★ Eduart …เงาบาปยังสว่าง แม้ในคืนที่มืดมิด (2006)




* หมายเหตุ – บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง

เมื่อปี 2005 ผู้กำกับฯชาวกรีก คอนสแตนติน กิอันนาริส (Constantine Giannaris) มีผลงานหนังเรื่อง Omiros (Hostage) ซึ่งเขาได้หยิบยกเอาเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นมาถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์ม ว่าด้วยการปล้นรถบัสของเด็กหนุ่มชาวแอลเบเนียนคนหนึ่งที่จับผู้โดยสารเป็นตัวประกันไว้ได้ 7 คนแล้วเรียกร้องเงินค่าไถ่เป็นจำนวน 5 แสนยูโร สุดท้ายเหตุการณ์ครั้งนั้นก็จบลงด้วยความเศร้าสลด ในปีต่อมาผู้กำกับฯหญิงชาวกรีก แอนเจลิกิ อันโตนิอู (Angeliki Antoniou) มีผลงานหนังอันได้แรงบันดาลใจในการสร้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการอ่านข่าวทางหน้าหนังสือพิมพิ์ตั้งแต่เมื่อครั้งปี 2002 เป็นเรื่องของหนุ่มชาวแอลเบเนียนคนหนึ่งที่ตั้งใจเข้ามอบตัวและสารภาพกับตำรวจชาวกรีกว่าเขาเคยฆ่าคนตายมาแล้วเมื่อครั้งที่เขายังอาศัยอยู่เอเธนส์ หนังเรื่องที่ว่านั้นก็คือ Eduart (2006) โดยเธอเลือกใช้ชื่อหนังตามชื่อของนักโทษ (ตัวละครหลักของเรื่อง)

ดูเหมือนว่าหนังทั้งสองเรื่องนี้ต่างก็เป็นมุมมอง เจตคติที่ถูกถ่ายทอดจากสายตาของคนกรีกอันพูดถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาสร้างปัญหาวุ่นวายภายในประเทศกรีซของตนเหมือนกัน ซึ่งประเทศกรีซเองมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพหรือผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมาช้านาน ส่วนใหญ่มาจากประเทศแอลเบเนีย โรมาเนียและโปแลนด์ แต่หากว่ากันตามจริงแล้ว หนังเรื่องหลังของแอนเจลิกินั้นปัญหาแรงงานหรือผู้อพยพไม่ใช่เรื่องหลักที่เธอสนใจ หากแต่เป็นความสงสัยในตัวบุคคล

เธอสงสัยว่าสิ่งใดกันที่ทำให้คนคนหนึ่งกล้าที่จะเดินเข้ามอบตัวและสารภาพความจริงถึงสิ่งเลวร้ายที่ตนได้ทำลงไป เพราะหากจะว่ากันจริงๆแล้วคดีความนั้นมันผ่านไปนานร่วมปีและอาจถูกลืมเลือนกลืนหายไปจากความทรงจำของผู้คนไปแล้ว และตัวเขาเองก็ไม่ได้ถูกประกาศจับหรือไล่กวดจากหน่วยงานใด




เอดวาท (เอชเรฟ เดอร์มิชิ) หนุ่มชาวแอลเบเนียนเดินทางไปที่เอเธนส์ กับความฝันอยากเป็นร็อคสตาร์ เพื่อนที่เขาขอพักอาศัยอยู่ด้วยนั้นแนะนำให้ขายบริการกับชายคนหนึ่งเพื่อแลกกับเงินมาใช้ เช้าวันต่อมาข่าวทางโทรทัศน์แจ้งข่าวการเสียชิวิตของชายคนนั้น ในสายตาของเพื่อน เอดวาทตกเป็นผู้ต้องสงสัยและเข้าใจว่าเขาเป็นคนลงมือกระทำจริงจึงไล่ออกจากบ้าน เอดวาทระเหเร่ร่อนหลับนอนไม่เป็นที่เป็นทางเลยถูกเจ้าหน้าที่จับส่งปล่อยตัวคืนที่เขตชายแดนกรีซต่อแอลเบเนีย เขาจึงเดินทางกลับเข้าบ้านหลังออกจากบ้านไปร่วม 2 ปี ที่บ้านมีแม่และน้องสาวยินดีในการกลับมาของเขา เว้นแต่พ่อที่คอยพูดกระแทกแดกดัน

