พบรักแมนชั่น..รัชดา 17สะดวกสบาย..ราคาไม่แพง แบ่งจ่ายเป็นงวดๆตามความเหมาะสมเรียกเก็บเป็นรอยยิ้มและหยาดน้ำตาวี๊ด..ด..ด..ด เอาอีกแล้ว..นั่นไง เสียงกรีดร้องที่เธอได้ยินบ่อยๆช่วงนี้เธอคิด..ขณะที่กำลังเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปให้ทันลิฟท์ที่กำลังจะปิดลง โชคดีเหลือเกินที่มาทัน เพราะมองเห็นว่ามีคนอีกคนในนั้นยื่นมือไปกดปุ่มค้างไว้เพื่อรอเธอ ...หญิงสาวไม่รอช้า รีบก้าวเข้าไปในนั้นทันที หันไปพยักหน้านิดนึงอย่างขอบคุณให้ผู้ชายคนนั้นที่มีน้ำใจให้แก่เธอ และก่อนที่ลิฟท์กำลังจะปิดลงอีกครั้ง ใครอีกคนก็วิ่งแทรกเข้ามาได้ทันเวลาพอดิบพอดี..ลิฟท์ปิดลงแล้ว..คนสามคนในลิฟท์ ..ผู้หญิงสาวผอมบางที่ขาวจนแทบจะซีดเซียวทีเดียว กับแฟ้มเอกสารในมือหอบใหญ่ กระเป๋าสะพายใบยักษ์ และถุงพลาสติกที่มองเห็นว่าน่าจะเป็นอาหารของค่ำนี้ ผมยาวที่เกล้าไว้ลวกๆอย่างไม่ใส่ใจกับชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีเทาหม่นๆ ชุ่มๆปรอยฝนอันโปรยปรายอยู่ด้านนอก เมื่อเธอวิ่งฝ่าเข้ามาด้านในของแมนชั่นแห่งนี้ด้านข้างของเธอ เป็นผู้ชายร่างสูงที่ใส่กางเกงยีนต์ขาลีบสีดำสนิท กับแจ๊คเก็ตหนังสีดำ หมวกแก๊ปที่ปกคลุมใบหน้า ทำให้เห็นดวงตาได้ไม่ชัดนัก แต่ผมที่ยาวระต้นคอสีน้ำตาลอมทองนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน ในยามที่มีแสงไฟสว่างเช่นนี้..ผู้ชายคนนี้เธอจำเขาได้ เพราะเธอเห็นเขาในลิฟท์แห่งนี้เป็นประจำ สบตากันก็บ่อย แต่ไม่เคยมีโอกาสพูดกันซักครั้ง และเธอบอกตัวเอง เธอไม่ชอบผู้ชายลักษณะแบบนี้เลยส่วนอีกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เยื้องออกไปหน่อย เป็นผู้ชายที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับคนแรก แต่ต่างกันลิบลับ เพราะเขาสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวสะอาดตา กับกางเกงแสลคสีดำสนิท ผมสั้นพอประมาณแต่ดูดีมีสไตล์ เพราะถูกเสยให้ตั้งขึ้นด้วยเจล แว่นตากรอบบางสีขาว ทรงผมที่ดูเท่ห์กับแว่นตาที่ดูเชยแต่อบอุ่น.. ช่างดูขัดแย้งแต่ก็ลงตัวสุดๆ นี่สิ อบอุ่นแบบนี้แหล่ะผู้ชายในฝันเธอเกลียดบรรณยากาศแบบนี้ที่สุด...มันช่างอบอุ่น แต่แอบแฝงไปด้วยความอึดอัดและเยือกเย็น เธอยืนมองผู้ชายที่ใส่แว่นกรอบสวยคนนั้นราวกับมีเขาเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ แล้วเธอก็รู้สึกวาบๆที่ต้นคอด้านซ้าย และรู้สึกถึงสายตาเข้มๆร้อนระอุของใครบางคนที่มองมา..ปิ๊งป่อง..ง.. ลิฟท์เปิดออก..