ตะพาบตัวที่ ๖ ของปอป้า
ปอป้าขออนุญาตคุณเป็ด อัพตะพาบก่อนวันนัดหมาย เนื่องจากวันที่ ๒ ก.พ. นี้ ปอป้าและผองเพื่อนจะต้องเดินทางไปปฏิบัติธรรม+ท่องเที่ยว ที่จังหวัดอุดรธานี เป็นเวลา ๕ วัน
โจทย์คราวนี้ ให้พูดถึงการเขียนไดอารี่ ใน ๓ วัน ๗ วัน มาดูกันว่า ไดอารี่ที่ปอป้านำเสนอจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร...
...วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์... จ๋อยศรี มีนัดกับมะเหงกฝอย จุ่นศักดิ์ และชะมดหวาน จะไปทำบุญที่วัดสิ้นตะกอนใจกัน เสร็จแล้วจะไปหาอาหารอร่อย ๆ ทานกันด้วย พวกเรานัดมาเจอกันที่บ้านของมะเหงกฝอย
จ๋อยศรีมาถึงก่อนเวลา มะเหงกฝอยเพิ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จ บอกให้จ๋อยศรีนั่งรอและอ่านบันทึกธรรมไปพลาง ๆ ก่อน..อีตาคนนี้ เป็นอะไรไม่รู้ ชอบบังคับให้อ่านแต่บันทึกธรรม ทำตัวเป็นมัคทายก ถึงไม่มีเมียกับเขาสักที เออ..จ๋อยศรีก็ยังเป็นโสดเหมือนกันนี่หว่า..อิ อิ คนอะไร้ ช่างจดเสียจริง เรื่องธรรมะนี่ จดได้จดดี แต่ก็ดีเหมือนกัน เพื่อน ๆ ก็ได้อานิสงส์ อ่านธรรมะดี ๆ จากบันทึกของมะเหงกฝอยด้วย
พูดถึงเรื่องการจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันแล้ว มะเหงกฝอยมีบันทึกต่าง ๆ หลายอย่างเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นบันทึกธรรม, บันทึกการเดินทาง ฯ แต่ในบรรดาบันทึกต่าง ๆ นั้น มะเหงกฝอยบอกว่า ชอบบันทึกธรรมมากที่สุด เวลาได้ข้อคิดหรือธรรมะอะไรดี ๆ มะเหงกฝอยจะรีบจด ๆ แล้วนำมาเขียนลงในสมุดบันทึกอีกทีหนึ่ง
บันทึกธรรมของมะเหงกฝอย ไม่เคยมีการหวงห้าม เพื่อน ๆ ทุกคนสามารถขออ่านได้ บางครั้งไม่มีใครอยากอ่าน มะเหงกฝอยยังบังคับให้อ่านเลย..อิ อิ
แล้วจ๋อยศรี ก็เปิดสมุดบันทึกธรรม....
วันที่ ๑... อย่าไปรู้เลยว่าจริง ๆ แล้ว บันทึกนี้เขียนไว้ในวันที่เท่าไร เดือน และ พ.ศ. อะไร ขอให้เป็นเพียงวันหนึ่งในชีวิตก็พอแล้ว...
มรดกธรรมที่ ๖๔ ของท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่า
ธรรมะมิใช่ตัวหนังสือ หรือเสียงแห่งการแสดงธรรม แต่เป็นการกระทำหน้าที่ที่ถูกต้องของผู้ปฏิบัติแต่ละคน อยู่ทุกอิริยาบถ ทุกเวลา ทุกสถานที่ อย่างถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของตน และผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกัน จึงจะเป็นธรรมะที่ถูกต้องตามหลักแห่งพุทธศาสนา อันนำมาซึ่งความสงบสุขได้จริง
ใช่แล้ว...ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบ...ฉันจะตั้งใจดำเนินรอยตามพระบาทแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้ ชาตินี้ไม่สำเร็จ ก็ขออธิษฐานปฏิบัติไปทุกชาติ จนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายอันสูงสุด คือ...นิพพาน
จ๋อยศรี ละสายตาจากสมุดบันทึก..เฮ้อออ...มะเหงกฝอยเพื่อนรัก มุ่งนิพพานอย่างเดียวเลยนิ ขอให้เพื่อนได้สมความปรารถนาในชาตินี้ด้วยเถิด...สาธุ
แล้วจ๋อยศรีก็เปิดบันทึกหน้าต่อไป...