ในบ่ายวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมเขาจากการชี้ตัวของพ่อฐานขโมยเงินก้อนสำคัญก่อนหนีออกจากบ้านเมื่อ 2 ปีก่อน

ภายในคุก เอดวาทมีเรื่องทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับนักเลงเจ้าถิ่นในนั้นจนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส แต่ได้รับการช่วยเหลืออย่างดีจากหมอ คริสตอฟ (อันเดร เฮนนิคเค่) หมอชาวเยอรมันที่คอยดูแลรักษาผู้ป่วยผู้ต้องขัง เมื่อเอดวาทหายดีจึงขออาสาเป็นผู้ช่วยหมออยู่ในโรงพักฟื้นนี้เพราะไม่อยากออกไปเจอกับคู่กรณีอีก

ไม่นานนักรัฐบาลแอลเบเนียประกาศเหตุฉุกเฉิน อันเกิดมาจากการจลาจลของกลุ่มติดอาวุธ เกิดการประท้วง บุกถล่มลุกลามไปทั่วบริเวณ ทำลายข้าวของทุกสิ่งที่ขวางหน้าจนเกินกำลังการควบคุมของตำรวจ ประตูสถานกักกันก็ถูกบุกทำลายพังพินาศ เป็นเหตุให้นักโทษทั้งหลายฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนหนีออกไปตายเอาดาบหน้า เอดวาท, หมอและนักโทษอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นรถบันทุกหนีออกนอกเมืองมาได้ แต่โดนผู้ร้ายปล้นเอารถกลางทาง เอดวาทและหมอที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บหลบหนีไปพักที่บ้านร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน

ในภาวะที่จนตรอกไม่เห็นทางออกอย่างนี้ ก็เป็นจังหวะที่ทั้งเอดวาทและหมอได้ผลัดกันเอ่ยถึงสิ่งที่ตกติดค้างอยู่ในใจมาตลอดถึงเรื่องเลวร้ายที่ตนได้เคยกระทำ ไม่มีใครดีหรือเลวไปกว่าใคร เอดวาทสารภาพกับหมอว่าตัวเองได้ทำร้ายชายคนคนหนึ่งจนเสียชีวิต แต่ทำไปโดยไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หากแอบภูมิใจที่ตนเองไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่างหาก




หลังจากนั้น เอดวาทก็ระหกระเหินเดินทางอีกครั้งจนข้ามเขตชายแดนแอลเบเนียต่อกรีซ และสารภาพกับเจ้าหน้าที่ทหารของกรีซว่าเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ เขาเคยฆ่าคนตายมาแล้วที่เอเธนส์

เส้นเรื่องที่อันโตนิอูวางไว้นั้นไม่มีอะไรสลับซับซ้อนให้มากความเลย ดำเนินเรื่องไปตามเหตุที่เกิด ตัวเอกย้อนกลับไปรำลึกภาพในอดีตบ้างบางจังหวะเพื่อขยายเรื่องราวให้ลึก จัดว่าเป็นหนังที่ดูดีและดูได้สนุกน่าติดตามว่าเหตุและผลจะไปจบลงที่ตรงใด

