20 ชั่วโมง กับ 2,190 วัน..บนเส้นคั่นเวลา

ช่องหน้าต่างเล็กๆด้านบนขวามืออาจมองดูแคบเหลือเกิน หากว่าเรามองจากด้านนอกเข้ามาที่ตัวเครื่องบิน แต่สำหรับคนที่นั่งอยู่ด้านในของตัวเครื่องแนบชิดกับกระจกใส มองออกไปตามช่องหน้าต่างเล็กๆบานนั้น โฟกัสของหน้าต่างกลับครอบคลุมมหาสมุทรกว้างใหญ่ ครอบคลุมภูเขามากมายจนไม่อาจนับได้..ยังไม่รวมถึงทะเลก้อนเมฆสีขาวสะอาดตาที่ล่องลอยราวกับไร้น้ำหนัก ไร้แรงโน้มถ่วงใดๆ


น่าอิจฉาจัง..ช่างมีอิสระเสรี..ที่จะล่องลอยไปไกล ไปตามที่หัวใจปรารถนา


กล่องพลาสติกสีใสกล่องเล็กๆถูกยื่นมาวางตรงหน้า จากมือของใครคนหนึ่งที่ตั้งแต่นั่งเครื่องมาด้วยความยาวนานมาถึงห้าชั่วโมงกว่าแล้ว ฉันพูดกับเขาไปสองประโยคเท่านั้น คือตอนขึ้นเครื่อง ก่อนที่เจ้านกยักษ์ลำนี้จะตีปีกแข็งแรงของมันบินขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้างไกล


."แลกที่กันไหมคะ ขอฉันนั่งริมหน้าต่างเถอะค่ะ " ฉันถามประโยคแรกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานและน้ำเสียงนุ่มนวลตามสไตล์หญิงไทยที่มีมิตรไมตรี เขาไม่กล่าวว่ากระไร เพียงแต่ยิ้มให้แล้วขยับร่างสูงออกมาเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปด้านใน


"ขอบคุณค่ะ คุณช่างมีน้ำใจเหลือเกิน" นั่นคือประโยคที่สองของฉัน แล้วเขาเพียงแต่ก้มศีรษะเล็กน้อยอย่างรับคำขอบคุณ..(ซึ่งอาจด้วยความไม่เต็มใจก็ได้) ..บางทีเขาอาจกำลังคิดว่า ด้านจริงๆผู้หญิงคนนี้ มาขอเปลี่ยนที่นั่งเฉยเลย..แต่ก็ช่างเถอะ เขาจะคิดอะไรก็ช่าง แต่อย่างน้อยฉันก็ได้มีโอกาสนั่งริมหน้าต่าง แค่นี้ก็พอใจแล้ว


ฉันหันไปขอบคุณอีกครั้ง แล้วเปิดฝากล่องนั้นออก ไก่ชิ้นเล็กๆ ที่หน้าตาไม่ชวนทานเอาเสียเลย สีซีดยังกับไก่ที่ตายมาแล้วสิบชาติ แต่นั่นยังไม่น่าเบื่อเท่ากับสลัดผักต้ม ที่ประกอบด้วยแครอทสีส้ม มันฝรั่งสีเหลืองอ่อนจางๆและบลอคโคลี่สีเขียวสดที่ถูกต้มจนเปื่อยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สามสีที่มาอยู่รวมกันอย่างลงตัว สวยงามดึงดูดใจให้ลิ้มลอง แล้วต้องผิดหวังที่มันช่างจืดชืดเหลือทน..(ก็มันผักต้มนี่น่า..และฉันจะหวังให้มันรสชาตแบบไหนล่ะ) สลัดในกล่องใบนั้นทำหน้าที่ของผักต้มได้ดีแล้ว..ฉันผิดเองต่างหากที่คาดหวังมากไป


"คุณไม่ชอบมันหรือ" เขาหันมาถาม เมื่อเห็นว่าอาหารในกล่องตรงหน้าฉันยังเต็มเปี่ยม พร่องไปเพียง2-3คำเท่านั้น ในขณะที่กล่องตรงหน้าเขาเกลี้ยงไปหมดแล้ว แม้แต่ขนมปังก้อนเล็กกับเนยก็ไม่เหลือ


ฉันส่ายหน้า "ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบ" แล้วมองหน้าเขาอย่างช่างใจ ก่อนยกกล่องนั้นไปวางตรงหน้าเขา "ถ้าคุณไม่รังเกียจ..."


เขายิ้มให้เล็กน้อย..พลางตักสลัดเข้าปาก เป็นการบอกทางอ้อมว่าไม่รังเกียจแน่นอน..ไม่ว่ากระเพาะของเขาจะต้องการมันอีกหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็ทานมัน ฉันนั่งมองเขาเริ่มต้นทานมันแล้วยิ้มอ่อนๆให้เขา ก่อนจะเสียบหูฟังอันเล็กๆสีขาวที่หูทั้งสองข้างแล้วหลับตาพิงพนักพิง


รักเราเก่าไป หัวใจของฉันและเธอคงชินและชา แต่วันนี้ไม่มีน้ำตา รักเราจบเอง
เหมือนเพลงที่มันอ่อนหวานตามกาลเวลา จะเหนี่ยวรั้งสองเรากลับมาก็คงป่วยการ



เสียงเพลงหนักๆอย่าง..ปวดใจ..ของ I-Zax ลอยเข้ามากระทบในโสตที่อ่อนล้า..จากไอพอดสีขาวของใครคนหนึ่งที่มอบให้ฉันมาเป็นของขวัญวันลาจาก..


ยี่สิบชั่วโมงที่รวดเร็วจากมิลาน-มอสโก-กรุงเทพ..กับสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แล้วก็อีกสิบหกชั่วโมงที่ยังเหลืออยู่ จากกรุงเทพ-มอสโก-มิลาน มันช่างแตกต่างกันลิบลับ


ยาวหรือสั้น นานหรือช้า
เพลงรักซักเพลงจะไพเราะหรือปวดใจ
อาหารที่อยู่ตรงหน้าจะอร่อยหรือไม่.
มันอยู่แค่ตรงที่หัวใจจริงๆ...




