★ Los Muertos...ล่องเรือหา...? (2004)



Los Muertos หรือ The Dead เปิดเรื่องด้วยภาพของป่าในแถบเขตร้อนแห่งหนึ่งซึ่งถูกใช้เป็นที่หลบสายตาของร่างชายหนุ่มที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นนอนอยู่จมกองเลือดแน่นิ่ง และถัดไปไม่ไกลนักมีอีกร่างเปลือยปล่าวในสภาพแน่นิ่งเหมือนกัน แล้วภาพก็ตัดเปลี่ยนสถานที่ไปยังคุกแห่งหนึ่งในเมืองกอร์เรียนเตส, อาร์เจนติน่า ซึ่ง บากัส (อาร์เจนตีโน่ บากัส) ชายวัย 54 ปีกำลังจะถูกปล่อยตัวในวันนี้ จุดมุ่งหมายอย่างแรกที่เขาต้องการทำหลังพ้นโทษออกมาคือเดินทางกลับไปหาพี่สาวและหลานซึ่งอาศัยอยู่ในชนบทอันห่างไกล

พล็อตหลักของเรื่องมีอยู่เพียงเท่านั้น ภาพรวมของหนังจึงเป็นการดำเนินไปด้วยเรื่องราวระหว่างการเดินทาง ตั้งแต่ออกจากคุกไปจนถึงปลายทางที่เขาตั้งใจไว้

ก่อน บากัส ออกจากคุก เพื่อนนักโทษคนหนึ่งได้ไหว้วานให้เขานำจดหมายไปให้ลูกสาว มาเรีย ซึ่งเธอจะเป็นคนตระเตรียมเรือไว้ให้เขาสำหรับการเดินทางครั้งนี้

แต่ก่อนที่ บากัส จะเดินทางไปถึงจุดนัดพบที่มีเรือไว้รอท่า เขาต้องทั้งขอติดรถชาวบ้านเขามา เจอร้านขายของชำแวะซื้อขนมฝากหลาน ซื้อเสื้อไปฝากพี่สาวจากร้านใกล้เคียง และออกเดินทางต่อด้วยเท้า ต้องเดินลัดเลาะเข้าป่า ทะลุออกมาเลียบแม่น้ำและพบกับชายคนหนึ่งกำลังชำแหละปลา ทักทายพูดคุยจึงรู้ว่าเรือรอเขาอยู่ที่นี่แล้ว

บากัส ลงเรือพายล่องเลียบแม่น้ำไปอย่างไม่รีบร้อน จนพลบค่ำจึงแวะขึ้นฝั่งและถามชาวบ้านถึงบ้านของมาเรีย และไปรอพบเธอเพื่อจะนำจดหมายมาให้ บากัสค้างแรมที่บ้านมาเรีย และออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อไปหา โอลก้า พี่สาวและหลาน

ขณะล่องเรือ บากัสบังเอิญเห็นแพะหลงฝูงยืนอยู่ริมฝั่ง จึงถอยเรือกลับลำไปจับแพะโชคร้ายตัวนั้นขึ้นเรือไปด้วย ไม่นานเขาก็ได้พบกับเด็กชายคนหนึ่งที่ปีนป่ายต้นไม้เล่นอยู่ริมท่าน้ำ สอบถามแล้วจึงรู้ว่าเด็กคนนี้คือหลานของเขาเอง ทั้งสองจึงช่วยกันหิ้วสัมภาระและแกะจากเรือและมุ่งหน้าไปที่บ้านของพี่สาวเขา

ถึงบ้าน โอลก้าไม่อยู่ มีเพียงหลานชายคนนี้และน้องตัวเล็กอีกคนหนึ่งเท่านั้น เด็กชายเดินไปอุ้มน้องเข้าบ้านและบากัสเดินตามเข้าไป

หลังจากนั้นภาพของทางเข้าห้องก็ถูกกล้องจับแช่ไว้นิ่งอยู่นาน แล้วจึงค่อยๆเลื่อนลงมาจับที่ตุ๊กตาตัวเล็กที่ถูกบากัสวางให้นอนแอ้งแม้งอยู่ข้างจักรยานของเล่นเข้าชุดกันบริเวณลานหน้าบ้าน แล้วก็ปล่อยภาพค้างไว้จนขึ้น end credit




