ดึกแล้วคุณขา หรือ Bangkok Time เป็นหนังที่เล่าถึงชีวิตของคนทำงานวัยหนุ่มสาว 3 คน ที่ทำมาหาเลี้ยงชีพในช่วงเวลากลางคืน พยาบาลกะดึกคือหน้าที่การงานประจำของ ฝน (ดุสิตา อนุชิตชาญชัย) แต่อีกอย่างหนึ่งที่เธอทำเป็นประจำคือการโทรศัพท์ เธอโทรหาใครบางคน ที่ไม่เคยมีการตอบรับจากปลายสายเลยสักครั้งหนุ่ม* (อรรถพร ธีมากร) มีอาชีพอยู่กับการขาย ขายแผ่นหนังโป๊ ขายนาฬิกาของปลอมแท้ๆ ย่านถนนสีลม บางวันนึกครึ้มอยากขายข้ามฝั่ง ก็โดนเจ้าถิ่นวิ่งไล่ยำจนได้รับบาดเจ็บ พาตัวเองขึ้นแท็กซี่ไปโรงพยาบาล เลยได้รับการทำแผลจากฝน ซึ่งวันนั้นเธอเข้าเวรพอดี อนันดา**(อนันดา เอฟเวอริ่งแฮม) หนุ่มขายบริการ ซึ่งลูกค้าแต่ละรายประเมินจากสายตาแล้วอายุอานามก็รุ่นราวคราวพ่อ-แม่ได้เลย เขารู้จักใช้หลักจิตวิทยาเพื่อเอาใจลูกค้าแต่ละคนสารพัด แต่พอเรื่องส่วนตัวของตัวเองมีปัญหา เขากลับไม่รู้วิธีที่จะจัดการหรือเผชิญหน้ากับมัน3 คน 3 เหงา ซึมหม่นอยู่ท่ามกลางแสงสีวาบไหวในเมืองกรุง หลังจากวันที่ ฝน ทำแผลให้ หนุ่ม ในคราวนั้น เขารู้สึกประทับใจและอยากเจอเธออีก หนุ่มจึงค้นพบวิธีที่จะได้พบเธออีกครั้งคือต้องทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อที่จะได้เข้าโรงพยาบาลและเจอเธอ ...ซึ่งบางครั้งก็เป็นความพยายามที่สูญเปล่า แต่บางคราวก็ทำให้หัวใจพองโตได้เหมือนกันช่วงเวลาที่ ฝน เจ็บปวดจากเสียงรับของผู้หญิงปลายสายที่ขอให้เธอเลิกโทรหา "เขา" เสียทีนั้น ก็พอเหมาะพอดีกับที่ หนุ่ม ได้เข้ามาทำความรู้จักกับเธอฝน ได้พบกับ อนันดา ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง บทสนทนาของทั้งสองระบุความสัมพันธ์กันได้ไม่ชัดเจนนัก เขาชมว่าห้องสวย ฝน บอกกับเขาว่าก็ห้องเดิมนั่นแหละ และแม้เธอจะจะบอกกับเขาว่าเธอท้อง เขายังถามด้วยความไม่แน่ใจว่า ท้องกับเขาแน่เหรอ.. จนถึงเวลาที่ อนันดา ถามและขอคำปรึกษาจากเจ๊ที่รู้จักคนหนึ่งนั่นแหละ เราถึงเข้าใจถึงสถานภาพของเขาและฝนได้ชัดเจนแต่หนังก็ค้างเรื่องความสัมพันธ์ของ อนันดากับฝน และ ฝนกับหนุ่ม ไว้เพียงเท่านั้น โดยยังไม่มีคำตอบและยังไม่ถึงบทสรุปซึ่งไม่ต่างอะไรกับชีวิตของเราทุกคน ที่ยังดำเนินและหมุนตามวงล้อของกลางคืนและกลางวันอย่างไม่สิ้นสุด อย่างที่ยังระบุไม่ได้ ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นดึกแล้วคุณขา เป็นหนังที่มีการเล่าเรื่องแบบไม่เรียงลำดับ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดในปัจจุบันของแต่ละตัวละคร ถูกตัดฉับฉับสลับกันกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อนโน้น และแถมด้วยสลับกันไปมาระหว่างตัวละครเอกทั้ง 3 คนด้วย ไม่งงในเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอย่างไรดี ซึ่งเหมือนกับผู้ชมได้รับตัวต่อจิ๊กซอว์ทีละตัว ทีละตัว(ซึ่งไม่ต่อกัน) โยนมาใส่มือตัวแล้วตัวเล่า ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพยายามต่อมันตรงนั้นเลย หรือหอบเอากลับบ้านมาแล้วค่อยมองค่อยเลือกต่อให้มันเข้าล็อคแต่ก็อย่าลืมว่า จุดประสงค์หลักของคนที่เข้าไปดูหนังนั้นอย่างน้อยๆเลยคือดูจบแล้วก็แล้วกัน บันเทิงเริงใจอย่างไรก็ว่ากันไป หรือไม่ก็อาจได้ข้อคิดสะกิดใจติดมือมาสักเล็กน้อย....