มันเป็นแค่ความบังเอิญแค่นั้นเอง ที่คนสามคนจะอยู่บนชั้นเดียวกัน เมื่อหญิงสาวก้าวออกจากลิฟท์ ไปเปิดประตูห้อง 703 ห้อง 718 คือห้องตรงข้ามก็เป็นห้องของผู้ชายคนที่ดูเท่ห์แต่สุภาพและอบอุ่นคนนั้น เขายิ้มให้เธอก่อนจะหายลับเข้าไปด้านใน โดยไม่ลืมหันมาขยิบตาซ้ายให้ทุกครั้งอย่างที่เคยทำ พร้อมกับยกนิ้วข้อมือนิ้วกลางขึ้นเคาะประตูเบาๆสามครั้ง เป็นสัญลักษณ์ที่เขาและเธอเท่านั้นจึงจะเข้าใจส่วนผู้ชายอีกคนที่ท่าทางเหมือนสิงห์นักบิด กำลังเปิดประตูห้องเขา ที่อยู่ถัดจากห้องของเธอ คือห้อง704 ห้องที่เธอได้ยินเสียงกีตาร์ดังแผ่วแว่วมาจากระเบียงบ่อยๆ ใช่ว่ามันไม่ไพเราะนะ มันไพเราะมากทีเดียว แม้เธอจะไม่ใช่คนที่ชื่นชอบอะไรที่สุนทรีย์นัก แต่ก็อดจะเคลิ้มไปไม่ได้ กับเสียงดนตรีที่แผ่วเบาและเสียงร้องที่นุ่มหวาน ชวนให้ขนลุกแกมอิจฉาว่าเพลงนั้นเขาแต่งให้ใครกันนะ..สิ่งหนึ่งที่รู้ คือผู้ชายคนนี้ชอบสบตากับเธอ แต่เขาไม่เคยยิ้มให้เธอเลยซักครั้งเดียววี๊ด..ด..ด..ด.. เสียงนั้นดังขึ้นให้หัวเธออีกแล้ว เธอเกลียดมันจริงๆ สัญญาณอันตราย ตั้งแต่เธอจำความได้ มันจะดังขึ้นทุกครั้ง เมื่อถึงเวลาที่เป็น"ที่สุด"ของเธอ ตื่นเต้นที่สุด สุขที่สุด เศร้าที่สุด เธอเกลียดมัน เพราะเธอไม่เคยคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ23.00 น. เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอก ถูกยื่นเข้ามาพร้อมกับที่เธอเปิดประตูออกไปพอดี"มาชวนไปกาแฟดื่มข้างล่างซักถ้วย" เขาบอกยิ้มๆ และเธอยิ้มรับอย่างไม่ลังเลเหมือนเช่นเคย หลายวันมาแล้วที่เธอได้รับช่อดอกไม้แบบนี้ การดื่มกาแฟก่อนเที่ยงคืนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ทั้งๆที่เธอเคยเกลียดกาแฟ เพราะกลิ่นของกาแฟทำให้เธอฉุนเฉียวและนอนไม่ค่อยหลับ แต่ตอนนี้การดื่มกาแฟพร้อมกับนั่งมองหน้าใครบางคน ทำให้เธอกลับเข้าห้องด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม และนอนหลับฝันดีทุกคืน..ความลับที่เธอไม่เคยบอกใคร24.00 น. ก๊อกๆ เสียงที่ดังมาจากระเบียงด้านข้าง ทำให้หญิงสาวที่กำลังจะปิดประตูกระจกด้านระเบียงเดินออกมาดู..ก็เห็นบางอย่างลอยวืด..ด ข้ามระเบียงลงมาที่พื้นข้างๆเท้า ก้มลงหยิบมาดูจึงเห็นเป็นแผงยาแก้หวัด กับกระดาษใบหนึ่ง..กินกันไว้ก่อน เดี๋ยวจะเป็นหวัด....รู้ไหม สายฝนน่ะ มันชอบโปรยปรายลงมาให้เราชุ่มชื่นหัวใจก่อน แล้วตอนหลังมันก็จะทำให้เราต้องเจ็บป่วยด้วยการกัดกินหัวใจ..แม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม ผู้ชายหน้าบึ้งคนนั้นก็มีน้ำใจเหมือนกันนะ ..หรือว่าเขา....วี๊ด..ด..