บทส่งท้าย
...พรหมลิขิตบันดาล...
5ปีต่อมา
สวนกว้างขวางหลังบ้านของปราณีถึงตกแต่งขึ้นอย่างสวยงามเพื่อจัดเป็นงานเลี้ยงขนาดย่อมๆ ให้กับวันครบรอบวันเกิดหนึ่งขวบของเด็กชายแก้มยุ้ยน่ารักนาม เรน ที่แปลว่าสายฝน ตามชื่อของแม่ และมีชื่อจริงว่า ลอเลนโซเป็นภาษาอิตาลี่ตามบรรพบุรุษ ...เรนอายุได้หนึ่งขวบ พอดิบพอดีกับวันครบรอบสองปีของการแต่งงานของคริสและสายฝนเช่นกัน ค่ำคืนนี้มีครอบครัวอยู่กันครบทีเดียวทั้งปราณี ลีโอ ปลายฝันพี่สาวของสายฝนและครอบครัว รวมไปถึงฟรานเชสโก้ที่พาโรซาลีนน์มาด้วยและกำลังรอการมาของซิลวิโอและครอบครัวของเขา บิดาของคริสส่งข้อความมาบอกว่าอาจจะมาล่าช้าซักนิดเพราะเครื่องบินดีเลย์
ขณะรอการมาของครอบครัวของพ่อสามี สายฝนก็เดินเข้าไปในครัว เพื่อเอาเค้กวันเกิดของลูกชาย เปิดประตูเข้าไปสิ่งที่ทำให้ยิ้มได้โดยอัติโนมัติ ก็คือร่างใหญ่ของคริสในวัยยี่สิบสี่ปี ในตอนนี้เขาเป็นหนุ่มฉกรรจ์เต็มวัยคมเข้ม หล่อเหลาและชวนฝันเหลือเกิน แม้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป ทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา นั่นคือคริสยังคงน่ารักและดีกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย สายฝนได้แต่ขอบคุณพระเจ้า ที่ดลบันดาลให้ในเช้าวันนั้น เธอได้มีโอกาสได้เจอกับเขา ณ ป้ายรถเมล์สายนั้น หญิงสาวจึงมีวันนี้ ครอบครัวที่อบอุ่น ลูกชายที่น่ารัก และสามีทีเพียบพร้อม
คริสกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับเค้กก้อนโตพอเห็นสายฝนเดินเข้าไป เขาก็เรียกหญิงสาวเข้าไปดูผลงานการปักเทียนของเขาบนเค้กนั้น
พร้อมแล้ว เขาบอก
สายฝนเดินเข้าไปหา และกอดเอวเขาไว้คริสกอดตอบ
คริส
หืม
ขอบคุณนะสำหรับทุกอย่าง ฉันรักคริสที่สุดในโลกเลย
เหมือนกัน
ขอบคุณที่เธอเธอลืมมือถือในเช้าวันนั้น ขอบคุณที่เราได้เจอกัน และขอบคุณที่รักฉัน
เช้าวันนั้นเหรอ? คริสหัวเราะและยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่เช้าวันนั้น
หมายความว่าไง
แต่ไม่ได้รับคำตอบ...คริสเพียงแต่ยิ้ม ยิ้ม และยิ้ม ...