* * * * * * * * * *




ถนนสายเก่า..สายเดิม

สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงอาคารหนึ่งชั้นที่เคยเดินผ่าน เคยเข้าไปเช่าหนังรักหวานๆมาดูบ่อยครั้ง บัดนี้มีชั้นที่สองและที่สามเพิ่มขึ้นมากลายเป็นห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวและบ้างก็เปิดเป็นที่ขายทัวร์ท่องเที่ยวไปแล้ว


..ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโลกของเรานั้นมันกลมนิดเดียว กลมยิ่งกว่ากลมเสียอีก ใครคนหนึ่งที่เป็นเพียงความทรงจำมาหลายปี อยู่ดีๆก็เดินมาบนถนนสายนั้น ..เราเพียงยิ้มให้กัน..ฉันยกมือที่มีถุงซีดีหนังรักสองสามแผ่นขึ้นมาไหว้เขา ทั้งๆที่เราอายุไม่ได้ห่างกันซักเท่าไหร่เลย


"หวัดดีค่ะ..เหลือเชื่อจัง"..นั่นคือประโยคทักทายที่ฉันสามารถจะคิดขึ้นมาได้ ท่ามกลางความตื่นเต้นและสับสน..

"นั่นสิ" เขาตอบกลับมาแล้วยิ้ม

..เรายิ้มให้แก่กัน..

ความห่างไกลของเวลาหลายปีทำให้เราประหม่า..คุยกันอึกๆอักๆไม่กี่ประโยค แล้วเขาก็จากไปหลักจากที่เอ่ยออกมาว่า "ไปเยี่ยมที่ทำงานพี่บ้างนะ"

ฉันยิ้ม "เลี้ยงรึเปล่าล่ะ"

"เลี้ยงสิ" เขาตอบ "แต่อย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวเลี้ยงไม่ไหว"

ฉันมองตามหลังจนเขาหายลับไปจากถนนสายสั้นๆ แคบๆนั้น..แล้วถอนหายใจยาวๆที่กลั้นมานานในช่วงระหว่างที่เราคุยกันที่รถเข็นขายผลไม้หน้าร้านให้เช่าหนังซีดี

...เฮ้อ..อ..อ..อ..

อ้าว..ลืมถามเบอร์โทรของเขาเลย..


ถนนสายเก่าสายเดิมของเราในวันนั้น ถ้ามันง่ายๆแค่.. ผ่านมา..ทักทาย...แล้วจากไปก็คงดี แต่ถ้าชีวิตมันง่ายเกินไป..คนบนโลกใบนี้คงไม่ได้ลิ้มรสความปวดหนึบๆในอก..จริงไหม? ..เพราะเขาแค่ผ่านมา ทักทาย..แต่ไม่ได้จากไปในทันที


ทำไมคนเราชอบเล่นกับไฟนะ..ทั้งๆที่รู้..ว่าไอร้อนจะแผดเผา


* * * * * * * * * *



"เฮ้" เสียงที่ดังขึ้นข้างตัว แล้วความรู้สึกวูบสั้นๆที่เกิดขึ้น ทำให้ฉันสะดุ้งจากการหลับใหล หรืออาจจะแค่หลับตาชั่วคราว ..ฉันหันกลับไปมองเขาราวกับจะบอกเขาว่า..แค่เครื่องตกหลุมอากาศ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย แต่เขายังคงจ้องหน้าฉันอยู่ แล้วเอ่ยเสียงเบาลงเพื่อไม่ให้รบกวนผู้โดยสารข้างเคียงคนอื่นๆ

"เฮ้..คุณร้องไห้.."

"เปล่านี่" ฉันปฏิเสธ..ก่อนที่รู้สึกว่ามีร่องรอยของความเย็นชื้นที่ปลายหางตา

"คุณไม่สบายหรือ..มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ไหม" เขาถามอย่างมีน้ำใจ และฉันเริ่มซาบซึ้งใจแกมอึดอัด

"ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ...ขอบคุณ" ฉันเอ่ยขอบคุณเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง..ภาวนาให้ถึงสนามบินมอสโกเสียที

ทำไมช่างยาวนานอย่างนี้นะ..


* * * * * * * * * *



ความผูกพันธ์มันต่อติดง่าย..จริงไหมนะ

เจ้าของเครื่องเสียงอันเล็กๆอันที่มีสายระโยงระยางอยู่ที่ใบหูนี้ คือคำตอบของประโยคคำถามด้านบนได้เป็นอย่างดี ..2190 วันที่ผ่านไป..มันเหมือนเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วัน..เหมือนแค่เขาและฉัน เดินทางไปเที่ยวกันคนละขั้วโลกแล้วเดินทางกลับมาทักทายกันอีกหน


ถนนสายเดิม ร้านอาหารร้านเดิม..โรงหนังเดิมๆ แต่หนังเรื่องที่เราดูด้วยกันอีกครั้งไม่เหมือนเดิม..อาหารที่เราสั่งมาทานก็รสชาตไม่เหมือนเดิม แล้วความรู้สึกล่ะ..มันยังเหมือนเดิมไหม?


"วันนั้น..ทำไมถึงไม่ทิ้งเบอร์ไว้ให้กันบ้าง อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนเก่ากันนะ" ฉันต่อว่า พร้อมตักต้มข่าไก่มาใส่จานข้าวตัวเอง


เขาชะงักช้อนที่กำลังจะตักข้าวกับผัดเผ็ดเนื้อเข้าปาก..เขามองหน้าตรงๆ เราสบตากัน..ฉันไม่ยอมหลบสายตา แล้วเขาก็ไม่ยอมหลบสายตา ..คล้ายๆว่าเรากำลังประลองกัน ว่าสายตาของใครจะเข้มแข็งและชนะไป


"อยากให้ใจจะขาด แต่ไม่มีคนขอนี่" เขาว่า "ก็น่าจะรู้..ว่าพี่ขี้อายขนาดไหน ตอนเดินจากไปนะ ยังไม่กล้าหันกลับไปมองเลย"


นั่นสินะ ยังจำได้ว่าหลายปีก่อน กว่าที่เราจะได้แลกเบอร์กันมันยากขนาดไหน ผู้ชายตรงหน้านี้ขี้อายเกินกว่าจะขอเบอร์สาวซักคน ..หรือมันจะเป็นเพียงมายาของผู้ชาย


