★ Noise ... เสียงจากออสเตรเลีย (2007)
ข่าว การเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ดูจะไม่เคยได้เลือนหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์บ้างเลย นับตั้งแต่มีกรณีที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี พ.ศ. 2542 ที่เกิดกับโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ รัฐโคโลราโดของสหรัฐอเมริกา หรือหนุ่มเกาหลีก่อคดีกราดยิงภายในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค เมื่อ เม.ย. 2550 และสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เองก็เกิดเหตุคนร้ายขับรถกราดยิงผู้คนกลางท้องถนนในอเมริกาและนับจากนั้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็เกิดเหตุโศกนาฎกรรมหมู่ขึ้นในเมืองวินเนนเดน ประเทศเยอรมันนี จากการที่มีเด็กหนุ่มเข้ากราดยิงครูและนักเรียนในชั้นเรียน เหตุการณ์สะเทือนขวัญเช่นนี้เมื่อตกอยู่ในความสนใจของประชาชน การทำงานของเจ้าหน้าตำรวจในการสืบหาตัวฆาตกรมารับโทษหรือค้นหาสาเหตุและแรงจูงใจจึงมักถูกดำเนินการอย่างเร่งด่วน แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่บางคดีเช่นคดีลูกหนี้ใช้ขวานจามศรีษะเจ้าหนี้ ในเขตยานนาวา กทม. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกค่อนแคะว่าทำงานล่าช้าไม่มีความคืบหน้าใดๆ ตลอดระยะเวลาร่วม 20 วัน ประเด็นประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจถูกหยิบจับมาสร้างเป็นหนังมีก็มาก แตกแขนงไปได้หลายแนวทั้งตลก (Hot Fuzz, 2007) เขย่าขวัญ (Insomnia, 2002) ชีวิต (Infernal Affairs,2006) เงื่อนงำซับซ้อน (L.A. Confidential,1997) หรือล้ำสมัย (Minority Report, 2002) แต่กับ Noise หนังจากประเทศออสเตรเลียเรื่องนี้มีความพิเศษจากหนังแนวตำรวจตามตัวอย่างข้างต้นอยู่พอสมควร หนึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนก็คือ ความแข็งขันในการทำงาน หนังเปิดเรื่องที่ ลาวีเนีย (ไมอา โธมัส) หญิงสาวคนหนึ่งถูกตำรวจรวบตัวไว้หลังจากเธอเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวทั้งยังตกเป็นผู้ตองสงสัยในเหตุฆาตกรรมหมู่ท่ามกลางศพเกลื่อนกลาดนับสิบในตู้รถไฟขบวนหนึ่ง ไม่นานเธอก็ถูกปล่อยตัวพร้อมรับกระเป๋าสะพายที่ลืมไว้บนรถไฟ ยกเว้นกรอบรูปภาพถ่ายครึ่งตัวของเธอเท่านั้นที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าไม่พบในที่เกิดเหตุ ในค่ำเดียวกัน ขณะที่ แกรห์ม (แบรนแดน โคเวล) นายตำรวจหนุ่มกำลังปฏิบัติหน้าที่เดินตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณสถานีรถไฟ แต่จู่ๆก็ล้มฟุบหมดสติขณะใช้บันไดเลื่อนของสถานี เช้าวันรุ่งขึ้นเขาถูกพิจารณาลดระดับการทำงานแม้จะมีใบรับรองจากแพทย์มายืนยันว่าเขามีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับหูและการได้ยิน แกรห์มถูกส่งไปลงพื้นที่ชุมชนใกล้เคียง มีสำนักงานชั่วคราวเป็นรถพ่วง หน้าที่ของเขาคือสอบถามหรือให้และขอข้อมูลต่างๆ กับผู้ผ่านไปมาในละแวกนั้นเนื่องจากมีเหตุหญิงสาวรายหนึ่งถูกฆาตกรรมและจุดที่รถพ่วงจอดอยู่นี้คือจุดที่มองเห็นร้านขายของชำซึ่งเป็นที่สุดท้ายที่มีคนเห็นเธอก่อนจะหายตัวไปและถูกพบเป็นศพอยู่ข้างทาง