ลีซานโดร อลอนโซ ผู้กำกับหนังนำพาคนดูไปพบกับความระทึกขวัญ บั่นทอนจิตใจ ภายใต้เรื่องราวที่สุดแสนจะธรรมดาและเนิบนาบอย่างนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมและแนบเนียนเป็นที่สุด ถึงแม้จะมีการปล่อยคำเตือนที่แสดงถึงความไม่ธรรมดาของตัวละครหลักออกมาเป็นระยะ แต่หากยังคงใส่ใจตามดูว่าเรื่องราวมันจะไปทางไหนได้บ้างนั้น เป็นไปได้ที่เราอาจมองไม่เห็นและไม่ทันรู้สึกว่า บากัส มีอะไรที่แตกต่างไปจากปกติ

เมื่อเรารู้สึกว่าตัวละครทำอะไรเกินปกติ หมายถึงการที่เราเริ่มเปรียบเทียบตัวละครเข้ากับตัวของเราเอง เท่ากับว่าหนังสามารถที่จะดึงและตรึงเราไว้ได้ นั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าบทหนังของผู้กำกับลีซานโดร อลอนโซ นั้น เอาเราอยู่หมัด

ความแตกต่างหรืออีกนัยหนึ่งคือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบากัสตั้งแต่ช่วงที่อยูในคุก เขามักจะพะวงเรื่องทรงผมที่ยาวหวีเป๋ข้าง เฝ้าเพียรจัดให้มันเข้ารูปได้ทรง หรือการที่แกเอาก้อนหินเพื่อหลอกหมาว่าเป็นอาหาร ช่วงเดินทางก็ไปปล่อยหมาที่ชาวบ้านเขาผูกไว้ รมควันไฟเพื่อเอารังผึ้งอย่างชำนาญและกินน้ำหวานอย่างเอร็ดอร่อย หรือกระทั่งหยิบฉวยเอามีดพร้าจากบ้านมาเรียติดมือมาด้วย ทดสอบความคมกับการตัดไม้ต้นเล็กๆในป่า หากจะสังเกตุ ตรงนี้เองคือจุดเริ่มต้นของความเป็นคนอันตรายของเขา

แม้ภาพของ 2 ร่างที่เสียชีวิตจากต้นเรื่องมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวพันกับภาพถัดมาที่บากัสถูกคุมขังอยู่ในคุก หรืออาจจะไม่เกี่ยวกันก็ได้ หากสุดท้ายแล้วเมื่อบากัสไปรับเรือแล้วชายชำแหละปลาไม่ถามเขาว่า “ได้ข่าวว่านายฆ่าพี่น้องของตัวเองเหรอ”

เขาล่องเรือบนแม่น้ำสายเล็กๆที่ทอดยาวไม่เห็นต้นเห็นปลาย และมองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่าข้างหน้าจะโค้งจะ เลี้ยวจะเจออะไร ก็ไม่ต่างกับคนอย่างเขา ที่เราไม่อาจคาดเดาหรือจะรู้จักเขาอย่างทะลุปรุโปร่งได้ แม้จะดูเหมือนคนมีปรารถนาดี สำนึกดีคิดถึงคนในครอบครัวก็ตาม

หนังไม่มีเพลงหรือท่วงทำนองของเครื่องดนตรีใดๆประกอบอยู่เลยทั้งเรื่อง แต่จะใช้เสียงที่บันทึกจากเสียงธรรมชาติจริงๆร่วมสร้างบรรยากาศแทน อย่างเวลากลางวันในป่าก็เป็นเสียงแมลงบนต้นไม้หรือเสียงนก เสียงลมในป่า เสียงน้ำไหลเอื่อย พลบค่ำก็เป็นกบเขียดร้องประสาน เพื่อต้องการบอกให้คนดูรับรู้ว่านี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนความจริงที่แท้จริง บทสนทนาก็มีเพียงเท่าที่จำเป็นจะต้องถามไถ่ ไม่มีอธิบายสาธยายให้มากความ ช่วยเน้นย้ำให้เพ่งพิจารณาผู้คนจากการกระทำไม่ใช่คำพูด

ผลลัพท์ของการได้รู้จักบากัส ทำให้นึกไปถึงตัวละครของ เอลวิส ของ กาเอล การ์เซีย เบอร์นัล แสดงไว้จากเรื่อง The King (2005) ที่เราจะเห็นความสุดขั้วของเขาก็ต่อเมื่อถึงช่วงกลางค่อนไปท้ายของเรื่องเหมือนกัน



ลีซานโดร อลอนโซ ผู้กำกับหนุ่มชาวอาร์เจนติเนียนมีผลงานก่อนหน้าและหลังจากเรื่องนี้คือ La Libertad (Freedom, 2001), Fantasma (2006) และ Liverpool (2008) สำหรับ Los Muerto เรื่องนี้ ได้รับรางวัล Best Film จาก Torino Film Festival, ได้รับรางวัลชนะเลิศ FIPRESCI Prize ของ Vienna Film Festival, ออสเตรีย ในฐานะเป็นหนังที่สะกดและตรึงคนดูได้ชะงัดที่สุด และยังถูกคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ในสาย Director’s Fortnight อีกด้วย