7ปีก่อน ณ สนามบินมิลาน
เด็กชายวัยรุ่นสูงโย่ง อายุ 17 ปีในชุดกางเกงยีนต์สีซีดๆ เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอผืนใหญ่ แถมด้วยหมวกแก๊ปใบหนึ่งกำลังนั่งรอเที่ยวบินสายหนึ่ง เขาเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ หลังจากไปหาน้องสาวและครอบครัวฝั่งบิดาของเขาที่บินไปต่างประเทศ
มีหญิงสาวชาวเอเชียคนหนึ่งเดินลากกระเป๋ามายืนบริเวณข้างเขา ซึ่งโซฟาที่เขานั่งอยู่นั้นเป็นที่ว่างที่เดียวที่เหลืออยู่ ผู้หญิงคนนั้นหันมามองเขา เป็นเชิงขอโทษขอโพยทำให้คริสขยับตัวอีกนิดเพื่อเปิดทางให้เธอได้นั่งอย่างเต็มที่พร้อมกระเป๋าลากใบโต คริสนั่งหลังอิงพนักโซฟา ทำให้เขาเห็นเธอได้อย่างชัดเจนภายใต้ปีกหมวกแก๊ป แต่เธอมองเห็นเขาไม่ชัดหรอก เพราะเขาสวมหมวกมิดชิด เธอคนนั้นหยิบแผนที่ออกมา ด้านบนแผนที่เขียนว่า Alassio SV. ทำให้คริสสนใจเล็กน้อยเพราะนั่นเป็นเมืองที่เป็นบ้านเกิดของเขา คริสเพียงนั่งมองเงียบๆ
ผู้หญิงเอเชียตรงหน้าตัวเล็กผอมเพรียวเหมือนคนเอเชียทั่วไป ผมดำสนิทถูกมัดเป็นหางม้า หน้าตาเล็กๆจิ้มลิ้มพริ้มเพราคล้ายเด็ก ทำให้เขาคาดเดาอายุของเธอไม่ได้ แต่มองเห็นได้ชัดว่าอายุมากกว่าเขาแน่ๆ แต่จะมากน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่คริสเดากับตัวเองไม่ได้เพราะคนเอเชียตัวเล็ก และมักดูอายุน้อยกว่าอายุจริงเสมอ เช่นแม่เขาเป็นต้น
ซักพักเธอคนนั้นก็หยิบอะไรอีกมากมายออกมาวางบนตักทั้งหนังสือนำท่องเที่ยวอิตาลี หนังสือเล่มเล็กๆ คล้ายดิกชินนารี ไทย-อิตาลีและสมุดโน๊ตเล็กๆ นั่งท่องอะไรบางอย่างท่าทางเหมือนว่าจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก่อนจะหันมามองเขาพร้อมเอ่ยอย่างเกรงใจเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อมีผู้หญิงอีกคนจูงเด็ก 2 คนมานั่งข้างๆ
ช่วยขยับออกไปอีกนิดได้ไหมจ๊ะ
เมื่อเขาขยับตัวให้หญิงสาวก็ขยับมานั่งเสียติดกัน น้ำหอมกลิ่นกุหลาบ ลอยมาติดจมูกเขา
ขอโทษด้วยนะจ๊ะเอ่ยอีกครั้ง ก่อนวางหนังสือและสมุดโน๊ตในมือ แปะลงบนตักเขา แล้วเอื้อมมือไปล้วง ผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปากให้เด็กคนหนึ่งในนั้นที่กินไอศกรีมเลอะปาก และเลอะลามมาถึงกระโปรงของเธอด้วยแต่หญิงสาวไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใดทำเพียงช่วยทำความสะอาดและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้แม่เด็กเมื่อหญิงผู้นั้นเอ่ยขอโทษขอโพย
นั่งกันอีกครู่ใหญ่ ก่อนที่หญิงสาวผู้นั้นจะเก็บของคืนใส่กระเป๋า และเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นกุหลาบหอมกรุ่นละมุนละไมแล้วมีสมุดโน๊ตของเธอตกอยู่
คริสก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาถือวิสาสะเปิดดูด้านใน เป็นสมุดโน๊ตธรรมดาทั่วไป ที่เขียนบันทึกช่วยจำต่างๆและมีรูปภาพเล็กๆ แทรกอยู่ในนั้น ...เป็นภาพหญิงสาวคนเมื่อกี้นี่แหล่ะ ในชุดนักศึกษาหน้าตาหมดจด ดวงตาแป๋วแหว๋ว พลิกดูด้านหลัง มีชื่อกำกับอยู่ด้วยลายมือเล็กๆ น่ารัก ...ว่า
สายฝน ...
คริสยิ้ม ก่อนเก็บภาพนั้นลงกระเป๋า แล้วเดินตามเธอไปห่างๆ
จบ.
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆๆ ^___________^