ด.. เสียงดังในหัวอีกแล้ว เธอสะบัดหัว แล้วเข้านอนในห้องที่ย้ายเข้ามาอยู่ได้เกือบสองเดือนแล้ว แมนชั่นขนาดเล็ก ตามที่โฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์..พบรักแมนชั่น..รัชดา 17 สะดวกสบาย..ราคาไม่แพง ..ก็สมกับที่โฆษณานั่นแหล่ะ ราคาไม่แพงจริงๆด้วย แถม..ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้า แบ่งจ่ายเป็นงวดๆตามความเหมาะสม...อีกด้วย ซึ่งเหมาะกับคนที่มีรายได้ไม่มากไม่มายอย่างเธอ แต่ไอ้บรรทัดสุดท้ายนี่สิ ทำให้เธออดอมยิ้มไม่ได้ ใครนะเป็นคนคิดมันขึ้นมา ช่างมีอารมณ์ขันและเข้าใจล้อเล่นเสียจริงย้ายเข้าแล้วห้ามย้ายออก..เรียกเก็บเป็นรอยยิ้มและหยาดน้ำตาแต่เธอก็อดที่จะสนใจไม่ได้ สงสัยว่าถ้าเรียกเก็บแบบนี้จริงๆ เธอคงพอปัญญาจ่าย เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ซักพักแล้ว เธอมีรอยยิ้มประดับริมฝีปากตลอดเวลาเลยที่เดียวเชียวเมื่อนึกถึงใครบางคนขึ้นมา..เธอก็อดยิ้มไม่ได้อีกแล้ว จำได้ว่าเธอพบกับเขาเมื่อสองเดือนก่อนในวันที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ ซึ่งไม่มีอะไรมากมายแค่กล่องไม่กี่ใบ ก็ได้ผู้ชายคนที่อยู่ห้องตรงกันข้ามนี่แหล่ะที่ช่วยเหลือ หลังจากนั้นเขาก็ชวนเธอดื่มกาแฟที่คอฟฟี่ชอฟด้านล่างของแมนชั่นเป็นประจำ เขาไม่ใช่คนช่างพูด เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น เราเพียงแต่ยิ้มและสบตากัน นอกจากบางครั้งเขามาที่ห้องของเธอเท่านั้น เราจึงได้คุยกันบ้าง.. เขาบอกว่าเธอน่ารัก เขาชอบเธอตั้งแต่แรกเห็น ออกจะน้ำเน่าไปหน่อย แต่เธอก็ยิ้มรับ ยิ่งคุยกันก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างเข้าใจเธอเหลือเกินเขาชอบเคาะนิ้วเป็นจังหวะ ..เมื่อเธอถาม เขาก็บอกว่า..มันติดเป็นนิสัย และเขาบอกเธอว่า เขาอยากมีบางสิ่งที่เรารู้กันเพียงสองคน เขาเริ่มเคาะนิ้วเป็นจังหวะสามครั้ง...ผม-รัก-คุณ.. เขาเคาะอีก..ผม-รัก-คุณ....ปิ๊งป่อง..ลิฟท์เปิดออก และปิดลง..คนสามสี่คนค่อยๆทะยอยออกจากลิฟท์ไปในชั้นต่างๆ จนเหลือเพียงแค่ผู้ชายที่อยู่ติดกับห้องของเธอ เขาดึงหมวกลงปิดดวงตามากกว่าเดิม หญิงสาวกระแอมเบาๆ เรียกความสนใจ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง"เอ่อ..ขอบคุณนะคะ สำหรับยาแก้หวัดเมื่อวานนี้" เขาเพียงแต่มองเธอนิ่งๆด้วยสายตาคมๆคู่นั้น เธอจึงพูดต่ออย่างเสียความรู้สึกเล็กๆ เมื่อเขาไม่มีทีท่าว่าจะพูดกับเธอเลย " ถึงเราจะไม่รู้จักกัน และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม คุณถึงไม่ยอมพูดกับฉัน แต่ถึงอย่างไร ฉันก็ขอบคุณคุณอยู่ดี สำหรับความมีน้ำใจ" พูดจบเธอก็เดินออกไป พร้อมกับถามตัวเองในใจ ทำไมเธอต้องเสียความรู้สึกด้วย เพียงแค่ชายแปลกหน้าไม่ต้องการพูดด้วย หลังจากเข้าห้องไปแล้ว เธอได้ยินเสียงห้องข้างๆดังขึ้น เหมือนเขาทุบอะไรบางอย่าง23.00 น. เสียงกริ่งที่ดังขึ้นเหมือนเดิมเกือบทุกค่ำคืนและกลิ่นดอกกุหลาบสีขาวที่รวยรินมากับสายลม..