Los Muertos เปิดตัวฉายในบ้านที่อาร์เจนตินา หนังได้มีโอกาสเข้าฉายเพียงแค่โรงเดียวและจำนวนผู้ชมทั้งหมดที่เข้าชม ก็มีเพียง 3,500 คน ซึ่งแตกต่างมากเมื่อหนังไปฉายที่ประเทศฝรั่งเศสโดยได้โรงฉายถึง 15 โรง แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อตอนที่ La Libertad (2001) เข้าฉายซึ่งก็ได้โรงฉาย 1 โรงเหมือนกันแต่จำนวนผู้ชมในตอนนั้นแค่ 2,500 คน

ที่น่าสังเกตุ ความยาวของหนังแต่ละเรื่องของอลอนโซ ล้วนแล้วแต่มีความยาวไม่มากนัก La Libertad (2001) มีความยาว 73 นาที, Los Muertos (2004) มีความยาว 78 นาที, Fantasma (2006) มีความยาว 63 นาที โดยเขาเองก็เคยให้ความเห็นว่า เขาก็อยากให้มีคนมาดูหนังของเขา ถึงแม้มันจะเป็นหนังที่ยากแก่การเข้าถึงคนกลุ่มมากก็ตาม และเราก็ยังอยากจะทำ ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้หนังมันสั้นเข้าไว้จะดีกว่า


I'd like to hear your voice.

ขอเชิญ ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหนังหลากเรื่องหลายแนว ทั้งชนโรง ทั้งหนังแผ่น ได้ที่ //vreview.yarisme.com ค่ะ และ ในเร็วๆนี้ จะมีกิจกรรมให้ทุกท่านมีสิทธิลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท ฟรี!!!! จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน
.
.






Create Date : 18 พฤษภาคม 2551
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 8:53:19 น. 16 comments
Counter : 1089 Pageviews.

 
เอ๋ หนังอะไรเนี่ยย

ท่าจะเป็น road movie ที่นิ่งๆเรียบๆดีน่ะ

I'm not There แหมไม่บอก ไม่งั้นก็ซื้อมาเผื่ออีกแผ่นแล้วว


โดย: บลัดดี้โม IP: 124.120.66.15 วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:20:58 น.  

 
จะบอกว่า

ไม่ได้ดูหนังมาเดือนนึงแหล่ว =_=


โดย: merveillesxx วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:57:45 น.  

 
อ่า มีตั่งแต่ซีนเปิดจนถึงเอนเครดิสเลย
หนังคงใช้เวลาน่าดู

ช่วงนี้ดูหนังเหนื่อยๆไม่ได้เลย ไม่ผ่านความฟิต
เลยยังไม่ได้ดู"นักสืบฝันร้าย"เสียที

แต่เปิดลองแผ่นตอนเที่ยงคืนแล้วเห็นช๊อตผีคลาน
ตั่งแต่นาทีแรก สะดุ่งรีบปิดเลย อิอิ
ท่าจะอิน เอาเก็บไว้ดูวันหลัง


โดย: ต้องบอกด้วยเหรอ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:16:13 น.  

 
ขออภัยผู้อ่านสำหรับข้อมูลที่อั๊พเมื่อวาน เผอิญเครื่องที่ไปใช้มันหาเรื่อง..เลยได้อะไรที่กระท่อนกระแท่น ไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ตอนนี้มาแก้ไขแล้ว...หวังว่าคงจะได้รับความเพลิดเพลินเจริญใจเป็นอย่างยิ่ง...



BdMd
ไม่เป็นไร เดี๋ยวหาแผ่นในไทยดู คงมีอ่ะ
^_^

Merveillesxx
ทำไมล่ะ..แต่หมู่นี้มีกิจกรรมเยอะหนิ..^_^

ต้องบอกด้วยเหรอ
หะ หะ เปิดไปเจอตอนหลอนอย่างนั้น เป็นเราก็เผ่น เอ้ย! เก็บแผ่นไว้ก่อนเหมือนกัน



โดย: renton_renton วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:26:39 น.  

 
เห็นชื่อบล็อกนี้ ผมนึกถึงเพลงลูกทุ่งที่ร้องว่า "ล่องเรือมาหารักบ้านเพ..."

