ช่องหน้าต่างเล็กๆด้านบนขวามืออาจมองดูแคบเหลือเกิน หากว่าเรามองจากด้านนอกเข้ามาที่ตัวเครื่องบิน แต่สำหรับคนที่นั่งอยู่ด้านในของตัวเครื่องแนบชิดกับกระจกใส มองออกไปตามช่องหน้าต่างเล็กๆบานนั้น โฟกัสของหน้าต่างกลับครอบคลุมมหาสมุทรกว้างใหญ่ ครอบคลุมภูเขามากมายจนไม่อาจนับได้..ยังไม่รวมถึงทะเลก้อนเมฆสีขาวสะอาดตาที่ล่องลอยราวกับไร้น้ำหนัก ไร้แรงโน้มถ่วงใดๆน่าอิจฉาจัง..ช่างมีอิสระเสรี..ที่จะล่องลอยไปไกล ไปตามที่หัวใจปรารถนากล่องพลาสติกสีใสกล่องเล็กๆถูกยื่นมาวางตรงหน้า จากมือของใครคนหนึ่งที่ตั้งแต่นั่งเครื่องมาด้วยความยาวนานมาถึงห้าชั่วโมงกว่าแล้ว ฉันพูดกับเขาไปสองประโยคเท่านั้น คือตอนขึ้นเครื่อง ก่อนที่เจ้านกยักษ์ลำนี้จะตีปีกแข็งแรงของมันบินขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้างไกล."แลกที่กันไหมคะ ขอฉันนั่งริมหน้าต่างเถอะค่ะ " ฉันถามประโยคแรกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานและน้ำเสียงนุ่มนวลตามสไตล์หญิงไทยที่มีมิตรไมตรี เขาไม่กล่าวว่ากระไร เพียงแต่ยิ้มให้แล้วขยับร่างสูงออกมาเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปด้านใน"ขอบคุณค่ะ คุณช่างมีน้ำใจเหลือเกิน" นั่นคือประโยคที่สองของฉัน แล้วเขาเพียงแต่ก้มศีรษะเล็กน้อยอย่างรับคำขอบคุณ..(ซึ่งอาจด้วยความไม่เต็มใจก็ได้) ..บางทีเขาอาจกำลังคิดว่า ด้านจริงๆผู้หญิงคนนี้ มาขอเปลี่ยนที่นั่งเฉยเลย..แต่ก็ช่างเถอะ เขาจะคิดอะไรก็ช่าง แต่อย่างน้อยฉันก็ได้มีโอกาสนั่งริมหน้าต่าง แค่นี้ก็พอใจแล้วฉันหันไปขอบคุณอีกครั้ง แล้วเปิดฝากล่องนั้นออก ไก่ชิ้นเล็กๆ ที่หน้าตาไม่ชวนทานเอาเสียเลย สีซีดยังกับไก่ที่ตายมาแล้วสิบชาติ แต่นั่นยังไม่น่าเบื่อเท่ากับสลัดผักต้ม ที่ประกอบด้วยแครอทสีส้ม มันฝรั่งสีเหลืองอ่อนจางๆและบลอคโคลี่สีเขียวสดที่ถูกต้มจนเปื่อยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สามสีที่มาอยู่รวมกันอย่างลงตัว สวยงามดึงดูดใจให้ลิ้มลอง แล้วต้องผิดหวังที่มันช่างจืดชืดเหลือทน..(ก็มันผักต้มนี่น่า..และฉันจะหวังให้มันรสชาตแบบไหนล่ะ) สลัดในกล่องใบนั้นทำหน้าที่ของผักต้มได้ดีแล้ว..ฉันผิดเองต่างหากที่คาดหวังมากไป"คุณไม่ชอบมันหรือ" เขาหันมาถาม เมื่อเห็นว่าอาหารในกล่องตรงหน้าฉันยังเต็มเปี่ยม พร่องไปเพียง2-3คำเท่านั้น ในขณะที่กล่องตรงหน้าเขาเกลี้ยงไปหมดแล้ว แม้แต่ขนมปังก้อนเล็กกับเนยก็ไม่เหลือฉันส่ายหน้า "ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบ" แล้วมองหน้าเขาอย่างช่างใจ ก่อนยกกล่องนั้นไปวางตรงหน้าเขา "ถ้าคุณไม่รังเกียจ..."เขายิ้มให้เล็กน้อย..