All Blog
|
เมื่อฉันได้ไปวิ่ง..เขาชะโงกซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน ขอเล่าประสบการณ์ย้อนหลังนะคะ.. ![]() วันที่ 5 พฤศจิกายน 2560 เป็นวันที่ฉันได้วิ่งระยะทางไกลที่สุดตั้งแต่วิ่งมา คือระยะ 16 กิโลเมตร และเป็นงานวิ่งที่ถือได้ว่าสนุกที่สุด ในเรื่องของบรรยากาศการวิ่งและอากาศก็เป็นใจอย่างที่สุดเลยด้วย คืองานเดิน-วิ่ง เขาชะโงกซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 23 ในเขตของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จ.นครนายก เป็นการวิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าได้สุขภาพดีมาก ฉันได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ของเขาใหญ่ในหุบเขาแห่งนี้ ฉันออกวิ่งตั้งแต่ตีห้า สิบห้านาทีถึงแม้ว่าฉันจะออกตัวสายไปสองนาที เพราะติดปัญหารถติด(เนื่องจากปีนี้มีผู้สมัครมากกว่าทุกปีทำให้ฉันเข้าถึงจุดสตาร์ทได้สายกว่าที่คิดไว้) แต่อย่างไรก็ตามฉันก็วิ่งมาสบทบคนอื่นๆทัน ผ่านแปลงสาธิตเกษตร ไม่ทันไรก็เป็นทางวิ่งขึ้นเขา ก่อนขึ้นเขานั้นเอง หัวแถวบางคนของนักวิ่งระยะ10 กิโลเมตร ได้วิ่งแซงหน้าเราขึ้นมาตอนแรกฉันแปลกใจว่านักวิ่งฝีเท้าจัดเหล่านี้หลงไปอยู่ไหนมา แต่พอได้ยินว่าเป็นระยะ 10 กม.ก็เลยถึงบางอ้อ.. บนยอดเขาลูกแรก เป็นช่วงที่นักวิ่งหลายคนเปลี่ยนเป็นเดินแทนที่จะเป็นวิ่งส่วนฉันพยายามรักษาระยะด้วยการวิ่งเหยาะแทน ไม่ได้เดินไปเสียทีเดียวแต่ถึงอย่างนั้นก็ไปได้ช้ามาก เพราะทางขึ้นเขาชันมาก ฟ้ายังคงมืดสนิทอยู่แต่แปลกใจที่เรามองเห็นเส้นทางการวิ่งค่อนข้างชัดเจน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะมีไฟส่องทางของรถอยู่ถึงจะเป็นเสาไฟอยู่ห่างๆกันก็ตาม สักพัก เหล่านักวิ่งก็มาถึงบนยอดเขาลูกแรกจากที่ตรงนั้นฉันมองเห็นสถานที่จัดงานเป็นไฟส่องอยู่ไกลๆแสดงว่าเรามาได้ไกลแล้วเหมือนกัน อากาศโดยรอบยังคงเย็นตอนนั้นฉันได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ พูดถึงนักวิ่งคนอื่นๆในที่นี้ฉันถึงเข้าใจถึงสังคมของนักวิ่งว่ามีคนที่หลากหลายมากคนข้างๆฉันคุยกันว่าเสื้อสีเขียวคาดฟ้าของคนข้างหน้าเป็นของรายการวิ่งวันแม่อะไรแบบนี้.. ใกล้ทางวิ่งลงเขา เราถึงจุดรับน้ำจุดแรกนักวิ่งต่างกรูเข้าไปรับน้ำแล้วทิ้งแก้วพลาสติกเกลื่อนกลาด ฉันคิดในใจว่าคงต้องเป็นเหล่านักเรียนเตรียมทหารรึเปล่านะ ที่ต้องคอยมาเก็บแก้วให้เราแบบนี้ จนกระทั่งเป็นทางวิ่งลงเขา ในตอนนั้น ฟ้ายังคงเป็นสีดำฉันวิ่งเต็มสปีดแต่จริงๆแล้วเบรคแตกเพราะไม่สามารถห้ามขาตัวเองได้เป็นช่วงที่ฉันสามารถแซงคนที่ออกตัวตรงจุดสตาร์ทก่อนได้หลายคนทีเดียว..