แต่น่าเสียดาย บนความน่าติดตามสอดส่องชะตากรรมของตัวละครหลักนั้นอันโตนิอูลืมมองเห็นสิ่งสำคัญ กลับปล่อยให้ตกหล่นและขาดหายไปในระหว่างทางคือความเป็น “ดราม่า” หรืออารมณ์เร้าที่สะท้อนภาวะภายในจิตใจของตัวละครออกมา อันเป็นความรู้สึกที่หากคนดูได้รับ ก็เสมือนหนึ่งคนดูได้รับอนุญาตให้ช่วยเจ็บช้ำน้ำใจ ให้ช่วยเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมเพื่อแสดงความอึดอัดใจเสียใจ เศร้าใจเมื่อคราวเอดวาทโดนทำร้ายร่างกายอย่างเจ็บสาหัสภายในคุกและเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าหนังกำลังเอาคนดูได้อยู่หมัด แต่ปฏิกิริยาการตอบสนองและผลสะท้อนกลับของความเจ็บปวดใจจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นของเอดวาทกลับไม่มีอยู่เลยหรืออาจจะเบาบางมากจนรู้สึกอะไรไม่ได้ ประหนึ่งว่าเป็นเรื่องที่ผ่านมาและผ่านไปเท่านั้น ทั้งที่ความเจ็บช้ำในครั้งนั้นรุนแรงจนแทบจะเรียกว่าเป็นแผลลึกฝังในใจไปจนตัวตายก็ไม่ผิดนัก

จากข้อตกหล่นนั้น หากแม้จะใช้ไดอะล็อคของตัวละครในค่อนท้ายเรื่องที่เอ่ยกับหมอมางัดค้าน อันเป็นคำพูดสะท้อนสภาวะจิตใจของเขาว่ากระทั่งฆ่าคนเขายัง “ไร้ความรู้สึก” บ่งบอกถึงความย็นชาต่อความเจ็บปวดไม่ว่าของตนหรือผู้อื่นได้ แต่ในเมื่อท้ายเรื่องเอดวาทเป็นผู้เดินเข้าไปสารภาพความผิดด้วยตนเอง จึงเป็นการขอของคนดูที่ไม่มากไปแน่นอนหากเราจะได้เห็นความกดดัน ความสำนึกผิดต่อบาปตลอดเวลาที่ผ่านมาบ้าง แต่หนังกลับไม่ตอบโจทย์ตรงนั้น

ยิ่งหากย้อนกลับไปมองเรื่องราวตั้งต้นว่าแรงบันดาลใจในการทำหนังเรื่องนี้ของผู้กำกับฯมาจากความสงสัย ว่าความรู้สึกภายในอันใดที่ดลใจห้เอดวาทเข้ามอบตัวทั้งที่ข่าวคดีนั้นเงียบหายไปแล้ว อารมณ์รวมของหนังจึงยังห่างจากจุดนั้นอยู่มาก

ส่วนงานด้านภาพ ผู้กำกับภาพ เจือเก้น เจือเก้ส เลือกใช้เทคนิคการถ่ายภาพแบบสเตดี้แคม (Steadicam) ทำให้ภาพที่ได้ออกมามีการโยกไหวเล็กน้อย ไม่นิ่ง ได้ความรู้สึกไม่ราบรื่น แทนสายตาคนดูในฐานะเป็นผู้สังเกตุการณ์ เพื่อให้ผู้ชมร่วมรับรู้เหตุการณ์ไปพร้อมกับตัวละคร ภาพบรรยากาศภายนอก (out door) รวมทั้งการให้แสงก็สอดคล้องกับอารมณ์ของตัวละคร เช่นตอนที่เอดวาทกลับบ้านและได้นั่งคุยกับน้องสาวที่ริมแม่น้ำกับแสงแดดที่สาดเพียงอ่อนๆลามไล้ใบหน้า ก็ให้ความรู้สึกที่สดใส รื่นเริง มีชีวิตชีวา แทนช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และอีกฉากหนึ่งคราวที่เพื่อนไล่เอดวาทออกจากบ้านและเขาไม่รู้จุดหมายปลายทางของตน ภาพที่ได้เป็นบรรยากาศริมทะเลตอนพลบค่ำ ฟ้าหม่นมีเพียงแสงไฟจากเรือดวงเล็กๆอยู่ไกลๆ พ้องกับความหวังต่อสิ่งต่างๆในชิวิตอันมืดมนของเขานั้นยิ่งริบหรี่ลง