พลางตักสลัดเข้าปาก เป็นการบอกทางอ้อมว่าไม่รังเกียจแน่นอน..ไม่ว่ากระเพาะของเขาจะต้องการมันอีกหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็ทานมัน ฉันนั่งมองเขาเริ่มต้นทานมันแล้วยิ้มอ่อนๆให้เขา ก่อนจะเสียบหูฟังอันเล็กๆสีขาวที่หูทั้งสองข้างแล้วหลับตาพิงพนักพิงรักเราเก่าไป หัวใจของฉันและเธอคงชินและชา แต่วันนี้ไม่มีน้ำตา รักเราจบเอง เหมือนเพลงที่มันอ่อนหวานตามกาลเวลา จะเหนี่ยวรั้งสองเรากลับมาก็คงป่วยการ เสียงเพลงหนักๆอย่าง..ปวดใจ..ของ I-Zax ลอยเข้ามากระทบในโสตที่อ่อนล้า..จากไอพอดสีขาวของใครคนหนึ่งที่มอบให้ฉันมาเป็นของขวัญวันลาจาก..ยี่สิบชั่วโมงที่รวดเร็วจากมิลาน-มอสโก-กรุงเทพ..กับสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แล้วก็อีกสิบหกชั่วโมงที่ยังเหลืออยู่ จากกรุงเทพ-มอสโก-มิลาน มันช่างแตกต่างกันลิบลับ ยาวหรือสั้น นานหรือช้า เพลงรักซักเพลงจะไพเราะหรือปวดใจ อาหารที่อยู่ตรงหน้าจะอร่อยหรือไม่.มันอยู่แค่ตรงที่หัวใจจริงๆ...* * * * * * * * * * ถนนสายเก่า..สายเดิมสิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงอาคารหนึ่งชั้นที่เคยเดินผ่าน เคยเข้าไปเช่าหนังรักหวานๆมาดูบ่อยครั้ง บัดนี้มีชั้นที่สองและที่สามเพิ่มขึ้นมากลายเป็นห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวและบ้างก็เปิดเป็นที่ขายทัวร์ท่องเที่ยวไปแล้ว..ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโลกของเรานั้นมันกลมนิดเดียว กลมยิ่งกว่ากลมเสียอีก ใครคนหนึ่งที่เป็นเพียงความทรงจำมาหลายปี อยู่ดีๆก็เดินมาบนถนนสายนั้น ..เราเพียงยิ้มให้กัน..ฉันยกมือที่มีถุงซีดีหนังรักสองสามแผ่นขึ้นมาไหว้เขา ทั้งๆที่เราอายุไม่ได้ห่างกันซักเท่าไหร่เลย"หวัดดีค่ะ..เหลือเชื่อจัง"..นั่นคือประโยคทักทายที่ฉันสามารถจะคิดขึ้นมาได้ ท่ามกลางความตื่นเต้นและสับสน.."นั่นสิ" เขาตอบกลับมาแล้วยิ้ม..เรายิ้มให้แก่กัน..ความห่างไกลของเวลาหลายปีทำให้เราประหม่า..คุยกันอึกๆอักๆไม่กี่ประโยค แล้วเขาก็จากไปหลักจากที่เอ่ยออกมาว่า "ไปเยี่ยมที่ทำงานพี่บ้างนะ"ฉันยิ้ม "เลี้ยงรึเปล่าล่ะ" "เลี้ยงสิ" เขาตอบ "แต่อย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวเลี้ยงไม่ไหว"ฉันมองตามหลังจนเขาหายลับไปจากถนนสายสั้นๆ แคบๆนั้น..แล้วถอนหายใจยาวๆที่กลั้นมานานในช่วงระหว่างที่เราคุยกันที่รถเข็นขายผลไม้หน้าร้านให้เช่าหนังซีดี ...เฮ้อ..อ..อ..อ.. อ้าว..ลืมถามเบอร์โทรของเขาเลย..ถนนสายเก่าสายเดิมของเราในวันนั้น ถ้ามันง่ายๆแค่.. ผ่านมา..ทักทาย...แล้วจากไปก็คงดี แต่ถ้าชีวิตมันง่ายเกินไป..คนบนโลกใบนี้คงไม่ได้ลิ้มรสความปวดหนึบๆในอก..