พอถึงทางลงเขาไปสักระยะ ก็เป็นช่วงที่แยกตัวกับระยะ 10 กิโลเมตร ตรงจุดแยกฉันแอบภูมิใจว่าได้ก้าวข้ามตัวเองได้แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นฉันวิ่ง 10กิโลมาจนครบปีแล้ว ทางวิ่งลงเขามาเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านบึงน้ำใหญ่ขณะที่ฟ้ายังไม่สางด้วยความที่เป็นทางภูเขา สายลมพัดมาเอื่อยๆ กับฉากท้องฟ้าสีน้ำเงินตัดกับภูเขาสีดำ สะท้อนกับน้ำในทะเลสาบ ฉากนั้นประทับใจฉากนั้นราวกับต้องมนต์มันทำให้ฉันนึกถึงโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทย์มนต์ศาสตร์ฮอกวอตส์ขึ้นมา และสระน้ำนั้นก็เป็นบึงใหญ่ใกล้ป่าต้องห้าม(มโนไปนั่น) แต่มันก็รู้สึกเหมือนอยู่จริงๆ ฟ้ายังไม่ทันสาง ฉันเริ่มเข้าสู่กิโลเมตรที่ 7 หรือ 8ฉันแวะพักจุดรับน้ำก่อนขึ้นเขาลูกที่ 2 พอวิ่งไปได้สักพักก็สำรอกน้ำออกมา(รู้สึกจะเหนื่อยจริงแต่เราไม่รู้ตัว) แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังวิ่งต่อไปเรื่อยๆฉันวิ่งผ่านทางวิ่งที่เป็นเหมือนกับป่าต้นสัก ตอนนั้นมีลมพายุพัดหอบใหญ่ๆจนใบไม้ปลิวไปทั่ว แต่อากาศที่มาปะทะตัวนั้นบริสุทธิ์มากฉันสัมผัสได้ถึงเสียงในป่า และชีวิตของต้นไม้ใบหญ้าผู้คนรอบข้างก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งกันอย่างไม่ลดละ ในใจฉันก็รู้สึกว่าเหมือนเรากำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างอยู่ในหนังคลายกับหมู่คนอพยพวันสิ้นโลก (55) จินตนาการไปเรื่อย มันก็สนุกดี.. พอไปใกล้ยอดเนินที่ตรงนั้นเปลี่ยนเป็นทางเดินลูกรัง และท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้น ในตอนนั้นบนยอดเนินลมพัดแรงตลอดเวลา ฝุ่นก็ฟุ้งตรลบขึ้นมาตลอดเวลาด้วยนักวิ่งบางคนแวะถ่ายรูป บ้างก็เซลฟี่กันยกใหญ่ ที่ตรงนั้นขอบฟ้าด้านบนยังมีเมฆหนาแต่ตรงทะเลสาบก็มีเงาสะท้อนจากฟ้าเป็นสีอ่อนเรืองรอง ลมพัดดอกหญ้าสีขาวยาวไหวเอนฉันมองหยุดมองและแวะถ่ายรูปเล็กน้อยก่อนวิ่งขึ้นเขาต่อไป.. จากที่ตรงนั้นเป็นระยะทางไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตร กว่าจะถึงตรงจุดกลับตัวที่ระยะ 9 กิโลเมตรด้วยความที่ฉันวิ่งคนเดียวก็เลยรู้สึกเหงานิดหน่อยเวลาที่มีคนทักเพื่อนหรือคนรู้จักที่สวนทางมาส่วนใหญ่เป็นการให้กำลังใจกัน ถัดไปข้างๆตอนนั้นจำได้ว่ามีลุงคนนึงชวนนักวิ่งข้างๆคุยอยู่ตลอดเวลา กับพี่ผู้หญิงอีกคนที่แต่งฟอร์มนักวิ่งเต็มยศจนฉันชอบมองอยู่บ่อยๆด้วยความทึ่งพี่คนนั้นใส่เสื้อสีเทา สวมหมวกสีชมพู ใส่ถุงเท้าสูงถึงเข่าสีดำ รองเท้าสีชมพู ผมมัดยาวถึงกลางหลังและดูเหมือนจะใส่หูฟังไปด้วย 55 ฉากนั้นติดตรึงจนคิดว่าเธอเป็นพี่สาวไปสักระยะแล้วก็เป็น Landmark ไปด้วย แต่พอวิ่งไปสักพักเมื่อจดจ่อกับการวิ่งตรงหน้า ผู้ที่อยู่รอบๆก็หายไปเ พราะเราต่างวิ่งด้วยระยะก้าว(pace) ของตัวเอง