ฟิล ผู้โชคดี (Lucky Phil) (แอรอน แมคลัฟลิน) ฉายาของเด็กหนุ่มผู้พิการคนหนึ่งในชุมชน เป็นพยานหนึ่งปากที่เห็นศพหญิงสาว เขาจึงถูกนำตัวมาให้นายตำรวจใหญ่และเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยหญิงอีกคนเป็นคนสอบปากคำ อีกด้านหนึ่ง หัวหน้าหน่วยสอบสวนสืบสวนพาลาวีเนียไปทำแผนประกอบคดีการฆาตกรรมหมู่ ด้วยความที่เธอยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยจึงโดนคาดคั้นรีดให้เรียกความทรงจำในวันเกิดเหตุมาให้ได้ทั้งหมด ดังนั้นข้อมูลที่มีมาเพิ่มคือมีผู้ชายอีกคนที่รอดชีวิตในวันนั้นแต่เป็นเขาที่ใช้ปืนของเจ้าหน้าที่บนรถไฟยิงซ้ำที่ร่างผู้ตายแล้วบ่ายกระบอกปืนมาทางเธอแต่ตัดสินใจไม่ลั่นไกแล้วหนีไป จากนั้นลาวีเนียถูกนำไปชี้ตัวคนร้ายผ่านห้องกระจก เธอชี้เลือกได้ทันทีว่าผู้ชายหมายเลขใดเอาปืนจ่อเธอในคืนนั้น คราวหนึ่งที่แกรห์มนั่งคุยกับ ดีน แฟนหนุ่มของหญิงสาวผู้ตายอยู่ในรถพ่วง เป็นดีนที่ได้ยินเสียงคนทะเลาะวิวาทกันข้างนอก ทั้งสองจึงวิ่งออกไปดูแต่เมื่อกลับมาปรากฏว่ามีกรอบรูปภาพของลาวีเนียที่ถูกพ่นสีสเปรย์ทับด้วยคำขู่ฆ่าวางไว้หน้าประตู ไม่แคล้วที่แกรห์มจะถูกตำหนิจากเจ้านายโทษฐานคนร้ายยังลอยนวลแถมแอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกนี้ด้วย - - - Noise เป็นหนังที่มีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง หากแต่จะมีความเป็นหนังชีวิตอยู่มากกว่า หนังดำเนินเรื่องแบบค่อยเป็นไปไม่หวือหวากระชากอารมณ์ประกอบกับเหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดในเวลากลางคืน งานด้านภาพและแสงจึงส่งให้หนังทั้งนิ่งและหม่น การออกแบบเสียงเพื่อใช้กับความบกพร่องของหูก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจ (เพราะผู้เขียนมีความชำนาญเรื่อง Sound อยู่น้อยมาก...) เสียงหวีดวิ๊งก้องในโสตประสาทของแกรห์มที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้งอาจเทียบได้กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวแบบเกินควบคุม ความบกพร่องของร่างกายยังชวนชี้ให้ขบคิดต่อว่าจริงๆ แล้วมันส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเขาหรือคนอื่นบ้างหรือไม่ เหมือนอย่างการทำงานของตำรวจหญิงคนหนึ่งที่เป็นโรคปากแหว่ง/เพดานโหว่ หรือเด็กหนุ่มผู้มีภาวะทางร่างกายอัมพาตคนนั้นที่มีสมุดจดบันทึกนับสถิติรถพ่วงแยกว่าจดทะเบียนและไม่จดทะเบียนของชุมชน หรือในฉากหนึ่งที่ฟิลถามแกรห์มว่ารู้จักชื่อเขาได้อย่างไร เขาตอบว่า ตำรวจรู้ทุกอย่างแหละ ฟิลจึงถามต่อว่าแล้วใครเป็นคนฆ่าผู้หญิงคนนั้น ซึ่งแกรห์มก็ได้แต่กระอึกกระอักและตอบว่ายังไม่รู้ ความหละหลวมในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจเรียกมาให้ลาวีเนียชี้ตัวนั้นมีโอกาสได้เห็นเอกสารสำคัญที่บ่งว่าเธอคือผู้มาชี้ตัวคนร้าย หลังจากนั้นเธอเลยโดนคนร้ายสะกดรอยตาม หรือแม้กระทั่งการที่ตำรวจมั่นใจว่าคนชายที่ลาวีเนียชี้ตัวนั้นคือคนร้ายจริงๆ เพราะท้ายสุดแล้วคนดูจะรู้ว่าเป็นการชี้ผิดตัว การชี้ผิดตัวหมายถึงการทำให้ชีวิตของคนคนหนึ่งเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ประหนึ่งเป็นการทำลายชีวิตของคนคนนั้นไปเลย