20 ชั่วโมง กับ 2,190 วัน..บนเส้นคั่นเวลา
ช่องหน้าต่างเล็กๆด้านบนขวามืออาจมองดูแคบเหลือเกิน หากว่าเรามองจากด้านนอกเข้ามาที่ตัวเครื่องบิน แต่สำหรับคนที่นั่งอยู่ด้านในของตัวเครื่องแนบชิดกับกระจกใส มองออกไปตามช่องหน้าต่างเล็กๆบานนั้น โฟกัสของหน้าต่างกลับครอบคลุมมหาสมุทรกว้างใหญ่ ครอบคลุมภูเขามากมายจนไม่อาจนับได้..ยังไม่รวมถึงทะเลก้อนเมฆสีขาวสะอาดตาที่ล่องลอยราวกับไร้น้ำหนัก ไร้แรงโน้มถ่วงใดๆ
น่าอิจฉาจัง..ช่างมีอิสระเสรี..ที่จะล่องลอยไปไกล ไปตามที่หัวใจปรารถนา
กล่องพลาสติกสีใสกล่องเล็กๆถูกยื่นมาวางตรงหน้า จากมือของใครคนหนึ่งที่ตั้งแต่นั่งเครื่องมาด้วยความยาวนานมาถึงห้าชั่วโมงกว่าแล้ว ฉันพูดกับเขาไปสองประโยคเท่านั้น คือตอนขึ้นเครื่อง ก่อนที่เจ้านกยักษ์ลำนี้จะตีปีกแข็งแรงของมันบินขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้างไกล
."แลกที่กันไหมคะ ขอฉันนั่งริมหน้าต่างเถอะค่ะ " ฉันถามประโยคแรกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานและน้ำเสียงนุ่มนวลตามสไตล์หญิงไทยที่มีมิตรไมตรี เขาไม่กล่าวว่ากระไร เพียงแต่ยิ้มให้แล้วขยับร่างสูงออกมาเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปด้านใน
"ขอบคุณค่ะ คุณช่างมีน้ำใจเหลือเกิน" นั่นคือประโยคที่สองของฉัน แล้วเขาเพียงแต่ก้มศีรษะเล็กน้อยอย่างรับคำขอบคุณ..(ซึ่งอาจด้วยความไม่เต็มใจก็ได้) ..บางทีเขาอาจกำลังคิดว่า ด้านจริงๆผู้หญิงคนนี้ มาขอเปลี่ยนที่นั่งเฉยเลย..แต่ก็ช่างเถอะ เขาจะคิดอะไรก็ช่าง แต่อย่างน้อยฉันก็ได้มีโอกาสนั่งริมหน้าต่าง แค่นี้ก็พอใจแล้ว
ฉันหันไปขอบคุณอีกครั้ง แล้วเปิดฝากล่องนั้นออก ไก่ชิ้นเล็กๆ ที่หน้าตาไม่ชวนทานเอาเสียเลย สีซีดยังกับไก่ที่ตายมาแล้วสิบชาติ แต่นั่นยังไม่น่าเบื่อเท่ากับสลัดผักต้ม ที่ประกอบด้วยแครอทสีส้ม มันฝรั่งสีเหลืองอ่อนจางๆและบลอคโคลี่สีเขียวสดที่ถูกต้มจนเปื่อยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สามสีที่มาอยู่รวมกันอย่างลงตัว สวยงามดึงดูดใจให้ลิ้มลอง แล้วต้องผิดหวังที่มันช่างจืดชืดเหลือทน..(ก็มันผักต้มนี่น่า..และฉันจะหวังให้มันรสชาตแบบไหนล่ะ) สลัดในกล่องใบนั้นทำหน้าที่ของผักต้มได้ดีแล้ว..ฉันผิดเองต่างหากที่คาดหวังมากไป
"คุณไม่ชอบมันหรือ" เขาหันมาถาม เมื่อเห็นว่าอาหารในกล่องตรงหน้าฉันยังเต็มเปี่ยม พร่องไปเพียง2-3คำเท่านั้น ในขณะที่กล่องตรงหน้าเขาเกลี้ยงไปหมดแล้ว แม้แต่ขนมปังก้อนเล็กกับเนยก็ไม่เหลือ
ฉันส่ายหน้า "ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบ" แล้วมองหน้าเขาอย่างช่างใจ ก่อนยกกล่องนั้นไปวางตรงหน้าเขา "ถ้าคุณไม่รังเกียจ..."