ฉันก็ยังคงรักษาระดับการวิ่งต่อไปเพราะนี่เพิ่งจะมาแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ตอนนั้นฉันมองดูเวลาพบว่าเป็นช่วง หกโมงครึ่งพอดี (ฉันวิ่งมาได้ 1 ชม. 15 นาทีแล้วสินะ) ตรงจุดกลับตัวฉันเจอผู้หญิงใส่หูกระต่ายเซลฟี่กับป้ายที่ตรงนั้นเธอเจอคนรู้จักอีกคนหนึ่งซึ่งช่วยถ่ายรูปให้ด้วยฉันวิ่งตามหูกระต่ายไปเรื่อยๆ จนมาถึงทางลงเขา แล้วก็เจอคุณลุงหนวดยาวอีกครั้งได้ยินลุงพูดแว่วๆว่าทางลงเขานี่ไม่ได้วิ่งเร็วนะ แต่เป็นเบรคแตกต่างหาก.. หลังทางลงเขา น่าจะเป็นระยะ 11 กิโลเมตร เริ่มมีคนสวนทางบางตาบ้างก็ให้กำลังใจกัน (เพราะตอนที่ฉันขึ้นเขาก็มีคนกลุ่มใหญ่สวนทางลงมาไม่ขาดสาย) และตอนนั้นก็ได้ยินว่าเส้นชัยอีกไม่ไกลแล้ว พอคำนวณดูก็รู้ว่า ฉันเหลือระยะวิ่งอีกเพียง 5 กม. เท่านั้น พอมองไปเห็นป้ายคู่ ก็รู้ว่าเป็นจุดที่เรารวมกับระยะ 32 กิโลเมตรที่ระยะ 27 กิโลเมตรแล้วนั่นเอง วิ่งต่อมาอีกประมาณยี่สิบนาที ที่ระยะ 14 กิโลเมตร(เหลืออีกแค่สองกิโลเท่านั้น) กลุ่มนักวิ่งเริ่มใหญ่ขึ้น เพราะได้รวมกับนักวิ่ง 10 กิโลเมตรแล้ว ที่ตรงนั้นกลุ่มคนเริ่มหลากหลาย ฉันเจอแบทแมนสีแดง ติดว่าวที่หลังแล้วก็เป่าแตรไปด้วย (นักวิ่งแฟนซี) พลางบ่นเหนื่อยตลอดเวลา(คือพูดตลอดจะไม่เหนื่อยได้ไง?) ตอนนั้นนักวิ่งข้างหน้าฉันที่เป็นระยะ 16 กม.เริ่มหายไป เพราะปะปนกับนักวิ่ง 10 กม. ฉันเจอนักวิ่งผูกแกละสองข้างอีกคนที่เป็น Landmark เพราะเสื้อสีแดงลายอันโดดเด่น และแล้ว ฉันก็พบพี่สาวเสื้อเทาอีกครั้งซึ่งรู้สึกดีใจมาก ฉันพยายามเกาะติดรักษาระยะไม่ให้ช้าเร็วไปกว่านั้นเพราะมันอุ่นใจกว่าที่เจอนักวิ่งที่เคยเห็นแล้วมาวิ่งใกล้ๆอีกครั้ง..พลางคิดในใจว่าจะขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมนะ คิดเล่นๆอยู่ไม่นาน กับระยะทางที่กระชั้นถึงเส้นชัยมากขึ้นฉันเริ่มมองเห็นกลุ่มตากล้องที่คอยจับภาพนักวิ่งที่ใกล้ถึงเส้นชัยและฉันก็ได้มีโอกาสถ่ายภาพใกล้ๆกับพี่สาวนักวิ่งคนนั้นด้วย จนถึงกิโลเมตรสุดท้ายฉันมองนาฬิกาซึ่งใกล้เวลาเจ็ดโมงสิบห้า จึงพยายามเร่งสปีดระยะสุดท้ายฉันมองเห็นกลุ่มชนเบื้องหน้า และป้ายบอกทางระยะ 16 กิโลด้วยสายตาพร่าเลือนแต่ก็ยังไม่หยุดวิ่ง จนกระทั่งป้ายไฟไกลๆ บอกเวลา 02.00 น. เป็นจุดสุดท้ายที่ฉันวิ่งถึงเส้นชัยพลางตะโกนออกมาด้วยความโล่งใจ ณ ที่ตรงนั้นฉันได้รับเหรียญพระเทพ และมีเจ้าหน้าที่ใช้ปากกาเมจิกสีน้ำเงินมาขีดที่เบอร์วิ่ง เหมือนกับตอนออกตัวที่มีนักเรียนเตรียมทหารใช้ปากกาแดงมาขีดป้าย พลางทวนซ้ำว่า ระยะ 16 กม. นะครับใช่ค่ะ ฉันตอบ ก่อนออกวิ่งและหลังวิ่งถึงเส้นชัย เป็นกิจกรรมที่ได้บอกว่าฉันวิ่งถึงเส้นชัยโดยสมบูรณ์แล้ว.. ฉันจัดแจงถ่ายรูปลงโซเชียลจุดที่วิ่งถึงเส้นชัยโดยไม่เกะกะคนที่เพิ่งมาถึงและถ่ายรูปรอบบริเวณที่ยังเป็นฟ้าสางแบบยังไม่เต็มที่นึกภูมิใจว่าในที่สุดฉันก็ข้ามขีดจำกัดเดิมมาได้แล้ว ที่ตรงนั้นฉันมองบรรยากาศรอบๆแล้วนั่งลงตรงขั้นบันไดหน้ารูปปั้น ร.5 ด้วยขาอันสั่นเทา (เพิ่งรู้สึกว่าขาสั่น) ฉันมองหาเพื่อนไม่เจอก็เลยตัดสินใจไปที่เต็นท์อาหาร..