และเขา ผู้ชายคนเดิมที่คุ้นเคย"เข้ามาข้างในเถอะค่ะ คืนนี้ฉันอยากอยู่กับคุณ อยากคุยกับคุณ" เธอเอ่ยเชิญเขา ซึ่งไม่บ่อยนัก"มีอะไรหรือ ดูคุณเศร้าๆไปนะ" ชายหนุ่มถามเธอจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง..และเล่าความรู้สึกน้อยใจที่เธอมีต่อชายข้างห้องคนนั้น ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว "คุณชอบเขา" ชายหนุ่มห้องตรงข้ามทักด้วยแววตาที่ไม่มีแววโกรธแต่อย่างใด แต่น้ำเสียงเหมือนจะน้อยใจเล็กๆเธอส่ายหน้าว่าคำกล่าวหาของเขาไม่เป็นความจริง พร้อมกับเคาะนิ้วสามครั้งเป็นการย้ำเตือนตัวเอง ..ฉัน-รัก-คุณเขาเคาะนิ้วห้าครั้ง..แต่-คุณ-ก็-รัก-เขา"ไม่จริงนะ" เธอเถียง "ฉันเกลียดคืนฝนตก"เขาชี้ไปที่นอกหน้าต่างที่ฝนกำลังโปรยปรายท่ามกลางความมืดมิดของวิวบนชั้นเจ็ด "คุณเห็นสายฝนนั่นไหม " เขาถาม เธอพยักหน้า"ความรักก็เหมือนสายฝน เมื่อไหร่ที่มันตกลงมาเพื่อสร้างความชุ่มฉ่ำ ไม่ว่าคุณจะต้องการมันหรือไม่ มันก็ยังให้ความชุ่มฉ่ำกับคุณอยู่ดี""คุณหมายความว่าอย่างไรคะ ฉันไม่เข้าใจ""ผมจะไม่มาหาคุณอีกแล้ว ฝนตกคราวหน้า ผมจะไม่มาอีกแล้ว" เขาบอกเธอ แล้วจากไปอย่างเงียบๆ ขณะที่เธอเข้านอนด้วยความงุนงงเสียงกีตาร์แว่วหวานแผ่วเบา ลอยเข้ามาในโสตประสาทส่วนลึก เสียงทุ้มอ่อนโยนที่เอื้อนเอ่ยคำรักถึงหญิงสาวคนรักที่เขารักสุดหัวใจล่องลอยข้ามระเบียงแห่งความฝันเข้ามา และดวงตาคมกล้าคู่นั้น คืนนั้นทั้งคืนหญิงสาวฝันถึงแต่ผู้ชายผมสีน้ำตาลทองกับชุดแจ็คเก๊ตหนังสีดำที่อยู่ห้องถัดไป ส่วนผู้ชายอีกคนห้องตรงข้ามที่เพิ่งจากไป ไม่ได้เข้ามาในฝันของเธอเลย คืนนี้เป็นคืนแรกตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ ที่เขาไม่มาหาเธอในฝันนี่หรือเปล่านะ..ที่เขาว่า ความรู้สึกมันไม่มีเหตุผล เราตัดใครบางคนได้ง่ายๆ และเราก็รับใครบางคนเข้ามาในใจได้ง่ายๆหรือมันจะไม่ใช่..ความรักวันนี้อากาศแจ่มใสทีเดียวเชียว ไม่ร้อนแต่ก็ไม่มีฝนเหมือนดังเช่นหลายวันที่ผ่านมา ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน กลางคืนดื่มด่ำกับกาแฟรสขมแต่แสนหวานป็อก..บางอย่างที่นอกระเบียง..กระดาษสีขาวเล็กๆลอยข้ามมาเหมือนเดิม จนเธอเริ่มคุ้นเคยกับมัน..บางวัน ฝนก็ไม่ได้ตกหรอก....