ระหว่างที่รออาหารที่สั่งไว้สำหรับเพื่อนคนอื่นๆ ของพวกเรา..เขาก็เสียบหูฟังเล็กๆมาใส่ที่หูของฉัน .."เพลงนี้เพราะดีนะ..ลองฟังดู"


เราไม่ควรพบกัน ...จากวันนั้นชีวิตไม่ง่ายดาย
เธอผิดใจกับเขามา ...ผ่านเข้ามาในวันที่ฉันเหงาใจ
ต่างก็เติมความต้องการ บางอย่างที่ขาดหาย ฉันและเธอคล้ายๆจะผูกพันธ์
ยิ่งพบเจอยิ่งสนใจยิ่งใกล้ขึ้นทุกวัน ยิ่งทำฉันทรมานและคิดถึง



เสียงตะหลิวที่กวัดแกว่งกระทบกระทะเป็นระยะๆ ดูเหมือนจะเงียบหายไป ผู้คนมากมายที่ทั้งนั่งอยู่ด้านในร้าน ทั้งยืนอออยู่หน้าร้าน ดูบางเบาราวกับไร้ตัวตน



..ณ ที่นี่ ที่ตรงนี้ มีแต่เพียงเสียงของสายลม..เสียงของบทเพลง..และฉันกับเขา..แค่เราเท่านั้น..








"ขอบคุณ"..ครั้งที่สี่สำหรับผู้ชายตัวสูงคนเดิมที่ช่วยยกกระเป๋าจากด้านบนที่ฉันเอื้อมไม่ถึง เมื่อนกยักษ์สีขาวร่อนลงสู่พื้นสนามบินที่มอสโกที่ฉันแอบคาดหวังว่าจะสวยงามกว่านี้


มาถึงครึ่งทางแล้วสินะ..ฉันคิดเมื่อก้าวดุ่มๆตามผู้คนที่ทยอยออกจากเครื่องไป ฉันจะบินอ้อมโลกให้ยาวนานตั้งยี่สิบชั่วโมงทำไมกันนะ ทั้งที่สามารถที่จะบินตรงจากมิลานสู่กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯสู่มิลานด้วยเวลาเพียงสิบสามชั่วโมงเท่านั้น..


ถามตัวเองอย่างโง่ๆ..ความจริงก็คือมันไม่มีตั๋วแล้วนะสิ


..บางครั้งสิ่งที่เราต้องการที่สุด..เรามักไม่ได้สิ่งนั้นหรอก นั่นคือบทลงโทษเล่นๆของคนที่อยู่บนฟ้า..พวกเขาบนนั้น ไม่ชอบที่จะเห็นผู้คนมีความสุขเกินไป..


สี่ชั่วโมงที่ยาวนาน..สำหรับการรอเปลี่ยนเครื่องในขากลับ ไม่ได้ยาวนานจนเกินไป..เพราะฉันเสียเวลาไปกับการเดินไปเดินมาในสนามบินที่ไม่กว้างมากมาย..เข้าแล้วออกห้องน้ำเป็นว่าเล่น นับสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้..จนเมื่อได้ยินเสียงประกาศที่เข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้าง..และจอมอร์นิเตอร์ที่บ่งบอกถึงสายการบินที่จะพาฉันบินลัดฟ้าอีกครั้ง..


ประตูที่12..ฉันเอ่ยกับตัวเองเป็นครั้งที่สิบเห็นจะได้ ก่อนหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กที่ใช้ใส่ของเล็กๆน้อยๆ จำพวกตั๋ว ลิปติก ยาดม ขึ้นบ่า..วิ่งตามคนที่กรูกันเข้าไปด้านในช่องประตูนั้น ลงบันไดไปได้ซักครึ่งทางเห็นจะได้ ก่อนที่จะเห็นหลังไวๆของคนที่เดินนำหน้าไป ผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวคุ้นตา..

"เฮ้ คุณ.." ฉันทัก

เขาหันมามองฉันอย่างแปลกใจ "เฮ้..คุณนั่นเอง...บังเอิญอีกแล้ว"

"อืม..ค่ะ" ฉันตอบ แล้วไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป

"คุณไปอยู่ที่นั่นนานหรือยัง" เขาถามอย่างชวนคุย

"ก็นานพอดูค่ะ"

"คุณอยู่ที่เมืองไหนล่ะ ใกล้เมืองหลวงไหม เผื่อเราจะอยู่ไม่ไกลกัน"

"อยู่ซาโวน่าค่ะ แต่ว่าจะไปลงที่มิลาน"..

เขาหยุดเดินกระทันหัน.."มิลาน? อิตาลี?" เขาทวนถาม แล้วฉันก็พยักหน้า..

"แต่ว่าเครื่องนี้ จะบินไปสวีเดนนะคุณ" คำบอกของเขาทำให้ฉันเกือบสะดุดข้อเท้าตัวเองหัวขมำ ก่อนที่อยากจะทึ้งหัวตัวเองให้สาแก่ใจ..กับความเซ่อซ่าและกลายเป็นใบ้เบื้อพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

"เครื่องคุณขึ้นกี่โมง" เขาถาม ฉันจึงยื่นตั๋วให้เขาดู เขาก้มลงมองนาฬิกาของตัวเองนิดนึง ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าใบใหญ่ไปจากมือฉัน แล้วเริ่มออกวิ่งกลับไปทางเดิม และฉันก็วิ่งตามสุดชีวิต

เวลาไม่กี่นาทีที่ทั้งหอบทั้งเหนื่อย ฉันรู้สึกขอบคุณเหลือเกินกับความมีน้ำใจของเขา เมื่อมาถึงหน้าประตูที่เดิม ฉันเพิ่งเห็นว่ามีสองทาง คือหนึ่ง ลงบันไดไปตามทางเมื่อกี้ อีกทางคือแยกออกไปเพื่อขึ้นรถไปที่เครื่องบินที่จอดอยู่ไกลออกไป

ฉันหันไปมองหน้าเขา เมื่อเขายื่นกระเป๋าให้.."แล้วคุณล่ะ เครื่องคุณขึ้นกี่โมง" ฉันถาม

เขามองนาฬิกาอีกครั้ง.."เดี๋ยวนี้"