เจือเก้ส เคยมีผลงานในการร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังมาแล้วเช่นร่วมงานกับ ไรเนอร์ เวอร์เนอร์ ฟาสบินเดอร์ ในเรื่อง Ali:Fear Eats the Soul (1974) เคยร่วมงานกับ ไมเคิล ฮาเนเก้ ในเรื่อง Funny Games(1997), Code Unknown (2000) และ The Time of the Wolf (2003)

ประเทศแอลเบเนีย ถือได้ว่าเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรป ความเป็นอยู่อัตคัดขัดสน ประสบปัญหาหลากหลาย หากผู้ใดต้องการความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือต้องการสร้างโอกาสให้ตนเอง ก็ต้องเดินออกจากจุดเดิมเพื่อค้นหา เพื่อเปลี่ยนแปลง เพื่อหลุดให้พ้น หรือเพื่อ “หนี” ไม่ว่าจะเรียกมันว่าอะไรก็ตาม แต่หากชัดเจนในสิ่งที่ทำและมุ่งหวัง ก็เป็นไปได้ว่าอาจสมมารถปรารถนาในสักวัน อย่างน้อยก็ไม่ย่ำอยู่กับที่

การเมืองในแอลเบเนียที่เกิดโกลาหล กลุ่มผู้ประท้วงแสดงจุดยืนเพื่อต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
เอดวาท หนีข้ามชายแดนลักลอบเข้าเมืองเข้าประเทศอื่นก็เพื่อเพิ่มโอกาสในการเป็นร็อคสตาร์ให้กับตัวเอง และท้ายสุดก็ “หนี” ความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในใจมาตลอด เลือกที่จะชดใช้หนี้กรรมมากกว่าจะแบกความทุกข์ที่เหมือนดั่งชนักปักหลังติดตัวไปทุกแห่ง

Eduart (2006) ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนจากประเทศกรีซเพื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 80 ปี 2008 ในสาขา Best Foreign Language Film ปีเดียวกันกับที่ King of Fire (2007) หรือ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นตัวแทนจากประเทศไทย, I Served the King of England (2006) เป็นตัวแทนจากสาธารณรัฐเชค, Persepolis (2007) เป็นตัวแทนจากประเทศฝรั่งเศส และต่างก็อกหักเหมือนกัน



:: Please welcome ::

ขอเชิญ ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหนังหลากเรื่องหลายแนว ทั้งชนโรง ทั้งหนังแผ่น ได้ที่ //vreview.yarisme.com ค่ะ และเรายังมีกิจกรรมให้ทุกท่านมีสิทธิลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท ฟรี!!!! จำนวน 8 ใบ ทุกเดือนอีกด้วย
.
.







Create Date : 02 สิงหาคม 2551
Last Update : 4 สิงหาคม 2551 13:32:41 น. 16 comments
Counter : 1122 Pageviews.

 
หนังที่ได้ดู


Fine Dead Girls (2002)

++ จี๊ดมาก ปกติจะดูหนังหญิงรักหญิงไม่ได้ แต่เมื่อเรื่องนี้ออกแนวทริลเลอร์และฆาตกรรม ก็เลยสนุกและ....จี๊ดดดดดดดด




The Most Distant Course (2007)

++ ใสใสกับความหวังและเรื่องของชะตาฟ้าลิขิต สนุกดี เรียบง่าย กินใจ


โดย: renton_renton วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:16:41:56 น.  

 
เรื่องนี้เขียนยาวกว่าทุกครั้งนะ

ยังไม่ได้ดูสักทีครับ
เอาไว้ดูแล้วค่อยกลับมาอ่านอีกที


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:23:18:52 น.  

 
อืมม เรายังไม่ได้ดูน่ะ (และก็คงไม่เลือกดูด้วยตัวเองในเร็วๆนี้แน่ ฮา..) แต่อ่านแค่คำโปรยก็รู้แล้วล่ะว่า ตัวเอกจะต้องรับมือกับสถานการณ์ ที่อยากลำบากขนาดไหน...

