|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ลูกรถไฟ ๑๒...เมื่อ...แม่...ต้องเปลี่ยนอาชีพอีกครั้ง
เปลี่ยนอาชีพอีกครั้ง
แม่ต้องเปลี่ยนอาชีพอีกครั้ง หลังจากเจ้าพ่อมาขอให้เลิก เพราะความจนบังคับก็ต้องหาทางดิ้นรนต่อไป แม่มีคนรู้จักอาศัยอยู่ที่บางซ่อน ที่กรุงเทพ ฯ วันหนึ่งหลังจากกลับจากการเยี่ยมพี่ชายที่อาศัยอยู่กับคนรู้จักที่นั่น ซึ่งต่อมานับถือกันเป็นพี่น้อง พวกเราเรียกเขาว่าพี่จนติดปาก
แม่ได้ความคิดที่จะค้าขายอาหารสดของทางภาคอิสาน ที่ตลาดบางซ่อน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้โรงงานทอผ้าและมีคนอิสานจำนวนมากทำงานที่นั่น แม่เริ่มตระเวนหาซื้อผักแปลกๆ ของทางภาคอิสาน ที่หาได้ยากในกรุงเทพฯสมัยนั้น กบเป็นๆ ถุกจับใส่ลังไม้ ข้าวเหนียว หมูส้ม ปลาส้ม ปลาร้า ฯลฯ รวมถึงผ้าไหมของญาติๆ ที่ทอกันเอง เอาไปขาย แม่บอกว่าขายดีเกินคาด ไม่ถึง 10 โมงเช้าของที่เอาไปขายหมดภายในวันเดียว พูดได้ว่าแม่เป็นแม่ค้ารายแรกและรายเดียวที่ขายของแบบนี้ในช่วงนั้นก็ว่าได้
ความดีใจทำให้แม่ต้องรีบนั่งรถไฟกลับเพื่อมาหาซื้อข้าวของไปขายอีก แม่จะตระเวนไปตามตลาดต่างๆ เพื่อดูสินค้าและเปรียบเทียบราคาไปด้วย บางเจ้าเมื่อรู้จักกันนานๆ เข้าก็ให้ราคาพิเศษหรือไม่ก็เก็บของหายากๆ ไว้ให้แม่คนเดียว บางคนก็ให้สามล้อมาส่งให้ถึงบ้าน ส่วนพ่อจะเป็นคนคัดแยกของ แล้วแม่กับพวกเราก็จะมานั่งมัดกันใหม่ให้เป็นหมวดหมู่ไป เพื่อความสะดวกเวลาไปถึงแม่จะได้ไม่ต้องมาคัดเลือกอีก
บางครั้งของบางอย่างหมด แม่จะฝากจดหมายกับพนักงานรถไฟไปให้พ่อซื้อของส่งไปให้ เพราะแม่มาเองไม่ได้ต้องขายของที่ยังเหลืออยู่แม่จะเดินทางวันศุกร์เย็น ขายถึงวันอาทิตย์ บางครั้งถึงวันจันทร์ วันอังคารตอนเย็นก็นั่งรถไฟกลับอุดรฯ แม่ยึดอาชีพนี้ติดต่อกันมาอีกหลายปีทีเดียว บางครั้งเช่นกันที่เราต้องเดินทางตอนเย็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนโดยใช้ใบเบิกทาง เข้ากรุงเทพฯ เอาของไปส่งให้แม่ แล้วช่วยขาย เย็นวันอาทิตย์ก็นั่งรถไฟกลับเพราะต้องไปโรงเรียนวันจันทร์
เราได้มีโอกาสเดินทางคนเดียวตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการเดินทางให้เราโดยไม่รู้ตัว พร้อมกันนั้นก็สอนให้เรารับผิดชอบตัวเอง และรับผิดชอบสิ่งของต่างๆ ที่นำไปด้วย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นผลดีกับชีวิตเราเพราะสอนให้เราตัดสินใจและมั่นใจในตัวเองมาตั้งแต่เด็ก หลายคนบอกว่าเราเป็นคนช่างคิด และมีความคิดไม่ค่อยเหมือนคนอื่นแต่เป็นความคิดที่ดี
พ่อและแม่สอนเสมอให้เป็นคนกล้าๆ ที่จะทำในสิ่งที่ดีและรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำขึ้น ครั้งหนึ่งตอนเรียนชั้นประถม 5 เลิกเรียนแล้วทุก ๆ คนที่มีเวรทำความสะอาดประจำวันต่างๆ ต้องช่วยกันกวาดห้องเรียนก่อนกลับบ้าน เราเองก็ต้องทำแต่เพราะห่วงเล่นเลยไม่ได้ช่วยเท่าที่ควร เช้าวันต่อมาคุณครูเรียกคนที่รับผิดชอบมาถามเพราะมีคนไปฟ้องว่ามีคนไม่ทำความสะอาด แต่กลับกลายเป็นเพื่อนอีกคนที่เขาทำต้องมารับผิดแทนเรา