"ขอบคุณมากนะ" ครั้งที่ห้า..สำหรับเขา เขาคนเดียว "ฉันขอบคุณจริงๆ"

เขายิ้ม.."ด้วยความยินดี"

ก่อนที่เขาจะวิ่งกลับไปด้วยความรวดเร็ว ประโยคสุดท้ายของเขาแว่วมา "โชคดีนะ"


* * * * * * * * * *



"จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ล่ะ" เขาถาม

"ไม่รู้สิ" ฉันตอบ

ความบังเอิญไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆนะ แต่ว่าเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเลยนี่นา ถ้าคนบนฟ้าอยากให้เราได้พบกันอีก เราก็ไม่เห็นต้องทำลายสิ่งดีที่มีให้กันเลย เราเป็นเพื่อนกันนี่น่า..ใช่ไหม?..ฉันถามเขาหรือกำลังถามตัวเองกันแน่

เขายื่นสิ่งหนึ่งให้ฉัน.."เอาไปไว้ฟังเล่นๆ พี่อัดให้ มีตั้งร้อยแปดสิบเพลง เพราะๆทั้งนั้นเลย"

"ขอบคุณ" ฉันรับสิ่งนั้นมาใส่กระเป๋าถือ แล้วยิ้ม "ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยไหม"

"อย่าเลย.." เขาบอก "แค่อยู่ในความทรงจำก็พอ"

"ก็ดี.." ฉันว่า แล้วยกมือถือขึ้นมาหันเข้าหาตัวเอง แล้วยิ้มอย่างสดใสให้กล้อง และยิ้มให้เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าห่างออกไปไม่ไกล

..อย่าร้องไห้นะ อย่าอาลัยอาวรณ์เด็ดขาด..


แช๊ะ..


* * * * * * * * * *



เมื่อนั่งลงตรงที่นั่งบนสายการบินเดิมแต่เครื่องใหม่เพื่อมุ่งสู่มิลานแล้ว..อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองข้างกาย ผู้ชายตัวสูงใจดีคนเดิมไม่มีอีกแล้ว ถูกแทนที่ด้วยสาวใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนที่ดูสวย เริ่ด เชิด หยิ่งและไว้ตัว


เสียดายจังเลย ที่นั่งด้วยกันมาตั้งนาน แต่ไม่ได้ถามชื่อเขา..แต่ช่างเถอะ คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ถามชื่อไปก็เท่านั้น ..ก็แค่คนคั่นเวลาคนหนึ่ง


ฉันหยิบมือถือขึ้นมาเปิด ทั้งที่ๆพนักงานบนเครื่องบินเพิ่งประกาศไปว่าไม่ให้ลูกค้าเปิดเครื่องมือสื่อสารใดๆ ภาพเดี่ยวๆของฉันที่ยืนยิ้มให้กล้องในมือถืออย่างสดใส ..ยิ้มให้เขาต่างหากเล่า..


..อย่าร้องไห้นะ อย่าอาลัยอาวรณ์เด็ดขาด..


เสียงใสๆของแตง จากอัลบั้ม Be My guest ยังแว่วมา... คืนนี้ เธอคงเหงาใช่ไหม คนรักเธอ จากไป คืนนี้ เธอจะเศร้าแค่ไหน ใจฉันถาม ด้วยความห่วงเธอ นี่เธอ เธอจะทำ ฉันใด.....


บนเส้นคั่นเวลา มีผู้คนมากมายที่เดินผ่านเข้ามาแล้วจากไป บางคนจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้เราจดจำ ..แต่บางคนจากไปโดยทิ้งเถ้าแห่งความคำนึงถึง ไว้ให้เราคิดถึงในบางเศษเสี้ยวเวลาที่เงียบเหงาและโดดเดี่ยว


ฉันถอดหูฟังช้าๆ แล้วปิดมือถือเครื่องนั้นลง..ยิ่งอยากลืม ยิ่งกลับจำ..ยิ่งอยากจำ แต่กลับลืม



คุณคะ..ฉันจะจดจำคุณไว้ ฉันจะคิดถึงคุณบ้างเป็นบางเวลา..จนกว่าความอยากจำของฉัน จะทำให้ฉันลืมคุณไปเสียที








อ่านโครงการถนนสายมิตรภาพ..คลิ๊กที่นี่ค่ะ
:::จุดเริ่มต้นของโครงการ..ถนนสายนี้มีมิตรภาพ:::
:::หนังสือเปลี่ยนชีวิต..เล่าสู่กันฟังบางครั้งฟ้าก็(ไม่)จรดทราย:::
:::แฟนฉัน..กับความรักครั้งแรก + + รักไม่ได้..แต่ลืมไม่ลง:::
:::ของขวัญวันรัก ++ คนที่ใช่ในวันที่ผิด:::
:::จุ๊ๆอย่าเอ็ดไป..ฉันมีความลับ(อะไร)จะบอก :: พูคากับหนึ่งราตรี:::
:::โตขึ้นหนูอยากเป็น? ::: ไฟฝันย่อมมีวันจาง:::



ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางเส้นทางสายมิตรภาพเส้นนี้ด้วยกันทุกคนนะคะ
สำหรับถนนเส้นต่อไป จะมาในหัวข้อที่ชื่อว่า "ฤดู(นั้น)...ที่ฉันรัก"ค่ะ


หากสนใจร่วมถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรเส้นต่อไปกับพวกเรา ทำตามกติกาง่าย ๆ เหมือนเคย ดังนี้ค่ะ
-ลงชื่อบอกกล่าวกันไว้
-เขียนเรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ และอัพบลอคในหมวดงานเขียน/บทประพันธ์
-อัพบลอคในวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน เวลาใดก็ได้
-เมื่ออัพบลอคแล้ว กรุณามาแจ้งอีกครั้งในบลอคของคนใดคนหนึ่ง และเราจะทำการรวบรวมลิงค์อีกทีค่ะ



รายชื่อผู้ร่วมโครงการ
::BeCoffee::
::nikanda::
::นางสาวดุ่บดั่บ::
::กะว่าก๋า::
::ส้มแช่อิ่ม::
::Paulo::
::ปลาทองแก้มยุ้ย::
::Sweety PB::
::แมงโกซิดเด::
::บุยบุย::
::ปณาลี::
::ภาวันต์::







































 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2552
33 comments
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 6:42:03 น.
Counter : 778 Pageviews.