ขอแสดงความเห็นเรื่อง Steadicam เราเองก็ไม่ได้เรียนมาหรอกน่ะ แต่ที่เข้าใจก็คือ มันเป็นเทคนิคการถ่ายทำ ที่ทำให้ตากล้องสามารถแบกกล้องหนัง (ที่ปกติแล้วใหญ่จนต้องมีดอลลี่ หรือขาตั้ง support น้ำหนัก) เดินทางไปมาได้ โดยจะมีอุปกรณ์ที่คล้ายๆกับแจ็คเก็ต พันรอบๆตัวตากล้อง ที่สามารถทำให้ช๊อตแต่ละช๊อต ออกมาสมูทและดูราบรื่น (โดยมีแจ็คเก็ตตัวนั้นเป็นบัฟเฟอร์รับแรงกระแทกต่างๆ) เหมือนกับการใช้ขาตั้ง (แถมยังมีอิสระในการเคลื่อนไหว และติดตามช๊อตที่ต้องการได้อย่างสะดวกอีกด้วย) ดังเช่นที่เราเห็นในช๊อตของ The Shining (ฉากเด็กปั่นจักรยาน) หรือล่าสุดอย่างฉากโชว์พาวใน Atonement นั้นไง

ของเรานี้กลับกันเลยน่ะ ถ้าเป็นหนังชาย <3 ชายนี้ จะต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะตัดสินใจดู 55+ เรนตั้นได้ดู Heavenly Creature หรือยัง เราว่ามันเป็นหนังหญิง <3 หญิงที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งเลยน่ะ (ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้พูดถึงความรักกันซะตรงๆก็เถอะ 55+)

ปล. ก่อนเขียนถึงตรงนี้ จำได้ว่าจะมีอะไรถาม แต่ตอนนี้กลับคิดไม่ออกแล้ว 555+ เอาไว้นึกออกแล้วค่อยว่ากัน...



โดย: BloodyMonday วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:18:50:45 น.  

 

ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูหนังเลยพักนี้
เพราะงานเยอะมาก...หาเวลาของตัวเองไม่ค่อยได้เลย
สัปดาห์ก่อนได้ดู Batman;The Dark Knight
ไม่รู้เป็นไง..ไม่ค่อยชอบ..แบบว่ามันอืดๆ
ยังไงไม่ทราบ...
แบบว่าเกือบเดินออกจากโรงหนังเลยทีเดียวเชียว

Recados e Imagens - Anjos - Orkut

Recados, Gifs e Imagens no Glimboo.com





โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:19:26:36 น.  

 
น้าเอ้
ได้ดูแล้วอย่าลืมแวะมานะคะ ^_^

BdMd
ขอบใจหลายสำหรับความคิดเห็นเรื่องเทคนิคของการบันทึกภาพ ^_^

โอ หนัง หญิง+ หญิง นี่ปกติจะโดดข้ามจริงๆ
แต่เรื่องนี้..ก็ดูเอาเถิดว่าบุคลิคของเธอ แมนสรวงซะขนาดนั้น เลยยังพอทำใจได้ว่าไม่ค่อยหญิง 55
ชาย+ชาย ดูได้ ก็เป็นเรื่องๆไปอ่ะนะ อย่าง เพื่อน_รักเมิงว่ะ นี่ก็พอทำเนาเพราะออกแนวทำให้ขำซะมากกว่า
เรื่อง Heavenly Creature ยังไม่เคยดูเลยเห็นโปสเตอร์แล้วก็ยังสงสัยอยู่ว่าอยากดูหรือเปล่า หุหุ

นึกออกเมื่อไหร่ ก็มาถามโลดเน้อ ได้ทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์


เริงฤดีนะ
โห..เหรอ
จะเดินออกจากโรงเลยเหรอ...
สงสัยว่าคงไม่ถูกกับหนังมืดมืด หดหู่ๆ

เราดูตั้งสองรอบแน่ะ ^_^


โดย: renton_renton วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:21:07:40 น.  

