หลายวันก่อนบทสนทนาว่าด้วยเรื่องความทรงจำค่ะ
เลยนึกถึงเพลงที่เอามาฝากวันนี้ชื่อว่าเพลงในลิ้นชัก
ในเพลงพูดถึงสิ่งละอันพันละน้อย
เรียงร้อยเข้าเป็นความทรงจำของความสันพันธ์ของคนสองคน
สารพัดของเหล่านี้แม่ของเจ้าของบล็อกเรียกว่า"สมบัติบ้า"
จะว่าไปก็จริงนะคะ เพราะถ้าไม่"บ้า"ผูกพันกับอะไรสักอย่าง
ของที่พูดถึงในเพลงคงลงถัง...ไปนานแล้ว
สิ่งที่เพือนบอกว่าทำให้เราระลึกถึงความทรงจำได้ดีที่สุดคือ "กลิ่น" ค่ะ
เมื่อได้กลิ่นอะไรสักอย่างลอยมา กลิ่นจะกระคุ้นให้เหตุการณ์ที่สัมพันธ์กับกลิ่นนั้นย้อนกลับมาด้วย
ดังนั้นบัตรดูหนังที่เปื้อนป็อปคอร์นที่เราแย่งกันวันโน้น
ทำให้เรานึกถึงหนังที่ดูด้วยกันได้แม่นกว่าเดิมหรือเปล่า เจ้าของบล็อกก็เดาไม่ออก
เพราะพี่หมีบอกว่าป็อบคอร์นแพง ดังนั้นดูหนังเฉยๆก็พอแล้ว
(พี่หมีเลยไม่เคยจำได้ว่าไปดูหนังเรื่องไหนด้วยกันบ้าง)
คุยเรื่องป็อบคอร์นในโรงหนังก็ขอเข้ารกเข้าพงออกนอกทางไปอีกหน่อยว่า
เมื่อวันก่อนมีคนฟ้องโรงหนังที่อเมริกาด้วยข้อหาที่ว่าขายป็อบคอร์นแพงเกินเหตุ
หลายเรื่องประทับใจในความทรงจำ
ไม่จำเป็นต้องมี"ที่ระลึก"ในลิ้นชัก
แค่กลิ่นหอมดอกไม้ที่ลอยมาตามสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
ความทรงจำก็พากันลอยออกมาจนท่วมทัน
ถึงตรงนี้ต้องเล่าอีกนิดว่า
แดฟโฟดิลไม่มีกลิ่นนะคะ
เพราะฉะนั้นความทรงจำที่มีแดฟโฟดิลเป็นเหตุ
ไม่นานก็คงเลือนหายไปเป็นธรรมดา
วกมาเกี่ยวกับรูปที่แปะจนได้ (โล่งอกไปอีกตอน)
จึงจบเรื่องเก็บเขามาเล่าต่อแต่เพียงนี้ค่ะ
ปล. แอบแถมว่าดอกไม้ตระกูลเดียวกับแดฟโฟดิลที่มีกลิ่นหอมก็มีนะคะ
เขาเรียกว่า Jonquil ค่ะอยู่ตระกูล Narcissus เหมือนกัน
มาฟังเพลงนี้นึกถึงสมัยเรียนตอนเป็นนักศึกษา
เป็นคนไม่ค่อยมีความทรงจำ
เก็บไว้ในลิ้นชักเท่าไหร่คะ
เรื่องดีดี สิ่งดีดี
ที่เข้ามาทุกวัน
บางทีผ่านมาแล้วผ่านไป
บางครั้งนึกเท่าไหร่
นึกไม่ออก
สรุปได้ว่า
ความจำเริ่มสั้นแล้วค่ะ คริ คริ
ปล. เพิ่งคุยกะเพื่อนสาวร่วมวัยเดียวกัน
ที่เรียนด้วยกันมาตอนฟังเพลงนี้นะคะ
บอกว่า เราเริ่มความจำเบาบางกันแล้ว
แต่สิ่งที่ไม่ต้องนึกและอยู่กับเราตลอด
คือเพื่อนที่่ดีมิตรภาพที่งดงาม
ที่เรามอบให้กันตลอดมาคะ
ขอบคุณเรื่องเล่าและเพลงแรกฟังเมื่ออายุยี่สิบคะ