ว้าว มีชิงโชคลุ้นบัตรด้วย เจ๋งครับ


โดย: getterTu วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:16:44 น.  

 
อ้าวงี้ต้องอ่านใหม่เลยเรอะ แบบนี้ หุหุ

เขียนเสร็จซะที 55+ ความเห็นเรามันคลุมเครือมากๆ คือมันชอบน่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเขียนยังไงดี


โดย: BloodyMonday วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:05:08 น.  

 
น่าดูจริงๆ


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:55:11 น.  

 
แค่อ่านยังฟังดู ยาก ไง ไม่รู้ฮะ
คงจะเรียบๆ เลยมั้งเนียะ ..

ตกใจตื่นเต้น ก็ข้อความแรกที่ว่ามี ศพ นอนจมกองเลือดอยู่
โอ้ว รีบอ่านทันที ทันใดนั้น ยิ่งอ่าน ยิ่งไม่เห็นเกี่ยวกะ ศพที่ว่านั่นเลยเนอะ


โดย: haro_haro วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:54:10 น.  

 
พรุ่งนี้เชียร์เชลซีกันนะคับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:50:05 น.  

 
เรื่องนี้ท่าจะเข้าใจยากจัง สงสัยขอผ่าน

ช่วงนี้เครียด เลยพยายามหาหนังง่ายๆมาดูเยอะๆ

ปล.ตอนนี้กำลังเมามันส์กะ Poison Break แล้วก็ Lost อยู่


โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:26:55 น.  

 
getter Tu
คนไทย..หัวใจลูกทุ่ง ^_^

BdMd
หุหุ อ่านไหวป่าว

น้าเอ้
^_^

haro_haro
ก็..เกี่ยวอยู่นะเราว่า..

The Kop Civil
คืนนี้เชียร์แน่
แต่ไม่รู้จะเชียร์ใครดี..ใครอยากได้ก็เอาชนะกันให้ได้ละกัน 555
จะว่าไป เราเห็นว่าแมนยูนั้นเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัดคู่แค้นกะหงส์
ฉะนั้น เชลซีเลยเหมือนคนนอกสำหรับเรา
ใจเลยเอนเอียงไปเชียร์แมนยูนิดนึง ^_^"

Tony Koon
Lost ยังไม่เคยดูเลย หนุกป่าวอ่ะ
Poison Break นี่...ชอบจริงๆ หนุกดีๆ


โดย: renton_renton วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:45:05 น.  

 
แหม แหก "คุกยาพิษ" กันเลยเหรอ พ่อสกอฟิลด์ของสาวๆจะรอดไหมเนี่ย

ล้อกันเล่นนน หุหุ


โดย: BloodyMonday วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:44:04 น.  

 
ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของฌอง ลุค โกดาร์ดกับวิม เวนเดอร์
แกไม่เห็นด้วยว่าหนังจะต้องมีความยาวมาตรฐานเป็นตัวตั้ง (ไม่รู้ใครตั้ง)
ทั้งๆที่หนังบางเรื่องมันควรจะจบตั้งแต่20นาทีแล้ว
กลายเป็นว่าเรายึดความยาวแบบหนังส่วนใหญ่เป็นประเพณีเสียแล้ว

หนังเรื่องนี้น่าดูนะครับ



โดย: wayakon IP: 58.9.215.182 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:00:45 น.  

 
+ อืม ... หนังทริลเลอร์ ในอารมณ์นิ่งๆ เนิบๆ เหรอ เหมือนจะน่าสนใจเลยนะครับเนี่ย

+ ได้ข่าว (จากแถวๆ บล็อกคุณหมอก๊ก) ว่าคุณ จขบ. ก็เกิดอาการตันๆ ไปช่วงนึงเหมือนกันเหรอคับ? เอาน่า ลองพัก เติมพลังให้ชีวิตตัวเองซักแป๊บ ก็น่าจะกลับมาเขียนงานดีๆ ออกมาได้เหมือนเดิมอ่า ยังรอติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆ นะครับผม

+ บอลคู่ชิงเมื่อคืน เหมือนผมเป็น 'คนนอก' เลยแฮะ เลยเข้านอนตอนที่เริ่มเตะกันพอดี! รออ่านข่าวตอนเช้าเอาดีกั่ว เหอๆๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:41:34 น.  