 
คนรู้จักเราคนนึง ก็เดินออกจาก ดาร์ค ไนท์ นะ เค้าบอก เครียด


โดย: merveillesxx วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:3:52:28 น.  

 
+ อืม ... ผมคงไม่มีโอกาสได้ดูเรื่องนี้ในเร็ววันนี้อ่ะครับ ก็เลยอ่านไปซะเยอะเลย สปง สปอยล์ อุๆ ... คุณสลิ่มช่างสรรค์หาหนังแปลกๆ หายากๆ มาดูจริงๆ เลยอ่า ชื่นชมๆ

+ อ้าว! ดู Dark knight แล้วเหรอครับ? เห็นไม่ได้รีวิวลงยาริส ก็เลยนึกว่ายังไม่ได้ดูอ่า (เพราะเห็นท่านอื่นๆ เขียนกันไว้หมดแล้ว)

+ ช่วงนี้ผมห่างหายจากหนัง (ทั้งหนังโรงและหนังเคเบิล) ยังไงไม่รู้อ่ะครับ ... หลายๆ เรื่องก็ไม่ได้ดูกะเค้า แต่สัปดาห์ที่จะถึงนี่ แอบสนใจหนังฟอร์มเล็ก 2 เรื่อง อย่าง The first cry (ลิโด) กับ The sun also rises (เฮาส์) อ่ะครับ และรอเก็บตก Be kind rewind ด้วยอ่า


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:20:47:51 น.  

 
ยาวจัง !!


โดย: haro IP: 203.153.163.34 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:11:52:02 น.  

 
หนังหญิงหญิงนี่ท่าทางโปสเตอร์โหดๆ ชอบกลนะครับ อยากดูจัง


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:14:01:22 น.  

 
นึกไม่ออกแล้ว ว่าจะถามอะไร แหะๆๆ

ดูเรื่องเพื่อน_รักเมิงว่ะ มาด้วยเหรอเนี่ย เราไม่กล้าดูอ่ะ...กลัวใจ 55+

ไปดูตุ๊กตาหิน เอ้ย มัมมี่ 3 รึยัง ดีน่ะที่ตัดสินใจไปดูคนเดียว จะได้ไม่ต้องโทษใคร นอกจากโทษตัวเอง


โดย: BloodyMonday วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:18:15:19 น.  

 
แวะมาทักทาย อุตสาห์ทักเราทีบ้านมา เหอๆ

ดูมา 2 รอบเหมือนกันสำหรับ อัศวันรัตติกาล

ตอนนี้หนังกำลังทำลายสถิติเรื่อยๆ ล่าสุด ทำเงินทะลุหลัก 400 ล้านไปแล้ว เฉพาะในอเมริกา


โดย: chubbymature IP: 58.8.34.2 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:23:52:51 น.  

 
อ่านตอนแรกที่บอกว่าเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนังก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าจะอ่านต่อดีมั้ยหว่า...
แต่ก็ตัดสินใจอ่านต่อครับ เพราะผมคาดว่าคงหาโอกาสที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ได้ยากอยู่

ติดใจตรงที่บอกว่าหนังไม่เน้นดราม่า ไม่เปิดโอกาสให้คนดูได้รู้สึกร่วมไปกับตัวละคร
ผมเคยรู้มาว่าบางทีคนสร้างเขาก็ตั้งใจเช่นนั้น เลือกที่จะกันคนดูออกไปเป็นผู้เฝ้ามองเหตุการณ์มากกว่า
ประมาณว่าถ้าคนดูไม่ต้องมีอารมณ์ร่วมมากนักอาจจะมองเห็นสารที่หนังต้องการสื่อชัดเจนขึ้น