จริงไหม? ..เพราะเขาแค่ผ่านมา ทักทาย..แต่ไม่ได้จากไปในทันทีทำไมคนเราชอบเล่นกับไฟนะ..ทั้งๆที่รู้..ว่าไอร้อนจะแผดเผา* * * * * * * * * *"เฮ้" เสียงที่ดังขึ้นข้างตัว แล้วความรู้สึกวูบสั้นๆที่เกิดขึ้น ทำให้ฉันสะดุ้งจากการหลับใหล หรืออาจจะแค่หลับตาชั่วคราว ..ฉันหันกลับไปมองเขาราวกับจะบอกเขาว่า..แค่เครื่องตกหลุมอากาศ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย แต่เขายังคงจ้องหน้าฉันอยู่ แล้วเอ่ยเสียงเบาลงเพื่อไม่ให้รบกวนผู้โดยสารข้างเคียงคนอื่นๆ"เฮ้..คุณร้องไห้..""เปล่านี่" ฉันปฏิเสธ..ก่อนที่รู้สึกว่ามีร่องรอยของความเย็นชื้นที่ปลายหางตา "คุณไม่สบายหรือ..มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ไหม" เขาถามอย่างมีน้ำใจ และฉันเริ่มซาบซึ้งใจแกมอึดอัด "ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ...ขอบคุณ" ฉันเอ่ยขอบคุณเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง..ภาวนาให้ถึงสนามบินมอสโกเสียที ทำไมช่างยาวนานอย่างนี้นะ..* * * * * * * * * *ความผูกพันธ์มันต่อติดง่าย..จริงไหมนะเจ้าของเครื่องเสียงอันเล็กๆอันที่มีสายระโยงระยางอยู่ที่ใบหูนี้ คือคำตอบของประโยคคำถามด้านบนได้เป็นอย่างดี ..2190 วันที่ผ่านไป..มันเหมือนเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วัน..เหมือนแค่เขาและฉัน เดินทางไปเที่ยวกันคนละขั้วโลกแล้วเดินทางกลับมาทักทายกันอีกหนถนนสายเดิม ร้านอาหารร้านเดิม..โรงหนังเดิมๆ แต่หนังเรื่องที่เราดูด้วยกันอีกครั้งไม่เหมือนเดิม..อาหารที่เราสั่งมาทานก็รสชาตไม่เหมือนเดิม แล้วความรู้สึกล่ะ..มันยังเหมือนเดิมไหม?"วันนั้น..ทำไมถึงไม่ทิ้งเบอร์ไว้ให้กันบ้าง อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนเก่ากันนะ" ฉันต่อว่า พร้อมตักต้มข่าไก่มาใส่จานข้าวตัวเองเขาชะงักช้อนที่กำลังจะตักข้าวกับผัดเผ็ดเนื้อเข้าปาก..เขามองหน้าตรงๆ เราสบตากัน..ฉันไม่ยอมหลบสายตา แล้วเขาก็ไม่ยอมหลบสายตา ..คล้ายๆว่าเรากำลังประลองกัน ว่าสายตาของใครจะเข้มแข็งและชนะไป"อยากให้ใจจะขาด แต่ไม่มีคนขอนี่" เขาว่า "ก็น่าจะรู้..ว่าพี่ขี้อายขนาดไหน ตอนเดินจากไปนะ ยังไม่กล้าหันกลับไปมองเลย"นั่นสินะ ยังจำได้ว่าหลายปีก่อน กว่าที่เราจะได้แลกเบอร์กันมันยากขนาดไหน ผู้ชายตรงหน้านี้ขี้อายเกินกว่าจะขอเบอร์สาวซักคน ..หรือมันจะเป็นเพียงมายาของผู้ชายระหว่างที่รออาหารที่สั่งไว้สำหรับเพื่อนคนอื่นๆ ของพวกเรา..เขาก็เสียบหูฟังเล็กๆมาใส่ที่หูของฉัน .."เพลงนี้เพราะดีนะ..ลองฟังดู"เราไม่ควรพบกัน ...จากวันนั้นชีวิตไม่ง่ายดายเธอผิดใจกับเขามา ...