 
เราว่าความหมายของ Geek ที่เรนตั้นเข้าใจ น่าจะเป็นอะไรที่คล้ายกับที่เราเข้าใจน่ะ แต่มันก็จะมีเส้นบางๆ ที่แบ่งความเป็น geek กับไม่เป็นอยู่เหมือนกัน (เวลาเราอ่านบทความในเน็ต ก็จะเห็นทะเลาะกันอยู่ร่ำๆไป) ถ้าความหมายตรงๆ geek ก็คือ "บุคคลที่ให้ความสนใจ (หรือคลั่งไคล้) กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากกว่าคนปกติทั่วไป" อย่างที่เราเห็นคนที่แต่งเป็นกับตัน Kirk หรือ Spock ในงาน Star Trek Convention (อย่างที่เราเห็นกันในหนังเรื่อง Galaxy Quest นั้นแหละ)

แต่มันก็จะมีคำที่ถูกบัญญัติขึ้นมาอีกคำ นั้นก็คือ Fanboys ซึ่งคำนิยามนั้นก็จะเหมือนกับ Geek แหละ เพียงแต่ว่าคนพวกนี้ จะเป็นพวกที่คลั่งไคล้กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วยังไม่พอ พวกเขายังดื้อดึง และไม่รับฟังข้อวิจารณ์ใดๆทั้งสิ้นต่อสิ่งที่พวกเขารัก พูดง่ายๆก็คือ ใครจะมาเปลี่ยนความทรงจำที่ดีในอดีตของพวกเขาไม่ได้เลย เช่นที่เราเคยอ่านไม่นานมานี้ ที่ทางเมกากำลังสร้างหนังจากการ์ตูนเรื่อง GI Joe มันก็จะมีคนมาคร่ำครวญว่า ผู้สร้างจะสร้างออกมาให้เหมือนกับการ์ตูนหรือไม่ แล้ว่ตอนที่ภาพชุดแต่งกายชุดแรกหลุดออกมาให้เห็น พวกนี้ก็จะออกมาด่า มาวิจารณ์ว่า ทำไม่มันไม่เหมือนกับในการ์ตูนเลยว่ะ (เออ พี่ครับ รอให้มันออกมาเป็นหนังก่อนจะดีไหม)

อ้าว เขียนเองงงเอง 55+ สรุปว่าการเป็น Geek นี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร คือถ้าเราชอบอะไร แล้วค้นคว้าเกี่ยวกับมันลึกลงไปซะหน่อย มันก็ไม่ได้ผิดอะไร เผลอๆ ถ้าไปเจอ Geek เรื่องเดียวกันแล้ว จะคุยกันถูกคอซะอีก (แต่ถ้าไปเจอ Fanboys ในเรื่องเดียวกันน่ะ โอย เถียงกันไม่จบ)

ปล. อ้าว เรนตั้นเป็น Writer's Block Syndrome เหรอ อย่าห่วง มันไปๆมาๆแหละเนอะ
ปล. Paranoid Park ว่าจะไปส่งพรุ่งนี้ ไม่ก็ข้ามไปวันจันทร์เลย รอหน่อยเด้อครับ


โดย: You know who... IP: 124.120.67.138 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:49:05 น.  

 
wayakon
แต่ไปๆมา ความยาวของหนังก็ถูกจัดให้มาเปรียบเทียบกับเงินค่าตั๋วที่เข้าไปดูหนังเรื่องนั้นจนได้
ได้ยินอยู่บ่อยๆ..ว่า ดูแป๊บเดียวหนังจบละ..ไม่คุ้มค่าตั๋วเลย..(อ้าว..)
หนังยาวๆ ค่อยคุ้มค่าตั๋วหน่อย..(อ้าว..)

เป็นงั้นไป

บลูยอชท์
อ่านที่หน้าแรกของคุณหมอก๊กวันนั้นแล้วอยากจะขอบคุณล้านเท่า
ที่เหมือนพูดแทนเราไปด้วยในคราวเดียวกัน หุหุ

คู่บอลคืนนั้น เราเองก็เชียร์ใครไม่ออกเหมือนกัน
ให้เสื้อแดงรับถ้วย ก็เคืองนิดๆ
ให้เสื้อน้ำเงินขึ้นรับ ก็คงไม่พอใจ 555

U Know I Know Who U R ..
ขอบคุณมากมายสำหรับการไขคดีในครั้งนี้ จะอ่านและจะจำให้ขึ้นใจกับฟามรู้ใหม่อันนี้..ขอบใจจริงๆ

Writer's Block Syndrome ...ในที่สุด ดิชั้นก็มีโรคเป็นของตนเองซะที
หลังจากที่ตัวเองงวยงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต 555

Paranoid Park รอได้รอได้ ขอบใจอีกที ซึ้งใจจริงๆ


โดย: renton_renton วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:43:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
18 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.