 

สวัสดียามเช้าครับน้องแจง


พี่ก๋าอ่านแล้วนึกถึงบทเริ่มต้นวนิยายเลยครับ
เขียนบทสนทนาได้ดีมาก

พี่ก๋าแอบเดาว่าเป็นเรื่องจริงนะครับเนี่ย










 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 25 พฤษภาคม 2552 6:35:12 น.  

 

^
^
^
55+ พี่ก๋าตื่นเช้าเนอะ
พาหมิง หมิงมาเจิมเป็นคนแรกเลย
บทเริ่มต้นนวนิยาย..แอบยิ้ม
เดาว่าเป็นเรื่องจริง..แอบยิ้มเป็นสองเท่า55+

 

โดย: nikanda 25 พฤษภาคม 2552 6:48:14 น.  

 

ฟี่ชอบเรื่องของแจงวันนี้มากเลยนะ
ชอบมากกว่าทุกเรื่องเลยก็ว่าได้
ไม่รู้สิ ..ถ้อยคำแห่งการระลึกถึง
มันเหมือนลอยมาเบา ๆ
เหมือนสายลมที่พัดเรื่อย ๆ
แต่ให้เราอุ่นก็ได้ให้เราหนาวแทบตายก็ได้
เพราะทุกอย่างอยู่ที่ "หัวใจ"
อย่างที่แจงว่าไว้จริง ๆ ละมั้ง
.
.
ฟี่อ่านแล้วยิ้มนะ แต่ยิ้มทั้งน้ำตาล่ะ
เป็นโรค "อิน" กำเริบอีกแล้ว

 

โดย: Paulo 25 พฤษภาคม 2552 8:38:29 น.  

 

... อ๋อยยย อ่านแล้วเหงาๆ ไงพิกล ... อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกเศร้าค่ะ แค่เหงานะ

... แหะ แหะ บังเอิญช่วงนี้จิตใจอ่อนไหวเป็นพิเศษนะคะ

 

โดย: SIMAKHA 25 พฤษภาคม 2552 9:16:15 น.  

 

สวัสดีครับคุณแจง..

ก่อนอื่นขอออกตัวว่า..ยังไม่อ่านนะครับ.ง
แวะมาทักทายก่อน..เดี๋ยวว่างๆจะแวะมาอ่านอีกที

ผมจำคุณแจงได้ซิครับ..แหม..
ยิ่งจับกลุ่มรวมกัน 3 สาวด้วย..
จำเป็น set เลย 555+

แล้วจะแวะมาเยี่ยมอีกนะครับ..
มีความสุขมากๆครับ


 

โดย: Little Knight 25 พฤษภาคม 2552 9:22:10 น.  

 

ยาว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ สะใจ ๆ ๆ ๆ

มาลงชื่อไว้ด้วยความคิดถึงก่อนค่ะ อิอิ
เดี๋ยวอ่านนะคะ 55555

 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ 25 พฤษภาคม 2552 9:48:12 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณแจง อ่านจบแล้วล่ะค่ะ
อ่านจบแล้วก็ถอนใจยาว ๆ ด้วยความลุ้นตัวโก่งเลยล่ะ
เรื่องนี้คุณแจงเขียนได้ดีมาก ๆ เลยนะคะ ชมจากใจจริง
เทคนิคการเขียนสลับฉาก เขียนได้ลื่นไหล สวยงาม
และสอดคล้องกันอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะคะเนี่ย...
เขียนเป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งได้สบาย ๆ เลยค่ะ ชอบจัง

ปอยเดาว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ใช่ไหมคะคุณแจงขา
มันคงเป็นความรู้สึกสับสนไปหมดอย่างบอกไม่ถูกเลยนะ
การได้เจอคนนั้นอีกครั้ง เจอผู้โดยสารนิสัยดี ๆ นั่งข้าง ๆ
(ประทับใจมากตอนพาวิ่งไปเข้าเกทน่ะค่ะ สุดยอดเลยนะ)
แม้ว่าความรู้สึกมันจะไม่ใช่อะไรเกินเลยทั้งนั้นก็ตามเหอะ
แต่ก็อดคิดอะไร ๆ ไม่ได้ ถ้าเป็นปอยปอยจะเป็นอย่างนั้น
ทั้งสวยงาม สับสน และเจ็บปวดนะคะเนี่ย เฮ้ออออ

โดนมากเลยค่ะประโยคนี้ "..บางครั้งสิ่งที่เราต้องการที่สุด..
เรามักไม่ได้สิ่งนั้นหรอก นั่นคือบทลงโทษเล่น ๆ ของคน
ที่อยู่บนฟ้า..พวกเขาบนนั้น ไม่ชอบที่จะเห็นผู้คนมีความสุขเกินไป.. " ชอบมากเลยค่ะ บางทีก็ไม่เห็นใจเราคนบนพื้นบ้าง
ว่ากำลังเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน พากันส่งอุปสรรคอะไรมาเยอะแยะ

คุณแจงคะ...เรื่องสั้นเรื่องนี้ ชอบมากมายเลยล่ะค่ะ
เขียนอีกนะคะ แบบนี้น่ะ มันอบอุ่นใจดีจัง

 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ 25 พฤษภาคม 2552 10:22:08 น.  

 

สวัสดีค่ะ อิอิ

"คนคั่นเวลา" มีความหมายทั้งแง่บวกและลบนะ เราว่าอย่างนั้น

แต่เราเจอแบบในแง่บวกล่ะ "คนคั่นเวลา" ของเรา

ยังทำให้เรานึกถึงและยิ้มได้ เจอกันแค่ช่วงสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งชม.

