All Blog
|
My First Half Marathon - Moon Run Suan Phueng ฉันยังจำได้ถึงแสงไฟในค่ำคืนวาน.. จากทางเดินคดเคี้ยว 21 กิโลเมตรภายใต้แสงดาว และเวทีลานแสดงหลังการวิ่ง ในช่วงเวลาที่มีความประทับใจเหล่านั้น ฉันไม่ลืมว่าฉันมีความสุขที่ได้วิ่งยิ่งนัก.. ![]() ตั้งแต่เห็นชื่อรายการ "Moon Run 2018" ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เป็นงานวิ่งที่แปลกเพราะจัดตอนกลางคืน นักวิ่งฮาล์ฟมาราธอนจะปล่อยตัวเวลา 19.00 น. และคัตออฟเวลา 23.00 น. ฉันเองก็ไม่เคยฝึกซ้อมได้ไกลเท่านี้มาก่อนก็เลยออกจะกังวล และลังเลไม่สมัครจนถึงเวลาช่วงสุดท้าย ทั้งที่มีเวลาฝึกซ้อมแค่ไม่กี่สัปดาห์ แต่ฉันก็เตรียมใจให้พร้อม เพราะมีกำลังใจหลังจากพิชิตระยะทาง 16 กม. มาได้แล้วจากงานวิ่งเขาชะโงกซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ในคราวนี้ฉันได้ออกกำลังยืดเหยียดก่อนลงแข่งมากกว่าทุกครั้ง รวมถึงครีมทาแก้ปวด พิมเสน ลิปมัน และเตรียมหูฟังทั้งที่ปกติไม่เคยใช้ พกใส่กระเป๋าคาดเอวไปด้วย !! ฉันคิดว่า ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็เตรียมพร้อมแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสิน่า!! ![]() พอถึงเวลาปล่อยตัว 19.00 น. ระยะทางช่วงแรกเป็นทางขึ้นเขา (อีกแล้ว) ฉันพยายามคุมจังหวะไม่ให้ช้าหรือเร็วเกินไป ทั้ง GPS ในแอป Runtatics และสมาร์ทวอตช์ที่ข้อมือ ต่างสั่นเตือนและมีเสียงเตือนว่าฉันไปได้ไกลเท่าไรและเพซเท่าไหร่ ช่วงแรกจึงผ่านไปเร็วแบบไม่ยากเย็นนัก พอช่วงกิโลเมตรที่ 4-5 ฉันเริ่มจดจ่อกับการวิ่งโดยไม่สนใจเสียงเตือนมากขึ้น และดูเงาที่เคลื่อนไหวบนเส้นทางวิ่งไปพลาง ตะเกียงน้ำมันก๊าดริมทางให้แสงไม่มากนัก นักวิ่งจึงต้องใช้ไฟฉายคาดศีรษะในการวิ่งคราวนี้ ฉันจึงต้องมีสมาธิมากขึ้นกับเส้นทางตรงหน้า ช่วงระยะที่ 6-7 กม. ฉันและนักเหล่านักวิ่งผ่านหมู่บ้านคนที่จุดไฟรอต้อนรับ เสียงเชียร์และแสงไฟทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่คาดไว้ ฉันได้แปะมือกับเหล่าเด็กๆที่มารอต้อนรับและชาวบ้านที่เปล่งเสียงให้กำลังใจ.. จากช่วงระยะนี้ไป หมู่บ้านและแสงไฟก็มีเป็นระยะห่างๆกัน ก่อนวิ่งเข้าสู่เส้นทางขนาบไร่อ้อยที่แสนคดเคี้ยว..แม้จะมืดจนมองแทบไม่เห็น แต่ฉันและนักวิ่งอื่นๆ ที่เริ่มแตกกลุ่มกันช่วงนี้ ก็รู้ว่าข้างๆเป็นไร่อ้อยที่ค่อนข้างห่างไกล ฉันยังจดจ่อกับการวิ่งตรงหน้า และเสียงเพลงแทร็กที่ฟังในยูทูปไปด้วย ก็ให้อารมณ์เพลิดเพลินดีจริงๆ ที่ระยะ 10 กม. แรก ฉันใช้เวลาใกล้เคียงกับที่ฝึกซ้อม คือ 1 ชม. 9 นาที 44 วินาที เป็นการวิ่งที่ให้ความสนุกและสดชื่น อาจจะเรียกได้ว่ารู้สึกดีมากด้วยซ้ำ ฉันมองเห็นแสงไฟจากนักวิ่งคนอื่นๆ ที่กำลังเคลื่อนผ่านทางลงเขาที่มืดมิด ถึงรายการจะชื่อ Moon Run แต่ในปีนี้จัดงานในคืนเดือนมืด แสงดาวจึงเด่นกว่าพระจันทร์ ฉันรู้สึกเหนื่อยน้อยลงก อาจเป็นเพราะกำลังใจจากเสียงเชียร์เหล่านั้น และเพลงที่กำลังฟังก็ช่วยให้การวิ่งนั้นเพลิดเพลินสนุกสนาน.. ฉันนึกถึงเส้นทางแสงหิ่งห้อยที่เคยอ่านในช่วงที่เสด็จ ไปประพาสที่จ.