Pritty Woman :: It must have been love

สารภาพว่า รู้จักเพลง It must have been love ของ Roxette ก่อนจะรู้จักหนังเรื่องนี้เสียอีก  จำได้ว่า เคยได้ยินเพลงนี้จากที่ไหนซักแห่ง แล้วชอบมาก ตอนนั้นเด็กๆ หน่อย ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ชอบดนตรีและเสียงร้องของ Roxette มาก ... เพิ่งมารู้จักทีหลัง และรู้จักหนังเรื่องนี้ด้วย


เคยได้ยินชื่อมานานมาก สำหรับหนังเรื่องนี้ ...น่าจะถือว่าเป็นหนังโรแมนติกที่คนพูดถึงกันมาก จนทำให้รู้สึกอยากดูขึ้นมา ... ตอนหลัง ได้ดูผ่านๆ เท่านั้น ล่าสุด มีโอกาสได้หยิบมาดูอีกครั้ง บอกได้คำเดียว ว่าเป็นหนังน้ำเน่าต้นตำรับจริงๆ ...


ถ้ามีโอกาสได้ดูตั้งแต่ตอนโน้น ที่หนังฉายใหม่ๆ คงเป็นอะไร ที่แปลกใหม่ ...แต่เมื่อมาดูในตอนนี้ หลังจากที่เคยดูละครแนวนี้,หนังสือนิยายแนวนี้ ทั้งไทย ทั้งเทศ อีกมากมายหลายสิบเรื่อง เลยทำให้พล็อตนี้ไม่ใหม่อีกต่อไป...

พล็อตเรื่องมันง่ายมาก ไม่มีอะไรที่สลับซับซ้อน ...เป็นแค่ความรักของคนคู่หนึ่ง ที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว...เอ็ดเวิร์ด หนุ่มผู้สมบูรณ์แบบ ร่ำรวยมหาศาล ทำธุรกิจเก่งกาจ ชายผู้โดดเดี่ยว ไม่แคร์ใคร มีเพื่อนสนิทน้อยนิด วันหนึ่่งด้วยความบังเอิญของเขา ทำให้ได้พบกับวิเวียน สาวสวยผู้มีอาชีพทำงานกลางคืน เพื่อเงินยังชีพในแต่ละวัน

เอ็ดเวิร์ดได้จ้างให้วิเวียน ขับรถไปส่งเขาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ขณะที่วิเวียน หวังว่าเขาจะเอาเธอไปนอนด้วย เธอยื่นข้อเสนอ แต่เขาปฏิเสธ  เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ก็แยกย้ายกัน วิเวียนก็มานั่งรอรถเพื่อกลับที่ทำงาน ...แต่ความรู้สึกบางอย่าง ฉุดดึงให้เอ็ดเวิร์ดตัดสินใจพาวิเวียนขึ้นห้องไปกับเขาในที่สุด

และนี่คือจุดเริ่มต้น ของเรื่องราวสุดแสนโรแมนติกพาฝันที่โด่งดังไปทั่วโลก...

ความฝัน ความหวัง ความรักโรแมนติก สาวน้อยข้างถนน และเจ้าชายที่แสนดี...

ก่อนดู ...

ไม่เชิงจะใช้คำว่า อคติ นะคะ ...แต่ยอมรับว่า ไม่ค่อยเข้าใจจริงๆ ..ว่า พระเอกวัยกลางคนที่ดูธรรมดาๆ คนหนึ่ง กับนางเอกที่ก็ไม่ได้สวยมาก ปากกว้างชมัด และพล็อตหนังธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง ..ทำไมมันถึงได้ดัง และอยู่ในใจผู้คนขนาดนั้น ...


นั่งดูไป ยิ้มไป จนจบเรื่อง สามารถเข้าใจได้แล้ว ..ว่าทำไมมันถึงเข้าถึงหัวใจของผู้คน ...

มันเป็นความพาฝัน บนความจริง ที่น่าสนใจค่ะ...