ผ่านเข้ามาในวันที่ฉันเหงาใจต่างก็เติมความต้องการ บางอย่างที่ขาดหาย ฉันและเธอคล้ายๆจะผูกพันธ์ยิ่งพบเจอยิ่งสนใจยิ่งใกล้ขึ้นทุกวัน ยิ่งทำฉันทรมานและคิดถึงเสียงตะหลิวที่กวัดแกว่งกระทบกระทะเป็นระยะๆ ดูเหมือนจะเงียบหายไป ผู้คนมากมายที่ทั้งนั่งอยู่ด้านในร้าน ทั้งยืนอออยู่หน้าร้าน ดูบางเบาราวกับไร้ตัวตน..ณ ที่นี่ ที่ตรงนี้ มีแต่เพียงเสียงของสายลม..เสียงของบทเพลง..และฉันกับเขา..แค่เราเท่านั้น.."ขอบคุณ"..ครั้งที่สี่สำหรับผู้ชายตัวสูงคนเดิมที่ช่วยยกกระเป๋าจากด้านบนที่ฉันเอื้อมไม่ถึง เมื่อนกยักษ์สีขาวร่อนลงสู่พื้นสนามบินที่มอสโกที่ฉันแอบคาดหวังว่าจะสวยงามกว่านี้ มาถึงครึ่งทางแล้วสินะ..ฉันคิดเมื่อก้าวดุ่มๆตามผู้คนที่ทยอยออกจากเครื่องไป ฉันจะบินอ้อมโลกให้ยาวนานตั้งยี่สิบชั่วโมงทำไมกันนะ ทั้งที่สามารถที่จะบินตรงจากมิลานสู่กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯสู่มิลานด้วยเวลาเพียงสิบสามชั่วโมงเท่านั้น..ถามตัวเองอย่างโง่ๆ..ความจริงก็คือมันไม่มีตั๋วแล้วนะสิ..บางครั้งสิ่งที่เราต้องการที่สุด..เรามักไม่ได้สิ่งนั้นหรอก นั่นคือบทลงโทษเล่นๆของคนที่อยู่บนฟ้า..พวกเขาบนนั้น ไม่ชอบที่จะเห็นผู้คนมีความสุขเกินไป.. สี่ชั่วโมงที่ยาวนาน..สำหรับการรอเปลี่ยนเครื่องในขากลับ ไม่ได้ยาวนานจนเกินไป..เพราะฉันเสียเวลาไปกับการเดินไปเดินมาในสนามบินที่ไม่กว้างมากมาย..เข้าแล้วออกห้องน้ำเป็นว่าเล่น นับสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้..จนเมื่อได้ยินเสียงประกาศที่เข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้าง..และจอมอร์นิเตอร์ที่บ่งบอกถึงสายการบินที่จะพาฉันบินลัดฟ้าอีกครั้ง..ประตูที่12..ฉันเอ่ยกับตัวเองเป็นครั้งที่สิบเห็นจะได้ ก่อนหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กที่ใช้ใส่ของเล็กๆน้อยๆ จำพวกตั๋ว ลิปติก ยาดม ขึ้นบ่า..วิ่งตามคนที่กรูกันเข้าไปด้านในช่องประตูนั้น ลงบันไดไปได้ซักครึ่งทางเห็นจะได้ ก่อนที่จะเห็นหลังไวๆของคนที่เดินนำหน้าไป ผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวคุ้นตา.."เฮ้ คุณ.." ฉันทักเขาหันมามองฉันอย่างแปลกใจ "เฮ้..คุณนั่นเอง...บังเอิญอีกแล้ว""อืม..ค่ะ" ฉันตอบ แล้วไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป "คุณไปอยู่ที่นั่นนานหรือยัง" เขาถามอย่างชวนคุย"ก็นานพอดูค่ะ""คุณอยู่ที่เมืองไหนล่ะ ใกล้เมืองหลวงไหม เผื่อเราจะอยู่ไม่ไกลกัน" "อยู่ซาโวน่าค่ะ แต่ว่าจะไปลงที่มิลาน"..เขาหยุดเดินกระทันหัน.."มิลาน? อิตาลี?" เขาทวนถาม แล้วฉันก็พยักหน้า.."