เขายิ้มให้เล็กน้อย..พลางตักสลัดเข้าปาก เป็นการบอกทางอ้อมว่าไม่รังเกียจแน่นอน..ไม่ว่ากระเพาะของเขาจะต้องการมันอีกหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็ทานมัน ฉันนั่งมองเขาเริ่มต้นทานมันแล้วยิ้มอ่อนๆให้เขา ก่อนจะเสียบหูฟังอันเล็กๆสีขาวที่หูทั้งสองข้างแล้วหลับตาพิงพนักพิง
รักเราเก่าไป หัวใจของฉันและเธอคงชินและชา แต่วันนี้ไม่มีน้ำตา รักเราจบเอง เหมือนเพลงที่มันอ่อนหวานตามกาลเวลา จะเหนี่ยวรั้งสองเรากลับมาก็คงป่วยการ
เสียงเพลงหนักๆอย่าง..ปวดใจ..ของ I-Zax ลอยเข้ามากระทบในโสตที่อ่อนล้า..จากไอพอดสีขาวของใครคนหนึ่งที่มอบให้ฉันมาเป็นของขวัญวันลาจาก..
ยี่สิบชั่วโมงที่รวดเร็วจากมิลาน-มอสโก-กรุงเทพ..กับสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แล้วก็อีกสิบหกชั่วโมงที่ยังเหลืออยู่ จากกรุงเทพ-มอสโก-มิลาน มันช่างแตกต่างกันลิบลับ
ยาวหรือสั้น นานหรือช้า เพลงรักซักเพลงจะไพเราะหรือปวดใจ อาหารที่อยู่ตรงหน้าจะอร่อยหรือไม่. มันอยู่แค่ตรงที่หัวใจจริงๆ...
* * * * * * * * * *
ถนนสายเก่า..สายเดิม
สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงอาคารหนึ่งชั้นที่เคยเดินผ่าน เคยเข้าไปเช่าหนังรักหวานๆมาดูบ่อยครั้ง บัดนี้มีชั้นที่สองและที่สามเพิ่มขึ้นมากลายเป็นห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวและบ้างก็เปิดเป็นที่ขายทัวร์ท่องเที่ยวไปแล้ว
..ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโลกของเรานั้นมันกลมนิดเดียว กลมยิ่งกว่ากลมเสียอีก ใครคนหนึ่งที่เป็นเพียงความทรงจำมาหลายปี อยู่ดีๆก็เดินมาบนถนนสายนั้น ..เราเพียงยิ้มให้กัน..ฉันยกมือที่มีถุงซีดีหนังรักสองสามแผ่นขึ้นมาไหว้เขา ทั้งๆที่เราอายุไม่ได้ห่างกันซักเท่าไหร่เลย
"หวัดดีค่ะ..เหลือเชื่อจัง"..นั่นคือประโยคทักทายที่ฉันสามารถจะคิดขึ้นมาได้ ท่ามกลางความตื่นเต้นและสับสน..
"นั่นสิ" เขาตอบกลับมาแล้วยิ้ม
..เรายิ้มให้แก่กัน..
ความห่างไกลของเวลาหลายปีทำให้เราประหม่า..คุยกันอึกๆอักๆไม่กี่ประโยค แล้วเขาก็จากไปหลักจากที่เอ่ยออกมาว่า "ไปเยี่ยมที่ทำงานพี่บ้างนะ"
ฉันยิ้ม "เลี้ยงรึเปล่าล่ะ"
"เลี้ยงสิ" เขาตอบ "แต่อย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวเลี้ยงไม่ไหว"
ฉันมองตามหลังจนเขาหายลับไปจากถนนสายสั้นๆ แคบๆนั้น..แล้วถอนหายใจยาวๆที่กลั้นมานานในช่วงระหว่างที่เราคุยกันที่รถเข็นขายผลไม้หน้าร้านให้เช่าหนังซีดี
...เฮ้อ..อ..อ..อ..
อ้าว..ลืมถามเบอร์โทรของเขาเลย..