ในร้านฮะจิบัง ราเมน 555

วันนั้นเราสั่งแค่ราเมน แต่ไม่สั่งน้ำดื่ม เพราะว่ามีติดไว้ในกระเป๋า น้องผู้ชายที่มาคนเดียว นั่งติดกัน อยู่ดีๆ เขาก็สั่งน้ำแข็งปล่าวกับน้ำ ตอนนั้นเราแปลกใจว่าจะสั่งทำไม เพราะเขาก็มีอยู่แล้ว แต่มันก็เรื่องของเขาเน๊าะ
พอน้ำมาเสิร์ฟ น้องคนนั้น ยื่นแก้วน้ำให้เรา บอกว่า เห็นพี่หน้าเครียดๆ ทานน้ำมั้ยครับ
เราก็ใจง่าย นี่ถ้าเป็นมิจฉาชีพนะ คงโดนไปแล้ว
จริงๆ แล้วที่หน้าเครียดน่ะ เพราะเราใช้ตะเกียบผิดด้าน
แล้วอายน้องเค้าต่างหาก (ถ้าหน้าตาไม่หล่อ พี่จะไม่อายเลย น้องเอ๊ย) คือน้องเค้าหน้าตาดีด้วยไง 555

นี่ล่ะคะ ประสบการณ์คนคั่นเวลาของเรา ฮิฮิ

แต่อ่านของคุณ nikanda แล้วออกเหงาๆ อินตามไปเลยค่ะ

 

โดย: oanotai 25 พฤษภาคม 2552 11:38:07 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณ nikanda เป็นนักเขียนหรือเปล่าเนี่ย ภาษาเขียน อ่านแล้วรื่นไหลมาก สำหรับตัวเองก็พยายามเขียนอยู่ค่ะ ถ้าเป็นฮาวทูจะง่ายกว่านิยาย มีผสมภาษาพูด วัยรุ่น แนวๆ เข้าไป แต่นิยายเขียนยาก และให้ดีนี่หนักใจเหมือนกัน

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

 

โดย: mawtong 25 พฤษภาคม 2552 11:59:09 น.  

 

ยาวกว่าของดิฉันอีก 555+
เดี๋ยวคืนนี้มาอ่านนะคะ ตอนนี้แอบแวบมาเดี๋ยวโดนเจ้านายดุ

ส่วนที่ถามว่าเรื่องของดิฉันเป็นเรื่องจริงรึเปล่านั้น ขอตอบว่า จริงครึ่งเดียวค่ะ
คือ ดิฉันเคยแชทกับชายหนุ่มที่รู้จักดี แต่เขาไม่รู้ว่าดิฉันเป็นใคร จนกระทั่งสุดท้ายก็ห่างๆกันไปเอง โดยที่ความลับก็ยังคงเป็นความลับต่อไป ไม่ได้มีการนัดพบที่ร้านกาแฟ และดิฉันไม่ใช่เจ้าของร้านกาแฟค่ะ

 

โดย: ภาวันต์ 25 พฤษภาคม 2552 16:02:05 น.  

 

หวัดดีค่ะ....ผึ้งก็เข้าร่วมโครงการนี้เหมือนกันเป็นครั้งแรกค่ะ
ผึ้งมาขวนไปอ่านเพื่อเป็นกำลังให้ผึ้งค่ะ
แต่เรื่องของคุณ nikanda ผึ้งขอแปะโป้งไว้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะเข้ามาอ่านค่ะ พอดีมีธุระต้องรีบไปเย็นนี้ พรุ่งนี้มาแน่นอนค่ะ คอนเฟิร์ม.....ไปก่อนนะคะ

 

โดย: Sweety PB 25 พฤษภาคม 2552 16:53:06 น.  

 

อืม เสียดายเนอะที่ไม่ได้ถามชื่อเขาคนนั้นเอาไว้หน่ะค่ะ
แต่เชื่อนั้นจะสำคัญไฉน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความทรงจำบนเส้นคั่นเวลา
อย่างที่คุณแจงว่าไม่จริงๆ

เขียนได้โรแมนติกมากเลยค่ะบล็อกนี้
มีตัดภาพกลับไปกลับมาเสียด้วยระหว่างสองที่สองหนุ่ม
มีงงๆ บ้างเล็กน้อยแต่ก็รื่นไหลดีนะคะ

คิดถึงภาพหญิงสาวหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรัง
ไปเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินผิด...โห คิดภาพว่าเป็นหญิงสาวคนนั้นนะคะ
ที่อยู่ในภาพหน่ะค่ะ อิอิ

 

โดย: BeCoffee 25 พฤษภาคม 2552 21:17:40 น.  

 

ตอนแรกอ่านก็เหมือนจะงงนะคะ
แต่พออ่านจบก็เข้าใจ

"ความบังเอิญคือความแน่นอนซึ่งมาในรูปของความไม่แน่นอน"

เห็นด้วยค่ะ ว่าบางครั้ง "ไฟ" มันก็น่าเล่น ตราบใดที่มันยังไม่ลวกมือเรา
และหัวใจของคนเราจำเป็นต้องมีไฟกองเล็กๆสักกองไว้ในมุมมืด เพื่อเป็นแสงสว่างและความอบอุ่นในยามที่เราเหงาหรือไม่มีใคร

อีกประการที่ความเห็นของเราน่าจะตรงกันก็คือ ผู้หญิงสวยๆ ส่วนใหญ่มักจะเซ่อซ่า ซุ่มซ่าม ...เนอะ?

555+

ขอบคุณสำหรับโครงการดีๆแบบนี้นะคะ
ส่วนหัวข้อถัดไป คุณนิกานดาตั้งได้น่าเขียนมากๆ
แล้วเจอกันวันที่ 8 แน่นอนค่ะ

 

โดย: ภาวันต์ 25 พฤษภาคม 2552 21:45:39 น.  

 

วันนี้อารมณ์โรแมนติกหนีไปเที่ยวครับ
วันหลังจะมาอ่านนะ รับรองมาแน่ๆ

แต่ที่มาเนี่ย เพราะเมื่อวานนี้เห็นหน้าคุณปอย
เลยนึกได้ว่า ต้องมาเดินสายตามอีกสองน้องแล้ว
หายกันไปหมดจิ๊ ได้งัยๆๆๆ

ฝากโอ๋หลานรักด้วยน้า

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 25 พฤษภาคม 2552 21:47:57 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกอินมากเลยค่ะ
ชอบที่เขียนจังค่ะ น่าอ่านมากเลยค่ะ อิอิ

นิเป็นน้องให่โครงการนี้ค่ะ
ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ

 

โดย: บุยบุย 25 พฤษภาคม 2552 22:08:06 น.  