ไม่เพียงแต่จะนำเสนอเรื่องการทำงานของตำรวจเท่านั้น หากหนังยังสอดไส้ความเป็น ออสเตรเลีย ไว้อีกหลายจุดด้วยเช่นเรื่องของความหลากชาติพันธุ์เนื่องจากออสเตรเลียเป็นประเทศที่รวมคนไว้หลายเชื้อชาติ มีการรับผู้อพยพเข้าประเทศมากจนกลายเป็นปัญหา ประเด็นนี้ถูกสื่อสารผ่านการสนทนาระหว่างแกรห์มกับผู้คนที่เขาเรียกมาสอบถามด้วยการเน้นย้ำการสะกดชื่อทีละตัวอักษร(เน้นความมีตัวตน) ทั้งแกรห์มยังมีความคลางแคลงใจถามเพื่อนตำรวจว่าเวลาจองชื่อโรงแรมใช้ชื่อไหนจอง หรือการพูดถึงละแวกที่รถพ่วงจอดนี้ก็มีชาวมุสลิม กรีก และสโลเวเนีย เป็นเพื่อนบ้าน ภาพข่าวทางโทรทัศน์ที่ต่อจากการรายงานว่าทราบชื่อผู้ตายที่เป็นหญิงคนนั้นแล้ว เป็นภาพข่าวของเพลิงที่ลุกไหม้ในป่า ซึ่งออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นทุกปี และไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ปัจจุบันนี้ประเทศออสเตรเลียทำสถิติแซงหน้าอเมริกาเรื่องการมีประชากรที่เป็นโรคอ้วนมากที่สุด หนังสื่อผ่านด้วยบทสนทนาของตำรวจหญิงที่ได้อ่านรายงานการเสียชีวิตของผู้หญิงนั้น สินค้าที่เธอซื้อจากร้านสะดวกซื้อคือ ไดเอทโค๊ก และอีกด้านหนึ่งคือแกรห์มมักจะเปิดโทรทัศน์รายการสอนการออกกำลังกาย การรักษารูปร่างและบางครั้งยังแสดงท่าบังคับที่ใช้ในการประกวดชายรูปงามให้แฟนดูอีกด้วยNoise เป็นผลงานการกำกับฯของ แมทธิว ซาวีล ซึ่งกำกับหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 3 ผลงานก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นการกำกับภาพยนตร์ชุดทางทีวีเสียมากกว่า และหนังเรื่องนี้เป็นตัวแทนจากประเทศออสเตรเลียปี 2007 เพื่อเข้าชิงรางวัล Grand Jury Prize สาขา World Cinema Dramatic ของเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ปีเดียวกับที่ Once (2006) เป็นตัวแทนจากประเทศไอร์แลนด์ มี Blame It on Fidel! (2006) จากประเทศฝรั่งเศสร่วมเข้าชิงในสาขาเดียวกัน และอกหักไปเหมือนกัน โดยผู้ชนะในปีนั้นคือ Padre Nuestro (2007) จากอเมริกา
: Please welcome : ขอเชิญ ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหนังหลากเรื่องหลายแนว ทั้งชนโรง ทั้งหนังแผ่น ร่วมกับบล็อกเกอร์คนรักหนังอีก 5 ท่านได้ที่ //vreview.yarisme.com ค่ะ
Create Date : 21 มีนาคม 2552
24 comments
Last Update : 21 มีนาคม 2552 16:09:23 น.
Counter : 2162 Pageviews.
โดย: Ghoeby 21 มีนาคม 2552 19:16:31 น.
โดย: เอกเช้า IP: 124.120.192.240 22 มีนาคม 2552 0:16:36 น.
โดย: Ghoeby 22 มีนาคม 2552 16:32:59 น.
โดย: navagan 22 มีนาคม 2552 23:21:46 น.
โดย: Ghoeby 23 มีนาคม 2552 8:20:52 น.
โดย: Ghoeby 23 มีนาคม 2552 8:26:12 น.
โดย: Ghoeby 23 มีนาคม 2552 18:53:14 น.
โดย: BdMd <3 Shibuya-kei IP: 124.120.66.177 23 มีนาคม 2552 22:19:30 น.
โดย: nanoguy IP: 125.24.123.121 24 มีนาคม 2552 17:55:16 น.
โดย: Seam - C IP: 58.9.201.107 24 มีนาคม 2552 18:28:11 น.
โดย: Ghoeby 24 มีนาคม 2552 18:42:59 น.
โดย: Ghoeby 24 มีนาคม 2552 18:42:59 น.
โดย: Ghoeby 25 มีนาคม 2552 17:34:09 น.
.Just wait until night
then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31