วันสำคัญในชึวิตของลูก..พุทธรักษา..
วันนี้ ปอป้าขอยกหน้าบล็อกให้แก่ลูกสาวสุดที่รัก เนื่องจากลูกกำลังจะก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์ ไปสร้างครอบครัวของตัวเอง..ค่ะ..วันที่ ๒๗ และ ๒๘ พ.ย. นี้ ลูกสาวหนึ่งเดียวของปอป้าจะเข้าพิธีสมรสกับคู่หมายที่คบหากันมานานกว่า ๘ ปี บ่าว-สาวเรียนจบปริญญาโทมาจากอังกฤษ มีประสบการณ์การทำงานทั้งจากที่อังกฤษและในเมืองไทยพอสมควร..ใช่..สมควรแก่เวลาที่จะไปสร้างครอบครัวของตัวเองแล้ว อายุ ๒๙ ปี ทั่นลุงบ่นว่า แก่แล้ว กลัวจะไม่มีหลานให้อุ้ม เพราะคุณพี่ชายหนึ่งเดียวก็มือเหนียวเป็นตุ๊กแก กอดเสาเรือนไว้อย่างแน่นหนาไม่ยอมสละโสดไปคนหนึ่งแล้ว..
และต่อไปนี้ คือความในใจที่พ่อและแม่ขอฝากไว้ให้ลูก... ความรัก ความห่วงใยที่พ่อแม่พึงมีให้แก่ลูกอันเป็นสุดที่รักนั้น ได้ให้ลูกมาตลอดแล้ว ได้แต่หวังว่า ลูกจะนำพระธรรมและแบบแผนในการดำเนินชีวิตที่พ่อและแม่ ได้แสดงให้ลูกเห็นมาตลอดชั่วชีวิต ไปใช้ในการครองเรือน ขอให้ลูกจงช่วยกันประคับประคอง นำพานาวาชีวิตการครองเรือน อันมีความรักเป็นพื้นฐาน แล่นไปตามกระแสครรลองของโลก ด้วยความซื่อสัตย์ มั่นคง และมีสติรอบคอบ สู่ฟากฝั่งอันเป็นจุดหมายปลายทางดังที่ลูกปรารถนาทุกประการ



ของขวัญใด ๆ คงไม่มีค่ามากไปกว่าพระธรรมในการครองเรือนที่พ่อและแม่ขอมอบให้กับลูกทั้งสอง นั่นคือฆราวาสธรรม อันหมายถึง คุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จใจการดำเนินชีวิตทางโลก ซึ่งประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ คือ
๑. สัจจะ คือ ความจริง
๒. ทมะ คือ การฝึกตน ข่มจิต รักษาใจ
๓. ขันติ คือ ความอดทน
๔. จาคะ คือ ความเสียสละ
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ ที่จะสร้างเกียรติยศให้กับมนุษย์ได้เท่ากับการมีสัจจะ
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ ที่จะสร้างปัญญาให้กับมนุษย์ได้เท่ากับการมีทมะ
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ ที่จะสร้างทรัพย์สมบัติให้มนุษย์ได้เท่ากับการมีขันติ
และไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ ที่จะสร้างหมู่มิตรให้กับมนุษย์ได้เท่ากับการมีจาคะ
๑. สัจจะ - คนที่มีสัจจะประจำตัวประจำใจ ย่อมได้รับความเคารพยกย่องจากหมู่คนทั่วไป เรียกว่ามีคนนับถือยำเกรง เกียรติยศชื่อเสียงก็จะตามมา เพราะการมีสัจจะนั้นหมายถึงมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองได้พูดหรือกระทำ อันแสดงให้เห็นว่าเป็นคนหนักแน่นมั่นคง จะทำการงานสิ่งใดย่อมพบแต่ความเจริญก้าวหน้าและได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากผู้ที่อยู่รอบข้าง หากขาดเสียซึ่งสัจจะ ย่อมได้รับการดูถูกดูแคลนจากสังคมรอบด้าน เพราะการไร้สัจจะย่อมหมายถึงขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองพูดหรือกระทำ เมื่อจะทำการสิ่งใดคนที่อยู่รอบข้างหรือที่เกี่ยวข้องมักจะไม่ให้การสนับสนุน คนประเภทนี้หาความเจริญไม่ได้ มิหนำซ้ำยังถูกหวาดระแวงจากผู้ที่อยู่รอบกายอีกด้วย
๒. ทมะ การฝึกตน ข่มจิต รักษาใจ - เมื่อได้รับการปลูกฝังให้มีทมะในตน ทำให้รู้จักคิดก่อนทำ ย่อมไม่นำพาตนเองให้หลงทำหรือคิดในสิ่งที่ผิด เมื่อไม่หลงผิดก็ไม่ก่อให้เกิดเวรกรรมกับใคร ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบข้าง ย่อมนำมาซึ่งความรักใคร่เอ็นดูต่อผู้ที่รู้จัก ผู้ที่ฝึกฝนตนเองให้มีการคิดก่อนทำ รู้จักข่มจิตใจ ย่อมนำมาซึ่งปัญญาญาณในการที่จะคิดทำการสิ่งใด ๆ ส่งผลให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้เป็นอย่างดี เรียกว่าไม่หลงไปในสิ่งอบายได้ง่ายเหมือนผู้ที่ไม่มีทมะนั่นเอง
๓. ขันติ ความอดทน ผู้ที่มีความอดทนย่อมสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตได้ดีกว่าคนที่ไม่มี
ความอดทน การทำงานด้วยความอดทน ย่อมนำความมั่นคงมาสู่ชีวิตได้เช่นเดียวกัน ผู้ที่ขาดความอดทนมักจะเป็นผู้ที่เอาแต่ใจตนเอง ปรารถนาแต่ในสิงที่ตัวเองต้องการโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง คนบางคนไม่รู้จักคำว่า รอ อยากได้อะไรก็ต้องได้เดี๋ยวนั้น คนแบบนี้เป็นผู้นำ เป็นหลักของครอบครัวไม่ได้ กล่าวได้ว่า การมีขันติ ย่อมก่อให้เกิดทรัพย์ในเรือน ขาดขันติย่อมนำมาซึ่งความยากจน
๔. จาคะ ความเสียสละ ผู้ที่มีจาคะเป็นนิสัยย่อมมีอารมณ์ผ่องใส ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ เพราะอยู่ใกล้ ๆ แล้วนำมาแต่ความเย็นใจ เนื่องจากคนมีจาคะคือคนที่รู้จักเสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อผู้อื่นก็ตาม การเสียสละนั้นหมายถึงความมีเมตตากรุณา คนที่มีความเมตตากรุณามักจะมีใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และแววตาแห่งความปราณีอยู่เสมอ อันส่งผลให้เกิดกระแสความเย็นรอบกายผู้นั้น คนที่ไม่มีความเสียสละ เป็นคนเห็นแก่ตัว ไปไหนก็เห็นแก่ได้ อยากมี อยากได้ไปเสียหมด คนอย่างนี้จะหาความสุขให้ตัวเองหรือคนที่อยู่ใกล้ได้อย่างไร