วันที่ ๒... วันจริงจะเป็นวันที่เท่าไร เดือน และ พ.ศ. อะไร อย่าไปสนใจมันเลย เพราะมันก็คือวันหนึ่งในชีวิตของฉันเท่านั้น
วันนี้ไปทำบุญที่วัดสิ้นตะกอนใจ น่าเสียดายที่จ๋อยศรีไม่ว่างมาด้วย ไม่มาก็ดี เพราะฉันจะได้มีโอกาสนั่งสนทนาธรรมกับพระอาจารย์สลายกิเลส อย่างสบาย ๆ ไม่ต้องรีบกลับ คุยกันไม่ทันไร หลวงพี่ปราบมารพยศ ก็เข้ามานั่งสมทบคุยด้วย ฉันมีความสุขและได้รับความรู้มากมาย...
พระอาจารย์สลายกิเลส ถามว่า รู้ไหมว่าเวลาเราจุดธูปบูชาพระพุทธรูป ทำไมต้องจุดเทียน ๒ เล่ม
และธูป ๓ ดอก.. เออ..นั่นสิ ทำไม ??
เทียน ๒ เล่ม เป็นการบูชาพระธรรม และพระวินัย อันเป็นองค์แทนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมา
สัมพุทธเจ้า
ส่วนธูป ๓ ดอกนั้น ใช้บูชาคุณของพระพุทธเจ้า ๓ อย่าง คือ
๑) พระปัญญาธิคุณ
๒) พระบริสุทธิคุณ
๓) พระมหากรุณาธิคุณ
ฉันก็เพิ่งรู้นะเนี่ยะ...
หลวงพี่ปราบมารพยศ ปุจฉามั่งว่า...รู้ไหมว่า ตาลปัตรของพระสงฆ์ ๔ รูป ที่ใช้ในการสวดศพ มีคำเขียนไว้บนตาลปัตรว่า..ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น...มีความหมายว่าอย่างไร..เออนั่นสิ..หมายถึงอะไร ??
ตาลปัตร แปลว่า ใบตาล ความหมายแต่ละประโยค คือ
ไปไม่กลับ หมายถึง วัน เวลา และอายุ ที่หมุนเวียนก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่มีวันหวนกลับมาได้
หลับไม่ตื่น หมายถึง กิเลสที่ไม่มีแก่เฒ่า มีแล้วไม่รู้จักสลัดทิ้ง ก็เหมือนคนนอนหลับใหลไม่รู้ตื่น
ฟื้นไม่มี หมายถึง บุคคลที่งมงายอยู่ในอบายมุข เกียจคร้านการงาน ไม่สามารถฟื้นมาเป็นมนุษย์ที่ดีได้
หนีไม่พ้น หมายถึง สิ่งที่ทุกคนจะต้องเจอ คือ โลกธรรม ๘ อันได้แก่ สุข ทุกข์ นินทา สรรเสริญ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ
โอ้โห...ศาสนาพุทธนี่เจ๋งสุด ๆ เลยนิ
อืมม...จ๋อยศรี ก็เห็นด้วยกับมะเหงกฝอยนะ พระพุทธศาสนาลึกซึ้งอย่างที่เรานึกไม่ถึงจริง ๆ...
ใกล้เวลานัดหมายแล้ว จุ่นศักดิ์กับชะมดหวาน คงกำลังเดินทางจะมาถึงแล้วล่ะ นายมะเหงกฝอยยังแต่งองค์ทรงเครื่องไม่เสร็จอีก...ยังพอมีเวลา ไหนลองอ่านบันทึกของท่านมหาอีกสักวันซิ..