แต่ว่าเครื่องนี้ จะบินไปสวีเดนนะคุณ" คำบอกของเขาทำให้ฉันเกือบสะดุดข้อเท้าตัวเองหัวขมำ ก่อนที่อยากจะทึ้งหัวตัวเองให้สาแก่ใจ..กับความเซ่อซ่าและกลายเป็นใบ้เบื้อพูดไม่ออกไปชั่วขณะ"เครื่องคุณขึ้นกี่โมง" เขาถาม ฉันจึงยื่นตั๋วให้เขาดู เขาก้มลงมองนาฬิกาของตัวเองนิดนึง ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าใบใหญ่ไปจากมือฉัน แล้วเริ่มออกวิ่งกลับไปทางเดิม และฉันก็วิ่งตามสุดชีวิตเวลาไม่กี่นาทีที่ทั้งหอบทั้งเหนื่อย ฉันรู้สึกขอบคุณเหลือเกินกับความมีน้ำใจของเขา เมื่อมาถึงหน้าประตูที่เดิม ฉันเพิ่งเห็นว่ามีสองทาง คือหนึ่ง ลงบันไดไปตามทางเมื่อกี้ อีกทางคือแยกออกไปเพื่อขึ้นรถไปที่เครื่องบินที่จอดอยู่ไกลออกไปฉันหันไปมองหน้าเขา เมื่อเขายื่นกระเป๋าให้.."แล้วคุณล่ะ เครื่องคุณขึ้นกี่โมง" ฉันถามเขามองนาฬิกาอีกครั้ง.."เดี๋ยวนี้""ขอบคุณมากนะ" ครั้งที่ห้า..สำหรับเขา เขาคนเดียว "ฉันขอบคุณจริงๆ"เขายิ้ม.."ด้วยความยินดี"ก่อนที่เขาจะวิ่งกลับไปด้วยความรวดเร็ว ประโยคสุดท้ายของเขาแว่วมา "โชคดีนะ"* * * * * * * * * *"จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ล่ะ" เขาถาม"ไม่รู้สิ" ฉันตอบความบังเอิญไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆนะ แต่ว่าเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเลยนี่นา ถ้าคนบนฟ้าอยากให้เราได้พบกันอีก เราก็ไม่เห็นต้องทำลายสิ่งดีที่มีให้กันเลย เราเป็นเพื่อนกันนี่น่า..ใช่ไหม?..ฉันถามเขาหรือกำลังถามตัวเองกันแน่เขายื่นสิ่งหนึ่งให้ฉัน.."เอาไปไว้ฟังเล่นๆ พี่อัดให้ มีตั้งร้อยแปดสิบเพลง เพราะๆทั้งนั้นเลย""ขอบคุณ" ฉันรับสิ่งนั้นมาใส่กระเป๋าถือ แล้วยิ้ม "ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยไหม""อย่าเลย.." เขาบอก "แค่อยู่ในความทรงจำก็พอ""ก็ดี.." ฉันว่า แล้วยกมือถือขึ้นมาหันเข้าหาตัวเอง แล้วยิ้มอย่างสดใสให้กล้อง และยิ้มให้เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าห่างออกไปไม่ไกล..อย่าร้องไห้นะ อย่าอาลัยอาวรณ์เด็ดขาด..แช๊ะ..* * * * * * * * * *เมื่อนั่งลงตรงที่นั่งบนสายการบินเดิมแต่เครื่องใหม่เพื่อมุ่งสู่มิลานแล้ว..อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองข้างกาย ผู้ชายตัวสูงใจดีคนเดิมไม่มีอีกแล้ว ถูกแทนที่ด้วยสาวใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนที่ดูสวย เริ่ด เชิด หยิ่งและไว้ตัวเสียดายจังเลย ที่นั่งด้วยกันมาตั้งนาน แต่ไม่ได้ถามชื่อเขา..แต่ช่างเถอะ คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ถามชื่อไปก็เท่านั้น ..