นอกจากฆราวาสธรรมที่พ่อแม่มอบให้กับลูกแล้วนั้น พ่อและแม่อยากจะบอกลูกทั้งสองว่า หลักของการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขนั้น ต้องมีพรหมวิหารสี่ อริยสัจสี่ และอริยมรรคมีองค์แปด ประจำตัวประจำใจ ขอให้ลูกพยายามทำความเข้าใจกับหลักธรรมใหญ่ทั้ง ๓ หมวดนี้ แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัว-ส่วนตัว หรือชีวิตการทำงาน หลักธรรมทั้ง ๓ หมวดนี้ กล่าวได้ว่า
พรหมวิหาร ๔ มีไว้เพื่อการอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างมีความสุข ด้วยความมีเมตตา-กรุณา-มุทิตา-อุเบกขา ต่อเพื่อนร่วมโลกร่วมสังคม
อริยสัจ ๔ เป็นธรรมที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยการทำความเข้าใจในทุกข์หรือปัญหาทั้งหลายว่า ทุกข์หรือปัญหานั้นคืออะไร (ทุกข์) สาเหตุแห่งการเกิดทุกข์นั้นมาจากไหน (สมุทัย) การดับทุกข์หรือแก้ปัญหาให้หมดสิ้นไป (นิโรธ) และหนทางหรือวิธีดำเนินการเพื่อดับทุกข์หรือแก้ไขปัญหานั้น ต้องทำอย่างไร (มรรค)
ในส่วนของหนทางแห่งการดับทุกข์นั้นก็คือมรรคหรืออริยมรรคมีองค์แปด ซึ่งเข้าหลักไตรสิกขา
คือศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง



พระธรรม สามารถก่อให้เกิดกระแสแห่งความร่มเย็นต่อมวลสรรพสัตว์ในโลกได้ฉันใด
ฆราวาสธรรม และหลักธรรมทั้ง ๓ นี้ ย่อมให้ผลต่อผู้ที่เข้าถึงและปฏิบัติได้ฉันนั้น
ขอความสุข สวัสดี จงมีแก่ลูกทั้งสองตลอดไป

ขอขอบคุณบล๊อกพธู
ที่สละพื้นที่และเวลา อัพบล๊อกให้ลูกสาวปอป้า ด้วย..นะคะ
ไปชมฝีมือการแต่งกลอนของพะพู ได้ที่นี่..ค่ะ
ปอป้า ขอลาบล๊อก ๑๐ วัน ..นะคะ
พบกันใหม่เดือนหน้า...ค่ะ
สวัสดีค่ะ....
แวะเข้ามาอัพบล็อกให้ลูกสาวอย่างเร่งด่วน
พร้อมทั้งฝากความคิดถึงไว้ให้ทุกท่านด้วย..นะคะ
พบกันใหม่...เดือนหน้า...ค่ะ