ถนนสายเก่าสายเดิมของเราในวันนั้น ถ้ามันง่ายๆแค่.. ผ่านมา..ทักทาย...แล้วจากไปก็คงดี แต่ถ้าชีวิตมันง่ายเกินไป..คนบนโลกใบนี้คงไม่ได้ลิ้มรสความปวดหนึบๆในอก..จริงไหม? ..เพราะเขาแค่ผ่านมา ทักทาย..แต่ไม่ได้จากไปในทันที
ทำไมคนเราชอบเล่นกับไฟนะ..ทั้งๆที่รู้..ว่าไอร้อนจะแผดเผา
* * * * * * * * * *
"เฮ้" เสียงที่ดังขึ้นข้างตัว แล้วความรู้สึกวูบสั้นๆที่เกิดขึ้น ทำให้ฉันสะดุ้งจากการหลับใหล หรืออาจจะแค่หลับตาชั่วคราว ..ฉันหันกลับไปมองเขาราวกับจะบอกเขาว่า..แค่เครื่องตกหลุมอากาศ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย แต่เขายังคงจ้องหน้าฉันอยู่ แล้วเอ่ยเสียงเบาลงเพื่อไม่ให้รบกวนผู้โดยสารข้างเคียงคนอื่นๆ
"เฮ้..คุณร้องไห้.."
"เปล่านี่" ฉันปฏิเสธ..ก่อนที่รู้สึกว่ามีร่องรอยของความเย็นชื้นที่ปลายหางตา
"คุณไม่สบายหรือ..มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ไหม" เขาถามอย่างมีน้ำใจ และฉันเริ่มซาบซึ้งใจแกมอึดอัด
"ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ...ขอบคุณ" ฉันเอ่ยขอบคุณเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง..ภาวนาให้ถึงสนามบินมอสโกเสียที
ทำไมช่างยาวนานอย่างนี้นะ..
* * * * * * * * * *
ความผูกพันธ์มันต่อติดง่าย..จริงไหมนะ
เจ้าของเครื่องเสียงอันเล็กๆอันที่มีสายระโยงระยางอยู่ที่ใบหูนี้ คือคำตอบของประโยคคำถามด้านบนได้เป็นอย่างดี ..2190 วันที่ผ่านไป..มันเหมือนเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วัน..เหมือนแค่เขาและฉัน เดินทางไปเที่ยวกันคนละขั้วโลกแล้วเดินทางกลับมาทักทายกันอีกหน
ถนนสายเดิม ร้านอาหารร้านเดิม..โรงหนังเดิมๆ แต่หนังเรื่องที่เราดูด้วยกันอีกครั้งไม่เหมือนเดิม..อาหารที่เราสั่งมาทานก็รสชาตไม่เหมือนเดิม แล้วความรู้สึกล่ะ..มันยังเหมือนเดิมไหม?
"วันนั้น..ทำไมถึงไม่ทิ้งเบอร์ไว้ให้กันบ้าง อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนเก่ากันนะ" ฉันต่อว่า พร้อมตักต้มข่าไก่มาใส่จานข้าวตัวเอง
เขาชะงักช้อนที่กำลังจะตักข้าวกับผัดเผ็ดเนื้อเข้าปาก..เขามองหน้าตรงๆ เราสบตากัน..ฉันไม่ยอมหลบสายตา แล้วเขาก็ไม่ยอมหลบสายตา ..คล้ายๆว่าเรากำลังประลองกัน ว่าสายตาของใครจะเข้มแข็งและชนะไป
"อยากให้ใจจะขาด แต่ไม่มีคนขอนี่" เขาว่า "ก็น่าจะรู้..ว่าพี่ขี้อายขนาดไหน ตอนเดินจากไปนะ ยังไม่กล้าหันกลับไปมองเลย"
นั่นสินะ ยังจำได้ว่าหลายปีก่อน กว่าที่เราจะได้แลกเบอร์กันมันยากขนาดไหน ผู้ชายตรงหน้านี้ขี้อายเกินกว่าจะขอเบอร์สาวซักคน ..หรือมันจะเป็นเพียงมายาของผู้ชาย
ระหว่างที่รออาหารที่สั่งไว้สำหรับเพื่อนคนอื่นๆ ของพวกเรา..เขาก็เสียบหูฟังเล็กๆมาใส่ที่หูของฉัน .."เพลงนี้เพราะดีนะ..ลองฟังดู"
เราไม่ควรพบกัน ...จากวันนั้นชีวิตไม่ง่ายดาย เธอผิดใจกับเขามา ...ผ่านเข้ามาในวันที่ฉันเหงาใจ ต่างก็เติมความต้องการ บางอย่างที่ขาดหาย ฉันและเธอคล้ายๆจะผูกพันธ์ ยิ่งพบเจอยิ่งสนใจยิ่งใกล้ขึ้นทุกวัน ยิ่งทำฉันทรมานและคิดถึง
เสียงตะหลิวที่กวัดแกว่งกระทบกระทะเป็นระยะๆ ดูเหมือนจะเงียบหายไป ผู้คนมากมายที่ทั้งนั่งอยู่ด้านในร้าน ทั้งยืนอออยู่หน้าร้าน ดูบางเบาราวกับไร้ตัวตน
..ณ ที่นี่ ที่ตรงนี้ มีแต่เพียงเสียงของสายลม..เสียงของบทเพลง..และฉันกับเขา..แค่เราเท่านั้น..