ก็แค่คนคั่นเวลาคนหนึ่งฉันหยิบมือถือขึ้นมาเปิด ทั้งที่ๆพนักงานบนเครื่องบินเพิ่งประกาศไปว่าไม่ให้ลูกค้าเปิดเครื่องมือสื่อสารใดๆ ภาพเดี่ยวๆของฉันที่ยืนยิ้มให้กล้องในมือถืออย่างสดใส ..ยิ้มให้เขาต่างหากเล่า....อย่าร้องไห้นะ อย่าอาลัยอาวรณ์เด็ดขาด..เสียงใสๆของแตง จากอัลบั้ม Be My guest ยังแว่วมา... คืนนี้ เธอคงเหงาใช่ไหม คนรักเธอ จากไป คืนนี้ เธอจะเศร้าแค่ไหน ใจฉันถาม ด้วยความห่วงเธอ นี่เธอ เธอจะทำ ฉันใด.....บนเส้นคั่นเวลา มีผู้คนมากมายที่เดินผ่านเข้ามาแล้วจากไป บางคนจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้เราจดจำ ..แต่บางคนจากไปโดยทิ้งเถ้าแห่งความคำนึงถึง ไว้ให้เราคิดถึงในบางเศษเสี้ยวเวลาที่เงียบเหงาและโดดเดี่ยวฉันถอดหูฟังช้าๆ แล้วปิดมือถือเครื่องนั้นลง..ยิ่งอยากลืม ยิ่งกลับจำ..ยิ่งอยากจำ แต่กลับลืมคุณคะ..ฉันจะจดจำคุณไว้ ฉันจะคิดถึงคุณบ้างเป็นบางเวลา..จนกว่าความอยากจำของฉัน จะทำให้ฉันลืมคุณไปเสียทีอ่านโครงการถนนสายมิตรภาพ..คลิ๊กที่นี่ค่ะ:::จุดเริ่มต้นของโครงการ..ถนนสายนี้มีมิตรภาพ::::::หนังสือเปลี่ยนชีวิต..เล่าสู่กันฟังบางครั้งฟ้าก็(ไม่)จรดทราย::::::แฟนฉัน..กับความรักครั้งแรก + + รักไม่ได้..แต่ลืมไม่ลง::::::ของขวัญวันรัก ++ คนที่ใช่ในวันที่ผิด::::::จุ๊ๆอย่าเอ็ดไป..ฉันมีความลับ(อะไร)จะบอก :: พูคากับหนึ่งราตรี::::::โตขึ้นหนูอยากเป็น? ::: ไฟฝันย่อมมีวันจาง:::ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางเส้นทางสายมิตรภาพเส้นนี้ด้วยกันทุกคนนะคะสำหรับถนนเส้นต่อไป จะมาในหัวข้อที่ชื่อว่า "ฤดู(นั้น)...ที่ฉันรัก"ค่ะหากสนใจร่วมถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรเส้นต่อไปกับพวกเรา ทำตามกติกาง่าย ๆ เหมือนเคย ดังนี้ค่ะ -ลงชื่อบอกกล่าวกันไว้-เขียนเรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ และอัพบลอคในหมวดงานเขียน/บทประพันธ์-อัพบลอคในวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน เวลาใดก็ได้-เมื่ออัพบลอคแล้ว กรุณามาแจ้งอีกครั้งในบลอคของคนใดคนหนึ่ง และเราจะทำการรวบรวมลิงค์อีกทีค่ะ รายชื่อผู้ร่วมโครงการ::BeCoffee::::nikanda::::นางสาวดุ่บดั่บ::::กะว่าก๋า:: ::ส้มแช่อิ่ม:: ::Paulo::::ปลาทองแก้มยุ้ย:: ::Sweety PB::::แมงโกซิดเด:: ::บุยบุย:: ::ปณาลี::::ภาวันต์::
รายชื่อผู้ร่วมโครงการ::BeCoffee::::nikanda::::นางสาวดุ่บดั่บ::::กะว่าก๋า:: ::ส้มแช่อิ่ม:: ::Paulo::::ปลาทองแก้มยุ้ย:: ::Sweety PB::::แมงโกซิดเด:: ::บุยบุย:: ::ปณาลี::::ภาวันต์::
พี่ก๋าอ่านแล้วนึกถึงบทเริ่มต้นวนิยายเลยครับ
เขียนบทสนทนาได้ดีมาก
พี่ก๋าแอบเดาว่าเป็นเรื่องจริงนะครับเนี่ย