วันที่ ๓... จริง ๆ แล้ว มันจะเป็นวันที่เท่าไร เดือน และ พ.ศ. อะไร ก็ช่างมันเถิด เพราะมันก็คงเป็นเพียงวันหนึ่งในชีวิตของฉันเท่านั้น
มรดกธรรมที่ ๑๔๐ ของท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่า
ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องใช้เงินเลย แต่กลับทำให้เงินเฟื้อ..ความสุขที่หลอกลวงยิ่งต้องใช้เงิน จนเงินไม่พอใช้ ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการทำงานด้วยความพอใจ จนเกิดความสุขเมื่อกำลังทำงาน จึงไม่ต้องการความสุขชนิดไหนอีก เงินที่เป็นผลของงานจึงยังเหลืออยู่ ส่วนความสุขที่หลอกลวงนั้น คนทำความพอใจให้แก่กิเลส ซึ่งไม่รู้จักอิ่มจักพอ เงินจึงไม่มีเหลือ
ใช่อีกแล้วคร้าบบบ...ทุกวันนี้ ฉันมีความสุขในการทำงาน ฉันมีความสุขที่ได้พบพระพุทธศาสนา ได้เรียนและเข้าใจข้อธรรมต่าง ๆ ฉันมีความสุขที่มีเพื่อนดี ๆ อย่างจ๋อยศรี จุ่นศักดิ์ และชะมดหวาน ฉันไม่ปรารถนาสิ่งใดอีกแล้ว...
อ้าว..ไหนว่า อยากนิพพาน แล้วดันเขียนบันทึกว่าไม่ปรารถนาอะไรอีกแล้ว อ่ะ..พ่อมหามาพอดี
มะเหงกฝอย มาอ่านบันทึกนี้หน่อยสิ ไหนว่าอยากนิพพาน แล้วทำไมเขียนเอาไว้ว่า ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว ฉันไม่เข้าใจ ไหนลองอธิบายหน่อยซีจ๊ะ พ่อมหา
การปฏิบัติธรรม ลองว่าอยากแล้ว ไม่ว่าอยากในทางที่ดี หรือไม่ดี เมื่อไรที่ใจเราไปยึดติด อยากโน่นนี่ ก็ได้ชื่อว่ากิเลสทั้งสิ้น มะเหงกฝอยตอบ เรื่องนี้ ต้องคุยกันนาน เอาไว้วันหลังจะอธิบายให้ฟังนะจ๊ะ โน่น..จุ่นศักดิ์ กับชะมดหวาน มาพอดี เราไปกันเถอะ
ว่าแล้ว ทั้งสี่คนก็ช่วยกันขนข้าวของใส่รถ ออกเดินทาง มุ่งหน้าไปยังวัดสิ้นตะกอนใจ....
จอ..บอ..จบ..จบแล้ว..จ้า
คุยกันท้ายเรื่อง :
ตะพาบตัวที่ ๖ ของปอป้า ตะกายขึ้นบกเรียบร้อย สมความตั้งใจแล้ว
ฝากบล๊อกและตะพาบตัวน้อยไว้ในอ้อมใจของเพื่อนบล๊อกทุกท่านด้วย..นะคะ
พบกันใหม่ เมื่อปอป้ากลับจากอุดรฯ...ค่ะ
ขอให้เพื่อนบล๊อกทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขมาก ๆ ในทุกวันดี ๆ ตลอดไป..นะคะ
เพลง นกเขาขะแมร์
ความเป็นเพื่อนไม่มีในคนพาล
อยู่อย่างมีความสุข ด้วยการไม่คบคนพาล...นะคะ
ปอป้า ขอลาบล๊อก
เดินสายปฏิบัติธรรมและท่องเที่ยว เป็นเวลา ๕ วัน..นะคะ