"ขอบคุณ"..ครั้งที่สี่สำหรับผู้ชายตัวสูงคนเดิมที่ช่วยยกกระเป๋าจากด้านบนที่ฉันเอื้อมไม่ถึง เมื่อนกยักษ์สีขาวร่อนลงสู่พื้นสนามบินที่มอสโกที่ฉันแอบคาดหวังว่าจะสวยงามกว่านี้
มาถึงครึ่งทางแล้วสินะ..ฉันคิดเมื่อก้าวดุ่มๆตามผู้คนที่ทยอยออกจากเครื่องไป ฉันจะบินอ้อมโลกให้ยาวนานตั้งยี่สิบชั่วโมงทำไมกันนะ ทั้งที่สามารถที่จะบินตรงจากมิลานสู่กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯสู่มิลานด้วยเวลาเพียงสิบสามชั่วโมงเท่านั้น..
ถามตัวเองอย่างโง่ๆ..ความจริงก็คือมันไม่มีตั๋วแล้วนะสิ
..บางครั้งสิ่งที่เราต้องการที่สุด..เรามักไม่ได้สิ่งนั้นหรอก นั่นคือบทลงโทษเล่นๆของคนที่อยู่บนฟ้า..พวกเขาบนนั้น ไม่ชอบที่จะเห็นผู้คนมีความสุขเกินไป..
สี่ชั่วโมงที่ยาวนาน..สำหรับการรอเปลี่ยนเครื่องในขากลับ ไม่ได้ยาวนานจนเกินไป..เพราะฉันเสียเวลาไปกับการเดินไปเดินมาในสนามบินที่ไม่กว้างมากมาย..เข้าแล้วออกห้องน้ำเป็นว่าเล่น นับสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้..จนเมื่อได้ยินเสียงประกาศที่เข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้าง..และจอมอร์นิเตอร์ที่บ่งบอกถึงสายการบินที่จะพาฉันบินลัดฟ้าอีกครั้ง..
ประตูที่12..ฉันเอ่ยกับตัวเองเป็นครั้งที่สิบเห็นจะได้ ก่อนหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กที่ใช้ใส่ของเล็กๆน้อยๆ จำพวกตั๋ว ลิปติก ยาดม ขึ้นบ่า..วิ่งตามคนที่กรูกันเข้าไปด้านในช่องประตูนั้น ลงบันไดไปได้ซักครึ่งทางเห็นจะได้ ก่อนที่จะเห็นหลังไวๆของคนที่เดินนำหน้าไป ผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวคุ้นตา..
"เฮ้ คุณ.." ฉันทัก
เขาหันมามองฉันอย่างแปลกใจ "เฮ้..คุณนั่นเอง...บังเอิญอีกแล้ว"
"อืม..ค่ะ" ฉันตอบ แล้วไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป
"คุณไปอยู่ที่นั่นนานหรือยัง" เขาถามอย่างชวนคุย
"ก็นานพอดูค่ะ"
"คุณอยู่ที่เมืองไหนล่ะ ใกล้เมืองหลวงไหม เผื่อเราจะอยู่ไม่ไกลกัน"
"อยู่ซาโวน่าค่ะ แต่ว่าจะไปลงที่มิลาน"..
เขาหยุดเดินกระทันหัน.."มิลาน? อิตาลี?" เขาทวนถาม แล้วฉันก็พยักหน้า..