ไม่ได้หวังว่าจะมีการบ้านมหาหินให้คิดประมวลต่อให้วุ่นวายกันขนาดนี้ ซึ่งจริงๆแล้วอาจไม่มีอะไรให้ขบคิดก็เป็นได้ ก็แค่เป็นหนังจากคนที่อยากทำหนังอย่างที่อยากทำ ก็เท่านั้นเอง จะคิดอะไรมากอย่างไรก็ตาม ภาพชุดเหตุการณ์ต่างๆ การใส่สัญลักษณ์นู่นนี่แล้วสลับมันให้วุ่นนั้น ก็เป็นความตั้งใจของผู้กำกับ ที่อยากจะทดลอง อยากจะแหกธรรมชาติการรับรู้ของคนดู ซึ่งแอบหวังว่าคงไม่ใช่เพราะทำไปอย่างไม่รู้สึกรับผิดและรับชอบอะไรเลยดึกแล้วคุณขา เป็นผลงานการกำกับของ สันติ แต้พานิช ซึ่งก่อนหน้านี้มีผลงานเป็นหนังสารคดีเรื่อง "เสือร้องไห้" ที่เล่าถึงเรื่องราวชีวิตความไปของคนอีสาน 5 คนที่เข้ามาทำมาหาเลี้ยงชีพในกรุงเทพฯ คือ พรศักดิ์ ส่องแสง นักร้องหมอลำ, เนตร อินทรีเหล็ก สตั๊นท์แมนที่อยากดังเหมือน จา พนม, แมน หัวปลา พนักงานโบกรถลูกค้าเข้าสวนอาหาร, อ้อย สิงห์นักขับ คนขับแท็กซี่หญิง และ เหลือเฟือ ม๊กจ๊ก และทั้งหมดทั้ง 5 คนนี้แม้จะมีงานทำเป็นหลักแหล่ง แม้จะหนีความแห้งแล้งมาหวังอุดมสมบูรณ์ในเมืองหลวง แต่ต่างก็ยังถวิลหาบ้านเกิดถึงภาพรวมของ ดึกแล้วคุณขา จะออกอารมณ์ซึมเศร้าเหงาหม่น และ เสือร้องไห้ จะเป็นภาพสารคดีชีวิตจริงไร้สีแต้มแต่ง ที่ดูต่างกันคนละขั้ว หากแต่จริงๆแล้วหนังทั้งสองเรื่องนั้นเป็นหนังร่วมอุดมการณ์เดียวกัน คือต่างก็พูดถึงเรื่องราวของชีวิตคนใช้แรงงานเหมือนกัน ตัวคนเดียวเดี่ยวๆเหมือนกัน แต่ในอาชีพที่แตกต่างกันไปและเป็นอาชีพที่ไม่ขึ้นกับตำแหน่งทางสังคมใดๆเหมือนกัน เป็นหนังที่พาเราไปรู้จัก "คนอื่น" ที่อยู่ร่วมกันในสังคมไทยเดียวกันกับเราเหมือนกัน ท้ายสุดแล้วจากที่กล่าวมาตามข้างต้นว่า ดึกแล้วคุณขา ออกจะสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบสมองและการรับรู้อยู่มากมาย แต่อีกประการที่ลืมไม่ได้คือหนังให้ผลสำคัญ อย่างน้อยก็กับตัวผู้เขียนเองก็คือ ดึกแล้วคุณขา เป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ดูจบแล้วก็เหมือนต้องมนต์ ที่อยากจะกลับไปดูอีกครั้ง โดยไม่ปฏิเสธว่า นักแสดงนำอย่าง อนันดา เอฟเวอริ่งแฮม มีส่วนเป็นแรงดึงดูดใจส่วนตัวเป็นหลัก แต่ด้วยความที่นักแสดงหลักทั้ง 3 คนนี้ ทั้ง จิ๊บ ดุสิตา, หนุ่ม อรรถพร และ อนันดา เมื่อดูรวมๆกันแล้วก็กลมกลืน เป็นเคมีที่เข้าขากันได้ไหลลื่น ไม่มีใครเด่นเกินกว่าใคร ทั้ง 3 ได้รับบทบาทที่จับต้องได้ ดูแล้วไม่ขัดเกินจากภาพลักษณ์และน้ำหนักความสำคัญก็ไม่ได้เอียงเทให้ใครเป็นพิเศษ และด้วยความที่หนังเรื่องนี้คือโอกาสของ "ความแตกต่าง" จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักที่ทำให้อยากจะสนับสนุนเป็นกำลังใจด้วยการกลับไปดูอีกรอบให้ได้หมายเหตุ ของ * และ **หนุ่ม (อรรถพร ธีมากร) ต้องขอใช้ชื่อตามนี้ประกอบการเขียน เนื่องจากไม่แน่ใจว่ามีชื่อตัวละครจากบทสนทนาในเรื่องหรือไม่ หากมี ก็คงเป็นความบกพร่องโดยสุจริต ที่ผู้เขียนไม่สามารถบันทึกลงสมองได้ทัน ส่วน อนันดา ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาถูกเรียกว่า " เล็ก " อย่างไรก็ดี ในที่นี้ขอกล่าวถึงโดยใช้ชื่อที่เราคุ้นก็แล้วกัน อนึ่ง ตั้งใจไว้ว่าจะไปดูรอบที่สองในวันศุกร์ที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า หนังได้ถอดโปรแกรมออกไปแล้ว สิริรวมแล้วก็เข้าฉายเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น (วันละรอบ) Create Date : 01 ธันวาคม 2550 Last Update : 1 ธันวาคม 2550 10:45:34 น. 35 comments Counter : 1623 Pageviews. ShareTweet
คห.1^_^แพนด้ามหาภัยเสียดายไม่ได้ดูในโรงอีกduldb^_^haro_haro^_^นางฟ้าสีแดงเมื่อครู่ที่ผ่านมาก็โกยไปอีกกระบุงค่ะ 4-0 กะโบลตัน ^_^ส่วนโรงงานอารมณ์ ได้ดูค่ะwayakonตกกะใจเหมือนกันค่ะที่เข้าฉายอาทิตย์เดียวน้าเอ้ไม่รู้นะเนี่ยว่าเจอ อนันดา ไม่งั้นจะฝากขอลายเซนต์มาเชยชมซะหน่อย ^_^เจ้าชายไร้เงา^_^nanoguyจิ๊บ น่ารัก เล่นน้อยแต่ได้มาก..ต่างคนก็ต่างมีเส้นแบ่งของความเป็นหนังดี ไม่ดี อยากดู ไม่อยากดูต่างกันไปอ่ะนะพี่ว่าซึ่งเผอิญเส้นของพี่มันก็มักจะไม่ตรงกับนักวิจารณ์หนังเท่าไหร่เราคิดเห็นอย่างไร เหตุผลของเราเป็นอย่างไรเราก็ว่าตามนั้นแหละyuttipungขอบคุณค่ะสำหรับลิงค์บทสัมภาษณ์ผกก. แกก็..กวนโอ๊ยดีเนอะคุณคำห้วนฯเสือร้องไห้ เราดูตอนเป็นแผ่น...อ่า..มีร้องไห้ด้วยหรอ จิงอ่ะหรือว่าเราไม่ใช่เสือ..เลยไม่ร้องไห้ 555เด็กม.ปลายงงเหมือนกัน และยังไอ่เครื่องบินนั้นอีก...บินอยู่นั่นแหละ ..แต่ชอบอ่ะ 555
อนึ่งอ่ะสองพอดีมีสมาชิกท่านหนึ่งในเวปไทยชอร์ตฟิล์ม ได้โพสท์ไว้ว่า ดูแชนนอลวีแล้วมีสัมภาษณ์ ผกก.ดึกแล้วคุณขา เห็นว่าอาจกลับมาฉายที่เฮ้าส์...อาจจะนะอาจจะ..จึงแจ้งไว้เผื่อท่านใดสนใจ
พี่หนุ่มกลับค่ะ นี่ยังลุ้นอยู่ว่าไม่แน่เจ้านายอาจหยุดให้ตั้งกะจิงเกอเบลไปเลย Michiru(^_^)คุณคำห้วนฯได้แล้วลายแทงขุมทรัพย์ ขอบคุณค่าคุณTony Koonไปดูเฮียเหลียงยาง...haro_haro(^_^)celinejulie (MdS)ป้าคนนั้น ทีแรกเรานึกว่าญาติผู้ใหญ่อนันดาซะอีก 555ประทับใจและชอบตอน หนุ่มเลือกขวดเบียร์...ขำก็ขำแต่มัน ลึกและซึ้งขอบคุณค่าที่แวะมา... (^_^)BdMdไปอีกแว้ววว สงสัยต้องลืมอะไรซักอย่างไว้ที่โน่นแน่เลยสาวหมวยคนนั้นป่าววววว.....แป่ววววว
Michiru^_^คุณ Bach^_^nanoguy^_^haro_haroเราเองก็ยังดูหนังเมนสตรีมเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกมันไม่ตื่นเต้น ไม่รอโปรแกรมเด็ดเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้วแล้วก็จะมาตื่นเต้นกับหนังที่ด้อยโอกาสในการสนับสนุนในหลายด้านแทนพอมีโอกาสมาฉาย ก็เลยอยากดูมากกกกกเป็นพิเศษ BdMdแต้งกิ้ว เอนี่เวย์ ^_^คุณนิดช่ายยยยยยยยยยเห็นด้วยเต็มประตู เพราะก็ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่ดูแล้วไม่เข้าใจเหมือนกันดูเป็นประสบการณ์ ดี เลว ห่วยอย่างไร ก็ดู ถ้ารู้สึกอยากดูmerveillesxxรู้จ้าว่าใครที่ น้องตี้หมายถึงฉากขวดเบียร์ เรากลับชอบ บ้าดี
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
หม่นๆ เหงาๆ ได้อารมณ์คนเมืองหลวงยังไงก็ไม่รู้ แต่ดูแล้ว อยากดูอีกจัง