แต่ความเจ็บปวดก็ยังเกาะกินใจเราเช่นเดิม..แม้ในวันที่แดดอุ่น..หญิงสาวยิ้มกับตัวเองข้ามระเบียงหลังห้องไป ..สมน้ำหน้า..วันนี้เธอไปทำงานช้าหน่อย เนื่องจากแวะเข้ามาคุย สอบถามบางอย่างกับพนักงานของแมนชั่นที่หน้าเคาเตอร์..หลังจากที่ลงมาจากชั้นเจ็ดด้วยลิฟท์ที่แสนอึดอัด ..ผู้ชายห้องตรงข้ามไม่ยิ้มให้เธออีกแล้ว เขาไม่ได้มองเธอเลยด้วยซ้ำไป ขณะที่ผู้ช้ายข้างห้องก็เพียงแต่มองสบตาเธอ หากแต่ไม่พูดอะไรออกมาซักคำ และสองคนนั้นก็ไม่มีใครทักใคร พวกเขาเแทบจะไม่เคยคุยกันให้เธอเห็นเลย ทั้งๆที่เราขึ้นและลงลิฟท์ด้วยกันสามคนเป็นประจำ"อ๋อ..คนหล่อๆที่พักอยู่ห้อง704 หรือคะ ไม่รู้นะ ไม่มีไมตรีเลยค่ะ มาอยู่เป็นเดือนสองเดือน ไม่เคยคุยกับใครซักคนเลยค่ะ น่าเสียดายความหล่อ ส่วนห้อง718 ยังไม่มีใครเข้าพักนะคะ สงสัยคนจำจำผิดแล้ว" พนักงานตอบก่อนหันมามองหน้าหญิงสาวแล้วถาม "ทำไมหรือคะ"เธอส่ายหน้า .."เปล่าจ้ะ"...ผู้ชายอบอุ่นคนนั้น เขาไม่ได้อยู่ที่ห้อง 718 หรอกหรือ แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะ?.....ปิ๊งป่อง.."ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ว่าทำไมคุณถึงไม่พูดกับฉัน " เธอเอ่ยกับเขาทันทีที่ลิฟท์ปิด ชายหนุ่มใช้นิ้วดันหมวกขึ้นมาอย่างสงสัย"ไม่ต้องอายหรอกค่ะที่คุณเป็นใบ้ ฉันก็จะพยายามเข้าใจ" เธอว่าอย่างล้อเลียน "เพราะฉะนั้น เรามาเปิดใจคุยกันนะคะ" เธอยิ้มอย่างมีไมตรีมากขึ้น "เรามาเริ่มเป็นเพื่อนกันไหมคะ" เธอถามอีก แล้วเขาส่ายหน้า"ทำไมคะ" เธอถามอย่างไม่เข้าใจ ก่อนหันไปทางชายหนุ่มอีกคน ชายหนุ่มห้อง 718 คนนั้น ..แล้วเธอก็ถามในใจ....คุณรู้ไหมคะ ว่าทำไม....ถามเขาสิ คุณรักเขาไม่ใช่หรือ ฝนตกแล้ว กลัวอะไร....ใครจะกล้า..หญิงสาวทำหน้ามุ่ย.. ..คุณเป็นผู้ชายในฝันของฉัน คุณมาหลอกให้ฉันหลงรักคุณ แต่ตอนนี้คุณมาผลักไสฉันให้เขาได้ยังไง....ใครบอก คุณต่างหากที่สร้างผมขึ้นมา เพื่อกั้นเขาออกไปจากความคิดคุณ แล้วใจคุณเองอีกต่างหาก ที่ต้องการกำจัดผมออกไป เมื่อคุณเริ่มแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง..หญิงสาวหยิบปากกากับกระดาษออกมาจากกระเป๋า ส่งให้ชายหนุ่มอีกคนในลิฟท์.."ถ้าคุณไม่อยากพูด เขียนก็ได้นะคะ" เขารับเอาปากกาไป..คุณเป็นคนบ้า..ผมไม่มีวันเป็นเพื่อนกับคุณหรอก..เขายื่นกระดาษให้เธอ.."ทำไมคะ" เธออ่านแล้วถาม..คุณชอบพูดคนเดียว....คุณชอบยิ้มคนเดียว....ตอนนี้คุณก็กำลังยิ้มให้ใครก็ไม่รู้ที่ไม่มีตัวตน..หญิงสาวเหลือบไปมองคนที่ไม่มีตัวตน..เขาว่าคุณไม่มีตัวตนน่ะ....คุณนั่นแหล่ะที่กำลังจะทำให้ผมไม่มีตัวตน เมื่อไหร่ที่คุณเปิดรับเขาหมดหัวใจ เมื่อนั้นผมก็ไม่มีตัวตนจริงๆแล้ว..