"แต่ว่าเครื่องนี้ จะบินไปสวีเดนนะคุณ" คำบอกของเขาทำให้ฉันเกือบสะดุดข้อเท้าตัวเองหัวขมำ ก่อนที่อยากจะทึ้งหัวตัวเองให้สาแก่ใจ..กับความเซ่อซ่าและกลายเป็นใบ้เบื้อพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
"เครื่องคุณขึ้นกี่โมง" เขาถาม ฉันจึงยื่นตั๋วให้เขาดู เขาก้มลงมองนาฬิกาของตัวเองนิดนึง ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าใบใหญ่ไปจากมือฉัน แล้วเริ่มออกวิ่งกลับไปทางเดิม และฉันก็วิ่งตามสุดชีวิต
เวลาไม่กี่นาทีที่ทั้งหอบทั้งเหนื่อย ฉันรู้สึกขอบคุณเหลือเกินกับความมีน้ำใจของเขา เมื่อมาถึงหน้าประตูที่เดิม ฉันเพิ่งเห็นว่ามีสองทาง คือหนึ่ง ลงบันไดไปตามทางเมื่อกี้ อีกทางคือแยกออกไปเพื่อขึ้นรถไปที่เครื่องบินที่จอดอยู่ไกลออกไป
ฉันหันไปมองหน้าเขา เมื่อเขายื่นกระเป๋าให้.."แล้วคุณล่ะ เครื่องคุณขึ้นกี่โมง" ฉันถาม
เขามองนาฬิกาอีกครั้ง.."เดี๋ยวนี้"
"ขอบคุณมากนะ" ครั้งที่ห้า..สำหรับเขา เขาคนเดียว "ฉันขอบคุณจริงๆ"
เขายิ้ม.."ด้วยความยินดี"
ก่อนที่เขาจะวิ่งกลับไปด้วยความรวดเร็ว ประโยคสุดท้ายของเขาแว่วมา "โชคดีนะ"
* * * * * * * * * *
"จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ล่ะ" เขาถาม
"ไม่รู้สิ" ฉันตอบ
ความบังเอิญไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆนะ แต่ว่าเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเลยนี่นา ถ้าคนบนฟ้าอยากให้เราได้พบกันอีก เราก็ไม่เห็นต้องทำลายสิ่งดีที่มีให้กันเลย เราเป็นเพื่อนกันนี่น่า..ใช่ไหม?..ฉันถามเขาหรือกำลังถามตัวเองกันแน่
เขายื่นสิ่งหนึ่งให้ฉัน.."เอาไปไว้ฟังเล่นๆ พี่อัดให้ มีตั้งร้อยแปดสิบเพลง เพราะๆทั้งนั้นเลย"
"ขอบคุณ" ฉันรับสิ่งนั้นมาใส่กระเป๋าถือ แล้วยิ้ม "ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยไหม"
"อย่าเลย.." เขาบอก "แค่อยู่ในความทรงจำก็พอ"
"ก็ดี.." ฉันว่า แล้วยกมือถือขึ้นมาหันเข้าหาตัวเอง แล้วยิ้มอย่างสดใสให้กล้อง และยิ้มให้เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าห่างออกไปไม่ไกล
..อย่าร้องไห้นะ อย่าอาลัยอาวรณ์เด็ดขาด..
แช๊ะ..
* * * * * * * * * *
เมื่อนั่งลงตรงที่นั่งบนสายการบินเดิมแต่เครื่องใหม่เพื่อมุ่งสู่มิลานแล้ว..อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองข้างกาย ผู้ชายตัวสูงใจดีคนเดิมไม่มีอีกแล้ว ถูกแทนที่ด้วยสาวใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนที่ดูสวย เริ่ด เชิด หยิ่งและไว้ตัว
เสียดายจังเลย ที่นั่งด้วยกันมาตั้งนาน แต่ไม่ได้ถามชื่อเขา..แต่ช่างเถอะ คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ถามชื่อไปก็เท่านั้น ..ก็แค่คนคั่นเวลาคนหนึ่ง
ฉันหยิบมือถือขึ้นมาเปิด ทั้งที่ๆพนักงานบนเครื่องบินเพิ่งประกาศไปว่าไม่ให้ลูกค้าเปิดเครื่องมือสื่อสารใดๆ ภาพเดี่ยวๆของฉันที่ยืนยิ้มให้กล้องในมือถืออย่างสดใส ..ยิ้มให้เขาต่างหากเล่า..
..อย่าร้องไห้นะ อย่าอาลัยอาวรณ์เด็ดขาด..
เสียงใสๆของแตง จากอัลบั้ม Be My guest ยังแว่วมา... คืนนี้ เธอคงเหงาใช่ไหม คนรักเธอ จากไป คืนนี้ เธอจะเศร้าแค่ไหน ใจฉันถาม ด้วยความห่วงเธอ นี่เธอ เธอจะทำ ฉันใด.....
