มาร์ เด หลาส ปัมปัส (Mar de las Pampas) เป็นเมืองเล็กๆริมชายฝั่งที่ถูกตั้งสมญาไว้ในเวปไซท์เวลคัมอาร์เจนตินาดอทคอมว่า " the city without haste " เมืองที่ปลอดจากความเร่งรีบใดใด เพราะยังเป็นเมืองที่มีความเป็นธรรมชาติ อุดมไปด้วยต้นไม้เป็นล้านต้น มีชายหาดที่ทอดยาวเงียบสงบ

A Wandering Bride เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาเยี่ยมเยือนเมืองนี้ ด้วยจิตใจที่ร้อนรุ่มดั่งโดนไฟสุม มองเป็นภาพกว้างๆ เราจะมองเห็นเธอเป็นเหมือนจุดเล็กๆสีแดงจุดหนึ่งที่วิ่งพล่านอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมสีเขียวที่แทบจะไม่เคลื่อนไหว
แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องร้อนรนร้อนใจขนาดนั้น

หนังเริ่มฉากแรกด้วยการที่ อีเนส (อานา คาทส์) นั่งรถทัวร์ไปกับ มิเกล(ดาเนี่ยล แฮนด์เลอร์) แฟนของเธอ โดยมีจุดมุ่งหมายคือ มาร์ เด หลาส ปัมปัส เมืองท่องเที่ยวเล็กๆแห่งหนึ่งของ บัวโนส ไอเรส ทั้งสองวางแผนจะใช้เวลาร่วมกันในวันหยุด เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีที่ทั้งสองคบกันมา แต่ตลอดทางที่นั่งรถมาก็ทะเลาะกันไม่หยุด จนเมื่อรถจอด อีเนส ก็หอบหิ้วสัมภาระลงจากรถ แต่แฟนเธอไม่ยอมลงมาด้วย ไม่ว่าเธอจะตะโกนเรียกอย่างไร เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัว จนรถบัสวิ่งออกไป อีเนส ได้แต่มองคล้อยตามท้ายรถด้วยความรู้สึกยากที่จะบรรยาย

แต่ตรงที่ที่เธอลงจากรถมานั้น ยังไม่ใช่ปลายทางที่เขาและเธอได้จองที่พักไว้ เธอจึงต้องเดินผ่านป่า ผ่านหมู่บ้านและถามทางมาเรื่อยๆ จนถึงที่พักและสอบถามพนักงานได้ความว่า แฟนของเธอยังมาไม่ถึง เธอโทรหาเขา ฟูมฟายถามถึงเหตุผลต่างๆนาๆที่เขาไม่ลงจากรถมาพร้อมเธอและถามว่าจะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่ ซึ่งดูเหมือนเธอจะไม่ได้คำตอบ แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะใช้วันหยุดของเธอที่นี่

ตกค่ำ แถบที่พักมีจัดงานรื่นเริง พนักงานโรงแรมหนุ่มชวนเธอออกไปสังสรรค์ และกลับมาที่พักกับอาการเมาเพียบ เธอชวนเขาไปดื่มต่อที่ห้อง แต่เขาตอบว่ามีแฟนแล้ว

ในช่วงที่เธอพักอยู่ที่นี่ เธอก็ยังไม่ละความพยายามที่จะโทรหา มิเกล โทรไม่เจอก็ฝากข้อความไว้ที่เครื่องตอบรับ

ระหว่างนั้น เกอมาน (คาร์ลอส พอร์ตาลูปปี้) หนุ่มร่างอ้วนที่เธอเคยถามทางเขา ก็เข้ามาทำความรู้จักและเริ่มทำตัวสนิทสนม รับรู้ความโศกเศร้าเรื่องของเธอกับมิเกล ในยามที่เธอไม่สบาย เขาก็มานั่งคอยเฝ้าดูแลเธอไม่ห่าง

วันหนึ่ง อีเนส ออกไปเดินเที่ยวชายทะเลกับ เกอมาน เขาเลยเล่าให้เธอฟังว่าในวันที่เธอไม่สบายนอนหลับอยู่นั้น มิเกลได้โทรมาหาเธอและเขาเป็นคนรับสาย อีเนส ผลุนผลันวิ่งกลับที่พัก เก็บเสื้อผ้า เช็คเอ้าท์เพื่อเดินทางกลับ แต่เธอก็แวะไปขอโทษ เกอมาน เขาเลยอาสาไปส่งเธอที่สถานีรถทัวร์ แต่รถเที่ยวสุดท้ายของวันได้ออกไปแล้ว เธอจึงจำต้องค้างที่บ้านของเขา

หนังไม่ได้บอกถึงความเป็นมาก่อนหน้าของ อีเนสและมิเกล ไม่ได้เท้าความว่าอะไรคือความรู้สึกดีดีที่เคยมีต่อกันของชายหญิงคู่นี้ และอะไรเป็นชนวนให้เธออารมณ์ปะทุ อะไรเป็นสาเหตุให้เขาเลือกที่จะเงียบและก่อการในใจ เพราะไม่เช่นนั้นผู้สังเกตุการณ์อยู่รอบนอกอย่างคนดูก็คงจะได้เหตุผลในการตัดสินใจและเลือกที่จะยืนเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปแล้ว ไม่ว่าตัวหนังจะจบลงอย่างไร