วิเวียน สาวกลางคืนที่แสดงโดย จูเลีย โรเบิร์ต..เธอทำหน้าที่ของเธอได้ดีมาก ดูไป ยิ้มไปกับการแสดงของเธอ มันมีความเป็นธรรมชาติสูง ที่ทำให้เราเขินอายแทน...เธอดูสวย น่ารัก สดใส ...และเมื่อถูกแปลงโฉม เธอดูสวย และสง่างามจริงๆ ค่ะ

เอ็ดเวิร์ด ...หนุ่มสมบูรณ์แบบภายนอก แต่มีปมลึกๆ อยู่ภายใน...ริชาร์ด เกียร์ ...หากใครเคยดูหนังของเขา จะรู้สึกได้ ... เขาไม่หล่อจัด แต่เขามีเสน่ห์บางอย่าง ในความเป็นผู้ชายที่ดูภูมิฐานและอ่อนโยน ... ในรอยยิ้ม ในดวงตา มีความเซ็กซี่เล็กๆ ...ในแบบที่ ถ้าเราเป็นวิเวียน หรือมีสถานะอย่างวิเวียน ...เราก็อยากจะอยู่กับผู้ชายแบบนี้แหล่ะ

ที่บอกว่า เป็นความพาฝันบนความจริง...

ความพาฝันที่ว่า ก็คือพล็อตเรื่องที่น่ารัก สาวข้างถนน ถูกรักโดยชายผู้สมบูรณ์แบบ ถูกนำไปชุบตัว ถูกแปลงโฉม จากคนธรรมดา กลายเป็นเจ้าหญิงน้อยๆ ในกรงทอง อยากได้อะไรก็ได้  อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ..สามารถทำในสิ่งที่ใครหลายคนทำได้แค่ฝันถึง ...แต่งตัวสวยงามเป็นเจ้าหญิงไปดูโอเปร่า  ดินเนอร์ในโรงแรมหรูหรา  ...ชอปปิ้งมากมาย และสามารถเชิดใส่ร้านค้าบางร้านที่เคยดูถูกเธอ ... สวมสร้อยเพชรเม็ดงามประเมินค่ามิได้


แต่ความจริงที่ว่า ก็คือ ...ชีวิตมันไม่ได้สวยงามอย่างนั้น สิ่งที่เคยเฝ้ามองว่ามันสูงส่ง และน่าจะมีความสุข กลับไม่ได้สุขอย่างนั้น ..การแต่งตัวสวยงาม กินอาหารอร่อยๆ รอคอยเจ้าชายอยู่บนหอคอยสูงส่งในฐานะนางบำเรอ  ไม่ทำให้เธอรู้สึกมีค่า ...ไปไหนมาไหน ก็มีสายตาของคนชั้นสูงจับจ้องและแอบดูถูก ...


และเหนือสิ่งอื่นใด คือเธอ "หลงรัก" เขามากเกินกว่าการเป็นแค่ "ลูกค้า"คนหนึ่งในชีวิต...มันทำให้เธอเริ่มไม่มีความสุข เพราะอยากได้มากกว่าสิ่งที่เขาจะให้ได้


เขาเป็นมากกว่า แค่ลูกค้า สำหรับเธอ
แต่เธอ ไม่อาจเป็นได้มากกว่า นางบำเรอ ของเขา

เขาเองก็รักเธอมาก และไม่อาจเอาผู้หญิงกลางคืนขึ้นมาเป็นคู่รักได้ เพราะสังคมค้ำคออยู่


จนในที่สุด ...ก็ถึงจุดจบ ถึงวันสุดท้ายของสัญญาการว่าจ้าง...เขาจ่ายเงิน และเธอต้องไป
สุดท้าย เธอก็ไปแต่ตัว และหัวใจที่ปวดร้าว ไม่อาจรับเงินที่เขาทิ้งไว้ให้ได้

ฉากจบ ...ตอนแรกว่าจะไม่บอกอยู่แล้วเชียว ว่าสุดท้ายเรื่องราวจะลงเอยที่ตรงไหน  เพราะหลายคนคงดูเรื่องนี้กันไปหมดแล้ว และไหนๆ ก็เล่าซะละเอียดแล้ว เล่าให้หมดเปลือกเลยแล้วกัน ...สุดท้ายตอนจบ วิเวียนก็เลิกอาชีพนี้ และตั้งใจจะไปทำอย่างอื่น เพราะเธอรู้คุณค่าแล้ว ว่าไม่อาจทำอย่างนั้นได้ การรักใครคนหนึ่ง มันทำให้เธออยากใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