นราธิวาส ที่ชาวบ้านต่างยืนถือโคมตลอดเส้นทางที่มืดมิด..คืนนี้ก็เช่นกัน ในช่วงที่เจอหมู่บ้าน ฉันจะพบเสียงเชียร์และกำลังใจจากชาวบ้าน เมื่อคิดอย่างนี้ ฉันก็แอบน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงเรื่องที่เคยอ่านมานั้น.. ขณะที่ยังก้าวเท้าต่อไป จังหวะดนตรีในยูทูปก็บรรเลง ฉันสามารถปรับจังหวะการวิ่งให้เข้ากับเพลงแต่ละเพลง ทำให้รู้สึกสนุกขึ้น เพลงะมีความสำคัญในการวิ่งระยะไกล - จึงเป็นอีกสิ่งนึงที่ฉันได้จากการวิ่งในครั้งนี้..ฉันวิ่งไปเรื่อยๆ จนถึงระยะที่เคยฝึกซ้อมสูงสุด คือ 12-13 กม. ช่วงนี้แอบรู้สึกเหนื่อยเพราะใกล้ถึงขีดจำกัดที่เคยวิ่งมา แต่ฉันก็ยังไม่สนใจการสั่นเตือนที่ข้อมือ เพราะยังรู้สึกว่าสามารถก้าวต่อไปได้เรื่อยๆ และเรื่อยๆ พอถึงจุดให้น้ำ ช่วงนี้จะมีสับประรดและแตงโมหวานฉ่ำรออยู่ ฉันจะหยิบแตงโมขึ้นมา 1 ชิ้น และจิบน้ำ/เกลือแร่ (ถ้ามี) ก่อนวิ่งต่อ และมันช่วยคืนความสดชื่นให้มากกว่าที่คิดไว้นัก และพร้อมกับเส้นทางที่เหลืออยู่อีกครึ่งนึง.. ที่ระยะ 14 กม. ฉันและนักวิ่งที่เริ่มแตกกลุ่มกันแล้ว ออกจากโซนหมู่บ้าน และเข้าสู่ถนนเส้นหลัก เนื่องจากถนนเหล่านี้ยังสร้างไม่เสร็จ จึงมีดินลูกรังที่ขรุขระรองรับใต้รองเท้า จึงอาจจะวิ่งยากกว่าทุกช่วง และเป็นเพราะฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมา ฉันผ่อนลมหายใจและวิ่งช้าลง ประคองตัวเองไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกปวดที่เอว ฉันจึงหยิบครีมหลอดเล็กออกมาทา ช่วงนี้มีนักวิ่งแซงขึ้นไปหลายคน ฉันไม่สนใจ เพราะคิดว่า "คราวนี้ต้องไม่บาดเจ็บ" และจะต้องประคองร่างกายที่พร้อมที่สุดผ่านเส้นทางที่เหลือต่อไปให้ได้.. ช่วงระยะ 16 กม. ผ่านบ้านหอมเทียนและป่าสักรีสอร์ท ฉันเริ่มมองเห็นนักวิ่งที่เคยเกาะกลุ่มกันช่วงแรกอีกครั้ง จนถึงตรงแยกหน้าภูผาผึ้งรีสอร์ท ฉันสามารถวิ่งแซงคนอื่นได้อีกครั้ง จนมีคนนึงทักว่า "แรงดีจังครับ" ซึ่งฉันก็ตอบ "ขอบคุณค่ะ" กลับไป พลางรู้สึกขอบคุณกับการควบคุมตัวเองในระยะที่ผ่านมา ในช่วงสุดท้าย ที่ระยะ 18-19 กม. เป็นเส้นทางหฤโหดจากแยกภูผาผึ้งรีสอร์ทไปจนถึง The Scenery Vintage Farm เป็นทางขึ้นลงวัดใจ ฉันไม่เห็นนักวิ่งเกาะกลุ่มกันอีกต่อไป ช่วงกลางเส้นทาง เป็นช่วงที่ไม่มีแสงไฟเลยนอกจากไฟฉายที่คาดศีรษะ ฉันลองปิดไฟและวิ่งท่ามกลางแสงดาว..มันเป็นอะไรที่สุดยอดเลยจริงๆ ฉันกางมือออกและตะโกนออกไปว่า "สวยจังเลยยยย" อาจจะมีคนข้างหน้าได้ยินฉันสักคนนึง แต่มันก็อดใจไม่ไหวจริงๆ นะ 555+ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังได้โอบกอดภูเขา เหมือนกันโฆษณาท่องเที่ยวไทยยุคก่อน ที่บอกว่า "ไปกอดภูเขากันเถอะ" อะไรทำนองนี้..