เรารู้แค่ว่า ขณะที่ อีเนสอยากได้เหตุผลมาอธิบายความบาดหมางเพื่อจะได้ร่วมทางชีวิตคู่อย่างผาสุก แต่มิเกลกำลังมองเห็นทางสามแพร่งอยู่ตรงหน้า

ความฟูมฟายและการไม่ย่อท้อของ อีเนส ในการพยายามโทรติดต่อ มิเกล เช้าสายบ่ายเย็นทั้งโทรติดโทรไม่ติด โทรติดแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง ร่ำไร และหาข้อสรุปอะไรไม่ได้นั้น มีส่วนอย่างมากในการกดดันให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายและรำคาญกับพฤติกรรมของเธอ จนร่ำๆอยากจะบอกเธอว่า " ก็จู้จี้จุกจิกเรื่องมากอย่างนี้ไงเล่า เขาถึงทนไม่ได้..."

แต่อย่างที่ว่าไว้ เราไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรไว้หรือมิเกลอยากจะไปทำอะไรใหม่ ไม่มีใครรู้ เพราะประเด็นของหนัง อยู่ที่ การข้ามผ่านช่วงเวลาอันเลวร้าย หากความเลวร้ายนั้นเกิดจากตัวบุคคลเราที่เราคบหาหรือพบเจอ เราก็ก็เลี่ยงมันไปได้โดยง่ายแค่หลบลี้หนีหน้า แต่ถ้ามันคือส่วนหนึ่งที่ก่อสุมเหมือนไฟอยู่ในใจเราล่ะ พูดง่ายๆ...ว่าเอาน้ำเย็นราดรดก็ย่อมดับ แต่จุดตั้งต้นในการหาน้ำนั้นจะเริ่มอย่างไร

อีเนส ถูกฉายให้เห็นว่า(มีแววที่)เธออยู่เพียงลำพังคนเดียว ตั้งแต่อยู่บนรถทัวร์ต้นเรื่อง เป็นกาพในระยะปานกลางสลับกับภาพในระยะใกล้ของใบหน้าเธอที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยสีหน้าครุ่นคิด เป็นเวลานาน หลายนาทีที่ไม่ได้ตัดภาพไปไหน จนผ่านไปได้สักระยะหนึ่งจึงจะเห็นว่ามีคนอื่นๆอยู่บนรถและถึงเห็นว่ามีผู้ชายนั่งถัดจากเธอกำลังหลับ และชายคนนี้ก็คือมิเกลแฟนของเธอนั่นเอง

อีกครั้งที่เธอตกอยู่ในสถานการณ์ตัวคนเดียวเพียงลำพัง คือหลังจากรถทัวร์วิ่งหายลับไปจากสายตา เธอยืนอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งเธอไม่เคยรู้จักมาก่อน และยังต้องเดินทะลุป่าอย่างปราศจากเข็มทิศ มองไม่เห็นทางออก แม้ต่อมาเธอจะคลำทางมาจนเจอถนนสายเล็กนำไปสู่บ้านคน แต่ก็ยังต้องผ่านด่านการถามทางจากชาวบ้านคนหนึ่งที่กำลังฝึกยิงธนูล่อเป้าอย่างขมีขมัน และแม่นยำ

หนทางแห่งความเคว้งคว้างของ อีเนส ยังนำพาและชักนำความหวาดหวั่นว่าจะกลายเป็นหนังทริลเลอร์ออกแนวโศกนาฏกรรมอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อตอนที่ เกอมาน ชวนเธอนั่งรถไปด้วยแล้วบอกว่ามีอะไรจะให้เธอดู เขาขับพาเธอไปยังป่าแห่งหนึ่ง ชวนเธอลงจากรถแล้วเดินเข้าป่า เดินเข้าไปเรื่อยๆ มือก็ดุนหลังเธอไม่ให้หยุดเดิน เพราะยังไม่ถึงจุดที่เขามีอะไรจะอวด จนกระทั่ง...เธอแหงนหน้าชมนกชมไม้แล้วเกิดมึนงงเวียนหัว ล้มหงายหลังตึง...

แต่ก็ยังดี ที่ไม่มีอะไรร้ายๆเกิดขึ้น

หนังไม่มีเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมายมากเกินกว่าชีวิตของคนธรรมดาคนหนึ่งจะเจอได้ในชีวิตประจำวัน มีแค่เพียงสถานการณ์เล็กๆนำมาวางไว้ตามรายทางทุกย่างก้าวของ อีเนส ในขณะที่ภายในใจของเธอกำลังสับสน หวาดหวั่นในความกลัวการสูญเสีย จิตใจสั่นคลอนไม่มั่นคง เรื่องเล็กๆเหล่านี้กลับเป็นดงแห่งขวากหนาม ที่รอเป็นบทพิสูจน์ในการ " ข้ามผ่าน "

A Wandering Bride ได้รับคัดเลือกเข้าฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 60 ปี 2007 และเข้ามาฉายในประเทศไทยในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯครั้งที่ 5 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หนังเป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิงวัย 32 ปีชาวอาร์เจนติน่า อานา คาทส์ ซึ่งควบตำแหน่งแสดงนำหญิงในเรื่องนี้เองด้วยในบทของ อีเนส

Create Date : 23 ตุลาคม 2550
Last Update : 23 ตุลาคม 2550 20:11:42 น.		26 comments
Counter : 805 Pageviews.
Share Tweet