ก่อนที่เขาจะถูกลงโทษ เรายกมือขึ้นบอกคุณครูว่า เราเองต่างหากที่ไม่ได้ทำแต่เพื่อนคนนั้นทำ คุณครูและทุกคนแปลกใจที่เรากล้ารับผิด แต่ครูก็ชมเชยที่เรากล้ารับโดยมีความสำนึกผิดเอง เราเลยถูกลงโทษทำความสะอาดคนเดียว 1 อาทิตย์ เพื่อนเลยรอดจากการถูกทำโทษ ไปไกลอีกแล้วเรา...กลับมาเดินทางกันต่อดีกว่า
หลายครั้งที่ได้เดินทางในเวลากลางวัน เราจะชอบมากเป็นพิเศษเพราะได้เห็นผู้คนมากมายตามสถานีรถไฟต่างๆ ที่รถไฟจอดรับผู้โดยสาร สมัยก่อนมีไม่กี่คนที่จะมีกระเป๋าเดินทางสวยๆ ไว้ใช้เวลาเดินทาง อาจเฉพาะคนที่มีฐานะดีหน่อย เสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ หลายคนจะยัดใส่กล่องกระดาษ มีตราเป็นโฆษณาน้ำปลาบ้าง เหล้าแม่โขงบ้าง มีชะลอมใส่ผลไม้บ้าง หอบหิ้วกันขึ้นรถไฟ
บางสถานีมีคนมาเดินขาย ไก่ย่าง ข้าวเหนียวห่อใบบัวร้อนๆ หอมกรุ่น ข้าวหลาม ไข่ต้ม กาแฟใส่กระป๋องนม ชาดำเย็น กาแฟเย็น ฯลฯ ไก่ย่างที่ขึ้นชื่อมาจนทุกวันนี้ก็ที่เขาสวนกวาง ส่วนไอครีมกะทิต้องที่บ้านภาชี บางคนก็ชิมซื้อเสียทุกสถานีเพราะการเดินทางใช้เวลานานตลอดวัน ไม่ได้ทำอะไรเลยทดลองกินไปตลอดทาง อย่างนี้นี่เองที่เวลารถจอดพักที่สถานีอุดรฯ เพื่อนๆ เราเลยได้โอกาสขึ้นไปเก็บขวดบ้าง กระดาษหนังสือพิมพ์บ้าง รวบรวมไปขายได้เงินค่าขนมที่โรงเรียนกันโดยไม่ต้องขอพ่อแม่
ที่เราชอบมากๆ อีกอย่างคือหลังจากจอดที่สถานีอยุธยาแล้ว พอรถเริ่มเดินเครื่องห่างออกไป จะมีคลองขนานไปกับทางรถไฟ ในคลองจะมีดอกบัวสีขาว สีแดง สีม่วง ไปตลอดทางจนถึงสถานีดอนเมือง แล้วยังทุ่งนาสีเขียวขจียามหน้าฝน และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน จนถึงสีน้ำตาลแก่เต็มที่พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้ สายลมเย็นสดชื่นพัดเข้ามาทางหน้าต่าง เวลารถเลี้ยวเราชอบมองไปดูตู้ที่อยู่ถัดออกไปตีโค้งไปตามรางรถไฟสวยมาก
บางครั้งชาวนาก็หยุดยืนดูรถไฟที่วิ่งผ่าน เราโบกมือให้พวกเขาเสมอแม้จะไม่รู้จักกัน พวกเขาจะยิ้มและโบกมือตอบกลับมา บางครั้งที่มีแม่หรือพ่อเดินทางด้วย เราจะถูกถามว่ารู้จักเขาเหรอ ก็ได้แต่สั่นหน้า ภาพเหล่านี้เราไม่ได้เห็นอีกเลยเมื่อครั้งเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าแม่และพ่อจะเป็นลูกชาวนา แต่โดยที่แม่เป็นลูกสาวคนเดียวเลยไม่ต้องทำนา ที่นาที่มีหลังจากยายจากไปแม่ก็ยกให้กับญาติผู้ใหญ่ เพราะแม่ไมรู้จะเก็บไว้ทำไมเมื่อทำนาไม่เป็น ถ้าเพียงแต่แม่จะให้เขาเช่า เราคงไม่ลำบากกันขนาดนี้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องผ่านมานาน