และนั่นคือจุดพีคสุดแล้ว ในค่ำคืนแสนไกลของฉันวันนี้.. ที่ระยะ 20-21 กม. เป็นทางลงคดเคี้ยว ฉันซอยเท้ายิบเพราะเป็นการวิ่งลงเขาแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ฉันมองดูป้ายระยะที่สูงขึ้นเรื่อยๆด้วยใจที่อิ่มเอิบ จริงๆตั้งแต่ กม.ที่ 17 ฉันก็ได้ชนะตัวเองที่ผ่านมาแล้ว และ Half Marathon ที่เคยฝันไว้เมื่อ 2-3 ปีก่อน ก็ใกล้เป็นจริงแล้วในคืนนี้.. ในที่สุดฉันก็วิ่งถึงเส้นชัย บนบอร์ดปรากฏเวละที่ฉันวิ่งได้ 02:32:44 ตอนที่ก้าวข้ามตัวจับเวลา เป็นอะไรที่สุดยอดเลยจริงๆ เพราะตั้งแต่ที่วิ่งมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ฉันวิ่งเข้าเส้นชัยโดยไม่หอบเหนื่อยและทุรนทุราย แต่คราวนี้ ฉันเข้าเส้นชัยด้วยสติ และเก็กสวยใส่กล่องได้ด้วย (ถึงหัวจะยุ่งมากก็ตามตอนนั้น) ฉันเห็นผู้ชายผมสีขาวใส่เสื้อกีฬาสีฟ้า ท่าทางเป็นคนใหญ่คนโต ให้เกียรติมาต้อนรับนักวิ่งที่เส้นชัย และกล่าว "ยินดีด้วยครับ" กับฉัน "ดีจัง" ฉันรู้สึกกับตัวเอง ก่อนเดินไปรับเหรียญสายคาดสีขาว -- สีที่ฉันรู้สึกว่าไม่โดดเด่นในตอนแรก แต่ในตอนนี้ฉันคิดว่ามันสวยที่สุดเลย และเหมาะกับ Finisher 21 Km. มากที่สุดเลยย.. ![]() แล้วฉันก็ได้พบกับคนที่รออยู่ เราไปรับข้าวต้มร้อนๆ และเดินเข้างานเวลคัมดินเนอร์ที่จัดขึ้นในรีสอร์ท ฉันเริ่มรู้สึกปวดที่ขา และเดินขาสั่นเข้างาน (จนได้) และได้ไปนั่งฟังดนตรีสด และกินข้าวโพดย่างเนยแสนอร่อย จนกระทั่งมืดลงและรู้สึกหนาว จึงอำลางานกลับสู่ที่พัก.. ![]() สำหรับ Moon Run ที่วิ่งในความมืดแล้ว ฉันคิดว่า "คู่แข่งที่แท้จริงคือตัวเราเอง" และเป็นตัวเราเองอีกเช่นกัน ที่จะมอบเงื่อนไขการวิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้ ทั้งแพลนการฝึกซ้อม การอุ่นเครื่อง และการเตรียมตัว และสิ่งที่สำคัญก็คือ "การชนะโดยไม่บาดเจ็บ" ชนะด้วยความสุขและอยากกลับไปวิ่งอีกครั้ง เพราะความสุขจากการวิ่งนี้ จะทำให้การวิ่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต นับจากนี้ และตลอดไป บันทึก ณ วันที่ 12 ก.พ.2561 หมายเลข 236 Moon Run 2018 ปล.ขอบคุณเคล็ดลับจากหนังสือ "วิ่งถูกวิธี เบิร์นดี มีแต่เฟิร์ม" ของ เจมส์ ชูอิจิ นากาโนะ ด้วยที่ทำให้ฉันเข้าใจถึงข้อคิดนี้ได้ด้วยประสบการณ์ในครั้งนี้ ปล.2 ขออภัยที่ไม่มีภาพระหว่างการวิ่งนะคะ เพราะไม่สะดวกถ่ายรูปตอนนั้น แต่ถ้าได้ภาพดีๆเมื่อไหร่จะนำมาแทรกให้นะคะ ![]() ![]() โดย: สมาชิกหมายเลข 4507140
![]() |
mossymoon
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Hello Everyone!! Thank you for visit me here :) I've had enjoy in my life as I am.. aren't you? I would like you to have a great day in you life in everyday..!! Luv <3 <3 <3
Friends Blog
Link |