 

มารายงานตัวค่ะ ว่าอ่านแล้ว (กว่าจะอ่านจบ หุหุ)

ตอบ : ย่าหยา เป็นชื่อดอกไม้ค่ะ
น่ารักดี (แต่อาจจะไม่เข้ากลับลักษณะของเราที่ชอบแบกจอบไปขุดดินก็ได้ ha)


 

โดย: สายลมอิสระ 25 พฤษภาคม 2552 22:12:15 น.  

 

อ่านแล้วแอบเศร้าจังค่ะ

บางสิ่งที่อยากลืม แต่ลืมไม่ลงจริงๆนะคะ

 

โดย: ปลาทองแก้มยุ้ย 25 พฤษภาคม 2552 23:43:50 น.  

 

อันนี้ต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน...ขอบอก
เศร้าอ่ะ....

ซึ้งด้วย

ไม่รู้หล่ะ ทำกันติดใจขนาดนี้

ก็โดนเป็ดจังแอบแอ๊ดไปแระ
จะได้ตามไปตามมาถูกที่

ปล. ทีมงานเพื่อนยายปาจ๋อยนี่ เขียนน่าอ่านมากๆทุกคนเลยอ่ะ ชอบๆๆๆๆค่ะ

ปล. อีกที.....แอบอึ้ง ซึ้งและน้ำตาคลอๆเพราะแอบไปละม้ายกับชีวิตจริงหลายสิบปีก่อน

แต่ไม่ยอมรับหรอกนะว่าคลออ่ะ...

ลมมันแรงงงงงงงงงง

 

โดย: be-oct4 26 พฤษภาคม 2552 7:45:35 น.  

 

เข้ามาเรียนเชิญแจง ที่ห้องหนังสือที่บ้านฟี่จ้า
เอา "เพลิงพราย" นิยายที่อ่านมารีวิว เป็นเรื่องแรก
เรื่องที่เราคุยกันไว้นี่ เรื่อง แด่ดวงดาวในดวงใจใช่ไหมนะ
จะได้เอามาลงให้เป็นเล่มต่อไป คุยหลายบ้าน หลายเรื่อง ชักก่งก๊ง งง ๆ 555

 

โดย: Paulo 26 พฤษภาคม 2552 15:19:31 น.  

 

มาอ่านตามที่แปะโป้งไว้ค่ะ..อยากบอกว่า..
วิธีเล่าเรื่องดีจังเลยค่ะ สลับกันไปมา น่าติดตาม แล้วก็แอบ ๆ ลุ้นว่า เอ...ตอนจบจะยังไงน๊ากับผู้ชายตัวสูงใจดีคนนั้น ..
ผึ้งเชื่อว่าซักวันเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัวเราทุก ๆ วันมันจะค่อย ๆ ทำให้ความทรงจำนั้นค่อย ๆ เลือนรางจางไปเองค่ะ ไม่แน่นะคะ พอนาน ๆ ไป หวนกลับมานึกอีกที อาจจะมีแต่รอยยิ้ม ไม่มีน้ำตาก็ได้ค่ะ
-----------------------------------------------
อยากขอบคุณด้วยค่ะสำหรับเม้นท์..ที่เรื่องมันสั้นเพราะว่าทุก ๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามา มันช้ำแบบเน้น ๆ ไม่สามารถที่จะตัดตรงไหนได้เลย ถ้าเขียนมันจะย๊าว ยาวมากเลยค่ะ ผึ้งจะเขียน diary ไว้ตลอด มีเป็นสิบเล่มเลยค่ะเรื่องเค้าคนนั้นคนเดียว...
-----------------------------------------------
ขอบคุณอีกทีค่ะที่ชมแล้วก็แนะนำ ผึ้งก็จะคอยติดตามผลงานคุณอีกนะคะ (ชอบ ชอบ)

ปล.รูปภาพที่กล่องคอมเม้นท์ ผึ้งคิดจะเปลี่ยนหลายทีแล้วค่ะ แต่ยังหารูปภาพที่โทนสีนี้ไม่ได้ เลยยังไม่ได้ฤกษ์ค่ะ แต่ผึ้งมีวิธีแก้ให้ค่ะ คือ ต้องเข้าไปเม้นท์บ่อย ๆ จะได้ชิน อิอิ
ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันค่ะ

 

โดย: Sweety PB 26 พฤษภาคม 2552 15:20:05 น.  

 

อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย ... ตามมาเก็บไก่ที่ปล่อยไว้จ้า 555
จำได้แล้ว ๆ เรื่อง บ้านร้อยดอกไม้ต่างหาก เนอะ ที่คุยกันไว้
ดูซิดู ลืมคุณกอบ ได้ไง 555

เมายามบ่ายก็งี้ล่ะ ดีนะกลับตัวได้ไว
กด submit ปุ๊ป นึกได้ปั๊ป

 

โดย: Paulo 26 พฤษภาคม 2552 15:23:36 น.  

 

เรื่องความรักพูดยากเหมือนกันนะคะ เคยนั่งคิดเหมือนกันว่า "รักคนที่เค้ารักดีกว่า" เนี่ยมันควรใช้กับใครดี ระหว่างคนที่รักเรากับคนที่เรารัก

เพราะถ้าเลือกคนที่รักเรา เค้าก็จะสมหวังแต่เราผิดหวังเพราะไม่ได้รักเค้า
แต่ถ้าเราเลือกคนที่เรารัก เราก็สมหวังแต่เค้าก็ผิดหวังเพราะเค้าไม่ได้รักเรา เฮ้อ..ความรักหนอความรัก

 

โดย: ส้มแช่อิ่ม 26 พฤษภาคม 2552 18:24:46 น.  

 

อ่านแล้วเข้าใจคำว่า "คั่นเวลา" ขึ้นเยอะเลยครับ บางทีมันก็เป็นเส้นบางๆ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เราได้พบกับคนดีๆ เติมความรู้สึกละเอียดอ่อนให้กับชีวิต

ส่วนคนที่ค้างคาอยู่ในกาลเวลา... บางที... คนเราก็มีความสุขที่จะเล่นกับไฟนะครับ ถึงจะไม่รู้ตัวก็เถอะ ฮุๆๆ

 

โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 26 พฤษภาคม 2552 20:14:14 น.  