บนเส้นคั่นเวลา มีผู้คนมากมายที่เดินผ่านเข้ามาแล้วจากไป บางคนจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้เราจดจำ ..แต่บางคนจากไปโดยทิ้งเถ้าแห่งความคำนึงถึง ไว้ให้เราคิดถึงในบางเศษเสี้ยวเวลาที่เงียบเหงาและโดดเดี่ยว
ฉันถอดหูฟังช้าๆ แล้วปิดมือถือเครื่องนั้นลง..ยิ่งอยากลืม ยิ่งกลับจำ..ยิ่งอยากจำ แต่กลับลืม
คุณคะ..ฉันจะจดจำคุณไว้ ฉันจะคิดถึงคุณบ้างเป็นบางเวลา..จนกว่าความอยากจำของฉัน จะทำให้ฉันลืมคุณไปเสียที
อ่านโครงการถนนสายมิตรภาพ..คลิ๊กที่นี่ค่ะ :::จุดเริ่มต้นของโครงการ..ถนนสายนี้มีมิตรภาพ::: :::หนังสือเปลี่ยนชีวิต..เล่าสู่กันฟังบางครั้งฟ้าก็(ไม่)จรดทราย::: :::แฟนฉัน..กับความรักครั้งแรก + + รักไม่ได้..แต่ลืมไม่ลง::: :::ของขวัญวันรัก ++ คนที่ใช่ในวันที่ผิด::: :::จุ๊ๆอย่าเอ็ดไป..ฉันมีความลับ(อะไร)จะบอก :: พูคากับหนึ่งราตรี::: :::โตขึ้นหนูอยากเป็น? ::: ไฟฝันย่อมมีวันจาง:::
ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางเส้นทางสายมิตรภาพเส้นนี้ด้วยกันทุกคนนะคะ สำหรับถนนเส้นต่อไป จะมาในหัวข้อที่ชื่อว่า "ฤดู(นั้น)...ที่ฉันรัก"ค่ะ
หากสนใจร่วมถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรเส้นต่อไปกับพวกเรา ทำตามกติกาง่าย ๆ เหมือนเคย ดังนี้ค่ะ -ลงชื่อบอกกล่าวกันไว้ -เขียนเรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ และอัพบลอคในหมวดงานเขียน/บทประพันธ์ -อัพบลอคในวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน เวลาใดก็ได้ -เมื่ออัพบลอคแล้ว กรุณามาแจ้งอีกครั้งในบลอคของคนใดคนหนึ่ง และเราจะทำการรวบรวมลิงค์อีกทีค่ะ
รายชื่อผู้ร่วมโครงการ ::BeCoffee:: ::nikanda:: ::นางสาวดุ่บดั่บ:: ::กะว่าก๋า:: ::ส้มแช่อิ่ม:: ::Paulo:: ::ปลาทองแก้มยุ้ย:: ::Sweety PB:: ::แมงโกซิดเด:: ::บุยบุย:: ::ปณาลี:: ::ภาวันต์::
Create Date : 25 พฤษภาคม 2552 |
|
33 comments |
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 6:42:03 น. |
Counter : 778 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 25 พฤษภาคม 2552 6:35:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: nikanda 25 พฤษภาคม 2552 6:48:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 25 พฤษภาคม 2552 8:38:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: SIMAKHA 25 พฤษภาคม 2552 9:16:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: oanotai 25 พฤษภาคม 2552 11:38:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: mawtong 25 พฤษภาคม 2552 11:59:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวันต์ 25 พฤษภาคม 2552 16:02:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeCoffee 25 พฤษภาคม 2552 21:17:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวันต์ 25 พฤษภาคม 2552 21:45:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 25 พฤษภาคม 2552 21:47:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: บุยบุย 25 พฤษภาคม 2552 22:08:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: be-oct4 26 พฤษภาคม 2552 7:45:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 26 พฤษภาคม 2552 15:19:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 26 พฤษภาคม 2552 15:23:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 26 พฤษภาคม 2552 20:14:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: นัทธ์ 26 พฤษภาคม 2552 22:38:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: oanotai 27 พฤษภาคม 2552 7:35:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่ไก่ 27 พฤษภาคม 2552 14:24:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: บุยบุย 27 พฤษภาคม 2552 20:35:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 28 พฤษภาคม 2552 19:32:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวันต์ 28 พฤษภาคม 2552 21:33:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 28 พฤษภาคม 2552 22:30:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: rizzonte 29 พฤษภาคม 2552 0:13:53 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
พี่ก๋าอ่านแล้วนึกถึงบทเริ่มต้นวนิยายเลยครับ
เขียนบทสนทนาได้ดีมาก
พี่ก๋าแอบเดาว่าเป็นเรื่องจริงนะครับเนี่ย