กระดาษถูกยื่นมาให้อีกจากผู้ชายห้อง704..แต่ผมก็ชอบ..ที่คุณเป็นแบบนี้แหล่ะ..ผู้ชายห้อง 718 หายไปแล้ว เมื่อหญิงสาวรับกระดาษแผ่นนั้นมา แล้วหัวใจพองโต..ผู้ชายห้อง 704 เคาะข้อนิ้วกลางกับผนังลิฟท์สามครั้ง..ผม-รัก-คุณ..หญิงสาวนิ่งมองเขาด้วยความแปลกใจ.."คุณเคาะนิ้วทำไมคะ""มันเป็นนิสัยน่ะ และคุณก็รู้ดีนี่น่า " เขาตอบเป็นคำพูดเป็นครั้งแรก..ใช่เลย นี่แหล่ะเสียงที่เธอได้ยินมาตลอดทุกค่ำคืน..เสียงที่ขับกล่อมบทเพลงอันอ่อนหวาน เขาดึงเธอเข้าไปหาช้าๆ ดึงดินสอที่เสียบผมของเธอออก ผมยาวสลวยสยายลงไปตามแผ่นหลัง.."คุณเคยเป็นผู้หญิงที่เกลียดกาแฟยามเช้าของผม คุณบอกผมเสมอ ว่าคุณเกลียดกลิ่นของมัน และมันทำให้คุณนอนไม่หลับในยามค่ำคืน" ฝ่ามือของเขาเลื่อนเข้าไปกุมที่ท้ายทอย สัมผัสนิ้วกระด้างเข้ากับความอ่อนนุ่มของปรอยผมหญิงสาว .."แต่ดูสิ เดี๋ยวนี้คุณเป็นบ้าไปแล้ว คุณลงมาดื่มกาแฟคนเดียวก่อนนอนทุกคืน แถมยังดื่มตั้งสองถ้วยทุกครั้งไป..ผมจะไม่ให้อภัยคุณเลย" เขากล่าวคาดโทษยิ้มๆ"ฉันคงเปลี่ยนไปแล้ว" เธอว่า "ฉันยอมรับความจริงมากขึ้น" กลิ่นหอมของกาแฟที่เธอเคยเกลียดในยามเช้า เสียงเพลงหวานๆ ที่เธอเคยรำคาญในทุกค่ำคืนก่อนนอน สายตาคมๆที่เคยมองอย่างเว้าวอน บางครั้งก็เชือดเฉือน ลายมือที่คุ้นตาในกระดาษแผ่นนั้น คล้ายๆที่มันเคยแปะอยู่ที่ตู้เย็นในห้องมากมาย สว่างวาบเข้ามาสะท้อนแสงไฟในลิฟท์ ทีละภาพๆ.."และผมก็รักคุณด้วย รักคุณมาตลอด กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ อย่าแยกกันไปอีกเลย อย่าทะเลาะกันอีกเลย ผมไม่อยากต้องอยู่ห่างจากคุณ ไม่ว่าคุณจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ผมจะตามไปอยู่ด้วยทุกที่ทุกเวลา" เขาบอก และก้มลงจูบที่ขมับซ้ายของหญิงสาว เธอไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยินดีเหลือเกินกับอ้อมกอดอบอุ่นนี้"และอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก อย่างแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่คุยกับคุณเหมือนวันนั้นอีกนะ..คุณทำให้ผมต้องเสียกีตาร์ตัวโปรดไป" อ้อ..เสียงที่ดังเหมือนเขาทุบอะไรบางอย่างวันนั้นนั่นเอง..วี๊ด..ด..ด..ด..เสียงสุดท้ายดังขึ้นในหัว...สัญญาณแห่งความสุข..แล้วน้ำตาแห่งความสุขก็เอ่อซึม..เธอยังคงโอบกอดเขาอยู่ จนได้ยินเสียงกระซิบที่หู ลมอุ่นๆที่ทำให้ข้างแก้มของเธอร้อนเป็นไฟ"ออกไปกันได้แล้ว..เราอยู่ในลิฟท์นานเกินไปแล้ว" เขาจูงมือเธอออกมา เขายิ้มและช่างคุยเหมือนเดิม เหมือนเขาคนเดิมที่เคยอยู่ด้วยกันเมื่อมาถึงหน้าห้องเธอ เขาก้มลงกระซิบอีก.."