อาชีพใหม่ของแม่ทำรายได้ให้ได้เป็นที่น่าพอใจ ช่วงนั้นเราพึ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ ๑ หากเราว่างเราจะไปช่วยแม่ขายของจนตลาดปิด จึงพากันนั่งรถตุ๊กๆ ขาประจำที่นัดมารับกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ช่วงนั้นเราไม่ต้องประหยัดอดออมมากเหมือนช่วงเรียนมัธยมต้นและปลาย เพราะรายได้ของแม่ดีขึ้น แต่...หลังจากนั้นอีกหลายปีถัดมา ก็มีคนเลียนแบบแม่ นำข้าวของจากทางอิสานมาขายในตลาดเดียวกัน ลูกค้าขาประจำที่เคยมาอุดหนุน ก็ค่อยๆ หดหายไป ประกอบกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น
วันหนึ่ง...แม่กับพ่อก็ปรึกษากัน และได้เลิกทำการค้าขายทางรถไฟอย่างถาวร อีกอย่าง ช่วงนั้น พี่ๆ ของเราก็รับราชการครู มีเงินเดือน พี่ชายทำงานรถไฟเหมือนพ่อ เหลือเพียงสี่คนที่ยังเรียนหนังสือ พี่ๆ ที่ทำงานจึงรับภาระส่งเสียน้อง ๒ คน ส่วนเราและพี่สาวคนที่ ๕ ทำงานหาเงินเองที่กรุงเทพฯ ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เพราะไม่อยากรบกวนพี่ๆ ที่เขามีภาระเพิ่มขึ้น
และในที่สุดเราก็เรียนจนจบปริญญาตรี และได้เรียนเพิ่มเติมภาษาอังกฤษที่สถาบันสอนภาษาในกรุงเทพฯ ของอเมริกา ที่เรียกชื่อว่า เอยูเอ และได้เข้าทำงานเป็นครั้งแรกที่ห้างขายของที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยสมัยนั้น มีลูกค้ามากมายที่เป็นชาวต่างชาติ เราได้รับความไว้วางใจให้ได้ทำงานห้องรับรองพิเศษ วีไอพี สำหรับต้อนรับลูกค้าต่างประเทศเสมอๆ พ่อกับแม่ภูมิใจมากที่เราสามารถนำวิชาความรู้ที่ท่านส่งเสริมให้เรียนเมื่อยังเด็ก จนสามารถทำงานช่วยเหลือตัวเองได้
อ่านต่อตอนต่อไป
Create Date : 25 เมษายน 2558 |
|
25 comments |
Last Update : 30 กันยายน 2563 12:27:52 น. |
Counter : 3425 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ก้อนเงิน 28 เมษายน 2558 22:23:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก้อนเงิน 29 เมษายน 2558 20:46:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตรี (kate_tee ) 30 เมษายน 2558 15:49:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก้อนเงิน 4 พฤษภาคม 2558 22:16:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Belgium
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [?]
|
แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ
ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
ตลาดบางซ่อน...เหรอครับ... ผมเข้าไปอยู่ กท.
ใหม่ ๆ ก็ไปเช่าบ้านอยู่แถวบางซ่อน บ้าน
อยู่ติดทางรถไฟ
น้ำประปาไม่ค่อยจะไหล ๆ อ่อน.. เที่ยงคืนต้อง
ลงนั่งยอง ๆ คอยขอดน้ำที่ไหลลง กาละมัง
ใส่กระแป๋ง ไปใส่ตุ่มอีกที..
โดยแบ่งเวลาให้ คุณเนรัญชลา(คุณสติ) นักแต่ง
เพลงที่อยู่บ้านติดกัน ผลัดกันตัก..
ตลาดบางซ่อนผมไปบ่อย นึกถึงโรงงานทอผ้า
กับโรงพักด้วยครับ.. ผมไปซื้อปลาช่อน กับปลา
หมอไปทำอาหารบ่อย.. ตอนนั้นใช้เวสป้าครับ
ห้างสรรพสินค้าที่แม่บุญกล่าวถึง อยู่ที่ เวิร์ลเทรด
เหรอครับ
เขียนอีกนะครับ ชอบอ่าน..
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Maeboon Diarist ดู Blog