|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ทฤษฎีเส้นตรง
ทฤษฏีเส้นตรง โดย TerraN
เรามักจะคิดว่าการขยายเครือข่ายบริษัท หรือทำให้บางสิ่งบางอย่างเกิดความเจริญเติบโตขึ้นไปจะต้องเกิดขึ้นจากจุดๆเดียว อย่างเช่น การสร้างบ้าน เรามัวแต่คิดถึงเสาเข็มอันเป็นเสาสำคัญที่เราต้องฝังลงไปก่อนที่จะสร้างบ้านสำเร็จ การขยายสาขาห้างร้านก็มักจะมีจุดศูนย์กลางที่สำนักงานใหญ่ หรือแม้แต่ระดับประเทศ เราเพ่งเล็งไปยังเมืองหลวง ว่ามันต้องเจริญกว่าเมืองอื่น และจะต้องเป็นส่วนที่จะแผ่ความเจริญไปสู่เมืองอื่นๆรอบข้างต่อไป
จุดต่างๆเหล่านี้ เราสร้างมันให้เป็นพื้นฐานเพื่อป้องกันมิให้ส่วนต่อยอดขึ้นไปนั้น สั่นคลอน เป็นหลักชัดแจ้งเพื่อควบคุมส่วนประกอบหรือสาขาของมัน เป็นเครื่องบ่งชี้ชัดว่า เราคิดแต่รูปแบบที่มองออกเป็นวงกลม โดยมีเราเป็นจุดศูนย์กลาง วิธีนี้จะขยายเครือข่ายต่างๆที่เราต้องการให้คืบคลานออกไปมากขึ้นได้จริงหรือ ? ตราบใดที่เรายังคิดว่า“เรา”คือ “เรา” ก็มักจะใช้วิธีแบบนี้เรื่อยไป เพราะเป็นมุมมองมุมเดียวที่เราพึงจะมองได้ แต่ความจริงแล้ว วิธีคิดแบบนี้คือทางตัน และดูเหมือนจะเป็นหลุมฝังตัวเองเสียด้วย เพราะเมื่อเรามองออกไปจากมุมของเรามากเท่าไร ความรับผิดชอบโดยมีเราเป็นหัวหน้าหรือศูนย์กลางก็ย่อมเล็กลง ยิ่งขยายออกไปมากเท่าไร สำนักงานใหญ่หรือศูนย์กลางยิ่งเล็กลงและด้อยความสำคัญลงเท่านั้น สุดท้ายจุดศูนย์กลางที่เป็นจุดแผ่ขยายเครือข่ายก็ต้องพินาศลง เพราะมีกำลังไม่เพียงพอที่จะแบกรับความต้องการทั้งหมด เปรียบเหมือน จุดเล็กๆบนกระดาษ เมื่อเรา วนจุดเล็กๆนั้นจนมันใหญ่ขึ้นเป็นวงกลม กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงกลมดวงใหญ่ ที่เมื่อกลับมาดูอีกทีก็ยากจะกะเกณฑ์ได้ว่า จุดศูนย์กลางอยู่ที่ใด จำเป็นไหมที่เราต้องพัฒนาการขยายส่วนเครือข่ายต่างๆด้วยวิธีวงกลม ดังที่กล่าวมา
คนทั่วไปอาจจะไม่ได้สนใจวิธีการเจริญเติบโต ว่าจะแผ่ส่วนขยายออกไปยังไง ขอแค่เพียงให้จุดศูนย์กลางนั้นๆมันโตก็พอ แต่วิธีการที่ยกมานี้ ถูกใช้กับทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ห้างร้าน ตึกรามอาคารบ้านช่อง ไปจนถึงการพัฒนาความเจริญชาติบ้านเมือง และอารยธรรมของมนุษยชาติ โดยเริ่มจากจุดวงกลม จุดศูนย์กลางเล็กๆนี่ ขยายออกไป แบบที่เราใช้มันมาตั้งแต่โบราณ จนพินาศล่มสลายมาแล้วหลายครั้ง
สิ่งที่ผมจะเสนอต่อไปนี้คือ การแผ่ขยายสาขาเครือข่ายสิ่งต่างๆ ด้วยวิธี “เส้นตรง”การใช้ จุด ต่อ จุด ก่อนที่จะเข้าถึงวิธีนี้ได้ จำเป็นต้องละตัว“เรา”ออกซะก่อน เพราะไม่งั้นจะออกมาเป็นการเจริญเติบโตแบบเป็นวงกลมร่ำไป อย่างที่ว่ามา เพราะตัวเรามองว่าตนเป็นศูนย์กลาง รอบๆตัวจึงเป็นวงกลม แต่ด้วยวิธีนี้คือ การแผ่ขยายองค์ประกอบต่างๆ เช่น องค์ประกอบความรู้ ไม่ให้มีศูนย์กลางอยู่ ณ จุดๆเดียว อย่างที่ผ่านๆมา แต่เป็นการผนึกกำลังจากจุดหลายๆจุด ด้วยการแบ่งครึ่งออกไปเรื่อยๆ เปรียบเทียบเช่น บริษัทแห่งหนึ่งจำต้องขยายสาขาเพิ่มออกไป โดยให้มีอยู่ทั่วๆประเทศ บริษัทแห่งนั้นอันเป็นสำนักงานใหญ่นั้น จึงตั้งสาขาย่อยขึ้นมา มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังให้สำนักงานใหญ่ควบคุมสำนักงานย่อยทุกๆแห่ง ก็เป็นวิธีแบบวงกลมอย่างที่ว่ามา เพราะฉะนั้นจึงต้องยุบความเป็นสำนักงานใหญ่ลง ให้กลายเป็นเหมือนสำนักงานย่อยซะ และกระจายอำนาจให้เท่าเทียมกัน ทุกๆสาขาจึงไม่มีสาขาใดเป็นลูกย่อยของสาขาใด เมื่อจะขยายเครือข่ายออกไปก็จะเป็นการแตกตัว เหมือนกับผลลัพธ์ของการคูณ เพิ่มเท่าขึ้นเรื่อยๆ เป็นการกระจายพลังที่ดีกว่าการรวมพลังใหญ่ไว้ที่จุดๆเดียว เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ส่วนกลางหรือศูนย์กลางพังทลายไปเมื่อไร สาขาย่อยทุกแห่งย่อมพังตามไปด้วย
หลักการ “เส้นตรง” นี้ คืออีกรูปแบบของการขยายเครือข่ายต่างๆออกไป ด้วยวิธีคิดแตกต่างจากมุมมองของรูปแบบวงกลมที่เราใช้กันมาเนิ่นนาน ซึ่งสามารถเป็นหลักการให้กับทุกสรรพสิ่ง ที่จะต้องขยายเครือข่ายสาขาออกไปกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผมคิดว่าจะสร้างความเจริญได้มากกว่ารูปแบบจุดศูนย์กลางเป็นใหญ่ อย่างที่ผ่านๆมา เป็นหลักการแชร์ความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง และไม่เพียงแต่เฉพาะกับเรื่องของความเจริญทางด้านวัตถุเท่านั้น ในระดับภูมิภาคก็เช่นกัน เมื่อกระจายสรรพกำลังหรือทรัพยากรต่างๆให้เกิดความเท่าเทียมกันทุกฝ่าย ก็ไม่มีใครกดขี่ใครได้ รวมถึงหลักการพื้นฐานของความคิดของมนุษย์ด้วย และประยุกต์ใช้ได้กับสิ่งต่างๆมากมาย ในแต่วิชา แต่ละแขนง แต่ละศาสตร์ต่างๆ เมื่อต้องการให้สิ่งนั้นๆไม่กระจุกรวมตัวกันให้อยู่ในศูนย์กลางความเจริญที่มีเพียงจุดเดียว
แต่อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ตราบใดที่มนุษย์ไม่สามารถละตัว “เรา” ออกแล้ว ก็จะอยู่แต่เพียงมุมมองเดิมๆ ให้“เรา”เป็นใหญ่ ความเท่าเทียมกันในสังคมก็จะไม่เกิด อำนาจหรือศูนย์รวมที่ใหญ่ที่สุดก็จะอยู่ในที่ๆเดียว เมื่อหัวหน้านำทีมตายไป ทีมก็ต้องพัง เพราะไม่มีลูกน้องคนใดรู้จักการเป็นหัวหน้าทีม
TerraN 22/12/05
Create Date : 18 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 30 ธันวาคม 2553 20:07:50 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2195 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: nun IP: 125.25.141.98 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:16:21 น. |
|
โดย: เด็กดอง IP: 118.175.78.214 วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:7:39:03 น. |
|
โดย: มีประโยชน์มากคะ IP: 118.172.163.208 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:12:15 น. |
|
| |
|
Mr.Terran |
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
ซิดนี่ย์ เจ.แฮร์ริส เคยกล่าวไว้ว่า "อันตรายที่แท้จริง ไม่ใช่อยู่ที่ว่า Computer จะเริ่มคิดเหมือนมนุษย์ แต่อยู่ที่ว่า มนุษย์ จะเริ่มคิดเหมือน Computer"
ผลงานทุกชิ้นใน BLOG ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ยกเว้นบทความที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
New Document
|
|
|
|
|