ข้าวต้มร้อนๆ หนึ่งชามชานอ้อยเป็นอะไรที่อร่อยอย่างประหลาด และเฉาก๊วยนั้นเล่า ก็อร่อยชื่นใจ แถมไม่หวานมากด้วยฉันได้ยินเค้าว่ามีชมรมอะไรสักอย่างมาแจกมะพร้าวแต่พอไปถึงก็พบว่ามะพร้าวนั้นหมดเสียแล้ว.. แต่ไม่นาน ก็ส่งข้อความบอกเธอทางไลน์ได้ว่าฉันอยู่ที่เต็นท์อาหารหลังจากข้าวต้มชามแรก ก็ได้ข้าวต้มชามที่สอง (ที่ดูจะอร่อยน้อยกว่าชามแรก) กับก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นขณะที่เรารอขบวนรับเสด็จอย่างใจจดจ่อ พร้อมกับหมาน้อยที่นั่งคอยกับเจ้าของข้างๆ และช่วงเวลานั้นก็มาถึง... ขบวนเสด็จมาพร้อมกับการตั้งแถวรอของนายร้อยในชุดวอร์ม แถวเหยียดยาวตั้งท่ารอรถตู้คันยาวสีขาวมาพร้อมกับกองทหารรักษาการณ์ และกำหนดการนั้น พลเอกหญิง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี จะทรงพระดำเนินเพื่อสุขภาพ เป็นระยะทาง 3.9 กิโลเมตร ก่อนมอบรางวัลให้กับผู้ที่ชนะการแข่งขัน.. เมื่อทรงลงจากรถพระที่นั่งโดยไม่รอช้า ท่านทรงพระดำเนินผ่านแถวประชาชนที่นั่งเรียงรายสองข้างทางเป็นระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตร ขณะนั้น ลมพัดเย็นสบายแถวทหารและประชาชนที่เดินตามเสด็จร่วมร้อยชีวิตก็เดินกันไปเรื่อยๆ ไม่เร่งร้อน ในช่วงเวลาแห่งการเดินฉันได้ระลึกถึงระยะทางที่ได้วิ่งมาพลางคิดว่าสิ่งที่กำลังเห็นอยู่นี้คือทัศนียภาพเดียวกับที่ทรงเห็นก่อนหน้าช่างเป็นเรื่องน่าภูมิใจ ในขณะนั้น ต้นไม้ใบหญ้าก็ราวกับจะขานรับกลุ่มชนเล็กๆนี้สายลมยังแรง และแดดในตอนสายก็อ่อน เพราะกลุ่มเมฆมากมาย และในไม่ช้า เราก็วกกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกและเป็นจุดสุดท้ายที่แยกย้ายจากงานเดิน วิ่ง เขาชะโงกในครั้งนี้ ฉันไม่ได้อยู่รอดูขั้นตอนการมอบรางวัลด้วยภารกิจที่ต้องไปเช็คเอาท์ที่พัก และเดินทางกลับกรุงเทพแต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว..เพียงพอที่จะเป็นความทรงจำแสนงดงามและเป็นแรงบันดาลใจให้กับการวิ่งของฉันไปอีกหลายปี เพราะว่าที่นี่คือจุดเริ่มต้นของการวิ่งระยะไกลครั้งแรกของฉันนั่นเอง.. บันทึก ณ วันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2560 ![]() โดย: สมาชิกหมายเลข 4507140
![]() |
mossymoon
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Hello Everyone!! Thank you for visit me here :) I've had enjoy in my life as I am.. aren't you? I would like you to have a great day in you life in everyday..!! Luv <3 <3 <3
Friends Blog
Link |