เราอยู่ในลิฟท์นานเกินไป แต่ผมรู้สึกว่ายังอยู่กับคุณไม่มากพอ ขอผมอยู่กับคุณตลอดทั้งชีวิตเลยได้ไหม" เขาถามพร้อมกับล้วงเข้าไปที่ด้านในของแจ๊คเก็ต หยิบบางสิ่งที่เป็นก้านยาวๆออกมาส่งให้เธอดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอกกลิ่นหอมกำจร ผู้ชายในฝันกับผู้ชายในความเป็นจริง บางทีอาจจะไม่ไกลเกินไปก็ได้... ความรักบางครั้งทำให้คนทำตัวไร้เหตุผลแต่ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ใช่น้ำตาเสมอไป ..แมนชั่นพบรัก..มาเรียกเก็บค่าเช่าได้แล้วค่ะ ฉันยินดีจ่ายเป็นรอยยิ้มที่มีคราบหยาดน้ำตา..และ..ลาก่อนก่อนค่ะ..เจ้าของกุหลาบขาวในความฝัน..แล้วหญิงสาวผอมบางและชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองก็เดินเข้าห้อง 703 ไป...ถึงเวลาแล้วที่จะประหยัดค่าเช่าห้องของคนสองคน..จบ..อ่านโครงการถนนสายมิตรภาพ..คลิ๊กที่นี่ค่ะ:::หนังสือเปลี่ยนชีวิต..ฟ้าก็(ไม่)จรดทราย::::::แฟนฉัน..กับความรักครั้งแรก + + รักไม่ได้..แต่ลืมไม่ลง::::::ของขวัญ..วันรัก+ +คนที่ใช่ในวันที่ผิด::::::จุ๊ๆอย่าเอ็ดไป..ฉันมีความลับ(อะไร)จะบอก :: พูคากับหนึ่งราตรี::::::โตขึ้นหนูอยากเป็น? ::: ไฟฝันย่อมมีวันจาง::::::20 ชั่วโมง กับ 2,190 วัน..บนเส้นคั่นเวลา::::::ฤดูนั้นที่ฉันรัก :: ฝนร้อนหรือฝนหนาว:::ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางเส้นทางสายมิตรภาพเส้นนี้ด้วยกันทุกคนนะคะสำหรับถนนเส้นต่อไป จะมาในหัวข้อ .."หลอน" ..หลอนคำเดียวเท่านั้น สุดแต่คนเขียนแต่ละคนจะตีความหมาย ......และนำเสนอมันออกมาค่ะ..เรื่องจริงเรื่องแต่ง ประสบการณ์ชีวิตที่เคยผ่าน หรือได้ยินคนอื่นเล่ามา..ได้ทั้งนั้นหากสนใจร่วมถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรเส้นต่อไปกับพวกเรา ทำตามกติกาง่าย ๆ เหมือนเคย ดังนี้ค่ะ -ลงชื่อบอกกล่าวกันไว้-เขียนเรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ และอัพบลอคในหมวดงานเขียน/บทประพันธ์-อัพบลอคในวันจันทร์ที่ 6 กรกฏาคม เวลาใดก็ได้-เมื่ออัพบลอคแล้ว กรุณามาแจ้งอีกครั้งในบลอคของคนใดคนหนึ่ง และเราจะทำการรวบรวมลิงค์อีกทีค่ะ *ภาพประกอบจากอินเตอร์เนทรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ ::BeCoffee:: ::นางสาวดุ่บดั่บ::::nikanda:: ::กะว่าก๋า:: ::แพนด้ามหาภัย:: ::ภาวันต์:: ::Paulo:: ::inmemoir:: ::Sweety PB:: ::ปลาทองแก้มยุ้ย:: ::Unravel:: ::แมงโกซิดเด:: ::บุยบุย::
เรื่องยาว...ที่อ่านเรียกรอยยิ้มและความอบอุ่นอีกแล้ว