานได้ด้วยค่ะ

ส่วนตรงชั้นก็จะมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ได้ ในตึกและห้องพักมี WiFi ให้ฟรีนะคะ ความเร็วก็ใช้ได้เลย ไม่อืดค่ะ ข้าง ๆ กันมีโหลขนมขบเคี้ยวให้หยิบได้ฟรีด้วย มีเครื่องทำกาแฟ ก็เชิญกดได้ตามสบายอีกค่ะ

มาถึงตรงนี้ขอเล่าความน่าเกลียดของตัวเอง

ครั้งที่สองที่เข้าพัก เครื่องบินดีเลย์ไม่พอยังหลงทางอีก เลยถึงโรงแรม 4 ทุ่มกว่า เก็บของเสร็จก็กระมิดกระเมี้ยนไปขออนุญาตกด hot chocolate 3 แก้วติด ซื้อเลย์ในตู้ขายขนม 2 ห่อแล้วนะแต่กลัวไม่พอ หยิบขนมฟรีกับเยลลี่ไปอีก... ก็หิวอ่ะ

น้องที่ front มองดูแล้วคงสงสาร (หรือไม่ก็อนาถใจ) บอกแถวนี้มีร้านอาหารนะครับ เลยตอบน้องแบบขอความเห็นใจสุด ๆ คือพี่ขับมาจากสนามบินนี่สองชั่วโมง ขืนจะให้ขับไปหาอาหารทานพี่เกรงว่าเที่ยงคืนก็จะยังกลับมาไม่ถึงโรงแรมน่ะฮ่ะ 

น้องขำ เอาเลยพี่ ตามสบาย เอาไปอีกก็ได้นะ... อ๊ายอาย 

และสิ่งที่ทำให้เรากลับมาที่นี่อีกครั้งอีกอย่างนึง คือ อาหารเช้า ซึ่งห้องอาหารอยู่ด้านล่างติดกับล็อบบี้ค่ะ 

ไม่ต้องเริ่ดหรู แต่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ และเป็นอาหารเช้าที่รู้สึกฟินในความง่าย(มาก) แต่หลากหลายและอร่อยนะจ๊ะจะบอกให้ น้องพนักงานจะดูแลและบริการเราดีมากค่ะ เราก็ทานเพลินเลยทีเดียว 

ถามว่าคุ้มมั้ยกับราคาที่จ่ายไป เราว่าโอเคนะคะ แต่ถ้าจะบอกว่าต้องพักนะ ห้ามพลาดนะ อะไรแบบนี้ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย พร้อมจะออกไปเที่ยวได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเวลารถติด เราก็แนะนำค่ะ