ในทางกลับกันอย่างที่คุณ renton บอกว่าการไม่ปล่อยให้คนดูได้สัมผัสความรู้สึกของตัวละคร
กลับจะยิ่งกันคนดูให้ห่างไกลออกไปอีก ผมว่าคนสร้างคงต้องคิดทบทวนอีกทีว่าวิธีการนำเสนอนั้นเหมาะสมแล้วหรือยัง
สุดท้ายแล้วมันอาจเป็นหนังที่ถูกใจคนทำแต่ขัดใจคนดูก็เป็นได้


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:10:01:35 น.  

 
merveillesxx
^_^ "

บลูยอชท์
อัศวินรัตติกาลยังไม่ได้เอาไปลงยาริส เพราะรอตกผลึกอยู่ค่ะ ^_^
อยากดู The first cry ด้วย

haro
^_^

johann sebastian Bach
^_^ โปสเตอร์ดูโหดๆ บางฉากบางตอนในหนังก็โหดและน่าหวาดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ
บางทีมันก็ทำให้เรารู้สึกชิงชังมนุษย์ที่อยู่ในหนังเสียเหลือเกิน

BdMd
ดูแล้ว มัมมี่ 3 ... เฮ้อ...ดูไปซัก สิบนาทีก็เริ่มคิดแล้วว่าเมื่อไหร่จะจบเนี่ย 555
ให้เดินออกจากโรงไม่เดินหรอก เราต้องรับผิดชอบความคิดและเงินของเราให้ถึงที่สุด หุหุ

chubbymature
หากมีโอกาสก็ยังดูได้อีกค่ะ หุหุ

พลทหารไรอัน
เรามองว่า ถ้าไม่เพิ่มอารมณ์บีบคั้นใดๆ
หนังที่ได้ก็จะออกมาเป็นแบบที่ดูไปนี้คือดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆแล้วจบ
และฉากจบนั้นสำคัญ เพราะเป็นแก่นที่ผกกฯเองเปรยไว้ว่าคือแรงผลักดันให้ทำเรื่องนี้
แต่มันกลับเป็นจุดที่ไร้พลังใดๆ

^_^



โดย: renton_renton วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:17:10:09 น.  

 
เราจริงๆแล้วก็ไม่ค่อยชอบนั่งดู concert เหมือนกันน่ะ แต่ก็เว้นไว้สำหรับวงหรือนักร้องที่ชอบจริงๆ หรือโอกาสพิเศษสุดๆแบบนี้ ^^

"ฮากริบ" คือเหมือนจะฮาไง แต่ไม่ฮา 55+ (นายโจนาห์ แกก็พยายามจริงๆ อุตส่าห์ทิ้งช่องว่างให้คนดูหัวเราะ เหมือนในซิตคอมซะด้วย)

Barton Fink สงสัยเรนตั้นดูเสร็จแล้ว จะต้องมาเล่าให้ฟังอะดิ เพราะความจำของเรามันรางเลือนเหลือเกิน แหะๆๆ


โดย: BloodyMonday วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:9:52:33 น.  

 
หนังจีนเรื่องนี้นี่นางเอกคนเดียวกับ Blue Gate Crossing รึเปล่า (ไม่เคยดูหรอกนะ เคยดูแต่ Secret 55555)

อ่านผ่านๆตอนต้นๆแล้ว รู้สึกสงสัยมากว่า กรีซ กับ แอลเบเนีย (หรือคนเชื้อสายแอลเบเนีย) มีประเด็นความขัดแย้งอะไรกันหรือเปล่าหนอ


โดย: nanoguy IP: 125.24.153.79 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:2:04:55 น.  

 
The Signal ไม่สนุกเลยยย T-T T-T ดูแล้วรู้สึกอยากจะเอา 90+ นาที ที่สูญเปล่ากลับมา...

ไม่เป็นไร ดองเอาไว้ๆ เราก็มี The Man Who Wasn't There ของสองพี่น้อง Coen ดองไว้อยู่เหมือนกัน หุหุ...


โดย: BdMd IP: 124.122.166.130 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:22:10:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
2 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.