ตอนบ่ายที่อากาศร้อนอบอ้าวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู มือไปโดนที่ปุ่มรายชื่อ ชื่อแรกที่ปรากฏเป็นคนในความทรงจำเมื่อสิบปีที่แล้ว เป็นเบอร์ที่โทร.ไปปลายสายที่รับก็ไม่ใช่คนที่เรารู้จักอีกแล้ว เขาเปลี่ยนเบอร์ไปนานแล้ว แต่เราก็มีเพียงเบอร์เก่าเดิมๆ ที่ยังติดเครื่องไว้เตือนว่า ครั้งหนึ่งเราเคยมีเขาในชีวิต แต่แล้ววันนี้เราก็เลือกที่จะกดปุ่ม Delete เบอร์เขาออกไปจากเครื่องเสียที-ลบออกไปจากหน่วยความจำของซิมการ์ดและหน่วยความจำของเรา
จากนั้นรายชื่อต่อๆ มาที่ค้างอยู่มาเนิ่นนานก็ถูกทำเช่นเดียวกัน เพื่อนสมัยเรียน เพื่อนที่ทำงานครั้งแรกๆ เพื่อนของเพื่อน คนที่เคยคุยกัน เบอร์แท็กซี่ เบอร์คอนโด เบอร์ศูนย์ต่างๆ ที่เคยเมมไว้ใช้ติดต่อในช่วงเวลาหนึ่ง เบอร์ต่างๆ ที่คิดว่าจะไม่ได้ใช้อีก รายชื่อบางคนที่นึกยังไงก็บอกไม่ได้ว่าคือใคร เยอะไม่ใช่เล่น ไม่ได้นับว่ามีกี่เบอร์ที่ถูกกด Delete ไปจากหน่วยความจำ ร่วมๆ ยี่สิบถึงสามสิบเบอร์ แต่เบอร์ของคนที่ทำเราเจ็บกลับไม่ลบออกไป อย่างนี้เขาเรียกเจ็บแล้วจำหรือเปล่า เหอๆ
การมาลบเบอร์ใครต่อใครก็ช่วยเตือนความจำเราว่ามีกี่คนที่เราได้เดินผ่านเข้าไปในชีวิตเขา เขาได้เดินผ่านเข้ามาในชีวิตเรา-แต่นั่นก็แค่การเดินผ่านกัน ไม่มีสายใยอะไรยึดโยงไว้ เวลาที่ฉันเดินก็มักจะมองไปแต่ข้างหน้า ไม่ได้หันหลังกลับมาว่าเดินผ่านใครมาบ้าง หลายคนจึงเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านแล้วหายไป ไม่ได้มีถ้อยคำให้สานเสวนาต่อกัน วันหนึ่งก็ลืมกัน เราลืมเขา-เขาก็ลืมเราเช่นกัน แม้บางคนจะเคยใช้ชีวิตอยู่ในชีวิตกันและกันมาหลายปีอย่างเพื่อนหลายๆ คน เวลาก็ทำให้เราห่างกันจนในที่สุดก็มองไม่เห็นกัน
ในชีวิตเราเดินผ่านคนมาทั้งหมดเท่าไรกันแน่ ยากที่จะนับ แต่หลายๆ คนที่ยังคงอยู่ในความทรงจำก็เป็นสิ่งที่บอกว่า เราไม่ได้ปล่อยมือไปจากกันและกัน หรืออาจเป็นเราฝ่ายเดียวที่ไม่ยอมปล่อยเขาไปจากใจ แม้รายชื่อในโทรศัพท์จะเหลือไม่มาก แต่ก็เป็นปริมาณที่น้อยแต่มากด้านความรู้สึก แม้ครั้งนี้ฉันจะได้เลือกแต่คำสั่ง Delete แต่ครั้งหน้าที่หยิบโทรศัพท์ฉันเชื่อว่าจะได้กดคำสั่ง Add to contact เพิ่มปริมาณความอุ่นใจให้ตัวเอง ^__^