ในขณะที่เอ็ดเวิร์ด ก็ได้ตัดสินใจเช่นกัน ว่าการมีเธอข้างกาย มันสำคัญมากกว่า หน้าตา เกรียติยศ และธุรกิจพันหมื่นล้านของเขา ...เขาจึงมาหาเธอ พร้อมช่อดอกไม้ และฉากปีนบันไดหนีไฟ ที่ลือลั่น ...


ชอบสัญลักษณ์หลายๆ อย่างในหนังเรื่องนี้ค่ะ แม้มันจะเป็นสิ่งเล็กๆ ...แต่มันหวาน และโรแมนติกมาก เช่น

- พระเอกเป็นคนกลัวความสูง แต่นางเอกชอบไปนั่งตรงระเบียงสูงๆ พระเอกก็จะบังคับให้นางเอกลงมา ...พระเอกไม่กล้าเสี่ยงเพื่อความรักแต่นางเอกพร้อมจะลุย...สุดท้าย พอนางเอกไป พระเอกก็พยายามห้ามความกลัวของตัวเอง เพื่อจะปีนบันไดหนีไฟขึ้นไปหานางเอก

- ในข้อตกลงที่ว่าจ้างให้อยู่ด้วยกัน นางเอกจะไม่จูบปากกับลูกค้า ...แต่สุดท้าย กับพระเอกก็...555+

- นางเอกเคยเล่าให้พระเอกฟัง ว่าตอนเด็กๆ เธอมีความฝัน ว่าจะเป็นเจ้าหญิงงดงามอยู่บนหอคอย แล้วให้เจ้าชายปีนป่ายขึ้นไปหา ...แต่มันก็เป็นแค่ความฝัน เพราะความจริง..เธอก็ทำได้แค่นี้ ... นี่แหล่ะ คือที่มาของฉากจบที่แสนโรแมนติก

- ฉากที่พระเอกเอาสร้อยเพชรมาให้นางเอกใส่ไปดูโอเปร่า ...สร้อยเพชรที่สูงค่า ...เมื่อนางเอกไปแล้ว พระเอกก็เอาสร้อยไปฝากให้ผู้จัดการโรงแรมคืนให้เขา...ฉากนี้ก็สะดุดใจกับคำพูดของผู้จัดการเหมือนกัน ซึ้งดี

ฉากที่ชอบที่สุด ...ยกให้ฉากที่ทะเลาะกันตอนกลางเรื่อง ที่พระเอกหึง เพราะนางเอกไปคุยกับผู้ชายอื่น  ...นางเอกโกรธมาก ที่พระเอกดูถูก เธอก็จะจากไป ...ต่างคนก็ต่างมีทิฐิสูงมาก ไม่ยอมแพ้กันและกัน แล้วสุดท้าย พระเอกก็ยอมลดทิฐิ เดินออกมาง้อ ให้กลับเข้าไป นางเอกก็ยอม ก็ใจมันรักอ่ะ ...มันง่ายๆ สั้นๆ แค่นั้น แต่มันหวาน และการแสดงของพวกเขาทั้งสอง มันสื่อความหมายได้ดี ...พระเอกให้อารมณ์แบบผู้ดี๊ผู้ดี ...ทะเลาะกันก็ไม่ตะโกนนะ พูดเหมือนพูดธรรมดานี่แหล่ะ แต่เจ็บลึกแฮะ...


สรุป ...เป็นหนังที่ควรค่าแก่การดู เจ๊จูเลียน่ารัก และ ริชาร์ด เกียร์ อบอุ่นมาก...ฉากแรกที่ XXXX ... ตอนที่พระเอกปล่อยให้นางเอกเป็นคนทำ ...แอร๊ย...ย...สายตาพระเอกนี่ ...ทำคนดูละลายคาจอ...

 

Create Date : 18 มกราคม 2556		5 comments
Last Update : 18 มกราคม 2556 6:13:39 น.
Counter : 5244 Pageviews.
Share Tweet