 

แปะไว้....ยาวมาก ขอ print ออกมาอ่านในหน้ากระดาษนะ ...อ่านแบบนี้ สายตาไม่สู้ค่ะ

 

โดย: นัทธ์ 26 พฤษภาคม 2552 22:38:27 น.  

 



เรา&นางฟ้า "สวัสดีค่าาาา"

นางฟ้า "วีๆ บ้านนี้เค้าก็อ่านนิยายแหละ"
เรา "ฮิ ฮิ เจอคนคอเดียวกันอีกหนึ่ง"
นางฟ้า "พี่เค้าอ่านเรื่องอะไรบ้างอ่ะ"
เรา "ไม่รู้สิ ถามเค้าเลย"
นางฟ้า "พี่ nikanda ค่า อ่านของใครแต่งบ้างค่า...ถามงี้เหรอ"
เรา "ถามอีกๆ"
นางฟ้า "แล้วพี่อ่านไปยิ้มไป ขำไปเหมือนวีหรือเปล่าค่า"
เรา "ชักถามแปลกๆ แล้วนะเราน่ะ"
นางฟ้า "พี่ค่าาาา เคยเสียตังค์ซื้อนิยาย จนไม่มีอะไรจะกินเหมือนวีหรือปล่าวค่าาาาา"
เรา "อ๊าย มาบอกเค้าทำมายยยย กรี๊ดดดดด"

ไว้จะพาเค้ามาบ่อยๆ นะคะ นางฟ้าไม่ค่อยเต็มเท่าไร 5555

 

โดย: oanotai 27 พฤษภาคม 2552 7:35:53 น.  

 

แม่น้องนางฟ้าจ๋า
ชอบเรื่องที่เขียนวันนี้จังเลย

อ่านแล้วก็อือม์ อือม์ ชอบ ๆ ๆ

ฝากจูจุ๊บนางฟ้าน้อยให้ป้าสองจุ๊บนะจ๊ะ

 

โดย: แม่ไก่ 27 พฤษภาคม 2552 14:24:38 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณแจง
เรียกนิว่านิก็ได้ค่ะ ^^

กลอน...รักแรก
เป็นกลอนที่ได้จากโน๊ต อุดมในเดี่ยวเจ็ดนะคะ
โน๊ตบอกว่าพบในห้องน้ำค่ะ = =

หนังที่คุณแจงแนะนำมา นิยังไม่เคยดูและก็อยากดูทั้งสองเรื่องเลยค่ะ
แหม น่าดูๆ อิอิ

ถ้าพูดถึงหนังเกี่ยวกับรักแรกของนิต้อง "The Classic" รักแรกของหัวใจ รักสุดท้ายของชีวิตค่ะ ซึ้งมากกกกกกก ร้องน้ำตาเป็นสายธารเลยค่ะ 555+

 

โดย: บุยบุย 27 พฤษภาคม 2552 20:35:32 น.  

 

น่ารักมากเลยค่ะ

แอบปลื้ม "คนคั้นเวลา" จัง อิอิ
แอบขำคนบอร์ดดิ้งผิดประตู อิอิ แต่น่ารักจริง ๆ นะคะ

 

โดย: GreenWitch 28 พฤษภาคม 2552 14:12:28 น.  

 

ชอบลักษณะการเล่าเรื่องจังเลยอ่ะคะ พี่ว่าพี่มองเห็นภาพจากตัวหนังสือ
ด้วยล่ะคะ แบบว่าเด่นชัดเลยล่ะ และก็ได้กลิ่นความอบอุ่น ..
ในแง่ของความผูกพันด้วยล่ะ เพราะพี่คิดว่า ความผูกพันนั้น เป็นเรื่องสำคัญ
ที่จะมัดใจของคนสองคนเอาไว้นะ ...

..................

กว่าจะได้เข้ามาอ่านก็นานเลย แบบว่าช่วงนี้เข้าบล็อกไม่บ่อย แต่ว่า
เข้ามาแล้วก็อยากมาตามอ่านงานน่ะคะ ... และก็แวะมาคุย
เรื่องที่มองเห็นท้องฟ้าแล้วจินตนาการคิดเรื่องข่าวข่มขืน

พี่ว่าไม่แปลกเลยค่ะน้องแจง เพราะว่าอากาศหม่นๆ มันทำให้เราหม่นๆ
กับอะไรหลายๆ อย่าง และพาลทำให้เราคิดไปเรื่อยเปื่อย มีดีบ้าง
ร้ายบ้างเป็นเรื่องธรรมดาอ่ะคะ แต่ว่าเห็นท้องฟ้าหม่นๆ แล้วพี่ว่า
อยู่บ้านดีที่สุดเน๊าะ ฝนตกออกไปเจอเดี๋ยวไม่สบายเอา นอนอยู่บ้านดีกว่าค่ะ

 

โดย: JewNid 28 พฤษภาคม 2552 19:32:02 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ

 

โดย: ภาวันต์ 28 พฤษภาคม 2552 21:33:31 น.  

 

อ่านเพลินจนลืมว่าจะมาคอมเมนต์อะไร เหอๆ

...พี่คงอีกนานค่ะน้องแจงยังรอหนุ่มอิตาลีจากน้องแจงส่งมาให้ 555+

...แต่ที่ทำการอบรมครั้งนี้ก็เพื่อกันไว้ก่อน
เพราะเกิดอยากแต่งขึ้นมาจะต้องเสียเวลาดำเนินการเยอะแยะหากไม่กันเอาไว้

 

โดย: มัยดีนาห์ 28 พฤษภาคม 2552 21:53:35 น.  

 

น้องแจงลืมลงหัวข้อของเดือนหน้าครับ อิอิอิ
ตะกี้พี่ก๋าไปแอบจดมาจากบล็อกน้องปอยแล้ว

น่าสนใจมากครับ

ฤดู (นั้น)...ที่ฉันรัก...


พี่ก๋านึกถึงการ์ตูนอีกแล้วล่ะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 28 พฤษภาคม 2552 22:30:57 น.  

 

เอากำลังใจมาส่งค่ะ
อ่านแล้วซึ้ง หรือแอบเศร้าก็ไม่รู้นะ

 

โดย: rizzonte 29 พฤษภาคม 2552 0:13:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.